“ตอนที่คุณหมอขอให้ฉันทำแท้งเด็ก เขาไม่พูดอะไรสักคำ เขาไม่พูด การนิ่งเงียบมันก็หมายความว่าเขายอมเสียลูก” ฉินอันอันสูดหายใจเข้าลึกและพูดอย่างยากลำบาก “เขาเป็นพ่อของเด็ก ทำไมเขาถึงเมินเฉยต่อเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองได้ขนาดนี้?” ไมค์ต้องใช้ความพยายามอย่างมากถึงพูดได้ว่า “บางทีเขาอาจจะแค่เคยชินกับการฟังคำพูดของคุณหมอ” “เขาไม่เคยฟังคำพูดของหมอ ตอนที่เขาป่วย เขาอยากสูบบุหรี่ก็สูบ อยากดื่มเหล้าก็ดื่ม ไม่มีใครทำให้เขาเชื่อฟังได้เว้นแต่เขาอยากทำเอง” ขนตาฉินอันอันสั่นกระพือเล็กน้อย น้ำเสียงเธอแหบแห้ง “เขาแค่ไม่อยากได้ลูกที่ไม่แข็งแรงของเราเท่านั้นเอง!”“อันอัน เธออย่าคิดว่าเขาเลวร้ายขนาดนั้น ฉันไม่กล้าพูดอะไรมาก แต่เขามีเธออยู่ในใจจริง ๆ” ไมค์ต้องการเลี่ยงเรื่องเด็ก “ฉันรู้” เธอสูดหายใจเข้า เสียงอู้อี้ขึ้นจมูก “ถ้าเขาไม่รักฉัน เขาคงไม่มาช่วยฉัน” ไมค์ส่งเสียงตอบรับ “ไมค์ ฉันเองก็รักเขามาก” เธอส่งเสียงสะอื้น “ฉันรู้ ถ้าเธอไม่รักเขา เธอก็ไม่มีลูกให้เขาหรอก” ไมค์ขมวดคิ้ว “อันอัน เธอวางแผนจะทำอะไร? เธอคงไม่คิดจะเลิกกับเขาหรอกนะ?” “ฉันไม่คิดที่จะเลิกกับเขา แต่ฉันไม่อยากให้เด็กที่ไม่แข
หลังจากออกมาจากแผนกผู้ป่วยใน ไมค์มองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นเธอเลย เขาโทรหาฟู่สือถิงอย่างหมดหวัง “ฟู่สือถิง! คุณรีบมาที่โรงพยาบาลที! ฉินอันอันหายไปแล้ว!” พอฟู่สือถิงได้ยิน เขารีบเดินออกจากวิลล่า “เกิดอะไรขึ้น?!” “แม่ของเว่ยเจินมาคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว… ผมแน่ใจว่าคุณป้าต้องใช้คำพูดรุนแรงกับเธอแน่!” ไมค์ยืนอยู่ในลานที่กว้างใหญ่ของโรงพยาบาล เขามองไปรอบ ๆ “เป็นความประมาทของผมเอง! ตอนนั้นผมกำลังคุยกับเว่ยเจินในห้องผู้ป่วย ดังนั้นเลยปล่อยให้เธอหายไป!” ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว “เธอน่าจะยังไปได้ไม่ไกล! ตอนนี้คุณเฝ้าที่ประตูโรงพยาบาลไว้ก่อน!” ......ฉินอันอันลงจากลิฟต์แล้วเดินไปที่หน้าอาคารผู้ป่วยนอกอย่างงุนงงที่ชั้นหนึ่งมีที่นั่งมากมาย เธอเดินจนเหนื่อย เมื่อพบที่นั่งว่างจึงนั่งลงรอบ ๆ ตัวล้วนแต่เป็นผู้ป่วยหรือครอบครัวของผู้ป่วย หนึ่งในนั้นคือคู่สามีภรรยาที่พาลูกที่ป่วยมาพบคุณหมอ “ฉันบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่อยากได้ลูกคนนี้ เธอก็จะเอาไว้ให้ได้! ตอนนี้ได้มาแล้ว ต้องวิ่งเข้าออกโรงพยาบาลทุกสามวัน! เธอรู้ไหมว่าฉันงานยุ่งแค่ไหน?! นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะมาโรงพยาบาลกับเธอ!” ผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่
เธอเห็นประกายน้ำตาในดวงตาของเขา เธออยากจะเอ่ยปาก บอกว่าไม่ใช่ มันไม่ใช่อย่างที่เขาพูด แต่จู่ ๆ เขากลับผละตัวออกไปและทิ้งเธอไว้ เขาปิดประตูรถฝั่งเธอเสียงดังปัง! เขาไม่ได้ไปนั่งที่คนขับ เขายืนอยู่นอกรถหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดหมายเลข เธอมองร่างของเขาอย่างเงียบ ๆ มีประตูรถกั้นอยู่ระหว่างพวกเขาสองคนราวกับถูกคั่นด้วยช่องว่างที่ไม่อาจเชื่อมต่อได้ เขาบอกว่าในใจของเธอ ลูกสำคัญกว่าเขา เรื่องแบบนี้จะเอามาเปรียบเทียบกันได้ยังไง? เด็ก ๆ จัดอยู่กลุ่มด้อยโอกาส ดังนั้นแน่นอนว่าเธอต้องแสดงความรักและห่วงใยพวกเขามากกว่า เขาบอกว่าเธอไม่มั่นใจในตัวเขา แต่เธอกลับไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่นานไมค์ก็วิ่งเข้ามา ฉินอันอันดูทั้งสองคนคุยกันอยู่นอกรถ ไม่แน่ใจว่าสองคุยอะไรกัน จู่ ๆ ไมค์ก็รีบหยิบกุญแจรถไปนั่งที่เบาะคนขับ ฟู่สือถิงหันหลังให้เธอตั้งแต่ต้นจนจบ เธอเห็นกล้ามเนื้อหลังของเขาเกร็ง หลังจากที่ไมค์ขึ้นรถแล้วเธอก็รีบมองออกไป “เขาบอกว่าจะกลับประเทศพรุ่งนี้ เธอบอกให้เขากลับไปหรือเปล่า?” ไมค์สตาร์ทรถแล้วถาม “อืม” เธออดไม่ได้ที่จะมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง “เขาบอกว่าคืนนี้จะพักที
เช้าวันรุ่งขึ้น อิ๋นอิ๋นมาที่ห้องของฉินอันอันและกล่าวคำอำลาเธอด้วยเสียงแผ่วเบา “อันอัน ฉันจะไปแล้วนะ ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ ถ้าหายดีแล้วต้องกลับไปประเทศเอนะ!” หลังจากที่อิ๋นอิ๋นพูดจบ เธอก็กลัวว่าจะปลุกฉินอันอันให้ตื่น จึงไม่อยู่ต่อและรีบออกจากห้องไป ฉินอันอันลืมตาขึ้นและมองไปยังห้องอันว่างเปล่าด้วยความรู้สึกโหวงในใจ เวลาแปดโมงเช้า เครื่องบินส่วนตัวกัลฟ์สตรีมจีหกห้าศูนย์ออกเดินทางจากสนามบินเมืองหลวงประเทศบี ไปยังสนามบินเมืองหลวงประเทศเอซึ่งเป็นสนามบินปลายทาง หลังจากบินนานกว่าสิบชั่วโมง เครื่องบินก็ลงจอดช้า ๆ ที่สนามบินเมืองหลวงประเทศเอ ขณะนี้ประเทศเองเป็นเวลาหกโมงเช้า เว่ยเจินกลับมาพร้อมกับพวกเขา “คุณฟู่ ขอบคุณที่พาพวกเรากลับมานะคะ” คุณแม่เว่ยแสดงความขอบคุณฟู่สือถิง ฟู่สือถิงถิง “ยินดีครับ” “งั้นเราไปก่อนนะคะ!” แม่เว่ยพูด ลูกกระเดือกของฟู่สือถิงกระตุก หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า “คุณเว่ย การที่เว่ยเจินได้รับบาดเจ็บแบบนี้ไม่สามารถไปตำหนิฉินอันอันได้ เธอไม่ได้พูดด้วยซ้ำว่าเธอเป็นศิษย์หลับของศาสตราจารย์หูชิง เว่ยเจินถูกลักพาตัวเพราะเวิยเจินเป็นผู้ช่วยของศาสตราจา
เขาไม่ต้องการกลับบ้าน แต่ก็ไม่อยากไปร่วมกิจกรรมกับใคร เมื่อเห็นว่าเขาเจ็บปวดเพียงใด โจวจื่ออี้ก็แนะนำว่า “ไปเที่ยวพักผ่อนกันไหมครับ? คุณอยากไปไหน ผมจะจองโรงแรมให้” เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ฉันอยากดื่มเหล้า” โจวจื่ออี้ถึงกับพูดไม่ออก ‘นี่เป็นเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมเขาถึงมาทานอาหารเย็นงั้นเหรอ?’ หนึ่งชั่วโมงต่อมา ฟู่สือถิงก็เมาอย่างที่เขาปรารถนา โจวจื่ออี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากส่งเขากลับบ้านเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าการดื่มเหล้าจะไม่ดีต่อร่างกาย แต่หากเขาไม่เมา เขาก็คงนอนไม่หลับแน่นอน หลังออกมาจากบ้านตระกูลฟู่แล้ว โจวจื่ออี้ก็โทรหาไมค์ “จิตสำนึกของฉินอันอันไม่รู้สึกเจ็บปวดบ้างหรือไง? เจ้านายของผมทุ่มเททั้งแรงกายและเม็ดเงินให้เธอ แต่นอกจากทำร้ายเจ้านายผมแล้ว เธอยังทำอะไรได้อีก?!” เวลานี้ที่ประเทศบีเป็นเวลากลางคืน ไมค์ขมวดคิ้วแล้วหาว “คุณกำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไรอีก? หา?!” “ฉินอันอันเป็นคนขอเลิกเหรอ? ผู้หญิงใจร้ายคนนี้ไม่มีหัวใจรึไง?!” โจวจื่ออี้อดบ่นไม่ได้ “โจวจื่ออี้ คุณคิดว่าคุณเป็นพ่อของฟู่สือถิง หรือคุณคิดว่าฟู่สือถิงเป็นลูกของคุณรึไง?” ไมค์พูดด้วยอารมณ์โกรธ “
แต่ผู้เขียนบทความนี้ชี้ให้เห็นว่า ทั้งหมดนี้ฉินอันอันทำเพื่อฉ้อโกงเงินของฟู่สือถิง! เนื่องจากฉินอันอันร่ำรวยในประเทศบี ประเทศบีจึงเทียบเท่ากับบ้านเกิดแห่งที่สองของเธอ เธอถูกลักพาตัวในบ้านเกิดของเธอ หรือเส้นสายในประเทศบีและเงินของเธอเองไม่สามารถช่วยเธอแก้ไขวิกฤติได้งั้นเหรอ? ฟู่สือถิงต้องขับเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวมาช่วยเธอเชียวเหรอ? เป็นผลให้ฟู่สือถิงใช้เงินไปหมื่นล้านบาท แต่ต้องกลับบ้านอย่างโศกเศร้าเพียงลำพัง ดังนั้นผู้เขียนจึงสรุปว่าฟู่สือถิงถูกฉินอันอันหลอก ไม่เพียงแต่หลอกลวง ที่สำคัญกว่านั้นคือหลอกเงินไปหมื่นล้านด้วย! บทความนี้จบลงด้วยความคิดเห็นประชดประชันว่า แม้แต่คนที่ฉลาดอย่างฟู่สือถิงยังถูกผู้หญิงหลอกได้ ถ้าอยากรักษาทรัพย์ต้องอยู่ห่างจากผู้หญิง! โดยเฉพาะ 'ผู้หญิงที่แข็งแกร่ง' และสวยอย่างฉินอันอัน! เพราะโดยพื้นฐานแล้วความมั่งคั่งของเธอนั้นได้มาจากผู้ชาย บทความนี้ถูกพิมพ์ซ้ำโดยสื่อหลัก และได้รับความนิยมไปทั่วสื่อออนไลน์ ข่าวด่วนขนาดนี้ ถ้าเป็นเรื่องจริง คงจะตื่นเต้นน่าดู! - ฉันคิดว่าข่าวนี้ค่อนข้างน่าเชื่อถืออยู่นะ ฟู่สือถิงบินไปประเทศบีด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวเม
ประเทศบี ไมค์เห็นข่าวแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาค้นหาข่าวจากประเทศเอ แต่ผู้บริหารระดับสูงของฉินกรุ๊ปเป็นคนส่งข่าวมาให้เขา เพราะมีสื่อบางกลุ่มโทรไปถามฉินกรุ๊ปว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ผู้บริหารจะรู้เรื่องส่วนตัวที่เป็นความลับของเจ้านายได้ยังไง? พวกเขารู้เพียงว่าฉินอันอันไปประเทศบี แต่พวกเขาไม่รู้ว่าฉินอันอันกำลังทำอะไรอยู่ในประเทศบี พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉินอันอันถูกลักพาตัว ไมค์โกรธมากหลังจากได้อ่านข่าว หลังจากดื่มกาแฟไปหนึ่งแก้ว เขาก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะบอกเรื่องนี้กับฉินอันอันหรือไม่ ช่วงนี้ฉินอันอันพักอยู่ที่บ้าน ในทุก ๆ วัน ยกเว้นออกไปกินข้าวนอกบ้าน เธอก็พักผ่อนในห้องนอนตลอด ตอนที่เธอออกไปกินข้าวข้างนอกตามปกติ สภาวะอารมณ์ของเธอดีขึ้นกว่าก่อนที่ฟู่สือถิงจะจากไปมาก ไมค์คิดว่าเธอสบายดีจึงไม่อยากเอาข่าวนี้มากระทบจิตใจเธอ แต่หากเรื่องนี้ไม่ได้รับการแก้ไข ชื่อเสียงของเธอในประเทศเอก็จะถูกทำลายโดยสิ้นเชิง ระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน ไมค์เริ่มพูด “อันอัน อาการบาดเจ็บของเธอเป็นยังไงบ้าง?” ฉินอันอันดื่มซุปแล้วพูดอย่างใจเย็น “ดีขึ้นเยอะแล้ว” “อืม ไม่ต้องใช้ยาก็ดีขึ
ที่ประเทศเอ วันหยุดสุดสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันจันทร์ ฟู่สือถิงมาถึงบริษัท โจวจื่ออี้เดินตามเขาเข้าไปในห้องทำงานของอีกฝ่าย “มีอะไร?” ฟู่สือถิงเปิดคอมพิวเตอร์และเงยหน้าขึ้นมองโจวจื่ออี้ “ประธานครับ คุณยังไม่เปิดเครื่องโทรศัพท์ใช่ไหมครับ?” โจวจื่ออี้พูดอย่างระมัดระวัง หลังจากที่โจวจื่ออี้ถามคำถามนี้ ฟู่สือถิงก็ตระหนักว่าเขาไม่ได้เอาโทรศัพท์มือถือมาด้วย เขานอนที่บ้านสองวันในช่วงสุดสัปดาห์และนอนหลับอย่างสบาย แต่หัวของเขายังคงวิงเวียนอยู่เล็กน้อย การนอนหลับไม่เพียงพออาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะได้ และการนอนหลับมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะได้เหมือนกัน “ประธานครับ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ” โจวจื่ออี้เน้นย้ำประเด็นสำคัญของสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้และรายงานให้เขาทราบ หลังจากได้ยินข่าว สีหน้าแปลก ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “นายไปบอกให้บอดี้การ์ดเอาโทรศัพท์มือถือมาให้ฉัน” เขาสั่งโจวจื่ออี้ หลังจากที่โจวจื่ออี้ออกไป เขาก็มองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ พาดหัวข่าววันนี้โผล่ขึ้นมา ฟู่สือถิงประธานเอสทีกรุ๊ปถูกโกงเงินหมื่นล้าน! ถึงเขาจะได้ฟังโจวจื่ออี้อธิบาย