‘พี่มีเงินแค่ไหน? พอจะเลี้ยงเด็กคนนึงสักปีไหม?' ‘ผมทำได้หมดนะ ให้เลียตั้งแต่เท้ายันหัวก็เอา’
view moreระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรัก
ตอนที่ 1
ยานอนหลับหลายแผงที่ได้จากการไปหาหมอหลายครั้งตลอดระยะเวลาหลายเดือนวางกองรวมกันอยู่บนเตียง ข้างกันมีกระดาษแผ่นหนึ่งพับครึ่งไว้ ทุกครั้งที่แรงลมจากเครื่องปรับอากาศพัดมาถึงปลายมุมด้านหนึ่งจะเผยอขึ้นเผยให้เห็นลายมือตวัดหยาบเขียนอยู่เต็มหน้ากระดาษ
ว่ากันว่าหากกินยาตรงหน้าเข้าไปในปริมาณมากเกินไปจะทำให้ตัวยาไปออกฤทธิ์กดการทำงานของสมองส่วนที่ควบคุมการหายใจส่งผลให้เกิดภาวะระบบการหายใจล้มเหลว แน่นอนว่าอันตรายถึงชีวิต
ยาพวกนี้ไม่มีขายทั่วไปต้องให้แพทย์เป็นคนจ่ายเท่านั้น และหลายครั้งที่ไปพบแพทย์ ฉันก็ได้มันมาในปริมาณที่มากพอ…
มากพอสำหรับจะกระทำการสิ่งที่กำลังคิดอยู่ในขณะนี้…
ฉันนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนี้ จ้องมองสิ่งตรงหน้ามาได้ร่วมชั่วโมงแล้ว ยิ่งนั่งท่านี้นานเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกเหมือนขาจะเป็นตะคริวมากขึ้นเท่านั้น และตอนที่ตัดสินใจเด็ดขาด เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพอดิบพอดี
คนที่ตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่างแล้วไม่ควรจะหันกลับไปสนใจเพียงเพราะได้ยินเสียงที่ว่า
แต่ฉันรู้สึกแปลกใจ…
มันก็นานมาแล้วที่ไม่มีใครโทรมา การสนทนาผ่านโทรศัพท์กับใครสักคนครั้งล่าสุดน่าจะเกินห้าวันมาแล้ว ซ้ำยังเป็นการโทรมาแจ้งเตือนยอดค้างชำระของค่าบริการโทรศัพท์ที่บังเอิญลืมจ่าย
สายตามองดูเบอร์แปลกอยู่แค่อึดใจก็ตัดสินใจกดรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
‘มีพัสดุมาส่งครับ มีเก็บเงินปลายทางห้าร้อยยี่สิบสี่บาท…’
“เข้าใจไรผิดไหมคะ? ช่วงนี้ไม่ได้สั่งของเลยนะคะ”
‘จ่าหน้าระบุชื่อ คุณกานดา ห้อง 703 ครับ’
“มีบอกไหมคะว่าของเป็นอะไร?”
‘กางเกงชั้นในพลัสไซซ์ครับ’
“…”
‘ยังอยู่ไหมครับ?’
“สักครู่เดี๋ยวลงไปค่ะ”
อุณหภูมิข้างแก้มเกิดจะร้อนผ่าวขึ้นมาตอนได้ฟังคำตอบ เพราะของที่ว่าส่งตรงมาจากประเทศจีนทำให้กินระยะเวลาขนส่งนานกว่าปกติ
สั่งมันไปเป็นชาติ แต่เพิ่งจะมาเอาป่านนี้
จะไม่รับก็ไม่ได้อีก ถ้ามีคนมาทำข่าว แล้วไปสัมภาษณ์ลุงแช่ม รปภ.คนนั้น มีหวังตาลุงนั่นคงจะรีบทำสีหน้าฉงน และคำตอบที่แกคงจะรีบจุ้นจ้านบอก ก็คงไม่พ้นทำนองว่า…
‘ไม่น่าเชื่อนะครับว่าจะฆ่าตัวตาย ล่าสุดมีพัสดุมาส่ง ผู้หญิงคนนั้นยังสั่งกางเกงในมาอยู่เลย เป็นคดีฆาตกรรมหรือเปล่าครับเนี่ย? มันน่าประหลาดนะครับ…’
รู้อีกทีฉันก็ลงมาถึงชั้นล่างของตัวคอนโด
“ขอยอดกับบัญชีค่ะ”
“ธนาคารXXX ห้าร้อยยี่สิบสี่บาทพี่”
“แป๊บนะคะ”
พนักงานส่งพัสดุยืนรอ พลางถ่ายกล่องพัสดุคู่กับแผงเมลบ็อกซ์ไปด้วย แล้วกล่องนั่นก็ถูกส่งต่อมาให้ฉันที่โอนเงินเสร็จพอดี
“ขอบคุณมากครับ”
“…”
เสียงฝีเท้าของคู่สนทนาเดินกลับไปควบคร่อมมอเตอร์ไซค์ ก่อนที่เสียงรถจะเคลื่อนตัวห่างออกไป ฉันยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สายตาจ้องมองหน้าจอมือถือซึ่งค้างอยู่ที่แอปฯ บัญชีธนาคาร
ตัวเลขเจ็ดหลักที่เห็นทำให้เกิดจะรู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นมาในใจ
เงินที่เก็บหอมรอมริบมาตั้งแต่เริ่มทำงาน กระทั่งตอนนี้ผ่านมาได้หลายปีมันแทบจะไม่ได้ถูกเอาออกมาใช้เลย ตัวเลขที่เห็นมันเพิ่มพูนขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร…
อาจเป็นเพราะไม่เคยได้สนใจ เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินแบบไม่คิดที่จะใช้ แต่พอได้คิดก็รู้สึกฟุ้งซ่านขึ้นมาในหัว
จังหวะเดียวกันเสียงหัวเราะคิกคักของชายหญิงคู่หนึ่งก็ดังใกล้เข้ามา เงยหน้าขึ้นมองพบว่าเป็นคนที่อยู่คอนโดเดียวกัน เดินกอดเอวกะหนุงกะหนิงหยอกล้อต่อกระซิกไม่ต่างอะไรจากคู่รักทั่วไป
ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาดี รูปร่างผ่ายผอมเห็นทรวดทรงชัดเจน ผู้ชายเองก็หน้าตาดีไม่แพ้กัน หากบอกว่าเขาเป็นดาราก็คงไม่มีใครสงสัย แต่ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนเดิมกับที่ได้เห็นเมื่อสองสามวันก่อน
สองคนไม่ได้หันมาสนใจคนที่เอาแต่ยืนกอดกล่องพัสดุอยู่ตรงนี้ ทั้งคู่เดินผ่านเข้าไปด้านในของประตูกระจก เสียงลิฟต์ เสียงหัวเราะเงียบไปตอนไหนไม่อาจทราบได้ แต่ฉันกลับยังอยู่ที่จุดเดิม ใจเหม่อลอยอยู่ในห้วงคิด
ถ้าเกิดว่าฉันในตอนนี้สวยเหมือนผู้หญิงคนเมื่อครู่ก็คงดี โลกใบนี้คงจะใจดีกับฉันมากกว่านี้ ต่อให้อาจจะเจอเรื่องร้ายแรงอะไรมา แต่อย่างน้อยก็มีเรื่องโชคดีอยู่อย่าง
คนสวย ไม่เคยไม่เป็นที่ได้รับความสนใจ
ไม่ต้องมีใครมาทำวิจัยก็บอกได้ว่าสภาพแบบฉันในตอนนี้คงไม่มีปัญญาไปควงผู้ชายหน้าตาหล่อ ๆ แบบนั้น อาจรวมถึงไม่หล่อก็ด้วย ตามทฤษฎีแล้วถ้าหากไม่มีเรื่องของรูปร่างหน้าตาที่ดีก็ต้องมีในสิ่งที่ทดแทนกันได้
สิ่งเดียวที่ฉันมี ก็เห็นจะแค่ยอดเงินที่พอจะเหลืออยู่…
เงินที่เหลืออยู่…
ก็แล้วถ้าเงินพวกนี้ไม่มีความจำเป็นอะไรต่อชีวิตอีกแล้ว…
จะเป็นยังไงถ้าเอามาใช้หาความสุขให้เกลี้ยงบัญชีก่อนตาย…
เที่ยงคืน
อยู่กรุงเทพฯ มายี่สิบแปดปีกานดาคนนี้ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเมืองหลวงของประเทศยามค่ำคืนมันช่างคึกคักครึกครื้น เต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาท่องราตรีกันมากมายขนาดนี้ บรรยากาศในเวลานี้คลาคล่ำไปด้วยคนไทยรวมถึงชาวต่างชาติก็ด้วย
จะว่าอันที่จริงก็พอรู้อยู่ ว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองสวรรค์ของเหล่าสิงห์นักดื่มรวมถึงนักท่องราตรีที่เสพติดเสียงเพลงจังหวะเร้าใจประเภทที่เปิดในผับบาร์ ฉันแค่ไม่เคยได้มาเห็นกับตาก็เท่านั้น
อาคารชั้นเดียวตรงหน้ามีตัวอักษรแอลอีดีขนาดใหญ่ระบุบอกชื่อร้านเด่นหราอยู่ที่ด้านบนมองเห็นได้จากระยะไกล
เพราะเสิร์ชหาข้อมูลก่อนมาถึงรู้ว่าที่นี่คือสวรรค์ของสาว ๆ มีหนุ่มหล่อมากมายพร้อมที่จะให้การเทกแคร์ดูแลเอาใจใส่หากเรามีเงินมากพอ และตอนนี้ฉันก็มีเงินมากพอที่จะทำอะไรแบบที่ว่า…
แต่เอาเข้าจริงกลับรู้สึกว่าตัวเองไม่เข้าพวกอย่างเห็นได้ชัด ทำไมผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ถึงได้หน้าตาดี สาว ๆ สวย ๆ กันแทบทุกคน ผิดไปจากที่จินตนาการในตอนแรกมากโข
คนที่มีแนวโน้มจะใช้เงินซื้อความสุขควรจะอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับฉัน ไม่ก็ควรเป็นสาวประเภทที่ว่าใกล้จะจดทะเบียนสมรสกับไม้คานเต็มทีมากกว่าจะเป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก หุ่นดี แต่งตัวเผ็ดร้อนแบบนี้
พอได้เห็นก็ดันรู้สึกลังเลใจ ไม่ก็อาจเป็นเพราะตัดสินใจลุยเดี่ยวมาคนเดียวไม่ได้มาเป็นกลุ่มแก๊งเหมือนกับคนอื่นเลยทำให้สูญเสียความมั่นใจ
ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่ฉันก็คงไม่หันหลังกลับเป็นแน่ ยังไงวันนี้ก็ต้องได้ผู้ชายกลับบ้านสักคน แต่ขอเวลาไปนั่งเรียกกำลังใจให้ตัวเองสักแป๊บก็แล้วกันเผื่อจะดีขึ้น
ยี่สิบนาทีต่อมา
ดีขึ้นก็บ้า!
หลังจากนั่งอยู่ที่ด้านหลังตรงทางออกลานจอดรถอยู่นาน ก็เริ่มรู้สึกว่า ยิ่งซ้อมทำใจนานเท่าไรฉันยิ่งรู้สึกประหม่ามากขึ้นเท่านั้น
ขนาดว่าตัดสินใจเด็ดขาดเรื่องที่ว่าจะเอาเงินที่เหลืออยู่มาซื้อความสุขให้ตัวเองแท้ ๆ แต่ใจกลับกลัว ทำตัวเหมือนตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาไม่มีผิด ขืนเป็นแบบนี้ เห็นจะไม่มีอะไรต่างไปจากเดิม
พลั่ก!!
ฉันขยับตัวลุกขึ้นในจังหวะเดียวกับที่ใครสักคนถูกเหวี่ยงออกมาจากประตูด้านหลังตัวอาคารจนล้มคว่ำลงตรงหน้าพอดี
การ์ดหน้าตาโหดร่างกายบึกบึนสองคนซึ่งเป็นคนหิ้วผู้ชายคนนี้มาโยนยกนิ้วขึ้นชี้หน้าพร้อมกราดด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายก่อนจะกลับเข้าไป
มันเป็นแค่เหตุการณ์สั้น ๆ ม้วนเดียวจบที่ฉันสะเหล่อมายืนเป็นพยานรู้เห็นอยู่ตรงนี้ด้วยพอดิบพอดี
ด้วยความที่เป็นคนขี้สงสารเลยรีบเข้าไปประคองคนที่ว่าซึ่งยามนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยของบาดแผล หัวคิ้วแตก แก้มช้ำ มุมปากมีเลือดซึม แม้ว่าหน้าแหกเบอร์นี้ ผู้ชายคนนี้ก็ยังคงดูดีมาก
“ปะ… เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
“…”
ร่างสูงหยัดกายลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงแข็งแรง แม้ใบหน้าจะบ่งชัดว่าเพิ่งถูกทำร้ายมาก็ตาม และพอเขายืนเต็มความสูงฉันก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองโดยอัตโนมัติ
เพราะส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรส่งผลให้ฉันเป็นตัวสูง และไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองตัวเตี้ยมาก่อน แต่คนตรงหน้ากลับสูงกว่ากันอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้กานดากลายเป็นสาวตัวเล็กตัวน้อยไปในบัดดล
คนแปลกหน้าเดินเบี่ยงไปยังทางหนึ่งดึงบุหรี่ออกมาจุดสูบด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่สนใจที่จะตอบคำถาม สุดท้ายก็เป็นฉันเองที่ยืนเก้อรอคำตอบอยู่ตรงจุดเดิม
ใครว่ารูปลักษณ์ภายนอกไม่มีผลต่อการเลือกปฏิบัติ?
พอคิดได้ว่าไม่ควรไปสนใจใครที่ไหนก็ไม่รู้ สุดท้ายก็หมุนตัวเดินหนีความกระดากอายไร้สาระ ตั้งท่าจะเข้าไปหาผู้ชายสักคนที่อาคารด้านใน แต่กลับได้ยินเสียงพึมพำดังมาจากด้านหลัง
“พี่… รองเท้าส้นจะหัก…”
“…”
เพราะคำเตือนไม่มีปี่มีขลุ่ย และไม่มีใครอยู่ตรงนี้นอกจากเราสองคน ทำให้ฉันถึงกับต้องรีบก้มลงมองรองเท้าส้นสูงที่ซื้อมาตั้งแต่ชาติที่แล้วแต่เพิ่งได้ฤกษ์เอาออกมาใส่วันนี้เป็นครั้งแรก และตรงส้นมันก็มีรอยกาวเผยอจริงตามคำเตือน
พอหันกลับไปมองก็เห็นผู้ชายคนเดิมกำลังมองมา เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่พ่นควันบุหรี่ขึ้นฟ้า ฉันพยายามจะยิ้มตอนที่ตะกุกตะกักเสียงเบา
“สงสัยกาวมันจะล่อน…”
“…”
คนตรงนั้นเลื่อนคิ้วเข้าหากัน เมื่อได้ยินคำแก้ตัวที่ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดไปทำไม
ที่ส้นมันใกล้จะหักแบบนี้คงไม่ใช่แค่เพราะซื้อมานานแต่ไม่เคยผ่านการใช้งาน เหตุคงประกอบกับน้ำหนักตัวที่เกินมาตรฐานด้วยอีกอย่าง แต่ใครมันจะบ้าบอกว่าเพราะตัวเองอ้วนกัน ทุเรศสิ้นดี…
ขืนไม่รีบไปตอนนี้มีหวังได้รู้สึกแย่จนถอดใจกลับบ้านแน่ คิดได้อย่างนั้นก็รีบเดินหนีเขาอีกครั้ง แต่เสียงเนือยยังคงเอ่ยต่อ
“ไม่ต้องเข้าไปหรอก”
“…”
“พี่เข้าไม่ได้ เดี๋ยวจะเสียใจเปล่า ๆ”
“หมายความว่ายังไง?”
ก็เป็นต้องหันกลับไปขมวดคิ้วมอง ผู้ชายคนนั้นทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้นแล้วดึงอีกตัวขึ้นมาจุดสูบต่อเนื่อง แม้จะมีสีหน้าลังเลใจในตอนแรกแต่สุดท้ายคำตอบก็เอ่ยออกมา
“ที่นี่มันคัดคน”
“…”
ช็อกยิ่งกว่าสิ่งที่ได้ยิน ก็คือสายตานิ่งสนิทที่เลื่อนมองกันตั้งแต่หัวจรดเท้า ไอ้เด็กเวรเบนสายตาหนีไปแล้วแต่ฉันกลับรู้สึกอับอายยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ จะบอกว่าเพราะไม่สวยเลยเข้าไม่ได้หรือยังไง
“ไม่เห็นจะเคยได้ยินว่าที่ไหนจะปฏิเสธลูกค้า ฉันมีเงินพอที่จะจ่าย…”
“หึ…”
คนตรงนั้นหันมองกลับมาอีกครั้งสีหน้าไม่เห็นด้วยพร้อมทั้งขยายความให้ฟัง
“เผื่อพี่ไม่รู้… บางทีไม่ใช่แค่มีเงินก็เข้าได้ บางที่มีข้อกำหนดเรื่องอายุที่มากเกินไปด้วยซ้ำ”
“…” มันมีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอวะเนี่ย…
“ไม่เชื่อก็แล้วแต่ ลองดู”
เจ้าตัวไม่พูดเปล่าแต่ทำท่าอันเชิญไปด้วย ซ้ำสีหน้ายังกวนโทโสสุด ๆ และที่แย่ยิ่งกว่าก็คือ ตัวฉันเองดันเริ่มรู้สึกลังเล ถ้าเป็นอย่างที่เขาพูดจริงมันจะยังไงต่อ
อีกฝ่ายไม่ได้หันมาสนใจอะไรกันอีก เป็นฉันเองที่ยืนนิ่งไม่ได้เดินหนีไปอย่างที่คิดในตอนแรก
เราต่างคนต่างไม่สนใจกันอยู่นานเกือบนาที และตอนที่ฉันตัดสินใจว่าจะกลับคอนโดเพราะเกิดกลัวขึ้นมาว่าแค่เงินอย่างเดียวคงจะไม่พอสำหรับสถานที่ตรงหน้าอย่างที่ได้ฟัง
ผู้ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย สายตาของเขาเหมือนจะลังเลอยู่อึดใจ หากท้ายที่สุดก็เอ่ยออกมา
“ที่บอกว่ามีเงิน”
“…”
“พี่มีเงินแค่ไหน? พอจะเลี้ยงเด็กคนนึงสักปีไหม?”
“…”
“ผมทำได้หมดนะ ให้เลียตั้งแต่เท้ายันหัวก็เอา”
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนพิเศษ 3 หลายปีต่อมา เพราะมีบ้านแล้วและเพราะฉันว่างมากจากอาชีพเดิมคือการเป็นเทรดเดอร์ นอกจากวัน ๆ จะต้องนั่งเฝ้าจอดูราคาหุ้น ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดแทบจะตลอดเวลา ฉันก็ว่างแหละ ไม่ก็พยายามจะว่าง…ช่วงนี้ฉันตื่นแต่เช้าตรู่ทุกวัน จัดการทำข้าวกล่องส่งขายตามตลาดเช้าเพื่อหารายได้เพิ่มเติมจากรายได้เดิมที่มันก็ไม่ได้แย่อะไร และกว่าข้าวกล่องพวกนี้จะเสร็จก็กินเวลาเกือบเจ็ดโมงหากเป็นวันธรรมดาในเวลาเดียวกันนี้ จะได้เห็นร่างสูงของเก๋าในเชิ้ตกับสแล็กส์เรียบร้อยเตรียมพร้อมที่จะออกไปทำงาน แต่เพราะวันนี้เป็นวันหยุดจึงไม่ได้เห็นคนที่ว่าอยู่ในสภาพดังกล่าวฉันอาจจะลืมเล่าไปถึงเรื่องที่ว่า คนเป็นสามีเรียนจบวิศวะเครื่องกลมา และตอนนี้กำลังทำงานควบคุมออกแบบ ติดตั้งเครื่องจักรกลที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ถึงหน้าตาเก๋าเหมือนไม่ได้เรื่องสักเท่าไร แต่อย่างที่เห็นว่าพอจะได้เรื่องอยู่บ้าง วันนี้เป็นวันหยุดของเก๋า แต่กลับได้ยินเสียงคนที่ว่าดังมาจากทางห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่บริเวณส่วนหน้าของตัวบ้านตั้งแต่เวลาย่ำรุ่ง และไม่ใช่เสียงเก๋าคนเดียว… แต่ม
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนพิเศษ 2 “คุณเป็นยังไงบ้าง?” น้ำเสียงติดขัดเอ่ยถามขึ้นก่อน สายตาจะเลื่อนขึ้นสบในวินาทีต่อมา “ชีวิตฉันตอนนี้ดีมาก ดียิ่งกว่าปีไหน ๆ”ฉันเอ่ยตอบในทันทีด้วยรอยยิ้ม แม้จะแฝงไปด้วยอารมณ์เกลียดขี้หน้าเหลือประมาณก็ตามที “ผมคิดถึงคุณนะ” คงเพราะสายตาสื่อความนัยแบบที่แค่มองก็รู้ว่าคิดอะไร ส่งผลให้รอยยิ้มของฉันคลายลงโดยอัตโนมัติ พึมพำตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะเค้นขู่ลอดไรฟัน “เกิดจะคิดถึงขึ้นมาได้เชียว” “เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ไว้ไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันไหม? ผมเป็นเจ้ามือเอง ยังไงก็คนคุ้นเคย…” คำว่า ‘คนคุ้นเคย’ กับการแสดงออกผ่านสายตาน่ารังเกียจ ทำเอาฉันรู้สึกอยากจะขย้อนอาเจียนออกมาให้รู้แล้วรู้รอด ธนาก้าวเข้ามาอีกก้าวแล้วควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเข้าสู่หน้าแอปพลิเคชันสำหรับใช้ติดต่อ “พลอยคงจะเสียใจถ้ารู้ว่าคุณทำตัวแบบนี้” คนฟังระบายรอยยิ้มน่ารังเกียจอีกครั้ง แล้วกระซิบตอบด้วยน้ำเสียงที่ยิ่งฟังยิ่งทุเรศหู “พลอยไม่รู้หรอก” แล้วก็ยื่นโทรศัพท์มา
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนพิเศษ 1 เขาว่ากันว่าเวรกรรมมีจริง ใครทำอะไรมักจะได้อย่างนั้น ผลของการกระทำมักจะเข้าเล่นงานแบบไม่ทันให้ตั้งตัว… ห้างสรรพสินค้า S ฉันกับเก๋าเราออกมาซื้อข้าวของเครื่องใช้เตรียมตัวย้ายเข้าสู่เรือนหอของเราทั้งคู่ หลังจากงานแต่งผ่านพ้นไปได้ร่วมสองเดือน และแน่นอนว่าตอนนี้ฉันกลายเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้ชายที่เมื่อแรกเจอเราทั้งคู่กัดกันยิ่งกว่าอะไร… “ที่รัก” “…” “ที่รัก” “…” “กานดา” “ฮะ?” เพราะฉันกำลังให้ความสนใจกับของตกแต่งบ้านชิ้นหนึ่งที่ดูแล้วเหมาะน่าจะเอาไปตั้งในห้องนอนของเรา เลยไม่ทันได้ยินเสียงของคนด้านหลัง หันไปมองก็พบว่าคนเรียกกำลังยืนล้วงกระเป๋ากางเกง สีหน้าเบื่อหน่ายฉายชัด “ทำไมจะต้องสรรหาสรรพนามอื่นมาเรียกกันด้วย? ผมเรียก พี่ก็ไม่หันอยู่ดี” “เมื่อกี้ไม่ได้ยิน เรียกอีกที ๆ” “…” ฉันที่เพิ่งรู้ตัวว่าทำผิดข้อตกลงเรื่องล่าสุดระหว่างเราจำต้องรีบหมุนตัวกลับอีกครั้ง แสร้งทำเป็นดูของตกแต่งชิ้
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 52 สามปีต่อมา ฉันหมดแรงทิ้งเข่าทรุดกายลงตรงจุดซึ่งมีธงปักอยู่บ่งบอกว่าเราได้มาถึงจุดสูงสุดของยอดเขาซึ่งอยู่ทางแถบภาคตะวันตกของประเทศเป็นที่เรียบร้อย ด้านบนนี้ลมพัดแรงจนผมเผ้าที่รวบเป็นหางม้าไว้ด้านหลังสะบัดปลิวพลิ้วไหว ขายาวของคนที่มาด้วยกัน หยุดยืนลงที่ด้านข้าง เงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเก๋านั้นไม่ได้ดูหมดสิ้นเรี่ยวแรง กระทั่งแสดงออกว่าเหนื่อยสักนิดก็ยังไม่มี คนเป็นแฟนยืนทิ้งเข่า ยกขวดน้ำขึ้นจิบด้วยท่วงท่าสบาย ๆ สายตาทอดมองไปยังเบื้องหน้าซึ่งเป็นภาพของเหล่าภูเขาสลับซับซ้อนเรียงรายมองไปไกลสุดลูกหูลูกตา ก่อนนัยน์ตาซึ่งหรี่เล็กน้อยเพราะแรงลมจะเลื่อนต่ำลงมองสภาพของฉันด้วยสายตาที่บ่งชัดว่ากำลังสมน้ำหน้ากัน โอเค…ฉันมันบ้าเองที่อยากจะเดินป่าขึ้นเขาขึ้นดอยให้ได้ และตอนแรกเก๋าก็ไม่เห็นด้วยกับการทำอะไรประเภทนี้ถึงแม้ฉันจะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำก็จริง แต่เพราะยังไม่เคยทำกิจกรรมอย่างนี้มาก่อนเลยทำให้คนเป็นแฟนมีทีท่าไม่เห็นด้วยอย่างที่บอกเก๋าค้านว่า อย่างน้อยเราก็ต้องมีประสบการณ์เดินทางไกล หรือไม่ก็ต้อ
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 51 หนึ่งเดือนต่อมา ร่างกายร้อนผ่าวของฉันนอนทาบทับคร่อมเรียวขาอยู่เหนือเรือนร่างเปลือยเปล่าของเก๋า ก้นสองข้างกำลังถูกฝ่ามือหนาจับสับโยกเข้าหาความแข็งขืนของตัวตนที่ผงาดกร้าวตั้งเป็นลำตอนนี้เป็นเวลาตีห้าเกือบจะหกโมงเช้า พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้น แต่แค่เรานอนกอดนอนเกยกันนิดเดียวก็เกิดจะปลุกเปลวเพลิงให้ลุกโชติช่วงขึ้นมาได้ เสียงร่องเนื้อรูดขึ้นลงตามจังหวะการทิ้งสะโพกเป็นเสียงเดียวที่ดังอยู่ในขณะนี้ คนที่นอนอยู่ด้านล่างคลอเคลียจูบเข้าที่ซอกคอ หอมเข้าที่ข้างแก้มไม่หยุดมาตั้งแต่เราเริ่มบรรเลงบทรักเมื่อชั่วโมงก่อน “เสียวไหม?”เสียงห้าวแหบเอ่ยถาม ทั้งมือยังคงควบคุมจังหวะความเร็วอยู่อย่างนั้น ฉันเลื่อนริมฝีปากกระซิบเข้าที่ข้างหูของคนเป็นแฟนก่อนจะเอ่ยบอกเสียงพร่า“เสียวจนจะแตกอีกแล้ว”“ชอบของผมไหม?”เก๋าหยักยิ้มเอ่ยขอคำชมที่ก็มักจะขอเสมอ และฉันก็ให้คำตอบด้วยการออกแรงขย่มสับรัวเร็วอย่างเอาใจ พลางกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงที่พร่าสั่นหนักกว่าเดิม“ขึ้นให้ทุกเช้าแบบนี้ เธอคิดว่าชอบไหม?”“ชอบตรงไหน?”“ชอบทุกตรง”“ผมก็ชอ
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 50 หลายวันต่อมา หลายวันที่ผ่านไปคนที่บอกว่าจะจีบก็มาจีบทุกวัน เช้ารอบ เย็นอีกรอบ แต่ถ้าวันไหนติดงานแล้วมาไม่ได้ก็จะส่งกลอนหวานเลี่ยนมาทางแชตแทน แม้เป็นการจีบที่ไม่ได้เรื่อง แต่เก๋าก็ทำให้ฉันยิ้มได้ไม่หยุดและตอนนี้ซึ่งเป็นเวลาค่ำแล้ว การได้เห็นเจ้าตัวปรากฏตัวจึงไม่ได้น่าแปลกใจเพราะก็มาอยู่ทุกวัน แต่วันนี้ต่างไปจากวันอื่นตรงที่เก๋าแบกเอากีตาร์มาด้วยร่างสูงอยู่ในชุดนิสิตเหมือนหลายวันที่ผ่านมาเพราะมหา’ลัยเปิดเรียนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นคนที่ว่าก็ยังมีความพยายามที่จะขับมอเตอร์ไซค์มาหา“มาจีบ”ไม่ต้องรอให้ถามเจ้าตัวก็รีบชิงพูดขึ้นทันทีที่ฉันเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็เหมือนจะแกล้งกันเล่น เก๋าปลดกระเป๋ากีตาร์ออกจากหลัง ก่อนจะเริ่มทำการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ด สายตาร้อนแรงจับจ้องมองกันแบบไม่วางตา“ถอดเสื้อถอดผ้าทำไม?”“ร้อน”“โกหก”“ใช่”“ถอดกางเกงทำไม?”“ร้อน”“เก๋า”“ใช่ ผมโกหก”ฉันหลุบตาลงมองนิยายในมือที่กำลังอ่านอยู่ขี้คร้านจะต่อล้อต่อเถียงด้วย กระทั่งพื้นที่ว่างบนเตียงยุบลงก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองอีกทีเก๋าในสภาพกึ่งเปลือยมีกีตาร์วางพาดอยู่
Mga Comments