เข้าสู่ระบบเวลาเที่ยงคืน พิณตะวันอาบน้ำอีกครั้งแล้วก็เข้านอน อีกคนยังไม่มาถึง คงจะไปเที่ยวต่อกระมัง หญิงสาวนอนพลิกตัวไปมา จนกระทั่งประมาณตีหนึ่งจึงได้ยินเสียงประตูเปิดและปิด พิณตะวันจึงแกล้งนอนหลับ ปล่อยให้เขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก้าวขึ้นมานอนบนเตียง ได้กลิ่นเหล้าฝรั่งจากร่างสูง... นายหัวคงไปเที่ยวผับมาแน่ ก็คงจะสนุกล่ะที่ได้รู้จักกับสาวสวย คุณมิรันตีอะไรนั่นก็สวยงามและสูงส่งคู่ควรกับเขาดีเหลือเกิน... พิณตะวันนอนหลับตาคิดไปเรื่อยเปื่อย ร่างสูงขยับนอนตะแคงแล้วยกแขนมาพาดตรงเอว ไออุ่นจากอกกว้างทำให้รู้สึกปลอดภัยและมีความสุขเสมอ จำความรู้สึกนี้ได้ดี มันถูกเก็บเอาไว้ในส่วนลึกสุดของความทรงจำ... ลมหายใจร้อนเป่าปะทะที่ลำคอ ดูเหมือนใบหน้าของเขาจะซุกมาที่ซอกไหล่ พิณตะวันปล่อยให้เขากอดและนอนในท่านั้น เพราะเคยนอนด้วยกันมาแล้วแบบนี้ แต่ความรู้สึกในใจนั้นมันแปลกไปจากแต่ก่อนนิดหนึ่ง ตรงที่หัวใจมันเกิดเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่อาจทราบสาเหตุและไม่อาจควบคุมได้ อ้อมแขนแข็งแรงที่คุ้นเคยโอบกอดกระชับและขยับร่างมานอนชิดมากขึ้น...
ดูเพิ่มเติม***
-อย่าลืมแกล้งไอสรีย์กับมิรันตีด้วยเจ้าแม่ศรีมหาพร้าวด้วยนะ แบบเอาตลกๆ ให้พูดตาม แบบจัดฉากให้โดนผีหลอกตอนกลางคืน
-มิรันตีใส่ยาตามคำยุของไอสรีย์ ก็โดนเอง ก็ไปดักนายหัว โก้ก็มัวมาและนายเรียนมาเรือนใหญ่ก็เลยมา ก็โดนมิรันตีดึงเข้าห้องแล้วก็ปล้ำ ก็ได้เสียกันไป 555 แล้วโก้ไม่ต้องการมิรันตีนะ ก็พูดจาไม่ดีด้วย ก็ดูถูกว่าเป็นพวกไร้ประโยชน์ ถามว่าทำอะไรเป็นมั่ง มิรันตีแรกๆ ก็โกรธและเกลียดโก้นะ แต่ต่อมาก็เพราะมันเป็นพรหมลิขิต นางก็รักโก้ แต่จะถูกโก้ปฏิเสธแบบไม่รักษาน้ำใจ นางก็จะถูกดูถูก จะอยู่เกาะเพื่อตื๊อโก้ เราต้องการให้คนลองมองลึกๆ ว่าทำไมคนถึงเลว และลองให้โอกาสกลับตัวกลับใจ ถ้าคนที่ยังมีจิตสำนึกอยู่ หรือหมดกรรมบังตา เขาก็อาจจะตาสว่างก็ได้ ตอนหลังมิรันตีก็ท้อง โก้ก็ยอมให้อยู่ด้วย แต่แสดงออกตลอดเวลาว่ารังเกียจไม่ยอมรับ มิรันตีต้องเปลี่ยนตัวเองและพิสูจน์ตัวเองจนสามารถเอาชนะใจโก้ได้ ส่วนโก้ก็คิดว่าตนไม่ไปอยู่กรุงเทพฯ ไม่เอาอยู่แล้ว ก็คิดว่าไม่เหมาะสมจึงแกล้งเกลียด
-นายกับตะวันก็รู้ทันมิรันตีกับไอสรีย์นะ นายมีการแกล้งมิรันตีด้วย เป็นต้นว่า มิรันตีแกล้งล้มขาเจ็บเพราะต้องการให้นายประคอง นายก็เลยแกล้งขาเจ็บบ้างแล้วก็บอกว่าช่วยประคองมิรันตีไม่ได้ ให้นายโก้ประคองก็แล้วกัน แล้วก็เรียนตะวันให้ไปประคองตัวเอง ตะวันก็กระซิบนายว่า... รู้นะว่าแกล้ง นายไปแกล้งคุณมิรันตีเขาทำไม.. ก็อยากมาทำให้ฉันต้องอยู่ห่างเมียทำไมล่ะ... เขาตอบ ทำให้พิณตะวันต้องเขินหน้าแดง แอบหยิกแขนคนเจ้าเล่ห์ทีหนึ่ง ไม่รู้เหรอว่าผู้หญิงเขาชอบ เขากำลังทอดสะพานให้...พิณตะวันกระซิบถามคนเสน่ห์แรงนึกหมั่นไส้นิดๆ และหึงหน่อยๆ แต่ก็ทำใจว่า ก็ผู้ชายดีแสนเพอร์เฟ็กต์มีเพียบพร้อมเหมือนกับนายหัวมันไม่ได้หากันได้ง่ายๆ มันหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร... ฉันจะไปห้ามใจคนอื่นไม่ได้หรอกว่าใครจะชอบหรือจะชัง แต่ทำได้แค่ควบคุมใจตัวเราเอง ฉันมีเมียแล้วและรักเมียคนเดียว...จนกว่าจะตายจากกันอย่างที่เราตกลงกันไว้ยังไงล่ะ น้ำเสียงห้าวและมั่นคงเอ่ยออกมาอย่างชัดเจน พิณตะวันได้ฟังแล้วก็ก้มหน้ายิ้มให้กับความโชคดีของตัวเอง ที่ต้องก้มหน้าซ่อนยิ้มก็เพราะว่ามิรันตีกำลังส่งสายตาไม่พอใจมาให้และไอสรีย์ก็มองด้วยตาเขียวปัดยิ่งกว่าไฟเขียวจราจร
-มีฉากกุ๊กกิ๊ก แบบนายพูดอะไรบางอย่างแล้วก็ตะวันก็วิ่งไล่ตี นายก็วิ่งหนีใหญ่
-ไอสรีย์ออกไอเดียให้มิรันตีใช้ยาปลุกกับนาย แต่บังเอิญนายระวังตัวอยู่แล้ว หรือว่าไม่รู้ดีนะ แบบเป็นเรื่องของดวงไง มิรันตีก็เผลอกินแก้วที่ใส่ยา นายก็หนีไปอยู่กระท่อมที่ถ้ำนกกับตะวัน พอดีโก้มาที่บ้านมิรันตีแบบยาออกฤทธิ์ก็เลยปล้ำโก้ แล้วโก้ก็จะหนีมิรันตี แบบไม่เอาโว้ย อะไรงี้ ทีนี้มิรันตีก็ชักติดใจโก้ ก็จะตามตื้อโก้นะ 555
-มิรันตีกับไอสรีย์ก็หาทางแกล้งตะวัน และมิรันตีก็พยายามออเซาะนายหัวและแกล้งเจ็บให้นายหัวอุ้ม
-ทางกรุงเทพฯ ละจะเอาตอนนี้ไหม ประกิจจะต้องได้รับทราบ หรือว่ายัง เพราะเพิ่งเป็นวันจันทร์อังคารอยู่
-นายอาจจะได้รับอุบัติเหตุและความจำเสื่อมชั่วคราว มิรันตีก็ถือโอกาสเข้าไปดูแลและกันไม่ให้ตะวันเข้าใกล้นาย
-วันเกิดมิรันตี มิรันตีใส่ยาให้นายดีไหม แบบวางแผน แล้วก็ถ่ายรูปเอาไว้
-ไปดินเนอร์
-วิลดูเอกสารซองสีน้ำตาล
-คลายปมไอสรีย์ ไอสรีย์รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ของพ่อ ก็กรี๊ดบ้าคลั่ง รู้จากประกิจดีไหม แบบไอสรีย์พูดจาหงุดหงิดไม่ดีใส่ ประกิจก็ทนไม่ได้ ขึ้นเสียงกัน ประกิจก็เผลอพูดออกมาว่าไอสรีย์ไม่ใช่ลูกของคุณท่านแต่เป็นลูกของเขากับแม่ของไอสรีย์
-ไอสรีย์บ้าอยู่นาน นุทินเป็นคนปลอบใจ นุทินยุให้ฮุบสมบัติ ไอสรีย์หัวอ่อนก็เชื่อ
-เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับนายหัว ทำให้จำไม่ได้ ทำให้มิงค์สวมรอย โดยมีไอสรีย์ช่วยเหลือ
***
-อย่าลืมเรื่องเลือด ว่าตอนหลังหมอก็พูดว่าเป็นเลือดแบบเดียวกันกับคุณนริณี
-พิณตะวันมาเยี่ยมคุณนริณีที่บ้านตอนบ่าย วันเสาร์ เธอยังนอนบนเตียงอยู่ เธอนึกถึงความหลังนะ ซันเป็นลูกครึ่งเป็นคนรัก แต่วสันต์เป็นเพื่อนสนิทที่แอบรักคุณนริณี
-ยังไม่คลายปมทั้งหมดทางตะวัน เพราะตะวันยังคงคิดว่าตัวเองต่ำต้อยอยู่ ต้องเกิดเหตุการนายขึ้นก่อน เกิดเพราะไอสรีย์ได้รู้ความจริงว่าตัวเองไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของพ่อ แต่เป็นลูกของประกิจ ทำให้บ้าคลั่ง และก็ถูกนุทินยุยงให้จัดการกับน้องชายเพื่อฮุบสมบัติ หรือไม่ก็ เป็นอุบัติเหตุ ทำให้ไอลวิลความจำเสื่อม จำตะวันไม่ได้ ทำให้มิรันตีสวมรอย โดยมีไอสรีย์ช่วยจัดฉากทุกอย่าง โดยที่ให้มาอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ เพราะถ้าอยู่ที่เกาะก็ต้องยุ่งยากนะ หรือว่ายังไง ชาวเกาะไม่ทราบเรื่องตะวันกับนายอยู่ดี หรือว่าจะไปอยู่เกาะแล้วก็ประกาศว่ามิรันตีเป็นคู่หมั้น
***
-คลายปมของเรื่องโกงยักยอกเงิน ไอลวิลรู้จากนักสืบว่าประกิจเป็นพ่อของไอสรีย์ มีฉากไอสรีย์ติดการพนัน ไปบ่อนที่ชายแดน มีการเปย์เด็กหนุ่มด้วย แบบเด็กหลอกปอกลอกนะ ทีนี้ก็ต้องการเงินมาก เสียพนันมาก
-นายตกหน้าผา สูญเสียความทรงจำ มิรันตีก็ถือโอกาสเข้ามา โดยมีไอสรีย์สนับสนุนช่วยวางแผนทุกอย่าง ไอสรีย์มาเคลียร์บ้าน เอารูปของมิรันตีกับไอลวิลวางไว้หลายมุมเพื่อจัดฉาก
-ปมทางด้านคุณนริณี คือปมของตะวันไง ทำไงดี... แบบตะวันไปเยี่ยมที่บ้านก็ได้คุยกับคุณนริณีอย่างจริงจัง ริณาก็เอาอัลบัมรูปมาให้ดูว่าเหมือนพิณของตะวัน คุณนริณีก็ถามว่าในตัวพิณนั้นได้สลักอะไรไว้หรือไม่ คือพิณตัวนี้เป็นของซันที่เป็นคนรัก ซันมาเรียนทำพิณในหมู่บ้านอีสานแล้วทำให้ หลังพิณเป็นรูปพระอาทิตย์กับสลักตัว S & N
เมื่อไอลวิลเดินเข้าไปในบ้าน เห็นบิดานั่งอยู่ที่ห้องรับแขก ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปหา
"อ้าว วิล มาพอดี หนูตะวันดูเหมือนจะรีบๆ เห็นวิ่งขึ้นไปข้างบน เมื่อครู่นายวาเขาโทรมาบอกพ่อเรื่องสถานการณ์ล่าสุดแล้ว เห็นว่าวิลเป็นคนหมั้นกับหนูตะวันแทน"
ท่านเอ่ยขึ้นทันทีที่เขานั่งลงข้างๆ
"ครับพ่อ ก็ตามที่วายุบอก" ไอลวิลเอ่ยรับสั้นๆ บิดามองหน้าของเขาอย่างครุ่นคิด
"พ่อถามตรงๆ เถอะ... วิลคิดยังไงกับหนูตะวันหรือลูก"
จู่ๆ บิดาก็ถาม ทำให้ไอลวิลนิ่งอั้นไปครู่หนึ่ง เขายกมือขึ้นเสยผมอย่างไม่ทราบว่าจะตอบอย่างไร
"ทำไมหรือครับพ่อ"
"พ่อเห็นเราสนิทกัน แต่ก็ไม่เคยคิดเป็นอย่างอื่น เพราะเห็นวิลดูแลหนูตะวันมานาน ตั้งแต่เขาเล็กๆ แต่เวลานี้เขาโตแล้ว พ่อแค่จะบอกว่า...มันไม่ผิดอะไรหรอกถ้าหากเราจะรักใครสักคน เพราะความรักเป็นสิ่งดีงามเสมอ พ่อรู้ว่าวิลปรารถนาดีกับหนูตะวัน พ่อขอโทษนะที่ถามตรงๆ ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาก็เห็นแต่ตะวันสนิทกับวายุ พ่อเลยเสนอเรื่องหมั้นเมื่อคืนนี้ไป ถ้าหากวิลรักหนูตะวัน พ่อต้องขอโทษด้วยที่ไม่ทันคิด และสายตาสั้นไปหน่อย เลยไม่ทันสังเกต"
บิดาเอ่ยออกตัวกับเรื่องที่ท่านได้กะเกณฑ์ให้วายุหมั้นกับพิณตะวันเมื่อคืนนี้ ไอลวิลถอนหายใจ
"ผมดูแลเขามาตั้งแต่เล็กเหมือนที่พ่อว่า ผมเลยไม่ต้องการให้เขาสับสนระหว่างเรื่องหนี้บุญคุณกับเรื่องของความรู้สึกส่วนตัว ผมไม่อาจจะเป็นคนตัดสินใจได้หรอกครับพ่อ ในเรื่องของตะวัน... สิ่งที่ผมต้องการที่สุดคือ ต้องการเห็นเขามีความสุขในชีวิตกับสิ่งที่เขาจะเลือกด้วยตัวของเขาเอง ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจยังไงก็ตาม...เท่านั้นเองครับที่ผมต้องการ"
เสียงเคร่งขรึมเอ่ยตอบตามความรู้สึก เขาไม่เคยอยากจะหมกมุ่นครุ่นคิดในเรื่องนี้อย่างที่สุด อยากให้เวลาเป็นเครื่องตัดสิน แม้แต่ตัวเองเขายังไม่อยากตอกย้ำว่าเขาคิดอย่างไรกับพิณตะวันกันแน่... อยากจะให้มันเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าเวลาจะให้คำตอบสำหรับทุกอย่างเอง...
"เฮ้ย...ร้องไห้ทำไมกัน ไม่เอา... ห้ามร้อง ตะวันไม่ใช่คนอ่อนแอและร้องไห้ง่ายสักหน่อย...หยุดร้องเดี๋ยวนี้เลย"เขาทั้งปลอบและทั้งสั่ง...แต่ร่างบางก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ยอมหยุด ชายหนุ่มชักเริ่มใจไม่ดี ไม่อยากเห็นน้ำตาของยัยตัวดี เขาล้มตัวลงไปนอน ดึงร่างบางให้นอนซบหน้าอก ลูบแผ่นหลังบางเบาๆ"ไม่เอาน่า...หยุดร้องก่อน...คืนนี้จะเลี้ยงฉลองความสำเร็จของตะวัน แล้วมาร้องไห้แบบนี้ ตาบวม หมดสวยกันพอดี"เขาแกล้งแหย่"ไม่อยากสวย! ฮือๆ "คนไม่อยากสวยส่งเสียงโต้ตอบ กอดเอวเขาไว้แน่นแล้วก็ร้องไห้จนเสื้อเขาเปียก"เอาล่ะ...หยุดร้องก่อน... นะ""ตะวันมะโห! ฮือๆ และก็น้อยใจด้วย! นายหัวจะใจร้ายกับตะวันไปถึงไหน"เสียงสะอื้นเอ่ยตัดพ้อต่อว่า"มะโห แต่ไม่ร้องได้ไหม ฉันไม่ชอบเห็นน้ำตาของตะวัน"เสียงห้าวเอ่ยแล้ว ผลักร่างบางให้นอนหงายไปกับที่นอน จากนั้นก็ค่อยใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน พิณตะวันร้องไห้จนพอใจก็หยุด... นอนซุกหน้ากับอกกว้าง รู้สึกอบอุ่นในหัวใจที่ได้อยู่กับเขาอีกครั้ง..."หายมะโหหรือยังหือ..." เขาแกล้งถาม พลางก้มไปหอมแก้มที่เปียกด้วยน้ำตา พิณตะวันค้อนคว่ำให้เขา"ตบหัวแล้วลูบหลังเหรอ...จะมะโหต่อถ้
****พิณตะวันจัดการเก็บข้าวของที่คอนโด คุยกับวายุแล้วว่าจะย้ายออก ของใช้ส่วนตัวก็ไม่มีอะไรมาก วายุจึงให้ขนไปไว้ที่บ้านอิสรีพัฒน์ แล้วก็คืนคอนโดไปไอลวิลเดินทางมาถึงบ้านที่กรุงเทพฯ ในเวลาบ่ายคล้อย ร่างเพรียวระหงนั่งรออยู่แล้วที่สวนหย่อมหลังบ้าน พอเฮลิคอปเตอร์ลงจอด เจ้าหล่อนก็ลุกขึ้นยืนทำหน้าตื่นเต้น เมื่อไอลวิลลงจากเครื่อง ร่างเพรียวก็วิ่งเข้าไปหาทันทีจนเขาแทบจะเปิดอ้อมแขนกางรับไม่ทัน เจ้าตัวโผเข้ากอดอย่างเต็มที่และเต็มแรง โดยไม่กลัวว่าจะพากันล้ม เขาต้องตั้งหลักยืนให้มั่น"เบาๆ หน่อย จะพากันล้มกลิ้งเอา"เสียงห้าวเอ่ย รู้สึกขำที่เวลาผ่านไปสี่ปี คนในอ้อมแขนอายุย่างยี่สิบสองปีแล้ว แต่กับเขาก็ยังคงทำตัวเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง..."ดีใจที่สุด ตะวันรอนายหัวมาสองวันเต็มๆ ตะวันขนของจากคอนโดมาไว้ที่นี่หมดแล้ว ของไม่มีแยะหรอก แค่สองกระเป๋าเอง คุณท่านจัดห้องให้ตะวันห้องหนึ่ง อยู่ติดกะห้องของนายหัวด้วยล่ะ"เสียงแจ๋วเอ่ยรายงานยาวเหยียด...เงยหน้าขึ้นยิ้มกระจ่าง ใบหน้านวลปลั่งมีสีเรื่อด้วยเลือดฝาดแห่งวัยสาว ดวงตาคู่กลมโตเปล่งประกายวาวระยับเต็มไปด้วยความสุข"ตะวันช่วยแม่ครัวเตรียมอาหารสำหรับคืนน
เจ้าของวันเกิดกำลังยืนหลับตาอธิษฐานเสียงดัง"ขอให้นายหัวมีสุขภาพกายและใจแข็งแรง ขอให้นายหัวมีความสุขมากๆ ขอให้พระคุ้มครองให้นายหัวปลอดภัย ขอให้นายหัวจงเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป สาธุ๊..."เสียงแจ๋วเอ่ยขอพร"อ้าว แล้วกัน วันเกิดเรา ก็ขอให้ตัวเองสิ มาขอให้ฉันทำไม"เสียงห้าวเอ่ยทักท้วงอย่างรู้สึกขำเจ้าหล่อน"ก็นั่นแหละเป็นสิ่งที่ตะวันต้องการที่สุดสำหรับวันเกิด ถ้านายหัวมีความสุขและสุขภาพดี ตะวันก็มีความสุขยิ่งกว่าไง"คนอธิษฐานเอ่ยโต้ตอบบอกเหตุผล ไอลวิลจึงพยักหน้ายอมๆ ให้ทำตามอำเภอใจ จากนั้นเจ้าตัวก็เป่าเทียนวันเกิดที่ปักอยู่เพียงเล่มเดียวตรงกลางเค้ก มือบางจัดการตัดเค้กแล้วใส่จานเดียวกับช้อนสองคัน นั่งกินด้วยกันที่โซฟา เปิดทีวีรายการการ์ตูนคลอเป็นแบ็กไปด้วยไอลวิลมองดูคนที่กินเค้กจนพุงกาง แถมเจ้าหล่อนยังคะยั้นคะยอบังคับเขา พอเขาหยุดตักกิน ก็ลงมือป้อนให้ถึงปาก ไอลวิลรู้ทันเจ้าตัวดีที่ทำท่ากินช้าลงอย่างเห็นได้ชัด"ถ้าอิ่มแล้ว ก็เก็บไว้ในตู้เย็นดีไหม ไม่ต้องฝืนหรอกมั้ง" เขาเอ่ยอย่างรู้ทัน คนอิ่มทำหน้ายิ้มแหยให้"ก็ตะวันกลัวนายหัวเสียน้ำใจนี่นา"เจ้าตัวพูดเสียงอ่อย เพราะเมื่อครู่ก่อนได้ประกาศปาวๆ ว่าจ
พิณตะวันหันไปมองลริณา"เอาไงดีริณา...จะให้คุณวาไปส่งไหม คุณแม่ของริณาจะว่าหรือเปล่าที่มีหนุ่มไปส่งแบบนี้"พิณตะวันเอ่ยอย่างที่ไม่ได้คิดอะไร แต่ทำให้ลริณาหน้าแดง และวายุก็เลิกคิ้วสูงกับคำพูดของเจ้าหล่อน"เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ คุณแม่รู้จักพี่ตะวันนี่คะ"สาวน้อยเอ่ยตอบน้ำเสียงอ่อน วายุไม่เข้าใจว่าเด็กสองคนนี้มาคบหาเป็นเพื่อนกันได้อย่างไร คนหนึ่งห้าวสุดห้าว กล้าแกร่งก็ปานนั้น อีกคนก็หวานสุดหวานและเรียบร้อยสุดบรรยายแบบนี้"แต่พี่เพิ่งเคยเห็นท่านครั้งเดียวและคุยโทรศัพท์ด้วยหนหนึ่ง ก็เท่านั้นเอง แต่ก็ลองไปดู ไปเลยๆ คุณวา"คนกลางตัดสินใจทันที คนขับรถก็ทำตามโดยมีคนที่นั่งเบาะหลังเป็นคนบอกทาง วายุเอาที่อยู่ใส่ใน GPS ให้ช่วยบอกทางให้ จากนั้นก็ขับรถไปยังบ้านของลริณาคฤหาสน์หลังใหญ่มีบริเวณกว้างขวาง สมกับเป็นครอบครัวที่ทำเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ จากประตูรั้วต้องขับรถเข้าไปอีกประมาณร้อยเมตรเลยทีเดียว"อยู่กันกี่คนนี่ริณา"พิณตะวันถามสาวน้อย แต่ไม่ได้ทำตาโต เพราะพิณตะวันเห็นบ้านอิสรีพัฒน์จนชินซึ่งก็ใหญ่โตพอกัน แต่ที่สำคัญพิณตะวันไม่ตาโตกับสมบัติของใคร บ้านของพิณตะวันที่เกาะคือสวรรค์ที่สุดแล้วสำหรับพิณ
"หือ..."ทำเอาคนฟังต้องนิ่งชะงักไม่แน่ใจว่าเจ้าหล่อนหมายถึงอะไร"อยากเห็นนาย ... ความจริงตะวันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับวันเกิดหรอกนะ นายหัวไม่ต้องเข้ามาวันเกิดก็ได้ เพราะมันตั้งสิ้นปีโน่นแน่ะ นายหัวยกยอดมาอาทิตย์หน้าก็ได้ ตะวันไม่ถือหรอก ฉลองวันเกิดล่วงหน้าไง"คนอยากเจอเอ่ยโน้มน้าว ไอลวิลยิ้มขำ"ก็ถ้าว่าง จะเข้าไป ช่วงนี้ต้องอยู่เกาะ ตอนนี้ไม่เหมือนตอนที่ตะวันอยู่ มันมีคนแปลกถิ่นและแปลกหน้าเข้ามา พวกต่างชาติ เพื่อนบ้านไทยนี่แหละ แอบเข้ามาป้วนเปี้ยน เราเลยต้องวางเวรยามที่เกาะรังนกทุกเกาะของเรา"เขาเอ่ยเล่าความเป็นไปให้เจ้าของเกาะตัวจริงฟังนิดหนึ่ง"จริงเหรอ...ตะวันอยากกลับไปช่วยนายเร็วๆ มาเรียนทำไมก็ไม่รู้ ไม่เห็นมีประโยชน์เลย ถ้าตะวันอยู่ที่โน่นกับนายคงจะมีประโยชน์กว่านี้"เจ้าตัวดีได้โอกาสก็บ่นใส่ทันที"งานพวกดูแลเกาะ ให้พวกผู้ชายเขาทำ เราเรียนบัญชีก็ดีแล้ว ต่อไปจะได้ช่วยวายุที่สำนักงานใหญ่ นั่นก็เป็นงานสำคัญ""แต่ตะวันอยากช่วยนายมากกว่านะ...อะไรกัน ไหนว่าเรียนจบแล้วจะให้กลับไงเล่า"น้ำเสียงเริ่มขุ่นและงอน"ฉันแค่เกริ่นให้ฟัง จบแล้วค่อยว่ากันอีกทีว่าตะวันอยากจะอยู่ไหนและทำอะไร คิดว่าอยากจ
การเรียนเป็นไปอย่างราบรื่นและเรียบร้อย พิณตะวันเป็นคนที่ถ้าหากตั้งใจจะทำสิ่งใดแล้วก็จะมีความมุ่งมั่นพยายามและไม่ไขว้เขวกับสิ่งยั่วยุ สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสิ่งล่อหลอกให้คนในวัยศึกษาเล่าเรียนเป๋มีมากมายในเมืองกรุง แต่พิณตะวันไม่เคยเป๋เหมือนเด็กในวัยเดียวกันอีกหลายคนผู้ที่ไม่มีจุดยืนและไม่มีเป้าหมายที่แน่นอนในชีวิตนั้น สามารถตกเป็นเหยื่อของสังคมแห่งวัตถุนิยมได้ง่ายๆ ดังนั้นพิณตะวันจึงรู้สึกขอบคุณบิดามารดาและสิ่งแวดล้อมที่ทำให้พิณตะวันได้รู้จักโลกที่เป็นธรรมชาติของชีวิตที่แท้จริง ไม่ใช่โลกจอมปลอมของมหานครกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยสิ่งล่อใจว่าสวยงาม แต่เบื้องหลังเบื้องลึกนั้นกลับสกปรกโสมมสำหรับพิณตะวันแล้ว ถ้าให้เปรียบเทียบกรุงเทพฯ เป็นผู้หญิง เมืองฟ้าอมรแห่งนี้ก็เปรียบเสมือนหญิงสาวที่ไม่ได้อาบน้ำ แต่พยายามห่อหุ้มร่างด้วยเสื้อผ้าสวยงามและฉีดพรมน้ำหอมเพื่อดับกลิ่นอย่างเต็มที่ แต่งหน้าแต่งตัวเริดหรูอลังการ ทำให้คนที่ไม่รู้เบื้องลึกหลงคิดว่าสวยงามและหอมหวนทวนลมเสียเหลือทน แต่ความจริง ถ้าเปลื้องผ้าออกจะรู้ว่าร่างนั้นเหม็นสางสกปรกและหมักหมมด้วยเชื้อโรคแค่ไหน... ดังนั้นคนอย่างพิณตะวันไม่ยอมหลงเ
ความคิดเห็น