แต่ผู้เขียนบทความนี้ชี้ให้เห็นว่า ทั้งหมดนี้ฉินอันอันทำเพื่อฉ้อโกงเงินของฟู่สือถิง! เนื่องจากฉินอันอันร่ำรวยในประเทศบี ประเทศบีจึงเทียบเท่ากับบ้านเกิดแห่งที่สองของเธอ เธอถูกลักพาตัวในบ้านเกิดของเธอ หรือเส้นสายในประเทศบีและเงินของเธอเองไม่สามารถช่วยเธอแก้ไขวิกฤติได้งั้นเหรอ? ฟู่สือถิงต้องขับเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวมาช่วยเธอเชียวเหรอ? เป็นผลให้ฟู่สือถิงใช้เงินไปหมื่นล้านบาท แต่ต้องกลับบ้านอย่างโศกเศร้าเพียงลำพัง ดังนั้นผู้เขียนจึงสรุปว่าฟู่สือถิงถูกฉินอันอันหลอก ไม่เพียงแต่หลอกลวง ที่สำคัญกว่านั้นคือหลอกเงินไปหมื่นล้านด้วย! บทความนี้จบลงด้วยความคิดเห็นประชดประชันว่า แม้แต่คนที่ฉลาดอย่างฟู่สือถิงยังถูกผู้หญิงหลอกได้ ถ้าอยากรักษาทรัพย์ต้องอยู่ห่างจากผู้หญิง! โดยเฉพาะ 'ผู้หญิงที่แข็งแกร่ง' และสวยอย่างฉินอันอัน! เพราะโดยพื้นฐานแล้วความมั่งคั่งของเธอนั้นได้มาจากผู้ชาย บทความนี้ถูกพิมพ์ซ้ำโดยสื่อหลัก และได้รับความนิยมไปทั่วสื่อออนไลน์ ข่าวด่วนขนาดนี้ ถ้าเป็นเรื่องจริง คงจะตื่นเต้นน่าดู! - ฉันคิดว่าข่าวนี้ค่อนข้างน่าเชื่อถืออยู่นะ ฟู่สือถิงบินไปประเทศบีด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวเม
ประเทศบี ไมค์เห็นข่าวแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาค้นหาข่าวจากประเทศเอ แต่ผู้บริหารระดับสูงของฉินกรุ๊ปเป็นคนส่งข่าวมาให้เขา เพราะมีสื่อบางกลุ่มโทรไปถามฉินกรุ๊ปว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ผู้บริหารจะรู้เรื่องส่วนตัวที่เป็นความลับของเจ้านายได้ยังไง? พวกเขารู้เพียงว่าฉินอันอันไปประเทศบี แต่พวกเขาไม่รู้ว่าฉินอันอันกำลังทำอะไรอยู่ในประเทศบี พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉินอันอันถูกลักพาตัว ไมค์โกรธมากหลังจากได้อ่านข่าว หลังจากดื่มกาแฟไปหนึ่งแก้ว เขาก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะบอกเรื่องนี้กับฉินอันอันหรือไม่ ช่วงนี้ฉินอันอันพักอยู่ที่บ้าน ในทุก ๆ วัน ยกเว้นออกไปกินข้าวนอกบ้าน เธอก็พักผ่อนในห้องนอนตลอด ตอนที่เธอออกไปกินข้าวข้างนอกตามปกติ สภาวะอารมณ์ของเธอดีขึ้นกว่าก่อนที่ฟู่สือถิงจะจากไปมาก ไมค์คิดว่าเธอสบายดีจึงไม่อยากเอาข่าวนี้มากระทบจิตใจเธอ แต่หากเรื่องนี้ไม่ได้รับการแก้ไข ชื่อเสียงของเธอในประเทศเอก็จะถูกทำลายโดยสิ้นเชิง ระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน ไมค์เริ่มพูด “อันอัน อาการบาดเจ็บของเธอเป็นยังไงบ้าง?” ฉินอันอันดื่มซุปแล้วพูดอย่างใจเย็น “ดีขึ้นเยอะแล้ว” “อืม ไม่ต้องใช้ยาก็ดีขึ
ที่ประเทศเอ วันหยุดสุดสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันจันทร์ ฟู่สือถิงมาถึงบริษัท โจวจื่ออี้เดินตามเขาเข้าไปในห้องทำงานของอีกฝ่าย “มีอะไร?” ฟู่สือถิงเปิดคอมพิวเตอร์และเงยหน้าขึ้นมองโจวจื่ออี้ “ประธานครับ คุณยังไม่เปิดเครื่องโทรศัพท์ใช่ไหมครับ?” โจวจื่ออี้พูดอย่างระมัดระวัง หลังจากที่โจวจื่ออี้ถามคำถามนี้ ฟู่สือถิงก็ตระหนักว่าเขาไม่ได้เอาโทรศัพท์มือถือมาด้วย เขานอนที่บ้านสองวันในช่วงสุดสัปดาห์และนอนหลับอย่างสบาย แต่หัวของเขายังคงวิงเวียนอยู่เล็กน้อย การนอนหลับไม่เพียงพออาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะได้ และการนอนหลับมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะได้เหมือนกัน “ประธานครับ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ” โจวจื่ออี้เน้นย้ำประเด็นสำคัญของสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้และรายงานให้เขาทราบ หลังจากได้ยินข่าว สีหน้าแปลก ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “นายไปบอกให้บอดี้การ์ดเอาโทรศัพท์มือถือมาให้ฉัน” เขาสั่งโจวจื่ออี้ หลังจากที่โจวจื่ออี้ออกไป เขาก็มองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ พาดหัวข่าววันนี้โผล่ขึ้นมา ฟู่สือถิงประธานเอสทีกรุ๊ปถูกโกงเงินหมื่นล้าน! ถึงเขาจะได้ฟังโจวจื่ออี้อธิบาย
เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเธอ ไมค์เดาว่า “เธอยังไม่อยากคืนเงินให้เขาใช่ไหม?! เราไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น!” หลังจากที่ไมค์พูดจบเขาก็ถอนหายใจ ฉินอันอันดูจริงจังและถามเขาว่า “ตอนนี้เรามีเงินเท่าไหร่?” คำถามนี้ทำให้ไมค์หยุดพูด “ฉันไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย! เธอเป็นประธาน เธอไม่รู้เหรอ?” ฉินอันอันไม่เคยใส่ใจกับปัญหานี้เลย “เธอพาเด็ก ๆ กลับก่อนเถอะ! ฉันจะตามไป” เธอเปลี่ยนเรื่อง “ถึงเวลาที่พวกเธอต้องออกไปแล้วหรือยัง ? อย่าเลื่อนเที่ยวบินนะ” ไมค์รู้จักเธอดี เขาจึงอดไม่ได้ที่จะโน้มน้าวใจ “ฉินอันอัน ฟู่สือถิงไม่ได้เป็นคนปล่อยข่าวนี้ โจวจื่ออี้บอกฉันว่าฟู่สือถิงเป็นคนบอกเอง ข่าวนี้โจมตีเธอทั้งสองคน สำหรับเรา เงินหมื่นล้านนั้นเป็นตัวเลขที่มากมายมหาศาล แต่สำหรับฟู่สือถิงไม่เหมือนกัน เธอไม่จำเป็นต้องกดดันตัวเองเรื่องเงินขนาดนั้น สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือเธอต้องดูแลตัวเองให้ดี เธอยังมีลูกอีกคนอยู่ในท้องนะ!” “ฉันรู้” อารมณ์ของฉินอันอันสงบลงมาก “เธอให้กำเนิดลูกของเขาเยอะขนาดนั้น ดังนั้นเงินจำนวนนี้ก็ควรถือเป็นค่าเลี้ยงดูบุตรสิ!” ไมค์ยังคงปลอบเธอต่อ เธอเหลือบมองเด็กสองคนที่อยู่ไม่ไกล “อย
เขาบีบนิ้วบนโทรศัพท์แน่นโดยไม่รู้ตัว ทั้งสองพัฒนามาจากคู่รักที่เลิกราเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ แม้ว่าความสัมพันธ์นี้จะค่อนข้างน่าขัน แต่อย่างน้อยก็ทำให้พวกเขาได้ติดต่อกัน เขาไม่ตอบกลับเธอ แล้วถ้าเขาไม่ตกลงล่ะ? เธอไม่ยอมฟังเขา ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขาเปิดข้อความและเห็นการแจ้งเตือนจากธนาคาร บัญชีส่วนตัวของเขาเพิ่งได้รับเงินหนึ่งพันล้าน หมายเหตุคือ ชำระคืน เขาจ้องมองไปที่ตัวเลข แสงในดวงตาของก็หรี่ลงเล็กน้อย นี่น่าจะเป็นเงินทั้งหมดที่เธอคืนได้ในตอนนี้ ...... หลังจากที่ฉินอันอันโอนเงินแล้ว เธอก็จ้องมองโทรศัพท์อย่างเหม่อลอยอยู่พักหนึ่ง ‘เขาจะไม่ตอบข้อความเลยเหรอ?’ ‘ข้อความถูกส่งไปแล้ว ไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวเขาก็เห็น’ เธอวางโทรศัพท์ลงในกระเป๋าแล้วเดินออกไปที่ประตูพร้อมกับกระเป๋าของเธอ เมื่อวานเธอติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหวังว่าตำรวจจะสามารถสอบสวนได้ว่าอิ๋นหวังไปเจอใครก่อนหน้าที่จะลักพาตัวเว่ยเจิน แม้ว่าอิ๋นหวังจะตายไปแล้ว แต่ผู้สมรู้ร่วมคิดยังมีชีวิตอยู่ ตามคำขอของเธอ ตำรวจได้สอบสวนคนของอิ๋นหวังหลายคน และได้รับคำสารภาพอย่างละเอีย
เขาไปบังคับให้เธอคืนเงินตอนไหน?! เธอนั้นแหละ บังคับตัวเอง! “นายคิดว่าฉันไปหาเธอเพราะอยากได้เงินเหรอ?” ในขณะที่พูด น้ำเสียงของเขาก็สั่นเทา โจวจื่ออี้ส่ายหน้าอย่างแรง “ผมรู้ว่าคุณไม่มีทางอยากได้เงินจากเธอ แต่คุณสามารถบอกให้เธอไม่ต้อคืนเงินคืนได้นะครับ” “นายคิดว่าเธอจะฟังฉันเหรอ?” น้ำเสียงของเขาฟังดูประชดประชัน “ทำไมนายถึงคิดว่าเธอจะฟังฉันล่ะ?!” โจวจื่ออี้ตกตะลึง “ไมค์สั่งให้นายบอกเรื่องนี้กับฉันเหรอ?” ลูกกระเดือกของฟู่สือถิงกลิ้งขึ้นลงและคิ้วของเขาก็ขมวดแน่นขึ้น โจวจื่ออี้ส่ายหน้า “เขารู้ว่าถึงพูดกับคุณก็ไม่มีประโยชน์ แต่...ผมคิดว่าแม้ว่าคุณจะบอกว่ามันไม่มีประโยชน์ อย่างน้อยคุณก็ได้แสดงความรู้สึกของคุณ ถ้าเธอไม่ฟัง ต่อไปถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ก็ไม่มีใครมาตำหนิคุณได้” “ฉันเข้าใจแล้ว นายออกไปเถอะ” ฟู่สือถิงไม่กลัวใครตำหนิ เขาแค่กลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายของเธอ หลังจากที่โจวจื่ออี้ออกไป เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขของฉินอันอันแล้วโทรออก หลังจากโทรออกแล้ว มีเสียงเรียกแต่ไม่มีใครรับสาย หลังจากที่ระบบวางสายโดยอัตโนมัติ เขาก็วางโทรศัพท์ลง ตอนนี้เขารู้สึก
เขาหยิบกาแฟร้อนบนโต๊ะมาจิบ กาแฟมีรสขมมาก เช่นเดียวกับความรู้สึกของเขาในตอนนี้ ฉินอันอันเป็นประเภท ‘ฉันจะไปตามทางของฉัน’ มาโดยตลอด ไม่เคยคำนึงถึงความรู้สึกของเขาเลย แม้ว่าพวกเขาจะเลิกกัน เธอก็ยังคงหาวิธีมาทรมานเขาได้ …… ชั้นเรียนอัจฉริยะ ระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน เด็กผู้ชายคนหนึ่งถือกล่องอาหารกลางวันเดินไปหาเสี่ยวหาน “ฉินจือหาน ผู้หญิงในข่าวที่โกงเงินฟู่สือถิงเป็นหมื่นล้านเป็นแม่ของนายใช่ไหม?!” เด็กผู้ชายที่พูดชื่อว่าเสี่ยวตง แต่เพราะเขามีร่างกายอวบอ้วน ทุกคนจึงเรียกเขาว่าเสี่ยวพ่าง “แม่ของฉันไม่ได้โกง!” เสี่ยวหานโกรธ “ฉันรู้ว่าแม่ของนายไม่ใช่คนขี้โกง ถ้าแม่ของนายเป็นคนขี้โกง ฟู่สือถิงจะต้องสร้างปัญหาให้แม่ของนายแน่ ๆ” เสี่ยวพ่างสงสัย “ตอนนี้แม่ของนายคงจะสบายดี คงจะอยู่บ้านใช่ไหม?” “แม่ของฉันอยู่ต่างประเทศ” เสี่ยวพ่างดันแว่นตาบนดั้งจมูกของเขาแล้วมองเสี่ยวหานด้วยสายตาเฉียบแหลม “โอ้… ทำไมเธอไม่กลับมาล่ะ?” เสี่ยวหานขมวดคิ้ว เสี่ยวพ่าง “เสี่ยวหาน นายอย่าโกรธเลยนะ! ฉันไม่ได้บอกว่าแม่ของนายเป็นคนขี้โกง… ฉันแค่อยากรู้ว่า แม่นายจะคืนเงินฟู่สือถิงไหม? ครอบครัวของนายม
ทั้งสองคนตกตะลึง “พี่หาน...อย่าเพิ่งขายเหรียญพวกนี้นะ! ลุงเดาว่าพวกมันยังขึ้นได้อีก” ไมค์สูดหายใจและเตือน เสี่ยวหาน “ครับ” “อย่าเพิ่งบอกแม่เรื่องนี้ล่ะ” ไมค์พูดต่อ “ลุงเกรงว่าถ้าเธอรู้ใจของเธอจะรับไม่ไหว” “ไว้ผมจะให้เงินลุงแล้วลุงก็ค่อยเอาให้แม่ก็แล้วกัน” เสี่ยวหานกล่าว “ตกลง…เราไปกินข้าวกันก่อนเถอะ!” ไมค์พยุงเสี่ยวหานขึ้น วันนี้ใจของเสี่ยวหานลอยสูงสองเมตร! …… ที่ประเทศบี หลังจากที่ฉินอันอันทำการผ่าตัดพ่อของลูกค้าเสร็จ ลูกค้าก็เชิญเธอไปรับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหาร “หมอฉิน คุณรู้จักเสินอวี๋ไหมครับ?” หัวใจของฉินอันอันบีบรัด แต่ไม่มีการแสดงออกบนใบหน้าของเธอ “ไม่ถึงกับสนิทค่ะ ทำไมเหรอคะ?” “เธอถามเพื่อนของผมเรื่องคุณ” ลูกค้ากล่าวว่า “ไม่รู้ว่าเธอไปได้ยินมาจากใครว่าคุณกำลังเดทกับผมอยู่ ในเมื่อคุณไม่ได้สนิทกัน ทำไมเธอถึงถามถึงคุณลับหลังล่ะ?” ฉินอันอัน “เพื่อนของคุณตอบเธอว่ายังไงคะ?” “ผมบอกเพื่อนว่าไม่ต้องตอบอะไร เดิมผมขอให้คุณทำการผ่าตัดพ่อของผม แต่ผมไม่ได้บอกใครเลย ไม่รู้ว่าเธอรู้มาจากไหน” “โอ้ ในเมื่อเธอถามเพื่อนของคุณ นั่นหมายความว่าเธอรู้แล้ว” “ใช่! แต่เร