“ผมอยากเที่ยวแบบเป็นส่วนตัว จะได้ไหม” คำว่าจะได้ไหม คล้ายกับเป็นการบังคับไปในตัว น้ำเสียงแข็งกระด้างขึ้น หากจะปฏิเสธคงมีปัญหาสินะ เธอคิด“งั้นก็ ฉันจะจัดหาเจ้าหน้าที่ดูแลคุณเป็นพิเศษค่ะ อยากไปที่ไหนก็บอกเขาได้เลย”“ทำไมคุณต้องโยนหน้าที่ของตัวเองไปให้คนอื่นล่ะสวีตตี้”“เรามีเจ้าหน้าที่ดูแลแต่ละฝ่ายค่ะ และกรุณาอย่าเรียกฉันแบบนี้ ฉันมีคู่หมั้นแล้ว”“คู่หมั้นหรือจะสู้สามีได้ ไม่เห็นแปลกถ้าผมจะเรียก เพราะผมเป็นสามีคนแรก”“คุณแอนตัน กรุณาให้เกียรติกันด้วย ฉันกับคุณไม่ได้รู้จักกัน”“หึๆ อย่าพูดแบบนี้นะที่รัก เพราะไม่อย่างนั้นคู่หมั้นและว่าที่สามีคนที่สองของคุณได้รู้แน่ ว่าผมเป็นใคร” ไอลดาต้องพยายามเหลือเกินที่จะไม่ตอบโต้ให้เสียเวลา“คุณต้องการอะไร” ไอลดาตัดสินใจถามตรงๆ แม้จะเริ่มมีอารมณ์โกรธแล้วก็ตาม“ต้องการให้ทุกวินาทีของผม มีคุณอยู่ใกล้ๆ ไง&rdquo
วันรุ่งขึ้น ไอลดารีบไปทำงานแต่เช้า ถึงโรงแรมแปดโมงครึ่ง พนักงานบางคนยังมาไม่ถึง โดยเฉพาะเลขานุการหน้าห้องของเธอ เธอจึงเข้าห้องโดยไม่สนใจใคร แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจ เพราะเก้าอี้ตรงโต๊ะทำงานของเธอมันขยับโยกไปมาก อีกทั้งอยู่ในลักษณะที่ผิดไปจากเดิมนั่นคือหันหลัง แต่แล้วอยู่ๆ เก้าอี้ก็หมุนกลับมา“อรุณสวัสดิ์ที่รัก” น้ำเสียงทักทายทุ้มต่ำไร้รอยยิ้มของชายหนุ่มผู้บุกรุก ทำให้ไอลดาถึงกับช็อกไปชั่วขณะดวงตา แต่ต้องรีบเก็บอาการ“เอ่อ คุณ! เข้ามาได้ยังไง ไม่มีใครเห็นคุณเหรอ” ไอลดาถามด้วยความหวาดหวั่นระคนด้วยความโกรธ“ทำไมผมจะเข้ามาไม่ได้ ผมเป็นสามีคุณนะ” บ้าแล้ว ถือสิทธิ์มาเรียกร้องคำว่าสามีอย่างนั้นหรือ“คุณไม่ใช่ อย่ามาเพ้อเจ้อ” เธอว่าน้ำเสียงดุเข้มก่อนจะวางกระเป๋าถือเอาไว้บนโต๊ะ แล้วไปนั่งที่โซฟารับแขกแทน ขณะเดียวกันเขาก็แสร้งทำเป็นมองบนโต๊ะทำงาน เห็นภาพบาดตานั่นคือภาพคู่ของกันตพงษ์กับไอลดา เห็นอย่างนั้นแล้วเขาจึงถือวิสาสะจับภาพนั้นคว่ำหน้าลงเสียเลย จาก
“อย่าเรียกฉันแบบนี้ ฉันไม่ชอบ ฉันอยากให้คุณไปตามตารางที่เราจัดเอาไว้ให้จะได้มีไกด์”“นี่คุณไม่ตามใจแขกวีไอพีเลยนะ ยัดเยียดให้ไปในที่ที่ผมไม่อยากไป”“เรียกว่าอย่างนั้นก็ได้ ถ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป ไม่ได้บังคับนะคะ”“ดูเหมือนคุณอยากจะอยู่ห่างๆ ผมเหลือเกิน” เมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้เธอก็ได้แต่ถอนหายใจ แล้วเบือนหน้าหนีเล็กน้อย ก่อนจะพูดเรื่องอื่น“คุณจะเอาผู้ติดตามของคุณไปด้วยหรือเปล่า” ไอลดาไม่อยากตอบคำถามของเขา จึงพูดเรื่องอื่นเสียอย่างนั้น“แน่นอน ผมจะเอาผู้ติดตามไปทุกคนนั่นแหละ แต่คุณต้องไปดูแลผมด้วยตัวเอง ห้ามให้คนอื่นไป” ยังดีที่เขาไม่ขอให้ไปตามลำพัง“แต่ฉันก็ต้องมีผู้ช่วยไปด้วย เผื่อขาดเหลืออะไร” เพื่อเป็นไม้กันหมามากกว่าเป็นผู้ช่วยกระมัง เขาคิด“เอาไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะผมไม่อยากเห็นหน้าผู้ช่วยคุณ ผมแค่อยากเห็นหน้าคุณคนเดียว” เขาพูดออกมาตรงๆ ชัดเจนจนทำให้เธอถึงกับอึ้งและกลืนน้ำลายไม่ลงคอเลยทีเดียว“แต่ฉันไม่ได้อยาก
“จะไม่ออกไปใช่ไหม ได้... งั้นฉันออกไปเอง” ว่าแล้วเธอจึงรีบเดินไปหมายจะเปิดประตู ทว่าเขาวิ่งมาขวางพร้อมกับล็อกเอาไว้ทันที“นี่! หลีกไป” ไอลดาไม่ได้พูดเสียงดังนัก เพราะยืนอยู่ตรงประตูแล้วกลัวพนักงานด้านนอกจะได้ยิน“ผมก็แค่อยากจะทบทวนว่าคืนนั้นของเรา มันส่งผลให้เราเป็นอะไรกัน มันไม่ใช่อุบัติเหตุ”“เราไม่ได้เป็นอะไรกัน และคืนนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ เราเมาด้วยกันทั้งคู่” เธอรู้ตัวดีว่าไม่ได้เมา รู้ตลอดเวลา“เราออกเดตกันแล้ว และคนเมาที่ไหนเขาจะมีแรงขนาดนั้น หลายยกเลยนะที่รัก”“หุบปากได้แล้วนิคกี้ คุณต้องการอะไรฉันจากฉันกันแน่เนี่ย”“ถ้าอยากให้ผมหุบปาก คืนนี้ขึ้นไปหาผมบนห้องสิ รับรองเรื่องของเรา คู่หมั้นคุณจะไม่มีทางรู้” เธอไม่มีวันเชื่อเขาหรอก และการที่เขายุ่มย่ามกับเธอก็ไม่ต่างอะไรกับประกาศให้คนอื่นได้รู้นั่นแหละ“อย่ามาขู่ฉันให้ยาก” เธอพยายามข่มความกลัวและมองว่าเ
“คิดถึงผมไหมไอซ์” นิโคไลกระซิบเสียงนุ่มพร้อมกับเอื้อมมืออีกข้างปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกแต่ไม่หมด จากนั้นจึงขยับมือไปลูบไล้ตรงทรวงอกของเธอผ่านชุดแสก และบีบขยำเบาๆ พลางใช้ปากงับเอาไว้ ปลายจมูกซุกไซ้สูดดมราวกับหิวกระหาย“ฉันไม่... อืม” ไอลดากำลังจะบอกว่าไม่คิดถึงเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ทว่าความเสียวซ่านที่เริ่มก่อตัวขึ้นตรงกลางกายทำให้เธอชะงักคำพูด และหายใจเข้าออกติดขัดคล้ายจะสำลัก มือทั้งสองจากที่ผลักใสเขาอยู่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นโอบกอดรัดต้นคอเขาเอาไว้โดยไม่รู้ตัว“คุณทำให้ผมคลั่งอยู่หลายเดือนนะที่รัก” นิโคไลบอกด้วยน้ำเสียงหอบพร่า พร้อมกับความต้องการของร่างกายที่พุ่งพล่านเกินจะเก็บกดอารมณ์“อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ ได้โปรด” เธอไม่อยากให้มันเกิดขึ้นทว่าจะสู้แรงต้านทานของร่างกายได้หรือ“ผมจะลงโทษคุณ ที่หนีผมมา” เขากระซิบบอกอีกครั้งพร้อมกับใช้มือบีบเค้นทรวงอกหนักขึ้น ส่วนมืออีกข้างกำลังกรีดกรายและบดเบียดเม็ดเสียวขึ้นลงกระทั่งมีน้ำหวานอุ่นๆ ซึมไหลออกมา เขากระตุกยิ้มด้วยค
“ซี๊ด นิคกี้พอได้ไหม” เธอครางและกระซิบคำขอร้องอ้อนวอนแต่ร่างกายกำลังตื่นตัวอย่างเต็มที่ และยังไม่สงบเสียด้วยซ้ำเมื่อถูกเล้าโลมอีกรอบ มันทำให้เธอแทบขาดใจ“ยังไม่พอ จนกว่าผมจะพอใจ” เขากระซิบบอกเสียงหอบพร่า จากนั้นจึงจับขาของเธอยกขึ้น แล้วใช้มือจับท่อนกายอัดแทรกเข้าสู่ทางสวาท“อื้อ ไม่... ไม่เอา” เธอพยายามดันเขาออกแต่ไร้ผล กระทั่งท่อนเนื้อแกร่งนั้นจมหายเข้าไปในเรือนกายกว่าครึ่ง“อื้อ! เจ็บ หยุดนะนิค เจ็บค่ะ” น้ำเสียงของเธอหอบพร่าและเจ็บจี๊ดๆ แต่ไม่ถึงกับมากมายเหมือนครั้งแรกของชีวิต แต่นั่นล่ะทำให้ นิโคไลนึกแปลกใจที่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ราวกับว่าเธอไม่เคยผ่านมือใครมาอีกเลยตั้งแต่คืนนั้น“ให้ตายสิที่รัก อ่า... นี่คุณไม่... ไม่เคย ซี๊ด โอ้ว มันแน่นมาก เป็นของผมเถอะนะไอซ์” ทั้งเสียงครางและเสียงพูดดังสลับกันอย่างแผ่วเบา เพราะเกรงคนภายนอกจะได้ยินเช่นกัน“พอได้แล้ว ไม่ไหวแล้วค่ะ” เธอเอ่ยปากขอร้อง แต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อเขากดท่อนเนื้อห
มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ในวอร์ชังตันดีซี นักศึกษาบางส่วนจบการศึกษาและเตรียมตัวรับปริญญาในอีกไม่กี่วัน ฉะนั้นการเฉลิมฉลองจึงได้เริ่มต้นขึ้น แน่นอนว่าบรรดาหนุ่มสาวต่างนัดแนะที่จะไปปาร์ตี้เรียนจบกันที่ผับประจำซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มก้อน แต่สุดท้ายยังคงไปสังสรรค์ในที่เดียวกันทุกที “ไอซ์! เฮ้! ไอซ์! เย็นนี้วางหรือเปล่า” หญิงสาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบ และเอ่ยถามเพื่อนสาวคนสนิทที่กำลังเดินอยู่“อ้าวเทรซีย์ ว่าง มีอะไรจ๊ะ ถามทำไม” ไอลดานักศึกษาไทยแสนสวย ถามกลับและเดินให้ช้าลงเพื่อจะได้คุยกัน“เพื่อนๆ เรา ชวนไปปาร์ตี้กันน่ะ ไปนะห้ามปฏิเสธ” เทรซีย์บอกกึ่งบังคับ“แบบนี้ไม่น่าจะเรียกว่าชวน แต่เรียกว่าบังคับ แล้วจะถามฉันทำไม” ไอลดาออกปากบ่นแต่ไม่ได้จริงจังนัก “งั้นไปนะ เพื่อนๆ เราไปกันหมดเลย เครียดกันมาตลอดทั้งปีต้องหาเวลาผ่านคลายบ้าง” เทรซีย์บอกอีกครั้งแต่ไอลดากลับทำท่าครุ่นคิดเหมือนกำลังชั่งใจอยู่“อะไร ต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นเชียวเหรอ ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะไอซ์” “ก็... กำลังคิดว่าจะใส่ชุดอะไรไปดีไง แล้วเพื่อนเราน่ะกลุ่มไหนบ้าง” ไอลดาถาม แต่เทรซีย์เงียบไป เพราะบอกไม่ถูกเนื่องจากมีหลายกล
จวนจนกระทั่งถึงเวลาแห่งแสงสี ที่ผับแห่งหนึ่ง เริ่มมีนักท่องราตรีทยอยเข้าร้านแล้ว เนื่องจากว่าผับเปิดไม่ดึกนัก ใครมีเวลามาดื่มกินตอนไหนก็สามารถมาได้ แน่นอนว่าเป็นเวลาของเหล่าวัยรุ่นหรือกลุ่มนักศึกษามาดื่มกินกันก่อน พอดึกหน่อยจะเป็นวัยทำงาน เพราะคนพวกนี้กว่าจะออกจากบ้านได้เสียเวลากว่าวัยรุ่นเสียด้วยซ้ำ ในร้านเริ่มเปิดเพลงฮิบฮอบให้ได้ขยับโยกบ้างแล้ว นักศึกษาที่มาปาร์ตี้กินดื่มก็ต่างมารวมตัวกันแล้วแต่อยู่กันเป็นกลุ่มก้อน กลุ่มใครกลุ่มมัน สาวๆ แต่ละคนก็แต่งตัวจัดเต็มชนิดที่เรียกได้ว่าแซ่บกันทุกคน เพื่อหวังลึกๆ ว่าคืนนี้จะได้ควงหนุ่มหล่อสักคนไปต่อให้จบ ส่วนหนุ่มๆ ก็คิดไม่ต่างกัน“วันนี้คนเยอะผิดปกตินะ” นิโคไล ลูกค้าหนุ่มหล่อล่ำคนหนึ่งเอ่ยกับเพื่อนที่มาด้วยกันอีกสองคน ระหว่างนี้เขากำลังเดินเข้ามาในร้าน ค่อยๆ แทรกตัวเข้ามาเรื่อยๆ กระทั่งพบกับที่นั่งที่ต้องการ นั่นคือหน้าเคาน์เตอร์ “น่าจะรู้ว่าที่นี่นักศึกษาชอบมาเพราะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย” เพื่อนอีกคนตอบ“อ่อใช่ฉันลืมไป แต่วันนี้เยอะมากสงสัยจะมาปาร์ตี้” นิโคไล ตอบและยังคงมองไปรอบๆ ตัวเช่นเคย“คงใช่ สาวๆ เพียบเรามาได้ถูกจังหวะเวลาเสียจริง” “เฮ
“ซี๊ด นิคกี้พอได้ไหม” เธอครางและกระซิบคำขอร้องอ้อนวอนแต่ร่างกายกำลังตื่นตัวอย่างเต็มที่ และยังไม่สงบเสียด้วยซ้ำเมื่อถูกเล้าโลมอีกรอบ มันทำให้เธอแทบขาดใจ“ยังไม่พอ จนกว่าผมจะพอใจ” เขากระซิบบอกเสียงหอบพร่า จากนั้นจึงจับขาของเธอยกขึ้น แล้วใช้มือจับท่อนกายอัดแทรกเข้าสู่ทางสวาท“อื้อ ไม่... ไม่เอา” เธอพยายามดันเขาออกแต่ไร้ผล กระทั่งท่อนเนื้อแกร่งนั้นจมหายเข้าไปในเรือนกายกว่าครึ่ง“อื้อ! เจ็บ หยุดนะนิค เจ็บค่ะ” น้ำเสียงของเธอหอบพร่าและเจ็บจี๊ดๆ แต่ไม่ถึงกับมากมายเหมือนครั้งแรกของชีวิต แต่นั่นล่ะทำให้ นิโคไลนึกแปลกใจที่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ราวกับว่าเธอไม่เคยผ่านมือใครมาอีกเลยตั้งแต่คืนนั้น“ให้ตายสิที่รัก อ่า... นี่คุณไม่... ไม่เคย ซี๊ด โอ้ว มันแน่นมาก เป็นของผมเถอะนะไอซ์” ทั้งเสียงครางและเสียงพูดดังสลับกันอย่างแผ่วเบา เพราะเกรงคนภายนอกจะได้ยินเช่นกัน“พอได้แล้ว ไม่ไหวแล้วค่ะ” เธอเอ่ยปากขอร้อง แต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อเขากดท่อนเนื้อห
“คิดถึงผมไหมไอซ์” นิโคไลกระซิบเสียงนุ่มพร้อมกับเอื้อมมืออีกข้างปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกแต่ไม่หมด จากนั้นจึงขยับมือไปลูบไล้ตรงทรวงอกของเธอผ่านชุดแสก และบีบขยำเบาๆ พลางใช้ปากงับเอาไว้ ปลายจมูกซุกไซ้สูดดมราวกับหิวกระหาย“ฉันไม่... อืม” ไอลดากำลังจะบอกว่าไม่คิดถึงเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ทว่าความเสียวซ่านที่เริ่มก่อตัวขึ้นตรงกลางกายทำให้เธอชะงักคำพูด และหายใจเข้าออกติดขัดคล้ายจะสำลัก มือทั้งสองจากที่ผลักใสเขาอยู่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นโอบกอดรัดต้นคอเขาเอาไว้โดยไม่รู้ตัว“คุณทำให้ผมคลั่งอยู่หลายเดือนนะที่รัก” นิโคไลบอกด้วยน้ำเสียงหอบพร่า พร้อมกับความต้องการของร่างกายที่พุ่งพล่านเกินจะเก็บกดอารมณ์“อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ ได้โปรด” เธอไม่อยากให้มันเกิดขึ้นทว่าจะสู้แรงต้านทานของร่างกายได้หรือ“ผมจะลงโทษคุณ ที่หนีผมมา” เขากระซิบบอกอีกครั้งพร้อมกับใช้มือบีบเค้นทรวงอกหนักขึ้น ส่วนมืออีกข้างกำลังกรีดกรายและบดเบียดเม็ดเสียวขึ้นลงกระทั่งมีน้ำหวานอุ่นๆ ซึมไหลออกมา เขากระตุกยิ้มด้วยค
“จะไม่ออกไปใช่ไหม ได้... งั้นฉันออกไปเอง” ว่าแล้วเธอจึงรีบเดินไปหมายจะเปิดประตู ทว่าเขาวิ่งมาขวางพร้อมกับล็อกเอาไว้ทันที“นี่! หลีกไป” ไอลดาไม่ได้พูดเสียงดังนัก เพราะยืนอยู่ตรงประตูแล้วกลัวพนักงานด้านนอกจะได้ยิน“ผมก็แค่อยากจะทบทวนว่าคืนนั้นของเรา มันส่งผลให้เราเป็นอะไรกัน มันไม่ใช่อุบัติเหตุ”“เราไม่ได้เป็นอะไรกัน และคืนนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ เราเมาด้วยกันทั้งคู่” เธอรู้ตัวดีว่าไม่ได้เมา รู้ตลอดเวลา“เราออกเดตกันแล้ว และคนเมาที่ไหนเขาจะมีแรงขนาดนั้น หลายยกเลยนะที่รัก”“หุบปากได้แล้วนิคกี้ คุณต้องการอะไรฉันจากฉันกันแน่เนี่ย”“ถ้าอยากให้ผมหุบปาก คืนนี้ขึ้นไปหาผมบนห้องสิ รับรองเรื่องของเรา คู่หมั้นคุณจะไม่มีทางรู้” เธอไม่มีวันเชื่อเขาหรอก และการที่เขายุ่มย่ามกับเธอก็ไม่ต่างอะไรกับประกาศให้คนอื่นได้รู้นั่นแหละ“อย่ามาขู่ฉันให้ยาก” เธอพยายามข่มความกลัวและมองว่าเ
“อย่าเรียกฉันแบบนี้ ฉันไม่ชอบ ฉันอยากให้คุณไปตามตารางที่เราจัดเอาไว้ให้จะได้มีไกด์”“นี่คุณไม่ตามใจแขกวีไอพีเลยนะ ยัดเยียดให้ไปในที่ที่ผมไม่อยากไป”“เรียกว่าอย่างนั้นก็ได้ ถ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป ไม่ได้บังคับนะคะ”“ดูเหมือนคุณอยากจะอยู่ห่างๆ ผมเหลือเกิน” เมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้เธอก็ได้แต่ถอนหายใจ แล้วเบือนหน้าหนีเล็กน้อย ก่อนจะพูดเรื่องอื่น“คุณจะเอาผู้ติดตามของคุณไปด้วยหรือเปล่า” ไอลดาไม่อยากตอบคำถามของเขา จึงพูดเรื่องอื่นเสียอย่างนั้น“แน่นอน ผมจะเอาผู้ติดตามไปทุกคนนั่นแหละ แต่คุณต้องไปดูแลผมด้วยตัวเอง ห้ามให้คนอื่นไป” ยังดีที่เขาไม่ขอให้ไปตามลำพัง“แต่ฉันก็ต้องมีผู้ช่วยไปด้วย เผื่อขาดเหลืออะไร” เพื่อเป็นไม้กันหมามากกว่าเป็นผู้ช่วยกระมัง เขาคิด“เอาไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะผมไม่อยากเห็นหน้าผู้ช่วยคุณ ผมแค่อยากเห็นหน้าคุณคนเดียว” เขาพูดออกมาตรงๆ ชัดเจนจนทำให้เธอถึงกับอึ้งและกลืนน้ำลายไม่ลงคอเลยทีเดียว“แต่ฉันไม่ได้อยาก
วันรุ่งขึ้น ไอลดารีบไปทำงานแต่เช้า ถึงโรงแรมแปดโมงครึ่ง พนักงานบางคนยังมาไม่ถึง โดยเฉพาะเลขานุการหน้าห้องของเธอ เธอจึงเข้าห้องโดยไม่สนใจใคร แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจ เพราะเก้าอี้ตรงโต๊ะทำงานของเธอมันขยับโยกไปมาก อีกทั้งอยู่ในลักษณะที่ผิดไปจากเดิมนั่นคือหันหลัง แต่แล้วอยู่ๆ เก้าอี้ก็หมุนกลับมา“อรุณสวัสดิ์ที่รัก” น้ำเสียงทักทายทุ้มต่ำไร้รอยยิ้มของชายหนุ่มผู้บุกรุก ทำให้ไอลดาถึงกับช็อกไปชั่วขณะดวงตา แต่ต้องรีบเก็บอาการ“เอ่อ คุณ! เข้ามาได้ยังไง ไม่มีใครเห็นคุณเหรอ” ไอลดาถามด้วยความหวาดหวั่นระคนด้วยความโกรธ“ทำไมผมจะเข้ามาไม่ได้ ผมเป็นสามีคุณนะ” บ้าแล้ว ถือสิทธิ์มาเรียกร้องคำว่าสามีอย่างนั้นหรือ“คุณไม่ใช่ อย่ามาเพ้อเจ้อ” เธอว่าน้ำเสียงดุเข้มก่อนจะวางกระเป๋าถือเอาไว้บนโต๊ะ แล้วไปนั่งที่โซฟารับแขกแทน ขณะเดียวกันเขาก็แสร้งทำเป็นมองบนโต๊ะทำงาน เห็นภาพบาดตานั่นคือภาพคู่ของกันตพงษ์กับไอลดา เห็นอย่างนั้นแล้วเขาจึงถือวิสาสะจับภาพนั้นคว่ำหน้าลงเสียเลย จาก
“ผมอยากเที่ยวแบบเป็นส่วนตัว จะได้ไหม” คำว่าจะได้ไหม คล้ายกับเป็นการบังคับไปในตัว น้ำเสียงแข็งกระด้างขึ้น หากจะปฏิเสธคงมีปัญหาสินะ เธอคิด“งั้นก็ ฉันจะจัดหาเจ้าหน้าที่ดูแลคุณเป็นพิเศษค่ะ อยากไปที่ไหนก็บอกเขาได้เลย”“ทำไมคุณต้องโยนหน้าที่ของตัวเองไปให้คนอื่นล่ะสวีตตี้”“เรามีเจ้าหน้าที่ดูแลแต่ละฝ่ายค่ะ และกรุณาอย่าเรียกฉันแบบนี้ ฉันมีคู่หมั้นแล้ว”“คู่หมั้นหรือจะสู้สามีได้ ไม่เห็นแปลกถ้าผมจะเรียก เพราะผมเป็นสามีคนแรก”“คุณแอนตัน กรุณาให้เกียรติกันด้วย ฉันกับคุณไม่ได้รู้จักกัน”“หึๆ อย่าพูดแบบนี้นะที่รัก เพราะไม่อย่างนั้นคู่หมั้นและว่าที่สามีคนที่สองของคุณได้รู้แน่ ว่าผมเป็นใคร” ไอลดาต้องพยายามเหลือเกินที่จะไม่ตอบโต้ให้เสียเวลา“คุณต้องการอะไร” ไอลดาตัดสินใจถามตรงๆ แม้จะเริ่มมีอารมณ์โกรธแล้วก็ตาม“ต้องการให้ทุกวินาทีของผม มีคุณอยู่ใกล้ๆ ไง&rdquo
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ระหว่างที่นิโคไลกำลังขบคิดเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เขาจึงเดินไปเปิดให้“อยากได้อะไรเพิ่มเติมไหมครับ” เจอร์รี่ถามทันทีที่เห็นหน้า ก่อนจะเดินเข้ามาในห้องและปิดประตูให้เรียบร้อย“หมายถึงอะไร ไม่อยากได้อะไรหรอก” นิโคไลตอบเสียงเครียด ทำให้เจอร์รี่อดเป็นห่วงไม่ได้“เป็นอะไรไปครับเจ้านาย” เจอร์รี่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ขณะที่นิโคไลเดินกลับไปที่ระเบียงห้องอีกครั้ง“เหนื่อย เจทแล็ค” นิโคไลตอบสั้นๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำ“อ้าว! ไม่เห็นบอกว่าเจทแล็คนี่ครับ งั้นพักผ่อนเถอะครับ ส่วนเรื่องงานผมดูแลต่อก็ได้ครับ”“จัดการด้วยก็แล้วกัน ยังไงซะเราก็ได้คุณกันตพงษ์เป็นลูกค้าแล้วล่ะ” นิโคไลค่อนข้างมั่นใจในการทำงาน ที่สำคัญคือมีเวลาคุยกันเป็นเดือนๆ“เอ่อ ผมมีอีกเรื่องอยากจะถาม”“เจ้านายจะอยู่ที่นี่เป็นเดือนๆ เลยจริงเหรอครับ ผมยังไม่ได้บอกทางโน้นเอาไว้เลย คิดว่
“เปล่าครับ ผมแค่รู้สึกว่าเคยเจอคนหน้าคล้ายคุณไอลดามาก่อน แต่ก็แค่หน้าคล้ายน่ะครับ คงไม่ใช่คนเดียวกัน”“ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละครับ หรือถ้าจะเคยเจอก็อาจจะเป็นที่อเมริกา ไอซ์เคยเรียนอยู่ที่นั่น”“ที่วอร์ชิงตัน” นิโคไลเสริมขึ้นพร้อมกับปรับสีหน้าให้เรียบตึง และสติเขากลับเข้าที่เรียบร้อย“เอ่อ ใช่... คุณทราบได้ยังไงครับ” กันตพงษ์ถามด้วยความสงสัย“ผมเดาน่ะ เพราะผมอยู่วอร์ชิงตัน เคยเจอคนหน้าคล้ายคุณไอลดาและเธอก็อยู่ที่นั่นมาก่อนเหมือนกัน ผมคิดว่าคนเอเชียหน้าคล้ายๆ กัน” นิโคไลบอกเสียงเรียบพลางมองหน้าไอลดาอย่างมีเลศนัย“ฉันว่า คุณคุ้นหน้าฉันตอนอยู่ในลิฟต์มากกว่ามั้งคะ” ไอลดาแทรกขึ้นเสียงเรียบ“ก็อาจเป็นได้ครับ ตอนอยู่ในลิฟต์ เอ่อขอโทษทีที่ไม่ได้ทักทายครับ ไม่คิดว่าจะเป็นคุณสองคนที่ผมต้องมาทำธุรกิจด้วย ผมนึกว่าเป็นแขกของโรงแรมด้วยซ้ำ” นิโคไลแสร้งเออออกับเธอ ทั้งที่ไม่ใช่อย่างนั้น&
ช่วงเวลาเดียวกันนี้ ภายในห้องพักระดับวีไอพีสนนราคาอยู่ที่คืนละหนึ่งแสนบาทบนชั้นสูงสุดที่ชั้น 22 ถูกเปิดออกเพื่อต้อนรับบอสรูปหล่อของเจอร์รี่ ซึ่งเจอร์รี่ได้ขึ้นมาต้อนรับที่บนห้อง พร้อมกับให้กุญแจห้องเอาไว้กับเจ้านายเรียบร้อย กระเป๋าถูกนำมาเก็บในตู้เสื้อผ้า แต่เจ้าของห้องกลับเดินไปยังระเบียง ซึ่งมีกระจกใสบานสไลด์ขนาดใหญ่ เขาเปิดผ้าม่านออก แล้วแสร้งมองวิวเมืองกรุงเทพ ฯ อย่างไร้จุดหมาย“เจ้านายครับ ผมนัดคุณกันตพงษ์และเจ้าของโรงแรมมาดินเนอร์กับเราคืนนี้นะครับ” เจอร์รี่เอ่ยพลางสังเกตอาการของเจ้านายหนุ่มจากทางด้านหลัง“คุณกันตพงษ์กับเจ้าของโรงแรมอย่างนั้นเหรอ” นิโคไลถามกลับ ทว่าไม่ได้หันหน้ามาแต่อย่างใด“ครับผม อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ” เจอร์รี่ตอบและถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ แล้วเจ้าของโรงแรมเป็นใคร” นิโคไลถามด้วยความอยากรู้“จริงสิเจ้านายยังไม่ทราบ เดี๋ยวคงจะได้เจอเธอในตอนเย็นนี้ล่ะครับ เธอชื่อ... คุณไอลดาเป็น...”ก