หน้าหลัก / โรแมนติก / ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรัก / ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรัก ตอนที่ 2

แชร์

ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรัก ตอนที่ 2

ผู้เขียน: ACHICHI
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-12 17:33:10

ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรัก

ตอนที่ 2

ซ่า…

            เสียงวักน้ำล้างหน้าดังมาจากในห้องน้ำ เสียงขยับตัวของคนด้านในดังอยู่ครู่ เสียงน้ำจากก๊อกก็ถูกปิดลง

            เรือนร่างโปร่งสูงเดินพ้นประตูออกมาพร้อมกับถอดเสื้อเชิ้ตออกทันทีแบบที่ไม่ได้แคร์สายตาคนมอง สาเหตุคงเป็นเพราะเสื้อมันเปียก ผู้ชายคนนี้น่าจะยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ แต่กลับมีเรือนร่างที่แน่นขนัดไปด้วยมัดกล้าม  และเพราะเขาตัวสูงองค์ประกอบทุกอย่างเลยยิ่งดูดี

            ดวงหน้าเปียกพราวไปด้วยหยดน้ำกวาดตามองรอบตัวเงียบ ๆ ก่อนจะจบสายตาลงที่ฉันซึ่งนั่งประสานมือชื้นเหงื่อของตัวเองอยู่ที่ขอบเตียง

            มันก็บ้า… กับการตัดสินใจหิ้วเด็กที่ไหนก็ไม่รู้กลับห้องมาด้วยแบบที่คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะทำ แต่ก็อย่างที่เห็นว่าทำไปแล้ว

            “ผมขอผ้าขนหนูหน่อย”

            “ในตู้ด้านขวา”

            “…”

            เจ้าตัวมีสีหน้าประหลาดใจกับคำตอบที่ได้รับ คงเพราะเจ้าของห้องอย่างฉันไม่คิดจะเดินไปหยิบให้แต่กลับบุ้ยใบ้ไปยังทิศทางที่ว่า ปล่อยให้แขกที่ยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อบริการตัวเอง

            นาทีต่อมาห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความสงบเงียบเชียบ สายตาได้แต่ชำเลืองขึ้นมองคนแปลกหน้า อีกฝ่ายเองก็มองมาอยู่ก่อนแล้วเหมือนกัน เขากำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดไปตามใบหน้า ลากต่ำลงที่ช่วงลำคอ

เราเงียบกันอยู่นานมองสำรวจกันจนพอใจ เขาก็เป็นฝ่ายเอ่ยเริ่มต้นบทสนทนาขึ้นก่อน

            “พี่ชื่ออะไร?”

            “กานดา”

            “โคตรเชย”

            คนถามไม่ใช่แค่ถากถางกันตรง ๆ แต่ยังมีสีหน้าสนิทนิ่งราวกับสิ่งที่ตัวเองพูดไม่ใช่เรื่องเสียมารยาท และคนปกติเขาไม่ทำกัน  

            โอเค… ชักจะงงแล้วนะว่านี่คือวิธีการพูดปกติของคนที่เสนอตัวแลกเงินเหรอ ตามที่ศึกษามามันควรจะเอาอกเอาใจกันไม่ใช่หรือไง

แต่ถึงจะรู้สึกอิหยังวะมากแค่ไหน ฉันก็พยายามจะไม่ใส่ใจ

            “แล้วเธอชื่ออะไร?”

            “เก๋า”

            “แม่ชอบกินปลาเก๋าเหรอ?” ก็อดไม่ได้จริง ๆ ที่จะรีบแซะคืนบ้าง แต่อีกฝ่ายกลับหยักยิ้มมุมปากหรี่ตาลงเล็กน้อย

            “ไม่ใช่”

            “งั้นคงเป็นเก๋าเจ้งที่แปลว่าชาติ…”

            “ไม่ได้แปลว่าชาติหมาแน่”

            “งั้นก็เก๋าแบบ…”

            “ก็แค่ชื่อเก๋า สงสัยไรนัก?”

            พอได้ฟังคำตอบก็อยากจะขำให้ฟันร่วง แต่พอมองใบหน้าเป็นจ้ำเขียว มุมปากเลือดซิบ คิ้วข้างหนึ่งยกขึ้น กับท่ายืนเท้าสะเอวประกอบกัน เด็กนี่ก็ดูจิ๊กโก๋สมชื่อดี

            ทำมาว่าชื่อคนอื่นเชย อยากจะแหมให้ถึงดาวอังคาร…

            “พี่อยากให้ผมทำอะไร?”

คนที่ยืนเด่นอยู่กลางห้องเอ่ยถาม พร้อมกันมือก็เริ่มปลดกระดุมกางเกง สายตามที่จ้องสบไร้ซึ่งความกระดากอาย เป็นฉันเองเสียอีกที่เมื่อครู่ยังกล้าต่อล้อต่อเถียงด้วย ตอนนี้ถึงกับปั้นหน้าไม่ถูก

“เธอจะถอดกางเกงทำไม?”

“ทำงานไง” อีกฝ่ายไหวไหล่ พร้อมรูดซิปลงอย่างช้า ๆ และจังหวะนี้เองที่ฉันยกมือขึ้นห้าม

“เราต้องมาทำสัญญากันก่อน”

“สัญญา?”

“ก็ขืนเธอเชิดเงินฉันหนีไปแบบนั้นก็ซวยน่ะสิ ยังไงก็งานระยะยาว…”

ฉันบอกไปตามตรง ถึงคนฟังจะมีสีหน้าประหลาดใจ แต่อึดใจก็พยักหน้าส่ง ๆ รูดซิปกางเกงขึ้นตามเดิม

“จะร่างสัญญายังไง?”

“เธออยากได้ค่าจ้างเท่าไหร่สำหรับการทำงานร่วมกันต่อเดือน?”

“ไม่เห็นจะต้องใช้ภาษาทางการ”

“หรือสนใจทำรายปีไหม? แต่กิจกรรมอาจจะเยอะหน่อย…”

“จะอินดอร์เอาท์ดอร์ผมได้ทั้งนั้น”

“ไม่ใช่แบบนั้น…”

“แต่เรื่องท่าอาจจะต้องไปศึกษาเพิ่ม ทำกันเป็นปีเดี๋ยวเบื่อ”

“ไม่ใช่!”

ฉันขัดขึ้นทันทีเมื่ออีกฝ่ายชักจะหลงประเด็น หรือไม่ก็เป็นฉันเองที่พูดไม่เคลียร์ นี่คือสาเหตุที่ฉันตัดสินใจเอาเขากลับมาด้วย ถ้าแค่เรื่องอย่างว่าคงไม่ต้องถึงกับร่างสัญญา และฉันคงไม่บ้าจี้จ้างคนมานอนเป็นเพื่อนรายเดือนด้วย

คู่สนทนายืนนิ่งรอฟังการขยายความ แม้รู้แน่ว่ามันอาจจะดูประหลาดไปหน่อย แต่ฉันก็เอ่ยออกไปตามที่ใจคิดวนไปเวียนมาอยู่ในหัวหลายตลบตลอดชั่วโมงที่ผ่านมา

“ถ้าจ้างรายเดือนให้ไปไหนมาไหนเป็นเพื่อน เธอสนใจไหม?”

“เพื่อนเที่ยว?”

“ก็ประมาณนั้น”

“แล้วเอากันไหม?”

“…”

“ว่าไงครับ?”

น้ำเสียงเอื่อย ๆ วกกลับเข้าประเด็นเดิมอีกหน สีหน้ายังคงไร้ความรู้สึกเหมือนเคย แม้จะอายมากกับการสนทนาเรื่องนี้แต่ก็ต้องแสร้งทำสีหน้าให้เป็นปกติ

“ก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้ว”

“อืม”

“ถ้าแบบนี้คิดค่าจ้างยังไง?”

เพราะไม่อยากอึดอัดใจกับการพูดคุยเรื่องเยเย่มารูโกะเลยต้องรีบเข้าประเด็นหลัก เก๋านิ่งไปครู่ก็ดึงมือถือออกมาจากกางเกงก่อนจะก้มหน้ากดอะไรสักอย่างที่หน้าจอ

“ขอคำนวณแป๊บ”

“…”

หัวคิ้วเป็นอันต้องเลื่อนเข้าหากัน แต่คนที่กำลังตีหน้าเคร่งเครียดอยู่กับหน้าจอกลับยกมือขึ้นส่งสัญญาณว่าห้ามพูด สีหน้าของเด็กนี่จริงจังยิ่งกว่าฉันตอนลงแข่งขันตอบปัญหาวิชาการสมัยเรียนอยู่ระดับเตรียมอุดมศึกษาซะอีก

รออยู่อึดใจใหญ่ก็ได้ฤกษ์เงยหน้าขึ้นมอง พลางก็ยัดโทรศัพท์เก็บใส่กางเกงตามเดิม

“รับงานเพื่อนเที่ยวอาจทำให้ผมมีเวลารับงานอื่นน้อยลงตั้งแต่วันจันทร์ถึงอาทิตย์ผมอาจจะสูญเสียรายได้หลายทาง บวกกับความสัมพันธ์บนเตียงคำนวณคร่าว ๆ แล้วผมขอแสนนึง”

“…”

“หนึ่งแสนบาทถ้วน”

“หนึ่งแสน?” ฉันทวนคำพูดของอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อหู

            “หนึ่งแสนนี่ทำให้ทุกอย่างเลย จะให้เอา จะให้พาไปกินข้าว ดูหนัง เดินห้าง ร้องคาราโอเกะ…”

            “เดี๋ยวก่อน เธอเรียกเงินจากฉันเดือนละแสน?” ฉันตัดบทขึ้นอีก และเขาก็สวนตอบกลับมาได้ในทันทีเหมือนกัน

            “แล้วหน้าตาแบบผมมันควรได้น้อยกว่านี้หรือไง?”

คนตอบมีสีหน้าจริงจัง ทั้งยังเอ่ยบริการของตัวเองต่ออย่างไม่ยี่หระต่อสายตาครหาของฉันแม้แต่น้อย

“ผมเสนอให้พิเศษเลย จะเอาผมไปเดินอวดใครก็ได้ และที่สำคัญราคานี้ผมจะไม่รับงานผู้หญิงคนอื่นซ้อน จะทำงานให้พี่แค่คนเดียว…”

“แพงไปไหม? ลดอีกนิดไม่ได้หรือไง?”

“ราคานี้โปรโมชันแล้ว อีกสิบนาทีจะขึ้นราคาแล้วด้วย ผมจับเวลาอยู่นะรีบ ๆ ตัดสินใจ”

“เดี๋ยวสิ…”

“ตอนนี้เหลืออีกเก้าครึ่ง”

เขาไม่พูดเปล่าแต่ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู คงเพื่อเป็นการกดดันกันกลาย ๆ และดูท่าจะทำสำเร็จด้วย แม้จะเป็นสถานการณ์ที่ WTF มากแค่ไหนแต่ก็น่าประหลาดที่ฉันยังสามารถคุยกับอีกฝ่ายต่อได้

“เธอเป็นใครฉันก็ไม่รู้จัก จะไว้ใจได้ยังไง?”

“ผมชื่อเก๋า”

“แค่นั้นมันพอที่ไหน? ขืนเธอเชิดเงินหรือขโมยของไป แบบนั้นจะทำยังไง?”

โอเค ถึงพร้อมที่จะตายแล้ว แต่ช่วงเวลาที่คิดจะใช้เงินให้เกลี้ยงบัญชี ก็ไม่อยากเจอกับเหตุการณ์ประเภทยกเค้าจนหมดตัวสักหน่อย

คนฟังได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าอย่างเข้าใจได้ง่าย ๆ  เขาดึงกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกางเกง และวินาทีต่อมาบัตรประจำตัวประชาชนก็ถูกยื่นมาตรงหน้า

“ถ้าพี่ตกลง จะร่างสัญญาตอนนี้เลยก็ได้”

“…”

“เหลืออีกหกนาที…”

“แล้วเรื่องอื่นล่ะ?”

“หมายถึงอะไร?”

“ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ”

“แน่นอนอยู่แล้วว่าพี่ต้องออกทั้งหมด หน้าตาผมดูเหมือนคนมีเงินหรือไง?”

“…”

“เหลืออีกห้า”

คนกดดันก็ยังคงทำหน้าที่ต่อไป  ฉันเริ่มคำนวณตัวเลขคร่าว ๆ ในใจ เงินที่มีแน่นอนว่ามันพอจ่ายตามการเรียกร้องของคู่สนทนา ที่กำลังคิดอยู่ตอนนี้ก็คือหากไปซื้อกินคงจะได้คนหล่อไม่ซ้ำกันในแต่ละวันเลยทีเดียว อีกทั้งคนตรงหน้าก็ดูท่าทางไม่ได้เรื่อง

หล่อก็จริงอยู่แต่ดูนิสัยเอาเถอะหน้าเงินขนาดนี้ จะทำงานด้วยกันได้จริงเหรอ…

“ถ้าพี่คิดว่าเอาเงินไปซื้อกินดีกว่า ผมขอแนะนำว่าไม่ดีหรอก”

“…” โห! ไอ้เด็กนี่มันฉลาด! ดันรู้อีกว่าฉันคิดอะไร!

“ถ้าพี่ดีลกับผม เราจะมีสัญญาการทำงานที่ชัดเจนแน่นอน พี่จะร่างสัญญามาสักสิบหน้าก็ยังได้ แต่ถ้าพี่เลือกอีกแบบพี่ไม่มีทางรู้เลยว่าคนพวกนั้นคิดอะไรอยู่ในใจ และคงไม่มีใครบ้าจี้ทำสัญญากับใครด้วย เจอคนแปลก ๆ ขึ้นมาแล้วจะหนาว”

“เธอก็แปลกเหมือนกัน”

“ผมแค่ร้อนเงิน ต้องการเงินก้อนในแต่ละเดือน ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านี้ ถ้าคิดจะหลอกคงไม่ยื่นข้อเสนอเป็นเดือน หลอกวันเดียวก็ได้เป็นหมื่นแล้วไปหลอกคนอื่นต่อไม่ดีกว่าหรือไง?”   

“…”

“คนสมัยนี้มันไม่ปกติ และยิ่งคนที่พาคนอื่นกลับห้องมั่วซั่วแบบพี่แล้วด้วยยิ่งต้องระวัง”

“…” นั่นสิ ถ้าเจอพวกโรคจิตจะทำยังไง…

“เว้นก็แต่พี่จะขอสแกนบัตรประชาชนของทุกคน”

“…” แหม… มันก็จริงอยู่…

“อีกอย่าง ไม่กลัวโรคหรือไง?”

“…” นั่นสิ แล้วไอ้บ้านี่เป็นเอดส์หรือเปล่าเนี่ย…

“ผมมีใบรับรองว่าผลเลือดเป็นลบ เพิ่งตรวจมาเมื่อเดือนก่อน และปกติก็ไม่ได้รับงานประเภทนี้ แต่อย่างที่บอกว่าผมร้อนเงิน”

เจ้าตัวไม่พูดเปล่าแต่ดึงมือถือมาเลื่อนอีกรอบ ก่อนจะโยนมาให้ฉันดู หน้าจอแสดงภาพผลตรวจเลือด เป็นใบตรวจจริงมีตราประทับของโรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือ อีกทั้งมีวันที่ระบุชัดเจน

พอเงยหน้าขึ้นมอง อีกฝ่ายก็เม้มปากมองด้วยสายตากดดัน

“เหลือแค่สามนาที”

“…”

“อยากเช็กสภาพสินค้าก่อนไหม?”

“อะไร…”

“อยากตรวจของไหม?”

ก็ถึงบางอ้อตอนที่เก๋าก้มลงมองที่กึ่งกลางกายของตัวเอง และฉันก็ดันมองตาม เจ้าตัวตั้งท่าจะรูดซิปกางเกงลงอีกครั้ง แต่ฉันเองเป็นฝ่ายที่ทนมองไม่ไหวรีบสั่นหัวปฏิเสธ คนอยากโชว์ไหวไหล่พร้อมทั้งเอ่ยเร่ง

“เอาไง? ถ้าเกินสิบนาทีคิดเพิ่มนาทีละพัน”

“อะไรจะงกขนาดนี้”

“เผื่อจะช่วยในการตัดสินใจ… ผมเก่งเรื่องบนเตียงนะ”

คนหน้าไม่อายฮาร์ดเซลล์ต่อสีหน้าไม่ได้เก้อกระดากแม้แต่น้อย ฉันเงียบอยู่ในห้วงคิด มองสำรวจเขาเงียบ ๆ  อีกฝ่ายก็ส่งสัญญาณขยับข้อมือให้ดูเวลาไปด้วย

“จริง ๆ เธอก็น่าจะทำงานได้มากกว่าเดือนละแสน ทำไมมาเสนอให้ฉัน?”

ฉันตั้งคำถามอย่างจริงจัง รูปร่างหน้าตาแบบนี้ ถ้าทำงานแบบไม่ผูกมัดกับใครคงจะได้เงินไม่ใช่น้อย เดาว่าคงมากกว่าแสนแน่ ๆ

“ผมไม่เคยทำงานแบบนี้ พี่จะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ แต่ผมเองก็กลัวโรคเหมือนกัน”

“…”

“และอีกอย่าง ถ้าไปนอนกับคนสวย ๆ ที่เขามีผัว ผัวแม่งได้เอาปืนมาล่อหัวอะดิ”

“…”

“แต่พี่ไม่น่ามี”

ไอ้เด็กเวร!

“เกินมาหนึ่งนาทีแล้ว”

“เธอมีเวลาให้มากแค่ไหน…”

“จันทร์ถึงศุกร์เช้าผมต้องไปวิ่งรถส่งของให้แม่ค้าในตลาด ปีนี้ลงเรียนแค่คาบเช้า เสาร์อาทิตย์สี่ทุ่มถึงเที่ยงคืนบางทีก็รับจ็อบเล่นดนตรีที่ร้านเหล้า ดึก ๆ ปกติก็ว่าง เว้นแต่จะรับงานติวให้เพื่อนในคณะฯ”

“…”

“นอกนั้นพี่จะเรียกหาเวลาไหนก็ได้”

“มันก็แทบจะไม่เหลือเวลาให้เรียกละไหม?”  ฉันร้องสวนอย่างฉุน ๆ

“เหลือ… ถ้าอยากให้คุ้ม กลางคืนผมมานอนที่นี่ก็ได้”

“…”

“มาได้ทุกวัน”

“…”

“จะให้ย้ายมาอยู่เลยยังไหว แต่ขอเพิ่มค่าน้ำมันด้วย”

“เธอทำงานเยอะขนาดนั้น แล้วทำไมยังต้องรับงานแบบนี้ด้วย?”

“ผมต้องใช้เงิน”

“…”

“เกินมาสามนาที ตอนนี้ค่าจ้างอยู่ที่ หนึ่งแสนสามพัน”

“ไม่มีบริการเหมา ๆ หน่อยเหรอ?”

“งดต่อราคา”

“ราคานี้รวมดำน้ำดูปะการังด้วยไหม?”

“??”

“รวมพาไปทำบุญเก้าวัดด้วยหรือยัง?”

“…”

“ถ้าอยากไปปีนเขา ขึ้นดอย เธอจะมาคิดเพิ่มทีหลังหรือเปล่า?”

คนฟังมีสีหน้าประหลาดใจในสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็ไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ

“ออกค่ารองเท้าปีนเขา กับชุดดำน้ำให้ด้วยแล้วกัน และถ้าวันไหนผมต้องลางานพี่ก็ต้องจ่ายชดเชยให้ด้วย”

“…”

“พี่ไม่น่าปีนไหวหรอก…”

“…”

“แต่ถ้าลดน้ำหนักได้สักยี่สิบกิโลฯ ก็น่าจะพอได้”

“เป็นเทรนเนอร์ด้วยไหม?”

“ก็ถ้าอยากให้เป็นขอเพิ่มหมื่นนึง”

“จะงกไปไหนอะถามจริง?”

“ทุกอย่างมีค่าใช้จ่าย ผมทำงานก็อยากได้เงิน และหมื่นนึงนี่ก็ถูกมากด้วย”

“ไม่ต้อง ไม่ได้อยากผอม เดี๋ยวเปลี่ยนเป็นกิจกรรมอื่น”

“ก็แล้วแต่…”

“สรุปว่าถ้าตกลง จะต้องจ่ายเดือนละหนึ่งแสนสามพัน…”

“ไม่ใช่… ตอนนี้หนึ่งแสนห้าพันแล้ว”

“…”

“อีกไม่กี่วินาทีจะบวกอีกพัน…”

“ตกลง”

“…”

“เอาตามนี้ มาร่างสัญญากันเลย”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรัก   ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรัก ตอนพิเศษ 3 THE END

    ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนพิเศษ 3 หลายปีต่อมา เพราะมีบ้านแล้วและเพราะฉันว่างมากจากอาชีพเดิมคือการเป็นเทรดเดอร์ นอกจากวัน ๆ จะต้องนั่งเฝ้าจอดูราคาหุ้น ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดแทบจะตลอดเวลา ฉันก็ว่างแหละ ไม่ก็พยายามจะว่าง…ช่วงนี้ฉันตื่นแต่เช้าตรู่ทุกวัน จัดการทำข้าวกล่องส่งขายตามตลาดเช้าเพื่อหารายได้เพิ่มเติมจากรายได้เดิมที่มันก็ไม่ได้แย่อะไร และกว่าข้าวกล่องพวกนี้จะเสร็จก็กินเวลาเกือบเจ็ดโมงหากเป็นวันธรรมดาในเวลาเดียวกันนี้ จะได้เห็นร่างสูงของเก๋าในเชิ้ตกับสแล็กส์เรียบร้อยเตรียมพร้อมที่จะออกไปทำงาน แต่เพราะวันนี้เป็นวันหยุดจึงไม่ได้เห็นคนที่ว่าอยู่ในสภาพดังกล่าวฉันอาจจะลืมเล่าไปถึงเรื่องที่ว่า คนเป็นสามีเรียนจบวิศวะเครื่องกลมา และตอนนี้กำลังทำงานควบคุมออกแบบ ติดตั้งเครื่องจักรกลที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ถึงหน้าตาเก๋าเหมือนไม่ได้เรื่องสักเท่าไร แต่อย่างที่เห็นว่าพอจะได้เรื่องอยู่บ้าง วันนี้เป็นวันหยุดของเก๋า แต่กลับได้ยินเสียงคนที่ว่าดังมาจากทางห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่บริเวณส่วนหน้าของตัวบ้านตั้งแต่เวลาย่ำรุ่ง และไม่ใช่เสียงเก๋าคนเดียว… แต่ม

  • ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรัก   ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรัก ตอนพิเศษ 2

    ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนพิเศษ 2 “คุณเป็นยังไงบ้าง?” น้ำเสียงติดขัดเอ่ยถามขึ้นก่อน สายตาจะเลื่อนขึ้นสบในวินาทีต่อมา “ชีวิตฉันตอนนี้ดีมาก ดียิ่งกว่าปีไหน ๆ”ฉันเอ่ยตอบในทันทีด้วยรอยยิ้ม แม้จะแฝงไปด้วยอารมณ์เกลียดขี้หน้าเหลือประมาณก็ตามที “ผมคิดถึงคุณนะ” คงเพราะสายตาสื่อความนัยแบบที่แค่มองก็รู้ว่าคิดอะไร ส่งผลให้รอยยิ้มของฉันคลายลงโดยอัตโนมัติ พึมพำตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะเค้นขู่ลอดไรฟัน “เกิดจะคิดถึงขึ้นมาได้เชียว” “เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ไว้ไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันไหม? ผมเป็นเจ้ามือเอง ยังไงก็คนคุ้นเคย…” คำว่า ‘คนคุ้นเคย’ กับการแสดงออกผ่านสายตาน่ารังเกียจ ทำเอาฉันรู้สึกอยากจะขย้อนอาเจียนออกมาให้รู้แล้วรู้รอด ธนาก้าวเข้ามาอีกก้าวแล้วควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเข้าสู่หน้าแอปพลิเคชันสำหรับใช้ติดต่อ “พลอยคงจะเสียใจถ้ารู้ว่าคุณทำตัวแบบนี้” คนฟังระบายรอยยิ้มน่ารังเกียจอีกครั้ง แล้วกระซิบตอบด้วยน้ำเสียงที่ยิ่งฟังยิ่งทุเรศหู “พลอยไม่รู้หรอก” แล้วก็ยื่นโทรศัพท์มา

  • ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรัก   ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรัก ตอนพิเศษ 1

    ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนพิเศษ 1 เขาว่ากันว่าเวรกรรมมีจริง ใครทำอะไรมักจะได้อย่างนั้น ผลของการกระทำมักจะเข้าเล่นงานแบบไม่ทันให้ตั้งตัว… ห้างสรรพสินค้า S ฉันกับเก๋าเราออกมาซื้อข้าวของเครื่องใช้เตรียมตัวย้ายเข้าสู่เรือนหอของเราทั้งคู่ หลังจากงานแต่งผ่านพ้นไปได้ร่วมสองเดือน และแน่นอนว่าตอนนี้ฉันกลายเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้ชายที่เมื่อแรกเจอเราทั้งคู่กัดกันยิ่งกว่าอะไร… “ที่รัก” “…” “ที่รัก” “…” “กานดา” “ฮะ?” เพราะฉันกำลังให้ความสนใจกับของตกแต่งบ้านชิ้นหนึ่งที่ดูแล้วเหมาะน่าจะเอาไปตั้งในห้องนอนของเรา เลยไม่ทันได้ยินเสียงของคนด้านหลัง หันไปมองก็พบว่าคนเรียกกำลังยืนล้วงกระเป๋ากางเกง สีหน้าเบื่อหน่ายฉายชัด “ทำไมจะต้องสรรหาสรรพนามอื่นมาเรียกกันด้วย? ผมเรียก พี่ก็ไม่หันอยู่ดี” “เมื่อกี้ไม่ได้ยิน เรียกอีกที ๆ” “…” ฉันที่เพิ่งรู้ตัวว่าทำผิดข้อตกลงเรื่องล่าสุดระหว่างเราจำต้องรีบหมุนตัวกลับอีกครั้ง แสร้งทำเป็นดูของตกแต่งชิ้

  • ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรัก   ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรัก ตอนที่ 52

    ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 52 สามปีต่อมา ฉันหมดแรงทิ้งเข่าทรุดกายลงตรงจุดซึ่งมีธงปักอยู่บ่งบอกว่าเราได้มาถึงจุดสูงสุดของยอดเขาซึ่งอยู่ทางแถบภาคตะวันตกของประเทศเป็นที่เรียบร้อย ด้านบนนี้ลมพัดแรงจนผมเผ้าที่รวบเป็นหางม้าไว้ด้านหลังสะบัดปลิวพลิ้วไหว ขายาวของคนที่มาด้วยกัน หยุดยืนลงที่ด้านข้าง เงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเก๋านั้นไม่ได้ดูหมดสิ้นเรี่ยวแรง กระทั่งแสดงออกว่าเหนื่อยสักนิดก็ยังไม่มี คนเป็นแฟนยืนทิ้งเข่า ยกขวดน้ำขึ้นจิบด้วยท่วงท่าสบาย ๆ สายตาทอดมองไปยังเบื้องหน้าซึ่งเป็นภาพของเหล่าภูเขาสลับซับซ้อนเรียงรายมองไปไกลสุดลูกหูลูกตา ก่อนนัยน์ตาซึ่งหรี่เล็กน้อยเพราะแรงลมจะเลื่อนต่ำลงมองสภาพของฉันด้วยสายตาที่บ่งชัดว่ากำลังสมน้ำหน้ากัน โอเค…ฉันมันบ้าเองที่อยากจะเดินป่าขึ้นเขาขึ้นดอยให้ได้ และตอนแรกเก๋าก็ไม่เห็นด้วยกับการทำอะไรประเภทนี้ถึงแม้ฉันจะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำก็จริง แต่เพราะยังไม่เคยทำกิจกรรมอย่างนี้มาก่อนเลยทำให้คนเป็นแฟนมีทีท่าไม่เห็นด้วยอย่างที่บอกเก๋าค้านว่า อย่างน้อยเราก็ต้องมีประสบการณ์เดินทางไกล หรือไม่ก็ต้อ

  • ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรัก   ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรัก ตอนที่ 51

    ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 51 หนึ่งเดือนต่อมา ร่างกายร้อนผ่าวของฉันนอนทาบทับคร่อมเรียวขาอยู่เหนือเรือนร่างเปลือยเปล่าของเก๋า ก้นสองข้างกำลังถูกฝ่ามือหนาจับสับโยกเข้าหาความแข็งขืนของตัวตนที่ผงาดกร้าวตั้งเป็นลำตอนนี้เป็นเวลาตีห้าเกือบจะหกโมงเช้า พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้น แต่แค่เรานอนกอดนอนเกยกันนิดเดียวก็เกิดจะปลุกเปลวเพลิงให้ลุกโชติช่วงขึ้นมาได้ เสียงร่องเนื้อรูดขึ้นลงตามจังหวะการทิ้งสะโพกเป็นเสียงเดียวที่ดังอยู่ในขณะนี้ คนที่นอนอยู่ด้านล่างคลอเคลียจูบเข้าที่ซอกคอ หอมเข้าที่ข้างแก้มไม่หยุดมาตั้งแต่เราเริ่มบรรเลงบทรักเมื่อชั่วโมงก่อน “เสียวไหม?”เสียงห้าวแหบเอ่ยถาม ทั้งมือยังคงควบคุมจังหวะความเร็วอยู่อย่างนั้น ฉันเลื่อนริมฝีปากกระซิบเข้าที่ข้างหูของคนเป็นแฟนก่อนจะเอ่ยบอกเสียงพร่า“เสียวจนจะแตกอีกแล้ว”“ชอบของผมไหม?”เก๋าหยักยิ้มเอ่ยขอคำชมที่ก็มักจะขอเสมอ และฉันก็ให้คำตอบด้วยการออกแรงขย่มสับรัวเร็วอย่างเอาใจ พลางกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงที่พร่าสั่นหนักกว่าเดิม“ขึ้นให้ทุกเช้าแบบนี้ เธอคิดว่าชอบไหม?”“ชอบตรงไหน?”“ชอบทุกตรง”“ผมก็ชอ

  • ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรัก   ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรัก ตอนที่ 50

    ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 50 หลายวันต่อมา หลายวันที่ผ่านไปคนที่บอกว่าจะจีบก็มาจีบทุกวัน เช้ารอบ เย็นอีกรอบ แต่ถ้าวันไหนติดงานแล้วมาไม่ได้ก็จะส่งกลอนหวานเลี่ยนมาทางแชตแทน แม้เป็นการจีบที่ไม่ได้เรื่อง แต่เก๋าก็ทำให้ฉันยิ้มได้ไม่หยุดและตอนนี้ซึ่งเป็นเวลาค่ำแล้ว การได้เห็นเจ้าตัวปรากฏตัวจึงไม่ได้น่าแปลกใจเพราะก็มาอยู่ทุกวัน แต่วันนี้ต่างไปจากวันอื่นตรงที่เก๋าแบกเอากีตาร์มาด้วยร่างสูงอยู่ในชุดนิสิตเหมือนหลายวันที่ผ่านมาเพราะมหา’ลัยเปิดเรียนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นคนที่ว่าก็ยังมีความพยายามที่จะขับมอเตอร์ไซค์มาหา“มาจีบ”ไม่ต้องรอให้ถามเจ้าตัวก็รีบชิงพูดขึ้นทันทีที่ฉันเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็เหมือนจะแกล้งกันเล่น เก๋าปลดกระเป๋ากีตาร์ออกจากหลัง ก่อนจะเริ่มทำการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ด สายตาร้อนแรงจับจ้องมองกันแบบไม่วางตา“ถอดเสื้อถอดผ้าทำไม?”“ร้อน”“โกหก”“ใช่”“ถอดกางเกงทำไม?”“ร้อน”“เก๋า”“ใช่ ผมโกหก”ฉันหลุบตาลงมองนิยายในมือที่กำลังอ่านอยู่ขี้คร้านจะต่อล้อต่อเถียงด้วย กระทั่งพื้นที่ว่างบนเตียงยุบลงก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองอีกทีเก๋าในสภาพกึ่งเปลือยมีกีตาร์วางพาดอยู่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status