“เอ่อ...เอ่อ...หนู...”
เด็กหญิงหล้ามองผู้ใหญ่ทั้งสามคนที่รอฟังคำตอบจากเธอ แม้ทุกคนจะมีสีหน้าและท่าทางใจดี รวมทั้งขนมฝรั่งรสชาติอร่อยที่สุดในโลกนี้ก็ทำให้เธอเผลอกินไปจนเกือบหมด แต่เธอก็ยังไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี ได้แต่ชำเลืองมองเจ้าเปี๊ยกที่ได้กินนมวัวจนอิ่มและนอนหลับปุ๋ยอยู่บนตักของพี่ชายคนนั้นด้วยดวงตาหวาดหวั่น ตอนนี้เธออยากพาเจ้าเปี๊ยกกลับบ้านให้เร็วที่สุด เพราะท้องฟ้าด้านนอกเริ่มจะเป็นสีส้มรำไร ป่านนี้ยายคงรอพร้อมกับเตรียมไม้มะยมก้านยาวไว้แล้ว รสชาติของมันนั้นเธอยังจำได้ไม่ลืม และไม่ขอเจอมันอีกจะดีกว่า
“หนู...หนูอยากกลับบ้านแล้วค่ะ ป่านนี้ยายคงรอแล้ว ยายคงจะตีหนูด้วย”
น้ำเสียงเจือแรงสะอื้นทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสามคนมองหน้ากันไปมา ปานใจขยับเข้าไปกอดร่างน้อยที่เริ่มจะสั่นสะท้านฮึกฮักเพราะแรงสะอื้นที่ตกค้างอยู่ ลูบหลังลูบไหล่เด็กหญิงตัวน้อยด้วยความสงสาร อะไรหรือใครกันที่ทำให้เด็กหญิงหล้าเดินร้องไห้จนมาหลบอยู่ในซุ้มรั้วไม้หน้าบ้าน บ้านหลังใหญ่สุดในละแวกและไม่ใช่เส้นทางเดินผ่านไปตลาด คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เด็กหญิงจะเดินมาทางนี้
“หล้า บอกป้าสิคะ ว่าทำไมหนูถึงมาหาป้า” คำถามพร้อมดวงตาที่จ้องประสานหวังให้เด็กตัวน้อยนี้เข้าใจในความปรารถนาดีที่เธอต้องการจะสื่อ
“ป้า...”
“จ้ะ ป้าเป็นเพื่อนของแม่ฟ้า แม่ของหนูยังไงลูก และป้าก็จะพาหล้าไปโรงเรียนด้วย”
ดวงตาใสซื่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาจ้องมองมาอย่างไม่เข้าใจในความหมายทำให้เธอต้องอธิบายเพิ่ม ก็เด็กตัวเท่านี้จะไปเข้าใจอะไรได้และยิ่งไม่ไปเรียนหนังสือก็จะยิ่งแย่ไปใหญ่
“หนูไม่ไปโรงเรียนแล้วค่ะ” คำตอบที่ทุกคนรอคอยมาพร้อมกับแรงสะอื้นฮึกฮักที่ทำให้รู้ว่าเจ้าตัวนั้นรู้สึกเสียใจไม่น้อยที่จะไม่ได้ไปเรียน
“ทำไมล่ะลูก ไปโรงเรียน เรียนหนังสือให้สูงๆ หนูจะได้มีงานดีๆ ทำ และป้าจะขอทุนให้หนูเอง” ปานใจโอบกอดเด็กหญิง และพยายามปลอบประโลมให้ร่างเล็กนี้คลายสะอื้นลงบ้าง
“ใช่ ถ้าที่โรงเรียนเขาไม่ให้ทุน ยายก็จะให้ทุนหนูเอง ขอแค่หล้าตั้งใจเรียนเท่านั้นแหละลูก” ยายพิศกล่าวสนับสนุนด้วยความเมตตาปรานีอีกคน
“ถ้าหนูไปโรงเรียน ยาย...ยายก็จะทะเลาะกับน้าลม หนูไม่อยากให้ยายทะเลาะกับน้าลม หนูไม่อยากมีผัว”
“ตายแล้วลูก! ใครบอกอะไรมาแบบนี้”
ยายพิศร้องเสียงหลงพร้อมกับยกมือทาบอกด้วยความตกใจเมื่อได้ฟังคำพูดใสซื่อไร้จริตของเด็กน้อย แววตาบริสุทธิ์นั้นไม่บ่งบอกเลยสักนิดว่าเข้าใจในสิ่งที่พูดออกมา
“น้าลมบอกว่าแม่ไม่รักหนู แม่ของเจ้าเปี๊ยกยังรักเจ้าเปี๊ยก แต่แม่ของหนูไม่รักหนูเลย แม่...เอาหนูมาทิ้ง”
แรงสะอื้นตามอารมณ์เคว้งคว้างทำให้เด็กหญิงพยายามจะคว้าเอาลูกสุนัขตัวน้อยมาโอบกอดเพื่อบรรเทาความอ้างว้างในหัวใจ แต่เมื่อคว้าไว้ไม่ได้ใบหน้าเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาจึงได้แต่หันมองผู้ใหญ่ทั้งสามคนไปมาอย่างน่าเวทนา
“โธ่! หล้า รักสิลูก ไม่มีแม่คนไหนหรอกนะที่ไม่รักลูก เนี่ย คุณยายก็รักป้า ยายเล็กของหล้าก็รักแม่ของหล้ามากด้วย” ปานใจสุดทน คว้าตัวเด็กหญิงเข้ามาโอบกอดอีกครั้ง น้ำตาของเด็กหญิงไหลรินแต่น้ำตาของเธอไหลกลับคืนสู่ภายใน ความเข้มแข็งและน้ำเสียงอ่อนโยนเท่านั้นที่จะช่วยให้เด็กน้อยคลายความอ้างว้างลงได้
“งั้นยายก็คงจะรักแม่คนเดียวแต่ไม่รักหนู ยาย...ยายไม่เคยกอดหนูเลย” เด็กน้อยมองฝ่ามือของปานใจที่ลูบเนื้อลูบตัวผอมเกร็งของตัวเองอยู่ด้วยสายตาเศร้าสร้อย
“โธ่ลูก! ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร ยายเขาคงเหนื่อยน่ะลูก ยายเขาต้องทำงานหนักเพื่อให้หล้ามีข้าวกิน หล้าต้องไม่โกรธยายนะลูก อะไรที่หล้าช่วยยายได้หล้าต้องทำนะ ยายเขาก็รักหล้า ไม่อย่างงั้นคงไม่เอาหล้ามาอยู่ด้วยหรอก จริงไหมลูก”
ปานใจรู้สึกเหมือนหัวใจตนเองกำลังสั่นสะท้านไปด้วยแรงสะอื้นอีกคน เธอจับศีรษะน้อยนั้นเข้ามากอดไว้แนบอก สิ่งใดก็ตามที่เด็กน้อยคนนี้พบเจอมา เธอจะพยายามแก้ไขมันให้ดีที่สุด เธอจะพยายามทำให้เด็กหญิงมัตติกาเติบโตขึ้นเป็นคนดีให้ได้ จะไม่ยอมให้ความเกลียดชังใดๆ มาทำให้ผ้าขาวผืนนี้ต้องมัวหมอง หากเป็นไปได้เธอก็อยากจะรับอุปการะเด็กคนนี้เสียเอง แต่ติดตรงที่หล้าไม่ใช่เด็กกำพร้า และยังคงมียายมีน้าอีกหลายคนด้วยกัน และเด็กก็น่าจะได้รับความรักความเมตตาจากคนที่มีสายเลือดเดียวกันมากกว่า แต่จะทำอย่างไรคนเหล่านั้นถึงจะปล่อยวางเรื่องราวที่ผ่านไปแล้ว และหันมาให้ความรักความอบอุ่นแก่เด็กน้อยคนนี้ เมื่อไรกัน
.
.
ปณิธานประคองหญิงสูงวัยออกมายืนส่งเด็กหญิงหล้าที่หน้าบ้าน เด็กหญิงตัวน้อยที่โอบอุ้มลูกสุนัขอย่างแสนรักกำลังเดินมุ่งหน้าไปยังทิศทางของบ้านยายเล็ก โดยมีปานใจกับหลานชายเดินตามไปส่งด้วย
“แกหน้าตาน่ารักดีนะครับแม่ โตขึ้นคงจะสวยเหมือนฟ้ารุ่ง” คนพูดมองตามหลังด้วยแววตาปรานี นึกสงสารในชะตากรรมของเด็กหญิงไม่น้อยไปกว่าแม่และน้องสาว
เสียงไก่ชาวบ้านที่เลี้ยงไว้ส่งสัญญาณว่าเวลารุ่งอรุณมาถึงแล้ว ขณะที่เปลือกตาสวยหวานเริ่มกะพริบถี่ก่อนใบหน้าและเรือนกายจะร้อนผ่าวขึ้นเพราะเนื้อกายเปล่าเปลือยที่กอดกระชับและซ้อนทับอยู่ด้านหลัง เธอหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน เมื่อความร้อนแรงมอดดับไปผิวเนื้อก็สัมผัสได้ถึงความชื้นเย็นของน้ำค้าง ดวงตาสวยหวานมองหาผ้าห่มเพื่อคลุมกายแต่ติดบางสิ่ง ทำให้เธอต้องขยับอย่างระวัง “อื้อ...จะไปไหนล่ะครับ นอนต่อเถอะ” ท่อนแขนที่กอดกระชับร่างบางแนบแน่นอย่างระมัดระวัง ทำให้มัตติกาเริ่มสั่นหวั่นไหวอีกครั้ง “ติ๊ก้าจะห่มผ้า” ฝ่ามือใหญ่สัมผัสไปมาบนเนื้อตัวรับรู้ได้ถึงความเย็นชื้นของผิวเนื้อ ก่อนเรือนกายแข็งแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามแห่งบุรุษจะลุกขึ้นแต่ก็ยังไม่วายจะรั้งร่างเปล่าเปลือยของเธอให้ลุกตาม มัตติกาผวากอดรัดร่างของเขาแน่น ทั่วทั้งใบหน้าและเนื้อกายร้อนผ่าวเพราะสิ่งที่เขากระทำ ศิรชัชโอบอุ้มร่างเปล่าเปลือยของเธอไม่ยอมให้แยกออกจากกันจนเธอต้องผวากอดรัดเขาเพราะกลัวตก ส่วนเขาได้แต่หัวเราะไปมาในลำคอ ผ้าห่มผืนบางที่ตกอยู่ปลายเตียงถูกเขี่ยขึ้นไปไว้บนเตียง ไม่มีทีท่าว่าเขาจะปล่อยเธอ
ความอุ่นวาบทาบทับบดขยี้รุกเร้ารุนแรงตามอารมณ์ ทำให้ร่างบางที่พยายามจะต่อต้านนิ่งขึงดั่งถูกสตาฟฟ์ ความรุนแรงร้อนซ่านแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนนุ่มนวลเพราะเจ้าของร่างเล็กสั่นสะท้านไปทั้งตัว เรียวลิ้นอุ่นจนเกือบร้อนชอนชิมความหวานจากภายในและพยายามดุนดึงลิ้นน้อยให้สัมผัสกันและกัน ในขณะที่ฝ่ามือของเขาไม่ได้ละไปจากความอวบอิ่มนั้นเลยสักนิด กลับกันมันกลับกำลังทำหน้าที่สอดประสานกับฝ่ามืออีกข้างที่ตรงเข้าโอบรัดเบื้องหลังและไต่ขึ้นไปจนสะกิดตระขอบราเซียร์ให้หลุดออก ปล่อยให้นิ้วมือแกร่งปนร้อนเข้าไปแตะต้องสัมผัสร่างที่สั่นสะท้านไปกับสิ่งรุกเร้าครั้งแรกในชีวิต “อืม...เป็นไง คุณคนขายข่าว ถึงกับเคลิ้มเลยใช่ไหม ถ้าคุณเอาข่าวผมลง ผมก็จะบอกคนอื่นว่าคุณมายั่วผมแต่ผมไม่เล่นด้วย คุณเลยเล่นงานผมด้วยวิธีนี้ ไหนดูซิมีภาพอะไรบ้าง” ภีมคว้ากล้องดิจิทัลที่คล้องคอพราวรุ้งขึ้นมากดดูภาพที่เธอถ่ายไว้ ซึ่งไม่มีภาพอะไรที่ผิดปกติ จะมีก็แค่ภาพที่เขามองมัตติกาด้วยความเสียดายเท่านั้น และภาพที่ถ่ายทอดความรู้สึกเยี่ยงนี้เขาจะกดทิ้งก็เสียดายจริงๆ ต้องนับว่าเธอถ่ายภาพได้ดีมากๆ “ก็ไม่เห็นมีอะไรน
“พี่แชมป์ขา...ติ๊ก้าไม่ไหว...” “เรียกใหม่ครับทูนหัว...เรียกพี่...เร็วครับ!..” “อื้อ...พี่นักรบขา...เร็วค่ะ!” เสียงกรีดร้องถูกกักเก็บไว้ด้วยริมฝีปากร้อนพร้อมกับลาวาอุ่นซ่านถูกปลดปล่อยเข้าสู่ใจกลางดงดอกไม้ บ่าวสาวกอดกันกลมในท่านั่งอยู่บนเตียง “ปล่อยติ๊ก้าก่อนนะคะ” “ไม่ปล่อยได้ไหมครับ พี่ยังไม่อิ่มเลย” “ปล่อยนะ แค่นี้ก็...” “แค่นี้อะไรกันครับ พี่แชมป์นะได้เป็นสิบนะครับ ลืมไปแล้วเหรอ ยิ่งตอนนี้เป็นพี่นักรบขาของน้องหล้าด้วย รับรองว่ากว่าจะถึงเช้าพี่ต้องทำลายสถิติแน่ๆ” “บ้า! พี่แชมป์ ปล่อยติ๊ก้านะ” มัตติกาพยายามดิ้นรนจะลงจากตักของศิรชัชแต่ดูเหมือนยิ่งดิ้น ภายในก็กลับมาตื่นตัวอีกครั้ง “อย่าขยับ...ขยับได้แล้วครับ พี่ช่วย...” ฝ่ามือจับสะโพกผายขยับขึ้นลงจนมัตติกาเสียหลักผวากอดรัดรอบต้นคอของเขาแน่น “พี่แชมป์บ้า!..”.. เจ้าสาวมีอาการสะเทิ้นอายและหน้าแดงระเรื่อในยามที่ผู้ใหญ่ต่างพากันมาอวยพรส่งตัวบ่าวสาว ผิดกับเจ้าบ่าวที่อมยิ้มละมัยราวกับคนได้รับชัยชนะจากการพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์
‘พี่ดวงขอแสดงความยินดีกับน้องติ๊ก้าและก็แชมป์ด้วยค่ะ ขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไป ขอบคุณสำหรับชีวิตใหม่และครอบครัวที่อบอุ่น ขอบคุณจริงๆ’ .. ดวงตาสวยหวานไล่สายตาไปมาบนจดหมายที่น้าชายเอามาส่งให้ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความสุข เธอมีความสุขเพราะคนรอบข้างมีความสุข เพียงแค่นี้ก็พอแล้วสำหรับชีวิตหนึ่งที่เกิดมาบนโลกใบนี้ แล้วคนเราจะยังต้องการอะไรกันอีก ความต้องการที่แท้จริงก็เพียงการได้รับความรักและการยอมรับจากคนที่เรารักเท่านั้นไม่ใช่หรือ ซึ่งทั้งหมดนี้เธอมีพร้อมหมดแล้ว และเธอก็มั่นใจว่าในเวลานี้กลิกาก็คงมีความสุขเช่นเดียวกัน “อ่านอะไรอยู่ครับ น้องหล้า” อ้อมกอดกระชับแนบแน่นจากเบื้องหลังก่อนจะฝังจมูกลงกับซอกคอหอมกรุ่นเย้าแหย่ให้เจ้าสาวแสนสวยของเขาจั๊กจี้เล่น “อื้อ...พี่แชมป์นี่ ปล่อยก่อนสิคะ” “ไม่เอาเรียกใหม่” “เรียกใหม่” ดวงตาสวยหวานครุ่นคิดไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาบอก “ต้องเรียกว่ายังไง ก็ตกลงกันแล้ว” “เอ่อ...ใครเขาอยากจะเรียกกัน ไหนว่าไม่เคยมีความลับ” ใบหน้างามเสมองไปทางอื่นเพราะใครกันจะอยากเรียกเขาแบบนั้น ศิรชัชต
ยายเล็กกระชับฝ่ามือของเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาไว้เคียงกัน น้ำตาของผู้เป็นยายไหลอาบใบหน้าไม่ขาดสาย ทว่าเป็นน้ำตาแห่งความปลาบปลื้ม เมื่อสิ่งที่แกหวังอย่างที่สุดเป็นจริงได้ ‘ก้อนดินก้อนนี้มีคุณค่าที่จะเพาะปลูกสิ่งใดก็เจริญงอกงามรุ่งเรือง โดยเพราะความดีงามได้เจริญงอกงามเกินกว่าสิ่งใด’ อย่างแท้จริง “อ้าวแม่! อวยพรให้หลานมันสิ เอาแต่ร้องไห้” ลมรำเพยเอ่ยแซวทั้งที่ตนเองนั้นก็มีสภาพไม่แตกต่างไปจากยายเล็กสักเท่าไร ดวงตาของผู้เป็นน้าสาวเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา วันเวลาที่ถูกจำกัดอิสรภาพไม่เคยมีคำว่าเสียดาย เพราะสิ่งที่เธอสูญเสียไปนั้นได้รับการตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุด ‘ความสุข ความรักในครอบครัวได้กลับมาแล้ว’ และเธอก็ได้ไถ่โทษจนหมดสิ้นแล้ว “ยายขอให้หล้ากับพ่อแชมป์มีความสุข ขอให้มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง มั่งมีศรีสุข ขอให้...” คำพูดตีบตันเพราะน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มยังไหลอาบไม่ขาดสาย ดวงตาฝ้าฟางด้วยวาวน้ำตามองเห็นภาพความสุขตรงหน้า หลานสาวของแกกำลังจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาและได้คนที่ดีเหมาะสมกันทุกประการ ทำให้แกถึงกับพูดต่อไม่ออก “แม่...” ลมรำเพยกระชับฝ่ามือผู
“ติ๊ก้า...เสร็จหรือยังจ๊ะ คุณแชมป์เขามาแล้วนะ” แองจี้เยี่ยมหน้าเข้ามาในห้องก่อนจะอมยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าสะสวยอิ่มเอมด้วยความสุข “ไปกันเถอะน้องสาวของเจ๊ คุณแม่ลมเขารอทำหน้าที่แล้วนะจ๊ะ” ลมรำเพยรับหน้าที่เป็นแม่ของเจ้าสาวในวันนี้ เพราะยายเล็กนั้นไม่แข็งแรงพอที่จะรับบทแม่งาน จะหยิบจะฉวยอะไรก็ยาก ส่วนคุณยายพิศและคุณอาปานใจก็ติดต้องไปธุระให้หลานชายในวันนี้พอดิบพอดี หากเธอจะเลื่อนไปก่อนก็ไม่ได้ เพราะกว่าคุณย่าของศิรชัชจะหาฤกษ์ที่ดีที่สุดนี้มาให้ก็ต้องรอนานถึงสองเดือนด้วยกัน และหากพลาดฤกษ์นี้ไปคงต้องรอไปจนถึงปีหน้า ถ้าให้รอถึงป่านนั้นศิรชัชคงไม่ยอมแน่ เขาคงจะประกาศตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของและถือวิสาสะย้ายมาอยู่กับเธอเบ็ดเสร็จ เพราะฉะนั้นคุณแม่ลมรำเพยจึงต้องแต่งองค์ให้สมฐานะแม่ของเจ้าสาวในวันนี้ เจ้าบ่าวรูปหล่อมากปานเทพบุตรของเธออยู่ในชุดไทยพระราชทานขลิบทองสีงาช้างเช่นเดียวกัน ดวงตาคมเข้มของเขาแวววาวเรียกเลือดลมสูบฉีดไปทั่วทั้งใบหน้าได้ในทันทีที่สบสายตา เพราะแววตานั้นไม่ปกปิดความปรารถนาเลยสักนิด และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ละสายตาไปจากใบหน้าของเธอเลยสักเสี้ยวนา