LOGINเพราะเข้าใจผิด เหมันต์จึงได้ทิ้งคนรักอย่างปารวตีไปโดยปราศจากคำอธิบาย ทั้งสองเดินคนละเส้นทางและไม่คาดคิดว่าจะมีโอกาสได้พบกันอีก จนกระทั่งวันที่เธอจูงลูกแฝดเข้ามาสมัครงานในฟาร์มไข่มุกของเขา
View Moreเหมันต์หรือหมอกนักศึกษาหนุ่มรูปหล่อพ่อรวยรู้สึกเจ็บปวดถึงขั้วหัวใจเมื่อภาพตรงหน้าตอนนี้คือภาพของคนรักอย่างปารวตีและเพื่อนรักอย่างเอกภพที่กำลังเดินออเซาะกันอย่างสนิทสนมแถมยังขึ้นไปยังห้องพักที่เป็นพื้นที่ลับหูลับตาผู้คนพร้อมกันอีก มือหนากำแน่นด้วยความโกรธอย่างถึงขีดสุดแต่ก็เลือกที่จะไม่แสดงตัวตนและยังคงเฝ้าดูคนที่ไว้ใจทั้งสองที่หักหลังอย่างเลือดเย็นจนลับสายตา
ร่างสูงโปร่งชาไปทั้งตัว หัวใจรู้สึกเหมือนแหลกสลาย ชายหนุ่มเลือกที่จะกลับขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าคอนโดมิเนียมที่บิดาซื้อเอาไว้ให้อย่างเงียบเชียบแทนที่จะตามขึ้นไปดูชายโฉดหญิงชั่วที่ทำร้ายหัวใจเขา เขาไม่อยากที่จะขึ้นไปเห็นภาพที่ไม่อยากเห็นเพราะกลัวว่าจะระงับโทสะไม่อยู่จนพลั้งมือทำร้ายใครให้เป็นมลทินติดตัว และในที่สุดการรอคอยของเขาก็สิ้นสุดลงเมื่อเอกภพเดินยิ้มร่าเดินตรงไปที่รถของตัวเองโดยไม่ทันสังเกตเห็นเขาด้วยซ้ำ
“หมอก จะเก็บข้าวของไปไหน” ชายหนุ่มเดินกลับเข้าไปในห้องของเขาและเธออย่างใจเย็นและไร้ซึ่งการแสดงออกสีหน้าหรือคำพูดใดทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในห้อง มีเพียงการกระทำเท่านั้นที่ทำให้คนรักอย่างปารวตีต้องแปลกใจ เสียงหวานที่สั่นเครือเอ่ยถามขณะที่น้ำตายังคงไหลรินไม่ขาด มือเรียวบางเกาะเกี่ยวแขนแข็งแรงที่เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตายัดเสื้อผ้าและข้าวของทุกอย่างลงในกระเป๋าเดินทางด้วยอารมณ์ที่ยากจะคาดเดา
“หมอกตอบป่านมาก่อนสิ หมอกจะเก็บของไปไหน” ปารวตีในชุดนิสิตยังคงยื้อยุดอยู่กับอีกคนไม่ยอมปล่อย หญิงสาวรู้สึกสับสนไปหมดที่คนรักอย่างเหมันต์หรือหมอกเก็บข้าวของอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทั้งๆ ที่เธอกำลังจะบอกเรื่องสำคัญกับเขาแท้ๆ
“ก็กำลังหลีกทางให้ป่านกับไอ้เอกมันได้สมหวังไง” ชายหนุ่มที่กำลังโกรธหันมาตอบด้วยน้ำเสียงเกลียดชังราวกับว่าไม่เคยรักกันเลยแม้แต่น้อยหนำซ้ำยังสลัดมือบอบบางที่กำลังขอร้องนั้นอย่างไม่ใยดีอีก
“เดี๋ยวสิ นี่มันเรื่องอะไรกัน แล้วเอกมาเกี่ยวอะไรด้วย” หญิงสาวตาโตขึ้นมาทันทีเมื่อเหมันต์เอ่ยชื่อของเอกเพื่อนสนิทของชายหนุ่มที่เพิ่งอาสามาส่งเธอถึงที่ห้องพักเมื่อครู่ มือเล็กยังคงดึงกันที่จะยื้อเขาเอาไว้ และหญิงสาวรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังเข้าใจเธอผิดอย่างร้ายแรง
“บนหัวหมอกมีเขาอยู่หรือไงป่าน หรือว่าหมอกดูโง่มากในสายตาป่านถึงได้แอบพาไอ้เอกขึ้นมาพลอดรักกันถึงบนห้อง” นิสิตหนุ่มปีสุดท้ายต่อว่าต่อขานหญิงสาวที่กำลังจะเป็นอดีตคนรักอีกทั้งยังแกะมือบางที่เกาะกุมท่อนแขนนั้นไปอย่างไร้เยื่อใย
“ไม่ใช่นะหมอก หมอกกำลังเข้าใจป่านผิดนะ เรื่องของป่านกับเอกมันไม่มีอะไรจริงๆ ป่านมีหมอกแค่คนเดียวจริงๆ นะ” ปารวตีอธิบายทั้งน้ำตา ร่างบอบบางรีบปราดเข้าไปขวางประตูทางออกเอาไว้หวังจะยื้ออีกฝ่ายให้ฟังคำอธิบาย
“เก็บเอาไว้บอกคนอื่นเถอะป่าน หมอกเห็นทุกอย่างหมดแล้ว ถ้าไม่มีอะไรทำไมต้องพากันขึ้นมาบนห้อง แล้วยังจะท่าทางออเซาะนั่นอีก ถึงหมอกจะรักป่านอยู่ตอนนี้แต่หมอกก็ไม่ได้หลงป่านจนยอมให้เขามันมากดหัวหมอกเอาไว้หรอกนะ เรื่องของเราจบลงเท่านี้เถอะ” ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะส่งสายตาบีบคั้นให้หญิงสาวยอมหลีกทางแต่โดยดี เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่อยากใช้กำลังกับผู้หญิงโดยเฉพาะกับปารวตี
ดวงตาคมกริบที่บีบคั้นและตัดพ้อของเหมันต์ที่มีต่อเธอนั้นทำให้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่รวบรวมมาได้หมดสิ้นลงเพียงพริบตา ร่างบางยินยอมเปิดทางให้คนรักที่ยืนกรานว่าจะลาจากไปอย่างไม่มีเงื่อนไขแม้หัวใจจะเจ็บปวดสักเพียงใดก็ตาม
“หมอกขอให้ป่านกับไอ้เอกมีความสุขกันมากๆ นะ” ชายหนุ่มหันกลับมามองอดีตคนรักอีกครั้งพร้อมกับคำอวยพรที่แสนจะฝืนหัวใจและรอยยิ้มที่แสนเศร้าก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ทิ้งให้ปารวตีในชุดนิสิตยังคงยืนมองแผ่นหลังกว้างของเขาไปจนลับสายตาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มลงมาอย่างไม่ยอมหยุด
“พ่อเขาทิ้งเราไปแล้วนะลูก แม่ขอโทษที่ไม่ได้บอกพ่อว่ามีหนูอยู่ในนี้นะคะแต่ว่าแม่สัญญานะ ว่าแม่จะดูแลหนูให้ดีที่สุด” หญิงสาวกลับเข้ามาในห้องพัก บานประตูปิดลงอย่างแนบสนิทและเงียบเชียบมีแต่เสียงสะอื้นจนตัวโยนของปารวตีที่เจ็บปวดจากการถูกตัดความสัมพันธ์โดยที่อีกฝ่ายนั้นยังคงเข้าใจผิดอยู่อย่างนั้น ความจริงแล้วระหว่างเธอกับเอกภพไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปอย่างที่เหมันต์เข้าใจ เขาแค่บังเอิญมาพบเธอเข้าในขณะที่เธอรู้สึกเวียนศีรษะจากการแพ้ท้องจึงได้อาสาขึ้นมาส่งเพราะเป็นห่วงก็เท่านั้น แต่ไม่คาดคิดเลยว่าภาพเพียงแค่ไม่กี่นาทีจะทำลายความรักที่เธอและเขามีร่วมกันมาตลอดสี่ปีได้อย่างง่ายดาย แม้จะเสียใจมากแค่ไหนกับความรักที่พังทลายแต่ปารวตีก็รีบปาดน้ำตาพวกนั้นทิ้งไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะตอนนี้เธอไม่ได้เป็นแค่นักศึกษาอีกต่อไปแล้ว เธอกำลังจะเรียนจบในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้และที่สำคัญที่สุดคือเธอกำลังจะกลายเป็นแม่คนแล้ว ถึงตอนนี้จะยังคิดไม่ออกว่าจะกลับบ้านไปบอกพ่อแม่อย่างไรเรื่องตั้งท้องทั้งที่ยังเรียนไม่จบและไม่รู้ว่าพ่อแม่จะรับเรื่องนี้ได้มากแค่ไหนแต่สิ่งหนึ่งที่เธอยืนยันว่าจะเกิดขึ้นคือเธอจะต้องคลอดเด็กคนนี้ออกมาให้ได้เพราะชีวิตน้อยๆ นี้เกิดจากความรักของเธอและเหมันต์แม้ว่านับจากวันนี้ไปมันจะเหลือเพียงแค่ความรักที่เธอมีให้เหมันต์ก็ตาม
ทางด้านเหมันต์เองก็รู้สึกเหมือนโลกถล่มเมื่อได้รู้ว่าคนรักที่เขาหมายมาดจะแต่งงานด้วยหลังจากเรียนจบทรยศความรักที่เขามีให้และผู้ชายคนนั้นก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลแต่กลับเป็นเพื่อนสนิทของเขาที่วิ่งเล่นและเติบโตมาด้วยกันอย่างเอกภพ เขารู้สึกเหมือนชีวิตหมดสิ้นทุกอย่างเหลือเพียงอีกแค่ไม่สัปดาห์เขาก็จะเรียนจบแล้วแต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เขาคิดถึง แต่กลับเป็นความรู้สึกเสียศูนย์ที่ซัดเข้ามาในหัวใจมากกว่า แผนการที่เขาตั้งใจเซอร์ไพร์สขอปารวตีแต่งงานพังไม่เป็นท่าเมื่อความรักจบลง หัวใจที่เขาเคยมอบให้ผู้หญิงที่เป็นทุกอย่างลงกลอนปิดตายในทันที เขาจะไม่มีวันรู้สึกโง่ๆ อย่างนี้กับผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว
หลังจากเรียนจบปารวตีเก็บข้าวของทั้งหมดของตัวเองกลับบ้านพร้อมกับส่งคืนกุญแจห้องพักให้เจ้าของทางไปรษณีย์ หญิงสาวหอบเอาหัวใจที่บอบช้ำกลับมาที่บ้านพร้อมกับลูกน้อยในครรภ์ แม้จะบอกกับตัวเองว่าต้องเข้มแข็งเพื่อลูก แต่กระนั้นความจริงแล้วการกระทำมันไม่ได้ง่ายเหมือนวาจาเลยซักนิด
หญิงสาวเอาแต่นั่งเหม่อลอยปล่อยความคิดล่องลอยไปตามใจปรารถนา ไม่แยแสโลกรอบตัวจนมารดาอย่างอุมาเริ่มสงสัย
“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ตั้งแต่เรียนจบแม่ไม่เห็นหนูร่าเริงเหมือนเดิมเลย หรือว่าอกหัก” มือที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาลูบเรือนผมสีดำขลับของลูกสาวคนเดียวอย่างเมตตาและห่วงใย
เพียงได้ยินเสียงที่นุ่มนวลของมารดาไม่กี่คำน้ำตาที่สะกดกลั้นเอาไว้ก็พังลงมาอาบสองแก้มสีระเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่ เธอเพิ่งได้รู้ว่าคนที่รักเธอเสมออยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เซนติเมตร แต่เธอกลับทำให้คนที่รักและหวังดีกับเธอนั้นต้องผิดหวัง
“แม่คะ ป่านมีเรื่องจะบอก ถ้าป่านบอกแม่แล้วแม่ยกโทษให้ป่านด้วยนะคะ” ร่างบางหันกลับมาสวมกอดมารดาทั้งที่ตัวสั่นเทาจากการร้องไห้
“แม่สัญญาว่าจะยกโทษให้ป่าน ไม่ว่าเรื่องนั้นมันจะเป็นเรื่องอะไร” สัญชาตญาณของแม่รับรู้ได้ว่ากำลังจะได้ยินเรื่องไม่น่าจะเข้าทีจากลูกสาวที่เป็นดังดวงใจ
“แม่ ป่านท้อง!!”
“ไม่เป็นไรนะลูก ไม่เป็นไร ลืมเรื่องที่ไม่สบายใจนั่นไปซะ แม่ผิดหวังที่หนูไม่รักตัวเอง แต่แม่ก็ดีใจที่หนูบอกกับแม่ตรงๆ ไม่ต้องห่วงนะลูกถึงหลานจะไม่มีพ่อหรือพ่อของหลานจะไม่รับผิดชอบอะไรก็ไม่เป็นไร เราสามคนช่วยกันเลี้ยงให้เขาเติบโตได้นะลูก ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นเพราะแม่อยู่ข้างหนูเสมอ”
ยิ่งได้ฟังคำพูดของมารดาอย่างอุมามันยิ่งทำให้น้ำตาของปารวตีไหลบ่าลงมาไม่ขาด ร่างบอบบางสะอื้นในอ้อมกอดแห่งความปรารถนาดีของมารดาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“แม่อย่าเพิ่งบอกพ่อนะคะ ป่านจะเป็นคนบอกกับพ่อเอง”
คำวอนของลูกสาวทำให้อุมาเริ่มวิตกเพราะสามีอย่างศิวะที่แสนจะหัวโบราณต้องมีปฏิกิริยาที่ทำให้ลูกสาวคนเดียวบอบช้ำมากกว่านี้แน่
“ป่านทำผิด ป่านรั้นคำสอนของพ่อ ทำตัวเป็นของแจกฟรีจนทำให้พ่อแม่อับอายแล้วก็ผิดหวัง ป่านต้องบอกพ่อด้วยตัวเองค่ะ อย่างน้อยพ่อก็ได้ฟังเรื่องนี้จากปากของป่านเอง” เพราะคำสอนของบิดาที่พร่ำสอนเสมอว่าคนเราเมื่อกล้าทำผิดก็ต้องกล้ายอมรับผิด เธอจึงเลือกที่จะทำอย่างที่บิดาได้คอยบอกอยู่เสมอแม้จะรู้ดีว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม
ปารวตีรวบรวมความกล้าสารภาพความจริงที่แสนอัปยศกับบิดาอย่างศิวะด้วยตัวเองทั้งน้ำตา ร่างบางสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวแต่ทว่าผลลัพธ์ที่เธอและมารดาคาดการณ์ไว้กลับผิดคาดเพราะนอกจากศิวะจะไม่ลงโทษหรือเฆี่ยนตีใดๆ อย่างที่ได้คิดเอาไว้ แต่กลับเป็นเพียงวาจาไม่กี่คำที่เจ็บปวดใจเสียยิ่งกว่าการถูกเฆี่ยนตีไม่รู้กี่เท่า
“พ่อผิดหวังในตัวป่านมาก”
เพียงแค่ไม่กี่คำพูดของศิวะประหารหัวใจดวงน้อยอย่างเลือดเย็นเพราะสายตาและน้ำเสียงของผู้เป็นบิดานั้นสั่นเครือแสดงความผิดหวังออกมาอย่างชัดเจน ตอกย้ำความเจ็บปวดของหญิงสาวด้วยการที่ผู้ให้กำเนิดเดินขึ้นไปชั้นบนของตัวบ้านอย่างไม่แยแส นับตั้งแต่วันนั้นก็ไม่มีถ้อยคำหรือเสียงใดๆ ออกมาจากปากศิวะอีก จนทำให้ปารวตีนั้นยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นเป็นเท่าทวีจนแทบจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ แต่ยังดีที่อุมานั้นยังคงดูแลเอาใจใส่และเป็นกำลังใจให้หญิงสาวฝ่าฟันอุปสรรคไปพร้อมกับลูกน้อยได้อย่างตลอดรอดฝั่งพร้อมกับเอกภพที่คอยเข้านอกออกในแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจในฐานะเพื่อนที่ดีอยู่เสมอ เพราะเขายังติดค้างที่ทำให้เธอต้องประสบชะตากรรมที่แสนเศร้าครั้งนี้
จนกระทั่งถึงวันที่ศิวะเป็นกังวลมากที่สุด วันที่ลูกสาวคนเดียวถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัดอย่างฉุกเฉินกลางดึก ชายวัยเกือบหกสิบเดินวนไปเวียนมาหน้าห้องผ่าตัดอย่างร้อนใจ สายตาจดจ่ออยู่กับการรอคอยใครบางคนจนไม่อาจละสายตา จนเวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมง ร่างบางที่ดูอ่อนเพลียก็ถูกเข็นออกมาจากห้องพักฟื้น พร้อมกับทารกน้อยชายหญิงน่าตาน่าชังที่ส่งเสียงร้องกระจองอแงอยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาว
“ไม่เป็นไรแล้วนะลูก” ศิวะรีบปราดเข้าไปลูบศีรษะของลูกสาวอย่างโล่งใจพร้อมกับหยาดน้ำตาที่เต็มไปด้วยความดีใจราวกับยกภูเขาออกจากอก
หัวใจดวงน้อยที่เหมือนจะโรยราพองโตเหมือนได้ยาวิเศษทันทีที่ได้ยินคำพูดของบิดาในรอบหลายเดือน ดวงตากลมโตเปล่งประกาย น้ำตาใสๆ ไหลลงมาด้วยความดีใจที่บิดาที่รักเธอมากที่สุดกว่าผู้ชายคนไหนยอมปลดแอกเธอออกจากความรู้สึกผิดที่ติดค้างในใจแล้ว
เมื่อกลับมาถึงบ้านคุณพ่อลูกสองก็ได้แต่นอนแกร่วอยู่บนโซฟาห้องรับแขกของบ้านภักดีดำรงเหมือนหมดสิ้นซึ่งความหวังในชีวิต"เป็นอะไรไอ้หมอก นอนซมเชียวหรือว่าไม่สบาย แล้วเมื่ื่อคืนแกหายหัวไปไหนไม่กลับบ้าน" นายตำรวจรูปหล่อพี่ชายคนโตของบ้านเอ่ยถามขณะเดินลงมาจากห้องนอน"พี่ตะวัน ไม่ทำการทำงานหรือไงเดี๋ยวเขาก็ไล่ออกหรอก สายป่านนี้เพิ่งจะตื่น" น้องชายคนสุดท้องกรอกตาไปมาอย่างไม่สบอารมณ์"นี่ๆ ไม่ต้องมาย้อน แกยังไม่ได้บอกเลยว่าหายหัวไปไหนมา""ไปหาป่านมา""ป่าน?? ใช่ผู้หญิงที่ทำให้แกซมซานกลับบ้านมาเมื่อสามปีก่อนน่ะหรือ" ร้อยตำรวจเอกตะวันฉายรีบจ้ำเท้าเดินเข้ามายืนอยู่ต่อหน้าน้องชายและเอ่ยถามอย่างใคร่รู้"อืม" เสียงทุ้มเอ่ยตอบอย่างรำคาญใจเพราะหากว่าเรื่องนี้ถึงหูตะวันฉายเมื่อไหร่ไม่นานเกินรอพี่ชายคนกลางอย่างสินสมุทรแน่"จะไปหาเขาทำไมวะ เขาหักหลังแกได้ถึงขนาดนั้น" พี่ชายคนโตยังรู้สึกเคืองผู้หญิงที่ไม่รู้จักหน้าคร่าตาคนนี้ไม่หายเมื่อเธอกลายเป็นต้นเหตุให้น้องชายคนเล็กของบ้านถึงกับไม่เอาการเอางานอะไรจนเกือบจะเรียกได้ว่าตรอมใจตั้งไม่รู้กี่เดือนกว่าที่เหมันต์
ร่างกายบอบบางถูกคนตัวโตกว่าจับรวบเอาไว้ในอ้อมกอดที่แสนแน่นหนาไม่ต่างจากปราการเหล็กที่กักขังนักโทษ เธออยากจะโวยวายและดิ้นรนให้พ้นนักแต่รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังก็วางแนบลงไปบนที่นอนนุ่มเสียแล้ว แล้วอย่างนี้เธอจะมีโอกาสรอดเงื้อมมือเขาหรือฝ่ามือหยาบกร้านตามสภาพบุรุษเริ่มป่ายปีนตามไหล่มนลาดของอีกคนอย่างชำนิชำนาญค่อยๆ ปลดชุดนอนสายเดี่ยวสีฟ้าอ่อนให้ร่วงหล่นไปตามเรียวแขนบอบบางอย่างอ้อยอิ่งปลดปล่อยให้ผิวนุ่มนิ่มพ้นจากพันธนาการของอาภรณ์อย่างลื่นไหลให้อกอิ่มคู่สวยเบียดเสียดอยู่กับแผงอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเขาอย่างจง ใจ"ปล่อยนะคนขี้โกง" หญิงสาวต่อว่าต่อขานคนตรงหน้าทันทีที่ริมฝีปากถูกคลายผนึกที่แสนหวานจากเขา ใบหน้าสวยหวานแดงก่ำด้วยความเขินอายไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่าช่วงขณะหนึ่งนั้นเธอหลงใหลไปกับรสจุมพิตของเขาอย่างง่ายดายเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด"บอก...ว่า...ให้...ปล่อย"ลมหายใจเริ่มติดขัดเมื่อพ่อของลูกให้ริมฝีปากที่ร้ายกาจของเขาสำรวจเรือนร่างของเธออย่างไม่ขออนุญาต ลมหายใจร้อนแผ่ลงบนผิวเนียนสวยรับรู้ถึงความอุ่นจากริมฝีปากหยักสีสุขภาพดีของเหมันต์อย่างแจ่มแจ้ง ตอ
เช้าวันต่อมาดูเหมือนว่าน้องรุ้งกับพี่เรนจะหายจากพิษไข้เป็นปลิดทิ้งเพราะต่างก็ตื่นขึ้นมารับแสงอาทิตย์และลมทะเลกันแต่เช้าด้วยความร่าเริงและตื่นเต้นราวกับว่าไม่เคยเจ็บป่วยเสียอย่างนั้น"อย่าเพิ่งออกไปตากแดดสิคะ เดี๋ยวไม่สบายต้องกินยากันอีกนะ" คุณแม่คนสวยรีบร้องห้ามเมื่อเห็นว่าเด็กๆ อยากจะออกไปท้าความร้อนจากดวงอาทิตย์ไม่ยอมกลับเข้ามาในบ้านพัก"ค่ะ/ครับ" เด็กจอมซนเชื่อฟังคำของมารดาอย่างว่าง่ายเพราะยังเข็ดหลาบกับรสชาติของยาที่ได้กินเข้าไปเมื่อคืนไม่หายเมื่อเข้ามาในบ้านสองพี่น้องก็นั่งล้อมคนตัวโตที่นอนหลับเหงื่อท่วมไม่รู้เรื่องอยู่บนที่นอนด้วยความสงสัยใคร่รู้"แม่ป่านคะ คุณลุงคนเมื่อวานมาทำอะไรที่บ้านเราคะ""พี่เรนไม่ชอบคุณลุงคนนี้เลยครับ" เมื่อคนพี่เอ่ยว่าไม่ชอบขี้หน้าเจ้านายของแม่คนน้องก็พยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงเห็นพ้องต้องกัน"ไม่เอานะเด็กๆ ต้องขอบคุณคุณลุงนะลูกที่เมื่อวานพาพี่เรนไปหาหมอ""น้องรุ้งว่าคุณลุงหน้าเหมือนพี่เรนนะ" เด็กหญิงช่างพูดก้มมองคุณลุงที่นอนหลับตาพริ้มพลางใช้ดวงตากลมสวยสำรวจใบหน้าของเขาจนถ้วนทั่วก่อนจะเงยหน้าไปทางพี่ชายฝา
ปารวตีเฝ้าเช็ดตัวให้ลูกชายจนเปลี่ยนน้ำไปหลายกะละมังแต่เหมวิชก็ไม่มีทีท่าว่าไข้จะลดลงเลยแม้แต่น้อย แถมยังโยเยเพราะไม่สบายตัวอีกยิ่งทำให้คนเป็นแม่อย่างเธอเสียใจนักที่พาลูกมาที่นี่"แม่ป่าน ร้อนๆ" ลูกชายคว้ามือบอบบางของคุณแม่เข้าไปกอดทั้งที่ยังหลับตา ทำให้หญิงสาวสงสารลูกเหลือเกิน นี่แค่วันแรกยังป่วยขนาดนี้ ถ้าเกิดคนน้องเจ็บไข้ขึ้นมาอีกคนเธอคงจะลำบากไม่น้อย ถ้าพ่อกับแม่ของเธออยู่ที่นี่ด้วยก็คงจะดีอย่างน้อยก็เป็นที่พึ่งทางใจให้เธอได้"พี่เรน อดทนหน่อยนะลูกเดี๋ยวลุงเอกก็มาแล้ว" คุณแม่ยังสาวเอ่ยปลอบโยนพลางเช็ดตัวลดไข้ให้อย่างไม่ขาด"ร้อน แม่ป่าน ร้อน" พูดจบเด็กชายก็ร้องงอแงขึ้นมาทันทีจากความร้อนที่ไม่ยอมลดลงจนทำให้ไม่สามรถนอนหลับต่อไปได้"ป่าน ลูกเป็นยังไงบ้าง" เหมันต์เปิดประตูเข้ามาด้วยความร้อนใจ ภาพตรงหน้าทำให้เขารู้สึกปวดหนึบหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ภาพที่ปารวตีอุ้มเด็กชายกล่อมเอาไว้บนตักส่วนมืออีกข้างนั้นก็คอยพัดวีให้ลูกสาวอย่างไม่รู้จักเหนื่อย วินาทีนั้นเขารู้ได้ทันทีว่าปารวตีเก่งและเข้มแข็งแค่ไหน ต่างกับเขาที่ทำตัวเป็นคนอ่อนแอแถมยังเป็นพ่อที่ไม่ได











