อารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจที่ภายในวันเดียวมีหลากหลายเรื่องที่ต้องเผชิญ ทำให้ยายเล็กระเบิดความอัดอั้นออกมาทั้งที่พยายามจะสะกดกลั้นให้มากที่สุด แต่เรื่องต่างๆ ที่วิ่งเข้าโถมใส่ก็ทำให้แกทนไม่ไหว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของฟ้ารุ่งที่ถูกรื้อฟื้นให้สะเทือนจิตใจ ไหนจะถูกมัดมือชกเรื่องส่งหล้าไปเรียนหนังสือ ถูกลมรำเพยต่อว่าต่อขาน แล้วเมฆยังมาพูดแขวะให้แกช้ำใจเล่นอีก
“แหม แม่ พูดเล่นแค่นี้ทำเป็นมีน้ำโห ฉันก็แค่จำที่พี่ลมมันพูดมา ใครจะไปกล้ามีปัญหากับแม่ล่ะ ว่าแต่แม่มีให้ฉันสักหกสิบไหม ฉันจะเอาไปซื้อ...”
เมฆเปลี่ยนอารมณ์และปรับน้ำเสียงอ่อนหวาน พร้อมกับกระดิกมือเพื่อบอกเป็นนัยถึงสิ่งที่ต้องการ
“กูไม่มี ข้าวต้มยังห่อไม่เสร็จ ต้องรอนังหล้ามันเอาไปขายพรุ่งนี้ก่อน”
เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เมฆต้องการให้หลานตัวน้อยไปซื้อคืออะไร แกจึงโกหกว่าไม่มีเงิน ข้าวมีให้กินแต่ไม่ให้เงิน คงเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดตามที่ผู้ใหญ่บ้านแนะนำแกมา แต่ตอนนี้ท่าทางจะไม่ใช่เสียแล้ว
“แม่อย่ามาโกหกฉันเลย ไหนดูซิมีเท่าไร”
“ไอ้เมฆ เอากระเป๋ากูคืนมา! ไอ้เมฆ กูบอกให้เอาคืนมา! ไอ้ลูกเวร เอามา!”
ยายเล็กลุกพรวดเมื่อเมฆล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคอกระเช้าของแกแล้วหยิบกระเป๋าพลาสติกใส่เงินใบเก่าออกไปด้วย ร่างท้วมพยายามไขว่คว้าแย่งชิงกระเป๋าคืน แต่ลูกชายที่คอยหันหน้าหันหลัง กันไม่ให้แกหยิบได้ก็ทำให้ผู้เป็นแม่น้ำตาแทบร่วง
“โห! มีเงินตั้งเยอะทำเป็นหวงลูก งั้นฉันเอาร้อยนึงละกัน”
เมฆกระหยิ่มยิ้มย่องเมื่อเห็นธนบัตรสีแดงหลายใบพับซ้อนอัดกันแน่นอยู่ในกระเป๋า แต่เมื่อหันไปเห็นดวงตาคลอไปด้วยหยาดน้ำของผู้เป็นแม่ อาการลิงโลดที่คิดว่าวันนี้คงได้หลายบาทก็พลันชะงัก ก่อนจะเปลี่ยนใจเอาเท่าที่พอซื้อได้แทน
“ไม่ได้! กูต้องเอาไว้ซื้อของขายพรุ่งนี้ เอาคืนมานะไอ้เมฆ ถ้ามึงเอาไป กูก็ซื้อของไม่พอ” ยายเล็กพูดพร้อมกับพยายามไขว่คว้าแย่งกระเป๋าเงินคืน ทั้งที่เรี่ยวแรงเหมือนจะหดหายไปกับความช้ำใจจนหมด
“แม่มีตั้งเยอะ ถ้าไม่พอแม่ก็รอให้นังหล้ามันขายข้าวต้มมัดให้ได้ก่อนสิ แล้วแม่ค่อยไปซื้อของ” เมฆวางกระเป๋าใบเก่าตรงหน้าเจ้าของ ก่อนจะรีบออกไปโดยไม่สนใจเสียงตะโกนไล่หลังของแม่สักนิด เพราะเขากำลังจะได้ในสิ่งที่ต้องการอย่างง่ายดาย แค่มีธนบัตรใบสีแดงไปแลกเท่านั้น
“ไม่นะ! ไอ้เมฆ เอาเงินกูคืนมา ไอ้เมฆ ไอ้ลูกเวร!”
ร่างท้วมทรุดกายลงนั่งกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง ทว่าน้ำตาที่คิดว่ามันจะไหลออกมากลับย้อนคืนสู่ภายใน เพราะน้ำตาของนางเหือดแห้งไปกว่าเจ็ดปีแล้ว แค่คิดว่ามันเป็นกรรมอะไรที่มีลูกก็ไม่ได้ดีสักคนเดียว แม้จะขาดฟ้ารุ่งไปแล้ว ลมรำเพยก็ไม่คิดจะเรียนต่อ จากเด็กร่าเริงกลับกลายเป็นคนขี้หงุดหงิดปากคอเราะราย เมฆที่เคยเป็นเด็กเรียนเก่งสามารถสอบชิงทุนของจังหวัดได้ก็กลับติดยาจนชีวิตหมดอนาคต วันๆ เอาแต่นอน ไม่คิดจะทำมาหากินอะไร ส่วนหมอกลูกชายคนเล็กก็ไม่ต่างจากพี่ชายเลยสักนิด หนำซ้ำยังมีคดีพรากผู้เยาว์ติดตัวจนแกต้องวิ่งเต้นเสียเงินเสียทองเพื่อให้ลูกชายพ้นคดี และหมอกก็เข้าสู่วังวนของยาเสพติดไม่ต่างจากเมฆ
ทำไมชีวิตนางถึงต้องเผชิญกับวิบากกรรมอย่างนี้ แกไปทำเวรทำกรรมกับใครไว้ ทำไมชาตินี้ถึงได้มีแต่ความทุกข์ไม่รู้จักจบจักสิ้น หากกำหนดชีวิตตัวเองได้แกก็อยากจะตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าไม่ติดว่ามีภาระจำยอมที่ต้องเลี้ยงดูหลานที่แกไม่ต้องการ แกก็คงไม่อยากจะอยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว
ร่างท้วมเอนกายนอนราบลงกับพื้นกระดานบ้านอย่างหมดเรี่ยวแรง ดวงตาฝ้าฟางปิดลงอย่างเหนื่อยอ่อนหัวใจแสนสาหัส จะมีใครบ้างนะที่จะสงสารและรับรู้ในชะตากรรมของแก...จะมีใครรู้บ้าง
.
.
ใบหน้าน้อยๆ ที่ก้มต่ำ ดวงตาเหม่อลอยไม่ต่างจากคนกำลังครุ่นคิด ติดที่ว่ากิริยานั้นเป็นการกระทำของเด็กอายุแค่หกปีเท่านั้น ผู้ใหญ่ในที่นี้จึงได้แต่มองดูด้วยความสงสารปนสังเวชใจที่โชคชะตาที่ช่างมีอิทธิพลต่อชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะเจริญเติบโตนี้เสียจริง
‘หมามันยังรักลูก แล้วทำไมอีฟ้าไม่รักลูกมัน แม่คิดบ้างไหม ฮึ! ฉันคงไปแตะลูกรักของแม่ไม่ได้หรอก แต่คอยดูละกัน ฉันพนันกับแม่ได้เลยว่าน้ำหน้าอย่างอีหล้า ไม่เกิน ม.3 มีผัวแน่’
เสียงเย้ยอันหวั่นเกรงของน้าสาวยังคงก้องอยู่ในหู เสียงที่ทำให้หัวใจจดจ่อว่าต้องมาให้ถึงที่นี่ให้ได้ แต่ตอนนี้เธอจะตอบคำถามของคุณยายพิศและคุณครูปานใจได้อย่างไร เพราะสิ่งที่น้าสาวพูดมาทั้งหมดนั้นแม้จะเข้าใจบ้างและไม่เข้าใจบ้าง แต่เธอก็แยกแยะได้ว่ามันเป็นคำไม่สุภาพ
“ว่ายังไงล่ะลูก หนูหล้า กินขนมอิ่มแล้วก็ต้องบอกยายแล้วนะว่าหนูน่ะเดินร้องไห้มาทำไม ใครรังแกหนูหรือเปล่า บอกยายกับคุณครูปานใจได้ ยายจะให้คุณครูไปจัดการให้”
เสียงไก่ชาวบ้านที่เลี้ยงไว้ส่งสัญญาณว่าเวลารุ่งอรุณมาถึงแล้ว ขณะที่เปลือกตาสวยหวานเริ่มกะพริบถี่ก่อนใบหน้าและเรือนกายจะร้อนผ่าวขึ้นเพราะเนื้อกายเปล่าเปลือยที่กอดกระชับและซ้อนทับอยู่ด้านหลัง เธอหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน เมื่อความร้อนแรงมอดดับไปผิวเนื้อก็สัมผัสได้ถึงความชื้นเย็นของน้ำค้าง ดวงตาสวยหวานมองหาผ้าห่มเพื่อคลุมกายแต่ติดบางสิ่ง ทำให้เธอต้องขยับอย่างระวัง “อื้อ...จะไปไหนล่ะครับ นอนต่อเถอะ” ท่อนแขนที่กอดกระชับร่างบางแนบแน่นอย่างระมัดระวัง ทำให้มัตติกาเริ่มสั่นหวั่นไหวอีกครั้ง “ติ๊ก้าจะห่มผ้า” ฝ่ามือใหญ่สัมผัสไปมาบนเนื้อตัวรับรู้ได้ถึงความเย็นชื้นของผิวเนื้อ ก่อนเรือนกายแข็งแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามแห่งบุรุษจะลุกขึ้นแต่ก็ยังไม่วายจะรั้งร่างเปล่าเปลือยของเธอให้ลุกตาม มัตติกาผวากอดรัดร่างของเขาแน่น ทั่วทั้งใบหน้าและเนื้อกายร้อนผ่าวเพราะสิ่งที่เขากระทำ ศิรชัชโอบอุ้มร่างเปล่าเปลือยของเธอไม่ยอมให้แยกออกจากกันจนเธอต้องผวากอดรัดเขาเพราะกลัวตก ส่วนเขาได้แต่หัวเราะไปมาในลำคอ ผ้าห่มผืนบางที่ตกอยู่ปลายเตียงถูกเขี่ยขึ้นไปไว้บนเตียง ไม่มีทีท่าว่าเขาจะปล่อยเธอ
ความอุ่นวาบทาบทับบดขยี้รุกเร้ารุนแรงตามอารมณ์ ทำให้ร่างบางที่พยายามจะต่อต้านนิ่งขึงดั่งถูกสตาฟฟ์ ความรุนแรงร้อนซ่านแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนนุ่มนวลเพราะเจ้าของร่างเล็กสั่นสะท้านไปทั้งตัว เรียวลิ้นอุ่นจนเกือบร้อนชอนชิมความหวานจากภายในและพยายามดุนดึงลิ้นน้อยให้สัมผัสกันและกัน ในขณะที่ฝ่ามือของเขาไม่ได้ละไปจากความอวบอิ่มนั้นเลยสักนิด กลับกันมันกลับกำลังทำหน้าที่สอดประสานกับฝ่ามืออีกข้างที่ตรงเข้าโอบรัดเบื้องหลังและไต่ขึ้นไปจนสะกิดตระขอบราเซียร์ให้หลุดออก ปล่อยให้นิ้วมือแกร่งปนร้อนเข้าไปแตะต้องสัมผัสร่างที่สั่นสะท้านไปกับสิ่งรุกเร้าครั้งแรกในชีวิต “อืม...เป็นไง คุณคนขายข่าว ถึงกับเคลิ้มเลยใช่ไหม ถ้าคุณเอาข่าวผมลง ผมก็จะบอกคนอื่นว่าคุณมายั่วผมแต่ผมไม่เล่นด้วย คุณเลยเล่นงานผมด้วยวิธีนี้ ไหนดูซิมีภาพอะไรบ้าง” ภีมคว้ากล้องดิจิทัลที่คล้องคอพราวรุ้งขึ้นมากดดูภาพที่เธอถ่ายไว้ ซึ่งไม่มีภาพอะไรที่ผิดปกติ จะมีก็แค่ภาพที่เขามองมัตติกาด้วยความเสียดายเท่านั้น และภาพที่ถ่ายทอดความรู้สึกเยี่ยงนี้เขาจะกดทิ้งก็เสียดายจริงๆ ต้องนับว่าเธอถ่ายภาพได้ดีมากๆ “ก็ไม่เห็นมีอะไรน
“พี่แชมป์ขา...ติ๊ก้าไม่ไหว...” “เรียกใหม่ครับทูนหัว...เรียกพี่...เร็วครับ!..” “อื้อ...พี่นักรบขา...เร็วค่ะ!” เสียงกรีดร้องถูกกักเก็บไว้ด้วยริมฝีปากร้อนพร้อมกับลาวาอุ่นซ่านถูกปลดปล่อยเข้าสู่ใจกลางดงดอกไม้ บ่าวสาวกอดกันกลมในท่านั่งอยู่บนเตียง “ปล่อยติ๊ก้าก่อนนะคะ” “ไม่ปล่อยได้ไหมครับ พี่ยังไม่อิ่มเลย” “ปล่อยนะ แค่นี้ก็...” “แค่นี้อะไรกันครับ พี่แชมป์นะได้เป็นสิบนะครับ ลืมไปแล้วเหรอ ยิ่งตอนนี้เป็นพี่นักรบขาของน้องหล้าด้วย รับรองว่ากว่าจะถึงเช้าพี่ต้องทำลายสถิติแน่ๆ” “บ้า! พี่แชมป์ ปล่อยติ๊ก้านะ” มัตติกาพยายามดิ้นรนจะลงจากตักของศิรชัชแต่ดูเหมือนยิ่งดิ้น ภายในก็กลับมาตื่นตัวอีกครั้ง “อย่าขยับ...ขยับได้แล้วครับ พี่ช่วย...” ฝ่ามือจับสะโพกผายขยับขึ้นลงจนมัตติกาเสียหลักผวากอดรัดรอบต้นคอของเขาแน่น “พี่แชมป์บ้า!..”.. เจ้าสาวมีอาการสะเทิ้นอายและหน้าแดงระเรื่อในยามที่ผู้ใหญ่ต่างพากันมาอวยพรส่งตัวบ่าวสาว ผิดกับเจ้าบ่าวที่อมยิ้มละมัยราวกับคนได้รับชัยชนะจากการพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์
‘พี่ดวงขอแสดงความยินดีกับน้องติ๊ก้าและก็แชมป์ด้วยค่ะ ขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไป ขอบคุณสำหรับชีวิตใหม่และครอบครัวที่อบอุ่น ขอบคุณจริงๆ’ .. ดวงตาสวยหวานไล่สายตาไปมาบนจดหมายที่น้าชายเอามาส่งให้ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความสุข เธอมีความสุขเพราะคนรอบข้างมีความสุข เพียงแค่นี้ก็พอแล้วสำหรับชีวิตหนึ่งที่เกิดมาบนโลกใบนี้ แล้วคนเราจะยังต้องการอะไรกันอีก ความต้องการที่แท้จริงก็เพียงการได้รับความรักและการยอมรับจากคนที่เรารักเท่านั้นไม่ใช่หรือ ซึ่งทั้งหมดนี้เธอมีพร้อมหมดแล้ว และเธอก็มั่นใจว่าในเวลานี้กลิกาก็คงมีความสุขเช่นเดียวกัน “อ่านอะไรอยู่ครับ น้องหล้า” อ้อมกอดกระชับแนบแน่นจากเบื้องหลังก่อนจะฝังจมูกลงกับซอกคอหอมกรุ่นเย้าแหย่ให้เจ้าสาวแสนสวยของเขาจั๊กจี้เล่น “อื้อ...พี่แชมป์นี่ ปล่อยก่อนสิคะ” “ไม่เอาเรียกใหม่” “เรียกใหม่” ดวงตาสวยหวานครุ่นคิดไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาบอก “ต้องเรียกว่ายังไง ก็ตกลงกันแล้ว” “เอ่อ...ใครเขาอยากจะเรียกกัน ไหนว่าไม่เคยมีความลับ” ใบหน้างามเสมองไปทางอื่นเพราะใครกันจะอยากเรียกเขาแบบนั้น ศิรชัชต
ยายเล็กกระชับฝ่ามือของเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาไว้เคียงกัน น้ำตาของผู้เป็นยายไหลอาบใบหน้าไม่ขาดสาย ทว่าเป็นน้ำตาแห่งความปลาบปลื้ม เมื่อสิ่งที่แกหวังอย่างที่สุดเป็นจริงได้ ‘ก้อนดินก้อนนี้มีคุณค่าที่จะเพาะปลูกสิ่งใดก็เจริญงอกงามรุ่งเรือง โดยเพราะความดีงามได้เจริญงอกงามเกินกว่าสิ่งใด’ อย่างแท้จริง “อ้าวแม่! อวยพรให้หลานมันสิ เอาแต่ร้องไห้” ลมรำเพยเอ่ยแซวทั้งที่ตนเองนั้นก็มีสภาพไม่แตกต่างไปจากยายเล็กสักเท่าไร ดวงตาของผู้เป็นน้าสาวเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา วันเวลาที่ถูกจำกัดอิสรภาพไม่เคยมีคำว่าเสียดาย เพราะสิ่งที่เธอสูญเสียไปนั้นได้รับการตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุด ‘ความสุข ความรักในครอบครัวได้กลับมาแล้ว’ และเธอก็ได้ไถ่โทษจนหมดสิ้นแล้ว “ยายขอให้หล้ากับพ่อแชมป์มีความสุข ขอให้มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง มั่งมีศรีสุข ขอให้...” คำพูดตีบตันเพราะน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มยังไหลอาบไม่ขาดสาย ดวงตาฝ้าฟางด้วยวาวน้ำตามองเห็นภาพความสุขตรงหน้า หลานสาวของแกกำลังจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาและได้คนที่ดีเหมาะสมกันทุกประการ ทำให้แกถึงกับพูดต่อไม่ออก “แม่...” ลมรำเพยกระชับฝ่ามือผู
“ติ๊ก้า...เสร็จหรือยังจ๊ะ คุณแชมป์เขามาแล้วนะ” แองจี้เยี่ยมหน้าเข้ามาในห้องก่อนจะอมยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าสะสวยอิ่มเอมด้วยความสุข “ไปกันเถอะน้องสาวของเจ๊ คุณแม่ลมเขารอทำหน้าที่แล้วนะจ๊ะ” ลมรำเพยรับหน้าที่เป็นแม่ของเจ้าสาวในวันนี้ เพราะยายเล็กนั้นไม่แข็งแรงพอที่จะรับบทแม่งาน จะหยิบจะฉวยอะไรก็ยาก ส่วนคุณยายพิศและคุณอาปานใจก็ติดต้องไปธุระให้หลานชายในวันนี้พอดิบพอดี หากเธอจะเลื่อนไปก่อนก็ไม่ได้ เพราะกว่าคุณย่าของศิรชัชจะหาฤกษ์ที่ดีที่สุดนี้มาให้ก็ต้องรอนานถึงสองเดือนด้วยกัน และหากพลาดฤกษ์นี้ไปคงต้องรอไปจนถึงปีหน้า ถ้าให้รอถึงป่านนั้นศิรชัชคงไม่ยอมแน่ เขาคงจะประกาศตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของและถือวิสาสะย้ายมาอยู่กับเธอเบ็ดเสร็จ เพราะฉะนั้นคุณแม่ลมรำเพยจึงต้องแต่งองค์ให้สมฐานะแม่ของเจ้าสาวในวันนี้ เจ้าบ่าวรูปหล่อมากปานเทพบุตรของเธออยู่ในชุดไทยพระราชทานขลิบทองสีงาช้างเช่นเดียวกัน ดวงตาคมเข้มของเขาแวววาวเรียกเลือดลมสูบฉีดไปทั่วทั้งใบหน้าได้ในทันทีที่สบสายตา เพราะแววตานั้นไม่ปกปิดความปรารถนาเลยสักนิด และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ละสายตาไปจากใบหน้าของเธอเลยสักเสี้ยวนา