แชร์

บทที่14

ผู้เขียน: มู​๋​สะเต๊ะ​
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-29 18:26:14

ฟอด ฟอด

"ปล่อยเลย ไอ้พิทบูล"

"กัดฉันจนเป็นรอยเต็มตัวแล้วเนี่ย"

"ไม่ปล่อย"

"เธอทำให้ฉันไม่ได้ไปเที่ยว"

"ต้องรับผิดชอบ"

"เพราะฉัน?"

"อืมหึ"

"อ๊ะ"

"นี่ หมันเขี้ยวหว่ะ"

จุ๊บ จ๊วบ

ผมที่กำลังนอนซบหน้าซุกก้อนนุ่มนิ่มและกอดเธอไว้ในอ้อมแขนบนโซฟาตัวเขื่องสนามรบของเราเมื่อชั่วโมงที่แล้ว หูก็คอยฟังเธองอแงใส่ผมทันทีที่หายเหนื่อย ก่อนจะยัดเยียดข้อหาให้เธอกลับเพราะอยากจะหาเรื่องกินลูกหมูตัวกลมกลมผิวอมชมพูนี่ต่อ ปากร้อนของผมจู่โจมเข้าที่ภูเขาลูกใหญ่ตรงหน้าทันทีไม่รอให้เธอได้คัดค้าน ผิวของเธอมันนุ่มลื่นจนมือหนาของผมไม่อยากจะปล่อย แก้มกลมกลมของเธอมันหอมจนอยากจะกดจมูกลงไปอยู่ซ้ำซ้ำ ปากของเธอมันหวานจนริมฝีปากร้อนของผมอยากจะชิมแล้วชิมอีก และอยากจะไล่ชิมไปตั้งตัวอีกครั้ง จึงค่อยๆ ไล่ลงไปค่อยๆ ชิมซอกคอนิด หัวไหล่มนหน่อย ขบเม้มต้นแขนเล็กน้อยน้อย ไล่ลงมาตามหน้าท้องแบนราบไล่เลียจนทั่ว แล้วมาหยุดตรงเนียนนุ่มสามเหลี่ยมที่แดงระเรื่อเพราะฝีมือลูกชายผม ก่อนจะค่อยๆ ใช้ลิ้นไล่เลียไปตามรอยแยกจนเธอถอยหนี สองมือร้ายของผมจึงต้องเลื่อนไปจับล็อคสะโพกกลมของเธอไว้ไม่ให้ขยับหนีไปไหนได้อีก และลงลิ้นจัดการเธอต่อทันทีไม่ให้เธอได้พักหายใจ จนเธอต้องจิกเล็บสวยลงบนไหล่แกร่งของผมให้พารู้สึกแสบ และพาเธอปล่อยใจไปกับผมได้อีกครั้ง เพราะไม่อยากเสียเปรียบเธอผมจึงพาแท่งร้อนของผมตามเข้าไปอีกหนและพาเราสองคนล่องลอยไปจนฟ้าเกือบสว่าง ฟอด

"ลูกหมู ตื่นมากินโจ๊กเร็ว"

"อื้อ อย่ามากวนกันนะ"

"ปวดหัว"

"ตื่นมากินข้าวจะได้กินยา"

"หรือจะให้ฉันยกมาป้อน"

"ป้อน"

"ได้คับคุณหนู"

"หึ"

ผมถึงกับขำให้กับความงอแงเพราะโดนพิษไข้เล่นงานของเธอ ก่อนจะเดินออกมาเทโจ๊กหมูใส่ไข่ลวกลงในชาม พร้อมกับหยิบยาลดไข้ติดมือมาด้วย แล้วถือมาวางที่ตู้เล็กข้างหัวเตียงค่อยๆ พยุงเธอลุกขึ้นมานั่งโดยมีผมซ้อนอยู่ข้างหลังเพื่อประคองตัวเธอที่พร้อมจะทิ้งตัวลงนอนทุกเมื่อไว้ แล้วหันไปหยิบชามโจ๊กมาถือไว้ในมือ ส่วนอีกข้างก็หยิบช้อนมาตักป้อนเข้าปากเธอหนึ่งคำป้อนเข้าปากตัวเองหนึ่งคำสลับกันไปจนหมด เสียงหายใจที่ดังสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเธอหลับสนิทไปแล้ว หลับกลางอากาศทั้งๆ ที่ยังไม่ได้กินยา ผมจึงต้องค่อยๆ จับตัวเธอให้นอนในท่าทางที่สบาย ก่อนจะแกะยาเข้าปากผมพร้อมน้ำแล้วป้อนเข้าปากเธอจนสำเร็จ 

ผ่านไปสองชั่วโมงแล้วที่ผมคอยเช็ดตัวลูกหมูเพื่อหวังให้ไข้ลดอยู่ไม่ห่าง ซึ่งตอนนี้เธอก็นอนกอดแขนแกร่งของผมไว้แน่นราวกับมันจะช่วยคลายหนาว ผมที่นั่งมองเธออยู่ไม่ห่างมองดูลูกหมูที่หมดฤทธิ์ก็ดูน่ารักดีแต่น่าสงสารมากกว่า หนำซ้ำพลอยทำให้ผมแอบเหงา อยากให้เธอรีบหายแล้วตื่นมาโวยวายเถียงแข่งกับผมแบบเดิม แต่ที่เธอต้องนอนซมแบบนี้ก็เพราะผมเองที่ยั้งตัวเองไม่อยู่จัดหนักจัดเต็มใส่เธอจนเกินไปมาก นับถอยหลังรอเลยถ้าเธอตื่นมาและหายดี หูผมคงชาไปหลายวันหรือไม่ก็ห้ามไม่ให้ผมเข้าใกล้หรือไม่ก็หาเรื่องให้ผมพาไปกินโอมากาเสะ ซึ่งบอกเลยว่าผมขอเลือกข้อสุดท้ายโดยไม่ต้องหยุดคิด "ขอโทษคับลูกหมู จุ๊บ"

"โอ๊ย อ้วน เจ็บนะ"

"สมน้ำหน้า เพราะนายนั่นแหละ"

"ฉันเลยป่วย จนขาดเรียน"

"โทษฉันคนเดียวได้ไง"

"ตอนทำก็ช่วยกันขยันขันแข็งเหอะ"

"นี่ หยุดเลยนะ"

"อยากหูขาดใช่มั้ย"

"ยอม ยอม ไม่สู้แล้ว"

"ต่อไปนี้ นายมานอนห้องนั่งเล่นเลย"

"เดี๋ยวฉันสั่งที่นอนปิคนิคมาให้"

"ไม่"

"หรือจะนอนบนลู่วิ่ง เลือก"

"ไม่เลือก ตลกนะอ้วน"

"เดี๋ยวพาไปกินโอมากาเสะ"

"..."

"ที่ญี่ปุ่น ตลอดทริป"

"..."

"ขอคิดดูก่อน"

"หึ"

ผมซื้อหวยไม่ถูก ทันทีที่เธอหายดีก็กลับมาโวยวายเสียงดังปากแจ๋วยืนอยู่บนโซฟาทำท่าทางเหมือนนางยักษ์ แถมยังเอามือเล็กเล็กมาดึงหูผมจนเกือบหลุดอีก แล้วก็ตามที่ผมคาดมาให้ผมเลือกว่าจะนอนตรงไหนทำเป็นใจดีจะซื้อที่นอนให้ผมใหม่ ผมเลยยื่นข้อเสนอสุดแสนจะสปอร์ตสายเปย์ไปให้ แต่ก็ยังทำเป็นลังเลทั้งที่แววตาของเธอมันลุกวาวเปล่งประกายอย่างปิดไม่มิด หึ

ผ่านไปเกือบชั่วโมงกับความเงียบที่มีแต่เสียงแอร์จนผมอดแปลกใจไม่ได้ เลยเหลือบตาไปมองคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ภาพที่ฉันทำผมเกือบหลุดขำ เพราะยัยลูกหมูกำลังดูรีวิวอาหารที่ญี่ปุ่นเข้าหน้านั้นออกหน้านี้ ปลาดิบร้านไหนดี ข้าวหน้าเนื้อต้องไปที่ไหน เธอแคปชื่อร้านเก็บไว้หมดสงสัยรายชื่อร้านที่เธอลิสต์ไว้คงยาวเป็นหางว่าว ผมจึงกลับมานั่งกดสั่งยาช่วยย่อยมาหนึ่งลังทันที ยัยลูกหมู ก็คือยัยลูกหมู หึ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • รักกันแบบธุรกิจ   บทที่42

    ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากที่ได้ไปเดินเล่นในสวนดอกไม้สีขาวสวยมากและกว้างมากด้วยมีหิ่งห้อยบินเต็มไปหมดจนรู้สึกอยากจะอยู่ที่นี่ไม่อยากไปไหน จนได้ยินเสียงทุ้มที่คุ้นเคยเรียกชื่อฉันอยู่ไกลๆ พร้อมกับเสียงร้องโยเยจากเด็กน้อยเหมือนร้องเรียกหา ฉันเลยค่อยๆ เดินไปตามเสียงทีละนิดทีละนิดฉันนอนมองใบหน้าที่ดูอิดโรยคิ้วเข้มขมวดเป็นปมแน่นมีมือหนาของเขาจับมือบางของฉันไปแนบแก้มสากไว้ราวกับกลัวหายจนผ่านไปนานหลายนาทีก็ไม่มีวี่แววตื่นขึ้นมา ฉันเลยใช้นิ้วเรียวเล็กที่อยู่ตรงแก้มนั้นลูบสัมผัสปลุกเขาเบาเบาแต่กลับไม่ได้ผล เลยต้องเปลี่ยนเป็นหยิกลงไปแทนทำเขาสะดุ้งเฮือกลืมตาขึ้นมามองหน้าฉันด้วยแววตาเป็นประกายฟอด ฟอด ฟอด"ตื่นแล้วหรอ อ้วน""นายกับลูกลูกรอตั้งนาน""เจ็บมั้ย""เจ็บ""ขอโทษคับ จุ๊บ" "ลูกละ" "เดี๋ยวพยาบาลพามา""รอแป๊บนะนายไปตามหมอก่อน"เขาโผเข้ากอดและหอมฉันอยู่นานราวกับว่าคิดถึงฉันมาก ฉันก็รู้สึกคิดถึงเขามากเหมือนกันเลยปล่อยให้เขากอดอยู่อย่างนั้นทั้งๆ ที่ก็แอบเจ็บแผลอยู่หน่อยๆ จนกระทั่งคุณหมอมาตรวจอาการฉันอย่างละเอียดและบอกให้ฉันกับลูกลูกนอนพักที่นี่อีกสี่ห้าวันให้แข็งแรงขึ้นอีกหน่อยแล้วค่อยก

  • รักกันแบบธุรกิจ   บทที่41

    "สวัสดีคับลูกหมู""ได้ยินเสียงปะป๊ามั้ย""หึ" "อยากออกมาเตะบอลกับป๊าใช่มั้ย""ปะป๊าอย่าพึ่งชวนลูกเตะบอลได้มั้ย""ลูกพากันเตะท้องมามี๊จนจุกไปหมดแล้วเนี่ย""จุ๊บ ขอโทษ​คับ"ตอนนี้เจ้าลูกชายของผมสองคนที่นอนอยู่ในพุงกลมกลมของเธออายุเกือบหกเดือนแล้ว ท่าทางจะแสบซนกันใช่ย่อย เพราะกว่าที่ผมจะสามารถเข้าใกล้เธอได้ก็ต้องรอเข้าเดือนที่สี่อาการเหม็นผมของเธอถึงจะเบาลงไป ผมถึงสามารถเข้ามาอยู่ในห้องเดียวกันนอนบนเตียงเดียวกันกับเธอได้ แถมยังพากันดิ้นดุ๊กดิ๊กไปมาทำเอามามี๊ตัวกลมเจ็บและจุกอยู่บ่อยๆ จนบางทีผมก็ต้องแกล้งเอ็ดดุไปนิดหน่อยถึงพากันหยุดนอนนิ่งราวกับเป็นเด็กดีเชื่อฟังปะป๊าไม่กล้าดื้อไม่กล้าซน แต่บางทีด้วยความใจร้อนของผมก็อยากให้ลูกหมูออกมาวิ่งเล่นเตะฟุตบอลกับผมซะวันนี้พรุ่งนี้ไปเลย ชานมลูกสาวคนโตก็จะได้ไม่เหงามีเพื่อนเล่นเพิ่มด้วย"นาย ตั้งชื่อลูกกันมั้ย""อืมมม มายมีที่ชอบยัง""มายเลือกไม่ถูกชอบหลายชื่อมาก""หึ มีชื่ออะไรมั่ง""มี เลนส์ ฟิล์ม กล้อง แกรม โฟกัส""เพราะมายชอบถ่ายรูป มีนายเป็นตากล้องให้""งั้น...ชื่อนี้ดีมั้ย เลนส์กับฟิล์ม""นายมองมายผ่านเลนส์​ ถ่ายทอดความรู้สึกออกมาเป็นภาพฟิล์ม"

  • รักกันแบบธุรกิจ   บทที่40

    และแล้ววันที่ฉันรอคอยก็มาถึง วันแต่งงานของฉันกับเขา ฉันเฝ้าคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างหนักเพื่อที่จะได้เป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดยืนเคียงข้างเขาได้อย่างมั่นใจที่สุดในวันนี้ เราใช้เวลาถ่ายรูปกับเพื่อนๆ และแขกที่มาร่วมงานนานเกือบสองชั่วโมง ดีที่เจ้าบ่าวของฉันคอยยืนกอดคอฉันบ้าง นวดให้บ้าง โอบเอวประคองฉันไว้บ้างทำให้ฉันไม่เมื่อยเท่าไหร่ แถมยังมีเพื่อนน่ารักๆ อย่างสองสาวมินนี่และลลิล ที่คอยมาซับเหงื่อช่วยดูแลหน้าผมและป้อนน้ำให้ฉันอยู่ตลอด ฉันมีหน้าที่แค่ยืนแจกรอยยิ้มหวานหวานเท่านั้นหลังจากพิธีการเสร็จ เราสองคนก็ต้องรีบขึ้นมาเปลี่ยนเป็นชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี้บนห้องที่เปิดไว้ให้ทันภายในยี่สิบนาที เพราะต้องลงไปสนุกกับเพื่อนๆ ต่อที่งาน อยากขอบคุณ​ตัวฉันเองและเขาด้วยที่เลือกชุดที่ใส่ง่ายใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีฉันก็อยู่ในชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว มีเวลาได้นั่งพักหายใจอีกสักหน่อย แต่แล้วดูเหมือนว่าฉันจะคิดผิด"นาย รูดซิปให้มายหน่อยสิ""เดี๋ยวค่อยรูด""อ๊ะ อย่าแกล้งนะ""ไม่แกล้ง เอาจริง""กระโปรงสั้นสั้นมันดีแบบนี้นี่เอง""นายใส่เลยนะ เวลาน้อย""อ๊ะ อื้อ""ซี้ด" "เดี๋ยวได้ทาลิปใหม่หรอก"เพี๊ยะจากที่ผมตั้งใจจะอ

  • รักกันแบบธุรกิจ   บทที่39

    และเราสองคนก็ได้ฤกษ์วันแต่งงานหลังจากฝึกงานเสร็จหนึ่งเดือนทำให้เธอถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับทั้งตื่นเต้นและเป็นกังวลกลัวจะเตรียมงานไม่ทัน ซึ่งผมก็ทำได้แค่ปลอบใจและหาออแกไนซ์มืออาชีพมาช่วยให้เธอเบาใจขึ้นให้เธอมีหน้าที่บอกธีมงานในฝันของเธอกับทีมงานแค่นั้น โดยไม่ได้กำหนดธีมสีว่าจะต้องเป็นสีไหน เพื่อเพื่อนๆ และแขกที่มาร่วมงานจะได้ใส่ชุดและสีที่ตัวเองมั่นใจที่สุดจะได้มีความสุขและสนุกไปกับงานของเราทั้งคู่ แล้ววันนี้เราสองคนมีนัดลองชุดแต่งงานซึ่งก็เป็นร้านเดียวกันกับชุดวันหมั้นนั่นแหละเพราะเธอชอบการตัดเย็บและดีเทลของแบรนด์นี้เลยไม่เปลี่ยนใจไปมองร้านอื่น"นายว่ามายใส่แบบไหนดี""ไม่เอาเกาะอก""เอาสิ มายว่ามายใส่เกาะอกสวย""ไม่สวย""...""แต่มายอยากลอง""...""พี่ขา หนูมายขอลองสองชุดนี้ก่อนค่ะ"ผมได้แต่นั่งไขว่ห้างกอดอกตกอยู่ในพะวังความคิดเฝ้าถามตัวเองด้วยความสงสัยว่าเมื่อครู่นี้เธอจะหันมาถามความเห็นของผมทำไมเพราะสุดท้ายแล้วเธอก็เลือกลองชุดแบบที่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่แถมเป็นแบบเกาะอกไม่มีแขนทั้งสองชุดต่างกันแค่กระโปรงทรงสุ่มกับทรงเมอร์เมดก็เท่านั้น ผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีพนักงานในร้านก็เดินมาค่อยๆ เ

  • รักกันแบบธุรกิจ   บทที่38

    เราสองคนยืนกอดกันอยู่พักหนึ่ง ผมก็พาเธอเดินเข้าไปดูห้องน้ำที่มีอ่างกุชชี่ขนาดใหญ่ไว้สำหรับแช่น้ำกันสองคนและอาจจะพาลูกหมูตัวน้อยน้อยลงมาเล่นน้ำด้วย ถัดไปอีกหน่อยเป็นวอคอินโครเซทสำหรับเธอที่ชอบแต่งตัวสวยสวยซึ่งผมแบ่งที่แขวนเสื้อผ้าส่วนของเธอไว้ให้ถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์อีกสามสิบเปอร์เซ็นต์เป็นเสื้อผ้าของผม โดยตรงกลางห้องมีตู้กระจกไว้แชร์กันสำหรับใส่เครื่องประดับอย่างสร้อยต่างหูและนาฬิกาข้อมือของเราสองคน ก่อนจะพาไปดูห้องนอนลูกลูกที่ผมทำเตรียมไว้สามห้องสำหรับสามคนเพื่อสานต่อธุรกิจของครอบครัวเราสองคนในอนาคต และที่ขาดไม่ได้ก็คือห้องสุดท้ายที่มีประตูเชื่อมกับห้องนอนใหญ่ของผมกับเธอเป็นห้องของลูกสาวคนโตของเราคือห้องของชานมนั่นเอง ซึ่งภายในห้องก็มีทั้งเบาะที่นอนนุ่มนุ่ม คอนโดหลายระดับหลายชั้นไว้ให้เจ้าตัวเล็กได้เลือกนอนตามใจชอบ รวมถึงห้องน้ำแมวอัตโนมัติด้วย ทำเธอกระโดดกอดผมอย่างดีใจและทำท่าทางตื่นเต้นไม่หยุดเดินเข้าห้องนั้นออกห้องนี้ดูว่าขาดเหลืออะไรตรงไหนเธอจะได้ไปเดินเลือกซื้อมาเพิ่ม"มายอยากแก้ตรงไหนมั้ย""ยังมีเวลา จะได้เสร็จทันก่อนย้ายเข้ามา""มายไม่อยากแก้ เพราะนายตั้งใจเลือกและทำให้มาย""ม

  • รักกันแบบธุรกิจ   บทที่37

    "ไอ้เตอร์ ฝึกงานเสร็จมึงจะแต่งเลยป่าววะ""อืม กูอยากมีลูกเลย มึงอะ""กูก็อยากแต่งเลย แต่ไม่รู้มายจะอยากแต่งมั้ย""มีแพลนกับเค้าบ้างมั้ยมึงอะ ไอ้กาย""...""อย่าไปถามมัน ไอ้นี่มันเสือซุ่มเงียบ""..."วันนี้ผมกับเธอขับรถพาชานมลูกสาวของเรามาพบสื่อมวลชนที่คาเฟ่มินิมินนี่ ทันทีที่สองสาวเห็นเจ้าตัวกลมก็พากันเอ็นดูผลัดกันอุ้มผลัดกันเล่นอยู่ไม่ห่าง ไม่นับรวมกับลูกค้าในร้านที่ต่างมาขอถ่ายรูปลูกผมจนต้องต่อแถวคิวยาวไปถึงหน้าร้าน เรียกว่าเวลานี้ชานมกลายเป็นซุปตาร์หน้าใหม่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ลูกสาวของผมน่ารักจริงๆ นี่นาตัวกลมกลมขนนุ่มๆ ตาโตโต แถมขี้อ้อนมากมากด้วยจะว่าไปก็เหมือนมามี๊ของเธอนั่นแหละ ไม่รู้ว่าถ้าเกิดว่ามีลูกหมูตัวเล็กเล็กที่เกิดจากผมเอง จะขี้อ้อนแบบนี้มั้ยถ้าใช่ผมก็คงหลงลูกมากไม่อยากห่างไปไหนแน่เราสองคนอยู่นั่งคุยนั่งเล่นกับเพื่อนๆ จนเย็นก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน และวันนี้เป็นอีกวันที่ผมมาค้างที่บ้านของเธอเป็นปกติไปแล้วเพราะตั้งแต่มีชานมเธอก็จะชวนผมมาที่นี่ทุกอาทิตย์จนคุณอาทั้งสองยกห้องนอนส่วนตัวให้ผมหนึ่งห้องเป็นที่เรียบร้อย และที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ของผมก็มีห้องนอนส่วนตัวขอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status