"ลูกหมู"
"อะไร" "มาช่วยเด็ดใบกะเพราหน่อย" "ฉันยุ่งอยู่" "ทำอะไร ยุ่ง" "นับ 1 ถึง 10" ผมถึงกับต้องส่ายหัวอย่างเบื่อหน่ายทันทีที่เธอบอกว่ายุ่ง ทั้งๆ ที่ผมเห็นนอนคว่ำอยู่บนโซฟาดูซีรีย์ในไอแพดนอนตีขาหมูไปมาอย่างสบายใจ กางเกงก็สั้นยังจะยกขาสูงจนเกือบจะเห็นแก้มก้นอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่ายืนหั่นพริกอยู่ ผมจะเดินไปฟาดสักที ไม่ระวังตัวบ้างเลย ไหนจะเสื้อกล้ามคอเว้าลึกจนเห็นก้อนไขมันกลมๆ สองก้อนอีก ทำผมเสียสมาธิในการทำกับข้าวจนต้องยืนหันหลังแล้วตะโกนคุยกับเธอแทน "นาย ฉันอยากกินน้ำเลม่อน" "มาช่วยเด็ดใบกะเพรา แล้วจะทำให้" "ปลอกกระเทียมด้วย" "สรุปมาทำให้ฉันกิน หรือมาใช้ฉัน" "เออๆ ทำเองก็ได้วะ" ทันทีที่เธอเดินเข้ามาในห้องครัวก็แปลงร่างเป็นลูกหมูตัวยุ่ง หยิบโน่นหยิบนี่มาคอยแกล้งผมอย่างก้านใบกะเพรานี่ คงคิดว่าเป็นไม้วิเศษของแม่มดมั้ง เอามาจิ้มๆ อยู่ที่แขนผมบ้าง แก้มสากผมบ้าง ชี้ออกคำสั่งกับผมอีก จนผมมองตาขวางด้วยความหงุดหงิด ก็หัวเราะคิกคักชอบใจเหมือนเด็กกำลังเล่นของเล่น แถมยังยืนพูดเสียงแจ๋วแจ๋ว จนบางทีผมก็คิดว่ายัยนี่ยืนคุยกับแม่ซื้ออยู่ พอผมหางานให้เธอทำเพิ่มก็งอแงไม่ยอมทำ ผมจึงตัดปัญหาเอามาทำเองให้หมด ให้เธอยืนอ้วนตัวกลมอยู่ตรงนั้นแหละ ผมจะได้สบายหูหน่อย "นายขอไข่ดาวด้วยสิ เอาแบบไข่ขาวกรอบ ไข่แดงไม่สุก ตัดแล้วมีไข่แดงไหลเยิ้มเป็นลาวานะ" "ต้มจืดเต้าหู้หลอดใส่ผักกาดขาวด้วยนะ" "สั่งเก่งจริงนะ แม่คุณ" "เสร็จยังอะ หิวร้องท้องแล้วเนี่ย" "ได้ข่าวว่าพึ่งกินแอปเปิ้ลไป" "จิ๊" ยังดีที่เธอมีน้ำใจช่วยตักข้าวใส่จาน และเดินไปเปิดซีรีย์ผ่านทีวีแทนไอแพด เราสองคนต่างคนต่างจัดการอาหารตรงหน้า กินไปดูซีรีย์ไป ไม่มีเสียงทะเลาะเพราะตกลงว่าจะสงบศึกเวลากินข้าว มีแต่เสียงหัวเราะคิกคักกับฉากตลก และท่าทางเขินอายเวลามีฉากโรแมนติก จนผมก็อดขำไปกับท่าทางของเธอไม่ได้ และเป็นผมที่ก้มหน้าก้มตาเก็บจานมาล้างอยู่ตอนนี้ เพราะยัยลูกหมูบอกว่าพึ่งทำเล็บมา ไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือข้ออ้างเพื่อหลอกใช้ผมกันแน่ "นาย ไปไหนต่อ" "ฉันต้องรายงานเธอหรอ ยัยอ้วน! " "เออ จะไปไหนก็ไปเลย รีบกลับไปเลย" น่ารำคาญชะมัดเลย ฉันอุตส่าห์ถามนายนั่นดีดีกลับมากวนประสาทฉันอีก อยากจะไปไหนทำอะไรก็ไปเลย ใครเขาอยากสนใจกัน แค่จะชวนคุยพอเป็นพิธีแค่นั้นแหละ ถ้าไม่ติดว่าซื้อของมาทำอาหารเย็นให้ฉันกิน ฉันไม่มีทางให้ขึ้นมาเฉิดฉายลอยหน้าลอยตาอยู่ในห้องฉันหรอก ทนเห็นหน้ามาทั้งวันก็เบื่อจะแย่ ฉันเหนื่อยจะต่อล้อจะเถียงกับเขา เลยเลือกเดินหนีเข้ามาในห้องนอน ก่อนจะไปเตรียมน้ำมันมะพร้าวมาใช้หมักผมเพื่อให้ผมนุ่มมีน้ำหนักไม่แห้งเสียและวางมาส์กอโลเวล่าบนหน้าสวยๆ ของฉันเพื่อให้ผิวหน้าชุ่มชื้นและผ่อนคลาย วันนี้ฉันตื่นเช้ากว่าปกติเพราะนัดเพื่อนสาวสองคนไปทำบุญที่วัดรอบเกาะรัตนโกสินทร์ โดยพวกเราตกลงกันว่าจะไหว้พระให้ครบเก้าวัดแล้วไปกินก๋วยจั๊บญวนที่ร้านดังที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งฉันก็ไม่ลืมที่จะนัดเพื่อนๆ ให้ใส่ชุดธีมเดียวกัน เป็นเสื้อสีขาวกับผ้าถุงลายผ้าไทยคนละสี เกล้าผมมวยไว้ด้านหลัง ทั้งได้ทำบุญ ได้ถ่ายรูปกับวัดที่มีประติมากรรมสวยๆ ยัยลลิลก็ได้ทำคอนเทนต์ด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกตั้งหลายตัวคุ้มสุดๆ "สบายใจจัง" "เนอะ นานๆมาทำบุญทีรู้สึกดีเหมือนกัน" "พวกแก กินก๋วยจั๊บญวนเสร็จไปสปาตัวกันต่อมั้ย ยัยมินแกไปได้มั้ย ต้องเข้าร้านรึเปล่า" "ไปได้ วันนี้ฉันยกให้แกหนึ่งวันเลยมาย" "ขอบใจนะ น่ารักที่สุด "แล้วฉันละ น้อยใจแล้วนะ" "แกก็น่ารักแต่น้อยกว่าฉันนิดหน่อย" "ฮ่าๆๆ" ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ฉันกำลังนอนสปาผิวอย่างสบายจนเคลิ้มกำลังจะพักสายตาสักหน่อย เสียงแจ้งเตือนแอพลิเคชั่นข้อความในมือถือของฉันก็ดังขึ้นรัวๆ ไม่หยุด ไม่ต้องเปิดอ่านก็รู้ว่าเป็นฝีมือใคร เพราะตั้งแต่วันที่เขามาทำอาหารเย็นให้ฉันกิน หมอนั่นก็ส่งข้อความมาทวงบุญคุณไม่หยุดให้ฉันเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทนที่เขาเสียสละเวลาอันมีค่ามาทำอาหารให้ฉันกิน แถมส่งสติ๊กเกอร์มาป่วนสามเวลาหลังอาหาร จนบางทีทำเครื่องฉันค้างไปเลย พอฉันเปิดอ่านแต่ไม่ตอบก็โทรมาเป็นสิบสายจนฉันต้องกดรับ พูดก็ไม่พูดคุยก็ไม่คุยให้ฉันถือสายฟังเขาเล่นเกมส์อยู่แบบนั้น พอฉันกดวางก็โทรมาว่าฉันไม่มีมารยาทแถมบังคับให้ฉันเปิดกล้อง อ้างว่าคุณพ่อคุณแม่ให้คอยดูฉันไม่ให้แอบหนีเที่ยว ดูอย่างตอนนี้สิ ฉันที่ไม่ว่างเปิดอ่านข้อความ ฉันนับหนึ่งถึงสิบรอเลยโทรมาป่วนฉันแน่นอน "ยัยมาย แกดูโทรศัพท์หน่อยมั้ย เผื่อมีธุระด่วน" "นั่นสิ มันดังไม่หยุดเลยนะ" "ไม่มีอะไรหรอก พวกมิจฉาชีพหน่ะ" #เป็นมิจฉาชีพไปแล้วหนึ่ง #อ่านเพลินๆ เน้นฟิลกู้ด ขำๆกันเหมือนเดิมเนอะ 🤭ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากที่ได้ไปเดินเล่นในสวนดอกไม้สีขาวสวยมากและกว้างมากด้วยมีหิ่งห้อยบินเต็มไปหมดจนรู้สึกอยากจะอยู่ที่นี่ไม่อยากไปไหน จนได้ยินเสียงทุ้มที่คุ้นเคยเรียกชื่อฉันอยู่ไกลๆ พร้อมกับเสียงร้องโยเยจากเด็กน้อยเหมือนร้องเรียกหา ฉันเลยค่อยๆ เดินไปตามเสียงทีละนิดทีละนิดฉันนอนมองใบหน้าที่ดูอิดโรยคิ้วเข้มขมวดเป็นปมแน่นมีมือหนาของเขาจับมือบางของฉันไปแนบแก้มสากไว้ราวกับกลัวหายจนผ่านไปนานหลายนาทีก็ไม่มีวี่แววตื่นขึ้นมา ฉันเลยใช้นิ้วเรียวเล็กที่อยู่ตรงแก้มนั้นลูบสัมผัสปลุกเขาเบาเบาแต่กลับไม่ได้ผล เลยต้องเปลี่ยนเป็นหยิกลงไปแทนทำเขาสะดุ้งเฮือกลืมตาขึ้นมามองหน้าฉันด้วยแววตาเป็นประกายฟอด ฟอด ฟอด"ตื่นแล้วหรอ อ้วน""นายกับลูกลูกรอตั้งนาน""เจ็บมั้ย""เจ็บ""ขอโทษคับ จุ๊บ" "ลูกละ" "เดี๋ยวพยาบาลพามา""รอแป๊บนะนายไปตามหมอก่อน"เขาโผเข้ากอดและหอมฉันอยู่นานราวกับว่าคิดถึงฉันมาก ฉันก็รู้สึกคิดถึงเขามากเหมือนกันเลยปล่อยให้เขากอดอยู่อย่างนั้นทั้งๆ ที่ก็แอบเจ็บแผลอยู่หน่อยๆ จนกระทั่งคุณหมอมาตรวจอาการฉันอย่างละเอียดและบอกให้ฉันกับลูกลูกนอนพักที่นี่อีกสี่ห้าวันให้แข็งแรงขึ้นอีกหน่อยแล้วค่อยก
"สวัสดีคับลูกหมู""ได้ยินเสียงปะป๊ามั้ย""หึ" "อยากออกมาเตะบอลกับป๊าใช่มั้ย""ปะป๊าอย่าพึ่งชวนลูกเตะบอลได้มั้ย""ลูกพากันเตะท้องมามี๊จนจุกไปหมดแล้วเนี่ย""จุ๊บ ขอโทษคับ"ตอนนี้เจ้าลูกชายของผมสองคนที่นอนอยู่ในพุงกลมกลมของเธออายุเกือบหกเดือนแล้ว ท่าทางจะแสบซนกันใช่ย่อย เพราะกว่าที่ผมจะสามารถเข้าใกล้เธอได้ก็ต้องรอเข้าเดือนที่สี่อาการเหม็นผมของเธอถึงจะเบาลงไป ผมถึงสามารถเข้ามาอยู่ในห้องเดียวกันนอนบนเตียงเดียวกันกับเธอได้ แถมยังพากันดิ้นดุ๊กดิ๊กไปมาทำเอามามี๊ตัวกลมเจ็บและจุกอยู่บ่อยๆ จนบางทีผมก็ต้องแกล้งเอ็ดดุไปนิดหน่อยถึงพากันหยุดนอนนิ่งราวกับเป็นเด็กดีเชื่อฟังปะป๊าไม่กล้าดื้อไม่กล้าซน แต่บางทีด้วยความใจร้อนของผมก็อยากให้ลูกหมูออกมาวิ่งเล่นเตะฟุตบอลกับผมซะวันนี้พรุ่งนี้ไปเลย ชานมลูกสาวคนโตก็จะได้ไม่เหงามีเพื่อนเล่นเพิ่มด้วย"นาย ตั้งชื่อลูกกันมั้ย""อืมมม มายมีที่ชอบยัง""มายเลือกไม่ถูกชอบหลายชื่อมาก""หึ มีชื่ออะไรมั่ง""มี เลนส์ ฟิล์ม กล้อง แกรม โฟกัส""เพราะมายชอบถ่ายรูป มีนายเป็นตากล้องให้""งั้น...ชื่อนี้ดีมั้ย เลนส์กับฟิล์ม""นายมองมายผ่านเลนส์ ถ่ายทอดความรู้สึกออกมาเป็นภาพฟิล์ม"
และแล้ววันที่ฉันรอคอยก็มาถึง วันแต่งงานของฉันกับเขา ฉันเฝ้าคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างหนักเพื่อที่จะได้เป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดยืนเคียงข้างเขาได้อย่างมั่นใจที่สุดในวันนี้ เราใช้เวลาถ่ายรูปกับเพื่อนๆ และแขกที่มาร่วมงานนานเกือบสองชั่วโมง ดีที่เจ้าบ่าวของฉันคอยยืนกอดคอฉันบ้าง นวดให้บ้าง โอบเอวประคองฉันไว้บ้างทำให้ฉันไม่เมื่อยเท่าไหร่ แถมยังมีเพื่อนน่ารักๆ อย่างสองสาวมินนี่และลลิล ที่คอยมาซับเหงื่อช่วยดูแลหน้าผมและป้อนน้ำให้ฉันอยู่ตลอด ฉันมีหน้าที่แค่ยืนแจกรอยยิ้มหวานหวานเท่านั้นหลังจากพิธีการเสร็จ เราสองคนก็ต้องรีบขึ้นมาเปลี่ยนเป็นชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี้บนห้องที่เปิดไว้ให้ทันภายในยี่สิบนาที เพราะต้องลงไปสนุกกับเพื่อนๆ ต่อที่งาน อยากขอบคุณตัวฉันเองและเขาด้วยที่เลือกชุดที่ใส่ง่ายใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีฉันก็อยู่ในชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว มีเวลาได้นั่งพักหายใจอีกสักหน่อย แต่แล้วดูเหมือนว่าฉันจะคิดผิด"นาย รูดซิปให้มายหน่อยสิ""เดี๋ยวค่อยรูด""อ๊ะ อย่าแกล้งนะ""ไม่แกล้ง เอาจริง""กระโปรงสั้นสั้นมันดีแบบนี้นี่เอง""นายใส่เลยนะ เวลาน้อย""อ๊ะ อื้อ""ซี้ด" "เดี๋ยวได้ทาลิปใหม่หรอก"เพี๊ยะจากที่ผมตั้งใจจะอ
และเราสองคนก็ได้ฤกษ์วันแต่งงานหลังจากฝึกงานเสร็จหนึ่งเดือนทำให้เธอถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับทั้งตื่นเต้นและเป็นกังวลกลัวจะเตรียมงานไม่ทัน ซึ่งผมก็ทำได้แค่ปลอบใจและหาออแกไนซ์มืออาชีพมาช่วยให้เธอเบาใจขึ้นให้เธอมีหน้าที่บอกธีมงานในฝันของเธอกับทีมงานแค่นั้น โดยไม่ได้กำหนดธีมสีว่าจะต้องเป็นสีไหน เพื่อเพื่อนๆ และแขกที่มาร่วมงานจะได้ใส่ชุดและสีที่ตัวเองมั่นใจที่สุดจะได้มีความสุขและสนุกไปกับงานของเราทั้งคู่ แล้ววันนี้เราสองคนมีนัดลองชุดแต่งงานซึ่งก็เป็นร้านเดียวกันกับชุดวันหมั้นนั่นแหละเพราะเธอชอบการตัดเย็บและดีเทลของแบรนด์นี้เลยไม่เปลี่ยนใจไปมองร้านอื่น"นายว่ามายใส่แบบไหนดี""ไม่เอาเกาะอก""เอาสิ มายว่ามายใส่เกาะอกสวย""ไม่สวย""...""แต่มายอยากลอง""...""พี่ขา หนูมายขอลองสองชุดนี้ก่อนค่ะ"ผมได้แต่นั่งไขว่ห้างกอดอกตกอยู่ในพะวังความคิดเฝ้าถามตัวเองด้วยความสงสัยว่าเมื่อครู่นี้เธอจะหันมาถามความเห็นของผมทำไมเพราะสุดท้ายแล้วเธอก็เลือกลองชุดแบบที่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่แถมเป็นแบบเกาะอกไม่มีแขนทั้งสองชุดต่างกันแค่กระโปรงทรงสุ่มกับทรงเมอร์เมดก็เท่านั้น ผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีพนักงานในร้านก็เดินมาค่อยๆ เ
เราสองคนยืนกอดกันอยู่พักหนึ่ง ผมก็พาเธอเดินเข้าไปดูห้องน้ำที่มีอ่างกุชชี่ขนาดใหญ่ไว้สำหรับแช่น้ำกันสองคนและอาจจะพาลูกหมูตัวน้อยน้อยลงมาเล่นน้ำด้วย ถัดไปอีกหน่อยเป็นวอคอินโครเซทสำหรับเธอที่ชอบแต่งตัวสวยสวยซึ่งผมแบ่งที่แขวนเสื้อผ้าส่วนของเธอไว้ให้ถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์อีกสามสิบเปอร์เซ็นต์เป็นเสื้อผ้าของผม โดยตรงกลางห้องมีตู้กระจกไว้แชร์กันสำหรับใส่เครื่องประดับอย่างสร้อยต่างหูและนาฬิกาข้อมือของเราสองคน ก่อนจะพาไปดูห้องนอนลูกลูกที่ผมทำเตรียมไว้สามห้องสำหรับสามคนเพื่อสานต่อธุรกิจของครอบครัวเราสองคนในอนาคต และที่ขาดไม่ได้ก็คือห้องสุดท้ายที่มีประตูเชื่อมกับห้องนอนใหญ่ของผมกับเธอเป็นห้องของลูกสาวคนโตของเราคือห้องของชานมนั่นเอง ซึ่งภายในห้องก็มีทั้งเบาะที่นอนนุ่มนุ่ม คอนโดหลายระดับหลายชั้นไว้ให้เจ้าตัวเล็กได้เลือกนอนตามใจชอบ รวมถึงห้องน้ำแมวอัตโนมัติด้วย ทำเธอกระโดดกอดผมอย่างดีใจและทำท่าทางตื่นเต้นไม่หยุดเดินเข้าห้องนั้นออกห้องนี้ดูว่าขาดเหลืออะไรตรงไหนเธอจะได้ไปเดินเลือกซื้อมาเพิ่ม"มายอยากแก้ตรงไหนมั้ย""ยังมีเวลา จะได้เสร็จทันก่อนย้ายเข้ามา""มายไม่อยากแก้ เพราะนายตั้งใจเลือกและทำให้มาย""ม
"ไอ้เตอร์ ฝึกงานเสร็จมึงจะแต่งเลยป่าววะ""อืม กูอยากมีลูกเลย มึงอะ""กูก็อยากแต่งเลย แต่ไม่รู้มายจะอยากแต่งมั้ย""มีแพลนกับเค้าบ้างมั้ยมึงอะ ไอ้กาย""...""อย่าไปถามมัน ไอ้นี่มันเสือซุ่มเงียบ""..."วันนี้ผมกับเธอขับรถพาชานมลูกสาวของเรามาพบสื่อมวลชนที่คาเฟ่มินิมินนี่ ทันทีที่สองสาวเห็นเจ้าตัวกลมก็พากันเอ็นดูผลัดกันอุ้มผลัดกันเล่นอยู่ไม่ห่าง ไม่นับรวมกับลูกค้าในร้านที่ต่างมาขอถ่ายรูปลูกผมจนต้องต่อแถวคิวยาวไปถึงหน้าร้าน เรียกว่าเวลานี้ชานมกลายเป็นซุปตาร์หน้าใหม่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ลูกสาวของผมน่ารักจริงๆ นี่นาตัวกลมกลมขนนุ่มๆ ตาโตโต แถมขี้อ้อนมากมากด้วยจะว่าไปก็เหมือนมามี๊ของเธอนั่นแหละ ไม่รู้ว่าถ้าเกิดว่ามีลูกหมูตัวเล็กเล็กที่เกิดจากผมเอง จะขี้อ้อนแบบนี้มั้ยถ้าใช่ผมก็คงหลงลูกมากไม่อยากห่างไปไหนแน่เราสองคนอยู่นั่งคุยนั่งเล่นกับเพื่อนๆ จนเย็นก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน และวันนี้เป็นอีกวันที่ผมมาค้างที่บ้านของเธอเป็นปกติไปแล้วเพราะตั้งแต่มีชานมเธอก็จะชวนผมมาที่นี่ทุกอาทิตย์จนคุณอาทั้งสองยกห้องนอนส่วนตัวให้ผมหนึ่งห้องเป็นที่เรียบร้อย และที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ของผมก็มีห้องนอนส่วนตัวขอ