เช้าวันถัดมา...
หลังจากที่ตื่นนอนได้สักพัก หญิงสาวตัวเล็กเจ้าของใบหน้าสวยหวาน ดวงตากลมสีดำสนิทตามแบบฉบับไทยแท้ ตอนนี้เธออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเป็นที่เรียบร้อย เผยให้เห็นผิวนวลผ่องขาวสะอาด
เมื่อวานตอนเย็นเธออาบเพียงผ่าน ๆ เท่านั้น เพราะเธอมีเรื่องให้คิดมากพอสมควรจนไม่อยากทำอะไร สภาพจึงดูดีน้อยกว่าตอนนี้หน่อย ส่วนวันนี้เธอเลือกที่จะอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเรียนตอนเช้า
"ยิ้มสิยิ้ม "
หญิงสาวจ้องมองตัวเองผ่านกระจก ใบหน้าด้านซ้ายของเธอไม่บวมเป่งเท่าเมื่อวาน มีเพียงมุมปากที่เขียวช้ำ แต่เธอกลับไม่สนใจ นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอ คนที่อายควรจะเป็นคนทำมากกว่าสิ ตอนนี้เธอตัดสินใจเเล้วว่าเธอจะพยายามกลับไปเป็นยิ้มที่สดใสและเข้มแข็งคนเดิมให้ได้
แกร๊ก~~ เพียงแค่ประตูห้องเปิดออกก็พบกับแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มตัวโตคนเดิม เขาสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงนอนสีดำ ผมลองทรงสีน้ำตาลถูกมัดเป็นจุกเล็ก ๆ เผยให้เห็นใบหน้าตามแบบฉบับลูกรักของพระเจ้า คิ้วคมเรียงสวย จมูกโด่งขนาดมองด้านข้างเพียงฝั่งเดียวยังทำเธอตะลึงได้ขนาดนี้
แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกตะลึงมากกว่านั่นก็คือภาพตรงหน้า ซึ่งตอนนี้เขาคนนั้นกำลังกวาดห้องทำความสะอาดอยู่พอดี ผู้ชายคนเมื่อวาน แวบเเรกที่เธอเห็นภายนอกดูนิ่งขรึม และน่ากลัวเกินกว่าจะหาคำมาบรรยายได้
ตอนนี้เขากำลังตั้งใจทำงานบ้านอย่างขะมักเขม้น พลางเปิดเพลงฟังเพิ่มบรรยากาศในการทำงานไปด้วย ซึ่งมันขัดกับรูปร่างหน้าตาของเขาแบบสุด ๆ
"อ้าว ยิ้มจะไปเรียนวันนี้เหรอ?"
"อืม" เธอพยักหน้าเบา ๆ เป็นการตอบรับ
"ทำไมไม่บอกเราตั้งแต่เมื่อคืน โอเคขึ้นเเล้วใช่ไหม?"
"เราโอเค"
"งั้นรอเดี๋ยวนะ อาบน้ำแป๊บเดียว"
ว่าเเล้วเขาก็รีบเก็บไม่กวาด ไม้ถู อุปกรณ์ทำความสะอาดเข้าที่ เเละก้าวยาว ๆ เข้าไปในห้องของตนโดยไม่สนใจจะรอฟังเธอที่กำลังจะอ้าปากถามคำถามเลยสักนิด
เธอยืนตะลึงอยู่สักพัก ทำไมเขาถึงทำตัวสบาย ๆ ไม่ได้เคร่งขรึมอะไรขนาดนั้น ทั้ง ๆ ที่เพิ่งเจอเธอได้ไม่นาน ไม่แน่ใจว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า? ที่รู้สึกว่าเขาทำตัวสนิทสนมคล้ายกับรู้จักเธอมาก่อนหน้านี้
คิดไปคิดมาเธอก็ทิ้งตัวลงนั่งรอชายหนุ่มอย่างแปลกประหลาด อาจจะด้วยเพราะเธอเองไม่สามารถออกจากห้องได้หากไม่มีเขาด้วยแหละมั้ง...
"-_-"
"°_°"
"ยิ้มเป็นอะไรเหรอ?"
ไบร์ทที่นั่งฝั่งตรงข้ามเอ่ยถามขึ้นทำลายความเงียบ เพราะหญิงสาวตรงหน้าเอาแต่ทำหน้าเบื่อโลก สลับกับมองผู้คนรอบข้าง ไบร์ทที่ยังคงนั่งทำหน้านิ่งเป็นหุ่นก็อดที่จะถามไม่ได้
"..." เธอไม่รู้จะตอบอย่างไรดี หากจะบอกว่าอึดอัดกับสายตาที่มองมาก็ไม่กล้าบอกเขาตรง ๆ
ทั้งสองมาถึงมหาลัยเร็วกว่าปกติ จึงต้องมานั่งรอด้านล่างตึก เพื่อเข้าเรียนในชั่วโมงถัดไป โดยสาเหตุที่ทำให้เธอนั่งทำหน้าเหมือนคนอึไม่ออก ก็เพราะว่าตั้งแต่ที่เดินเข้ามา เธอก็ต้องเจอเข้ากับสายตาผู้คนมากมายที่มองเธอแปลก ๆ เอ๊ะ! หรือมองหนุ่มลูกครึ่งตัวโตที่เดินตามหลังเธอทุกฝีก้าวกันแน่?
"ไม่สบาย?" ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงเรียบ ต่างจากเวลาที่อยู่กับเธอสองคน ตั้งแต่ลงจากรถมาเขาก็เอาแต่ทำหน้าเรียบเฉย ดูน่ากลัวเช่นเดิม
"เปล่า สบายดี"
"ยิ้ม ๆ ๆ ๆ"
เสียงแหลมร้องเรียกชื่อหญิงสาวที่นั่งหายใจไม่เต็มท้องให้รีบหันกลับไปมองทันที ร่างสาวนักศึกษาสวมกระโปรงสั้นรัดรูปกำลังวิ่งจนหอบมายังบริเวณที่เธอนั่งอยู่กับหนุ่มลูกครึ่งหน้าโหด
"หวัดดีรี่"
เธอคือ ‘เชอรี่’ เพื่อนสนิทในห้องที่รู้จักกันช่วงตอนอยู่ปีสอง เชอรี่เป็นสาวเเซ่บตัวแม่สวยสะกดไปทุกมุม ต่างจากเธอที่ดูธรรมดา ไม่มีอะไรน่าดึงดูดเลยสักนิด
"แฮ่ก ๆ โอ้ย เหนื่อย~ ยิ้มมานานแล้วเหรอ?"
"สักพักแล้ว"
"เห้ย! หน้าไปโดนอะไรมา"
เมื่อหญิงสาวผู้มาใหม่เริ่มหายเหนื่อย จึงแหงนหน้ามองผู้เป็นเพื่อนชัด ๆ ก็พบว่ามุมปากของเธอมีรอยเขียวช้ำอย่างกับคนโดนตบมา
"ไปโดนใครตบมาเนี่ย"
"..." ยิ้มไม่กล้าตอบ เธอทำได้เพียงหลบตา เมื่อเช้าก็คิดว่าตัวเองจะเริ่มเป็นคนใหม่ แต่สุดท้ายพอนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เธอก็ยังเป็นแค่ยัยตัวอ่อนแอเหมือนเดิมสินะ...
"ยิ้ม ไอ้กันต์ทำใช่ไหม?"
คล้ายกับเพื่อนสนิทเธอจะรู้ทัน หญิงสาวสวยใบหน้าจัดจ้านกัดปากเเน่น พร้อมกับข่มกลั้นอารมณ์
"ได้เวลาเข้าเรียน"
จู่ ๆ เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นอย่างคนไม่สนโลก เรียกให้สายตาของทั้งสองสาวหันไปมองเขา ซึ่งก่อนหน้าผู้มาใหม่ไม่ได้สังเกตเห็นเลยสักนิด เพียงเเค่ได้หันมาเจอะเจอกับหนุ่มลูกครึ่งที่ลุกมายืนประกบหลังเพื่อนเธอตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ เล่นเอาเธอมองตาค้างอ้าปากหว๋อ!
พ่อเจ้าแม่เจ้า... แน่ใจนะว่าเนี่ยคนจริง ๆ
"คะ คน รึเปล่า?"
เชอรี่หันมาสบตากับผู้เป็นเพื่อนที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ก็เพื่อนเธอเล่นถามคำถามแบบนี้เเล้วจะให้เธอยิ้มออกได้อย่างไรกัน
"คน ๆ" ยิ้มพยักหน้าพลางน้ำตาคลอ เธออยากจะร้องไห้ ยิ่งรับรู้ได้ว่าเขามายืนประกบหลังจนตัวจะชิดกับเธออยู่แล้ว เธอยิ่งกดดันและอึดอัด
"ใครเหรอ? ทำไมมาด้วยกัน"
เมื่อปรับตัวให้เป็นปกติ จากตกตะลึงอ้าปากค้าง ก็แปรเปลี่ยนมาเป็นสงสัย และใคร่รู้แบบสุด ๆ เธออยากรู้จริง ๆ ว่าหนุ่มหน้าฝรั่งที่สาว ๆ เห็นเป็นต้องหายใจไม่ทั่วท้องนั้น เป็นอะไรกับเพื่อนเธอกันเเน่
"..."
เมื่อถูกเพื่อนถาม ยิ้มจึงหันกลับไปมองชายหนุ่มด้านหลังอีกครั้ง ปรากฏว่าใบหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมาเลยสักนิด เอาแต่ยืนตัวตรงหน้านิ่งขรึม ไม่พูดจา เพียงแค่เหม่อมองไปข้างหน้าซึ่งผ่านหัวเธอสองคนลิบลิ่ว นั่นเขากำลังเครียดกับต้นไม้ที่อยู่ตรงนั้นหรือเปล่านะ? ตอนจะมาก็ยังเห็นยิ้มเเย้มอารมณ์ดีอยู่เลย...
"อะ เอ่อ นี่ไบร์ท ปะ เป็น..." หญิงสาวเอ่ยติด ๆ ขัด ๆ เธอไม่รู้ว่าจะบอกเพื่อนอย่างไรดี เขาเป็นอะไรกับเธอ เธอเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำ แล้วจะให้ตอบคนอื่นได้อย่างไร
"ผัวใหม่"
คนที่เอาแต่ยืนทำหน้านิ่ง ตอบกลับแทน ทำเอาทั้งสองอ้าปากค้าง ที่หนักน่าจะเป็นยิ้ม เธออึ้งจนแทบจะเป็นลม ให้ตายเถอะ! เขาต้องเสียสติไปแล้วแน่ ๆ นี่ไม่ใช่ข้อตกลงที่คุยกันไว้นี่นา! เธออยากจะวิ่งไปกระโดดลงถังขยะ แล้วรอให้คนช่วยเก็บเธอไปทิ้งไกล ๆ ที ขอร้อง!!
"ยิ้มต้องมั่นใจในตัวเองนะ ยิ้มอย่าเอาแต่มองว่าตัวเองแย่ ไม่ดี ต่ำต้อย ไม่ควรค่าที่จะได้รับสิ่งดี ๆ"เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวย เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและแฝงไปด้วยพลังบวกที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน จู่ ๆ ไบร์ทก็เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์มาสองกระป๋องก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่เดิม"ยิ้มออกจะน่ารัก ทำกับข้าวเก่ง ทำงานบ้านเก่ง เรียนก็เก่ง นิสัยดีอีกต่างหาก" เขาเอ่ยร่ายยาวพร้อมกับเปิดกระป๋องเบียร์ และยื่นมันมาให้เธอ"ให้ทำไม?" เธอทำหน้าสงสัยเล็กน้อย"มันช่วยให้หลับสบาย ลองดู""เราไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์" เธอไม่เคยดื่มจริง ๆ และไม่รู้เลยว่าถ้าเธอเกิดกระดกมันเข้าไปแล้วสภาพหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร"ลองดูสักครั้งเถอะ ไม่เสียหายหรอก เราอยากให้ยิ้มหัดลองอะไรใหม่ ๆ บ้าง""งั้นก็ได้" ทำไมเธอถึงตกลงง่ายขนาดนั้นน่ะเหรอ สั้น ๆ เลยคือ...อยากลอง"อึก อึก อึก" เธอกระดกเครื่องดื่มในกระป๋องลงคออย่างฝืดเคือง และนั่งกระพริบตารอดูสิ่งที่จะตามมา พอผ่านไปได้เพียงสามนาที...ฟุบ! เอาเป็นว่าสาวเจ้าของกายของไบร์ท หลับคอพับในท่านั่งท่าเดิมจนเขาขำปอดโยก เบียร์แค่สามอึกทำเอาเธอน็อคกลางอากาศได้ขนาดนี้เลยเหรอ? น่าทึ่งเกินไปแล
"โถ่เว้ย!""เป็นห่าอะไรอีกล่ะเนี่ย"นิกที่ถูกบังคับให้มาอยู่เป็นเพื่อนคอยรองรับอารมณ์เกรี้ยวกราดของคนที่กำลังโวยวาย และตะโกนเสียงดัง บ้างก็โยนข้าวของเกลื่อนห้องราวกับคนบ้าหลุดออกจากโรงพยาบาล จนอีกคนต้องกุมขมับ"หงุดหงิดเว้ย!"กันต์ตะโกนก้องอย่างคนหัวเสียขั้นสุด ยิ่งนึกถึงตอนที่เห็นสองคนนั่นไปไหนมาไหนด้วยกันเขายิ่งโกรธจนต้องหาที่ระบายแบบนี้"มึงนี่เนอะ ยิ้มทนอยู่กับคนแบบมึงได้ยังไงวะ""มึงพูดอะไรไอ้นิก คนแบบกูมันทำไม"คนที่เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ เจ้าอารมณ์ ชอบข่มเหงรังแกผู้อื่น และจิตใจโลเลอย่างไรเล่า... นิกอยากจะบอกถึงข้อเสียทั้งหมดของผู้เป็นเพื่อนแต่ก็รู้ดีว่าไร้ประโยชน์ คนแบบนี้ต่อให้พูดจนปากฉีกถึงรู้หูก็ไม่สำนึก หากไม่เจอกับความผิดหวังและคิดได้ด้วยตัวเองเท่านั้น"ช่างเหอะ ๆ กูขี้เกียจพูดแล้ว กูกลับห้องไปอาบน้ำก่อนนะ""คืนนี้กูจะไปกินเหล้า มึงต้องไปกับกู""โอเค ๆ เดี๋ยวเจอกัน" นิกตอบปัด ๆ เพื่อจะได้ไม่มีปัญหา ถ้าลองไม่ไปดูสิคนแบบมันจะยอมรามือง่าย ๆเมื่อเพื่อนออกจากห้องไปแล้ว ก็เหลือเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น มองไปรอบกายก็ล้วนแต่เจอสิ่งของเครื่องใช้ที่ทำให้นึกถึงเธอคนนั้นขึ้นมา ยิ
เมื่อร่างสูงใหญ่ของหนุ่มลูกครึ่งหน้าหล่อ โดยทุกการก้าวเดินของเขามักจะตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนอยู่เสมอ แต่เขาก็ไม่เคยสนใจใครต่อใครที่มองมา ปกติก็ไม่สนโลกอยู่แล้ว ไม่แม้จะออกมาเดินเพ่นพ่านแบบนี้เลยสักครั้ง เขาเป็นประเภทโลกส่วนตัวสูง ยิ่งการมาต่อแถวซื้อของยิ่งแล้วใหญ่แต่เพียงเพราะว่า ครั้งนี้เขามากับใครบางคนที่พิเศษจนเขาอยากเอาใจเธอมากกว่าผู้ใด จึงเลือกทำสิ่งที่ตัวเองไม่คิดจะทำเลยสักครั้งในชีวิตแปลกที่ไม่รู้สึกฝืนใจ กลับเต็มใจมากต่างหาก...แต่ว่า...พรึ่บ / พรึ่บ/ พรึ่บ/ พรึ่บ/ พรึ่บ"..."ผู้คนที่ก่อนหน้ายืนต่อคิวกันอยู่ ทว่าเพียงแค่หันมาพบกับชายหนุ่มยืนทำหน้าทมึนเป็นกิจวัตร พอเจอเข้าก็รีบถอยกรูกันทั้งแถว หนำซ้ำลูกน้องสองคนที่เอาของไปเก็บเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ก็ดันมายืนขึงขังอยู่ด้านหลังเขาอีก เอาเป็นว่าใครเห็นถ้าไม่วิ่งกระเจิงก็นับว่าดีแค่ไหนแล้ว"อะ เอ่อ... ระ รับ รับกี่แก้วดีคะ"พนักงานถึงกับเอ่ยติด ๆ ขัด ๆ คงนึกว่าพวกเขาเป็นโจร หรือไม่ก็อัธพาลสินะ... เฮ้อ~หล่อขนาดนี้จะกลัวอะไรกันนักกันหนา..."20 แก้ว" เจ้าของใบหน้านิ่งตอบกลับเสียงเรียบ ถึงแม้เขาจะบอกให้คนที่ถอยกรูกันออกไปนั้นเป็นฝ่
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ไบร์ทก็พาเธอมายังห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆ กับคอนโด โดยวันนี้ทั้งเขาและเธอตกลงกันว่าจะมาซื้อพวกของกิน ของใช้ และอาหารสดไว้สำหรับเวลาที่เธออยากทำอาหารอีกทั้งพวกของใช้เสื้อผ้าต่าง ๆ เธอก็ไม่อยากกลับไปเอาที่ห้อง เพราะตอนนี้ยังไม่พร้อมเจอเขาคนนั้น ขอให้จิตใจแข็งแกร่งได้มากกว่านี้ สามารถเผชิญหน้ากับเขาได้โดยที่ไบร์ทไม่ต้องยืนประกบหลัง หรือยืนพยุงอยู่ข้าง ๆ ก็เพียงพอที่จะเจอกัน"เอาอันนี้ด้วยไหม""มันคืออะไรเหรอ?" เธอดูไม่ค่อยออกเท่าไรนัก ว่ากล่องที่ไบร์ทถือมาให้เธอนั้น คืออะไร?"ซิลิโคนแปะจุก เวลาใส่เสื้อสายเดี่ยว หรือชุดโชว์หลังอะไรแบบนี้มันจะได้สวย""..."ไม่เพียงแค่เธอที่เงียบ ลูกค้าและพนักงานที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็เงียบกริบ และหันมามองทั้งสองคนเป็นตาเดียว"ทำไมเหรอ?"เขาถามแบบนั้นเพราะเห็นเธอนิ่งอึ้งไป แก้มขาวตอนนี้เริ่มเเดงระเรื่อ จะไม่ให้เป็นแบบนั้นได้อย่างไรกัน นอกจากเขาจะเดินเลือกเสื้อผ้าให้เธออยู่เนือง ๆ ตัวนั้นก็สวยตัวนี้ก็เหมาะแล้วพวกของใช้บางอย่างที่เธอไม่เคยนึกถึงเขายังหามาจนได้ซะขนาดนี้"เปล่า ๆ เอาไปก็ได้ "เมื่อตั้งสติได้เธอก็รีบเออออไปกับเขา พอ
เช้าวันถัดมา...ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูห้องที่อยู่ข้างกัน ยิ้มตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อมาทำความสะอาดห้อง แม้วันนี้จะเป็นวันหยุดไม่มีเรียนก็ตาม แต่เพราะเธอคุ้นชินกับการตื่นขึ้นมาทำงานบ้านแต่เช้า ตั้งแต่เด็กตอนอยู่กับยายที่ต่างจังหวัดยายก็จะพาตื่นตั้งแต่เช้ามืด เธอจึงติดเป็นนิสัยที่แก้ไม่เคยหายสักทีหลังจากที่เธอทำทุกอย่างเสร็จแล้ว แต่ห้องนอนข้าง ๆ ยังไม่เปิดประตูออกมาสักที เธอจึงเกิดความสงสัย และเคาะประตูเรียกเขาอยู่นานกว่าเจ้าของห้องจะเปิด"ไบร์ท ตื่นหรือยัง?""ไบร์ท ฮัลโหล"แกร๊ก ประตูห้องถูกเปิดออกตามด้วยร่างของคนตัวโตซึ่งสวมเพียงกางเกงนอนตัวจิ๋วเพียงแค่ตัวเดียว ด้านบนเปลือยเปล่าเผยให้เห็นหุ่นล่ำสันที่เต็มไปด้วยรอยสักสุดเท่ ซึ่งตอนเเรกเธอมองว่ามันน่ากลัว แต่ไป ๆ มา ๆ กลับมองว่ามันคือศิลปะบนร่างกาย ดูมีสไตล์ไปอีกแบบและอีกอย่างที่เธอได้เรียนรู้นั่นก็คือ ‘รอยสัก’ ไม่ได้วัดคุณค่าและนิสัยของคน..."มีอะไรเหรอ?"ท่าทางงัวเงียบวกกับผมเผ้ากระเซอะกระเซิงนั่น ไม่ได้ทำให้เขาดูหล่อน้อยลงเลยสักนิด ขนาดหน้าสดตอนตื่นนอนยังกร้าวใจขนาดนี้ นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย!"เปล่า เราแค่เห็นไบร์ทไม่ออกมาสัก
"ไปอยู่กับมันไม่กี่วัน โดนมันล้างสมองขนาดนี้เลยเหรอวะ?"กันต์เอ่ยด้วยท่าทีแปลกใจระคนตัดพ้อ เขาแอบดูตั้งแต่ที่เห็นยิ้มเดินเข้ามา เขานั่งดื่มอยู่นานเเล้ว กะว่าวันนี้จะดื่มให้หายเครียดสักหน่อย เมื่อตอนกลางวันเชอรี่ได้เข้ามาเล่าเรื่องราว บอกว่ายิ้มตกลงคบกับไอ้ลูกครึ่งหน้าโหดนั่น แถมมันยังเป็นคนเอ่ยปากพูดว่าเป็นผัวคนใหม่ของยิ้มตอนนั้นเขาโมโหมาก ไม่รู้ว่าเพราะอะไรยิ่งนึกถึงตอนที่สองนั้นคงจะ...คงจะทำเรื่องอย่างว่ากัน จนกล้าเรียกว่าผัวเมียเขายิ่งไม่พอใจ"ไปกับมันกี่ชั่วโมงล่ะ ถึงเอากัน" คำพูดสิ้นคิดหลุดออกมาจากปากเขาอีกแล้วยิ้มกัดฟันกรอด มือเล็กกำเข้าหากันแน่นอย่างข่มกลั้น เธอทนอยู่กับคนแบบนี้มาได้ยังไงตั้งสี่ปีนะ คนที่เอาแต่พูดจาดูถูกเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่ยอมออกไปจากชีวิตเธอสักที!"จะกี่ชั่วโมงมันก็ไม่เกี่ยวกับคนนอก"เธอตั้งใจเน้นเสียงในประโยคนั้น ให้เขาได้ยินชัด ๆ ก่อนที่จะยื่นมือไปคว้าแขนแกร่งของชายหนุ่มที่ทุกคนต่างเข้าใจว่าเป็นแฟนใหม่ของเธอมากอดไว้เพื่อก่อกวนคนตรงหน้า เอาสิ! เธอก็เหนื่อยที่จะเป็นยิ้มที่เเสนดีคนนั้นแล้วเหมือนกัน ลองเป็นยิ้มในเวอร์ชั่นร้าย ๆ แบบที่ไบร์ทสอนหน่อยเป็นไง?"