รักครั้งนี้ต้องทุ่มทั้งใจ
ตอนที่ 8 - สับสนหรือเสียใจ
(ด็อจ)
แสงสว่างจากภายนอกที่สาดทอเข้ามา มันทำให้ผมรู้สึกตัว ผมค่อย ๆ เปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งกะพริบปรับรับแสงสว่างที่สาดทอเข้ามา ตื่นมาบนที่นอนพร้อมกับหัวที่ปวดหนึบ ใช่ครับมันปวดมากเพราะเมื่อคืนผมคงดื่มหนักจนเกินไป ดื่มหนักจนเหมือนคนเสียสติเพราะความเสียใจ ตอนนี้ผมลืมตามองเพดานสองมือกุมหัวที่ปวดเหมือนจะระเบิด
แต่เดี๋ยวนะ! นี่ไม่ใช่ห้องนอนของผม!?
ความตกใจทำให้ผมกวาดสายตามองรอบห้อง ห้อนนอนที่ผมเคยมาอยู่บ่อย ๆ ก่อนสายตาจะมองไปยังด้านข้างที่มีผู้ชายคนหนึ่งนอนคว่ำหันหน้ามาทางผม แผ่นหลังหนาที่คุ้นตา ใบหน้าที่เด่นชัดแม้จะอยู่ในสภาพที่นอนนิ่ง ผมก็จำได้ดี...ไอ้ศิลา!
"อะไรกันวะเนี้ย!?" ผมสบถเสียงและขมวดคิ้วชนกันด้วยความตกใจ ยีหัวจนผมฟูฟ่องอย่างไม่เข้าใจ สายตามองไปเห็นกางเกงที่กองอยู่กับพื้น มั่นใจมากว่ามันคือกางเกงที่ผมใส่เมื่อคืนนี้
คิดดังนั้นจะเปิดผ้าห่มผืนหนาดู ตาของผมต้องเบิกกว้าง หูของผมอื้ออึงไปหมด ไม่ต้องบอกก็ย่อมรู้ว่าที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้น...นี่ผมเสียตัวให้เพื่อนเหรอวะ!
ผมคิดภาพทุกอย่างทบทวน แต่คิดยังไงผมก็นึกไม่ออก สุดท้ายที่จำได้คือเหมือนผมจะเพ้อ ผมพูดคุยกับเพื่อนขนมปังด้วยอาการเมาที่ยังพอมีสติอันน้อยนิดเหลืออยู่ คุยเหมือนจะจีบ แต่ที่ทำนั้นเพราะผมไม่รู้จะทำยังไง มันเสียใจเรื่องแฟนที่คบหา ที่ว่ามันไปอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่ผู้ชาย ทั้งที่บอกผมมากมายว่ายุ่งตลอด เพ้อจนผมไม่รู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
"โอ๊ะ!" ผมขยับตัวช้า ๆ แต่ทำไมร่างกายที่รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว ร่างกายดูเจ็บปวดไปหมดทุกจุดกับการขยับตัว ผมยังอยู่ในห้องเดิมค่อย ๆ หยัดตัวนั่งหลังพิงกับเตียง
"อื้ม ใครเสียงดังวะ คนจะนอน เงียบ ๆ ดิ" ผมมองตามเสียงที่บ่นนั้น ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวขาลงจากเตียง บอกเลยว่าทุก ๆ ครั้งที่ผมขยับมันเจ็บร้าวไปทั้งส่วนล่างตอนนี้
"แม่ง! กูเสียตัวให้ไอ้ศิลาจริงเหรอวะ?...เฮ้อ~~" ผมยืนหันหลังให้กับเตียงนอนแล้วบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ หยิบกางเกงมาใส่พร้อมถอนลมหายใจอย่างหน่ายใจ ไม่หน่ายใจใครหรอกครับ หน่ายตัวเองนี่แหละที่อกหักแล้วเมาเป็นหมาไม่มีสติแบบนี้ จนต้องมาพลาดเสียประตูหลังให้กับเพื่อนสนิท
"เออดิ เสียตัวให้กูเนี้ยแหละ...โทษทีนะมึงเริ่มก่อนแล้วกูทนไม่ไหว ทั้งที่กูพยายามควบคุมตัวเองแล้ว" แล้วเสียงอันหยาบโลนก็ดังมาจากด้านหลัง ผมหันไปมองก็เจอกับเพื่อนสนิทที่นั่งหลังพิงหัวเตียงมองมาทางผม
"....." ผมเงียบไม่รู้จะพูดอะไรออกไป บอกตามตรงว่าอายเพื่อนมาก แล้วปากของเพื่อนผมก็เหมือนจะมีหมา สายตาของมันที่มองมาทางผม มันยากที่จะคาดเดาความคิดของมันตอนนี้
"ใบ้แดกเลย" ผมมองหน้าไอ้ศิลาที่ตอนนี้จ้องมาทางผม และเป็นผมเองที่ต้องหลบสายตาของมัน สายตาที่ดูไม่ออกในความรู้สึก มันทำให้ผมหวั่นใจ
"กูเป็นแบบนั้นเหรอวะ"
"อืม มึงบอกมึงไม่เมา บอกให้กูเอามึง กูก็เลย...."
"กูขอเข้าห้องน้ำก่อนนะ!" ผมอายมากจึงหลีกเลี่ยงสายตานั้นด้วยการเดินหนีเข้าห้องน้ำ ผมอายที่จะเผชิญหน้ากับไอ้ศิลาในตอนนี้ อายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนีมัน
"ครับ...ผมก็คิดถึง...ได้สิสำหรับหมี่แล้วทำไมผมจะไปหาไม่ได้...ครับผมแล้วคืนนี้เจอกันนะ"
ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วบังเอิญได้ยินเสียงของการพูดคุยที่ดังเข้ามาในหู แต่ไม่รู้ว่าดังมาจากจุดไหนของห้อง เพราะสองสายตาของผมไล่มองในห้องแล้วไม่เจอใคร ด้วยความอยากรู้จึงให้สองเท้านำพาผมก้าวเดินไปช้า ๆ ตรงระเบียงที่มีผ่านม่านสีเทากั้นอยู่
หมี่ หรือ มัดหมี่ ทั้งที่รู้ว่าเธอคือใคร แต่ทำไมผมถึงสะอึกกับสิ่งที่ได้ยินจนยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ทั้งที่ตั้งท่าจะเปิดผ้าม่าน เพื่อหาใครคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนของผม
ผมพูดอะไรไม่ออก เหมือนภายในใจของผมมันกำลังเสียใจกับคำว่าไปหาคืนนี้ ผมรู้ดีว่าไอ้ศิลามันเป็นคนยังไง แต่ตอนนี้ทำไมผมต้องรู้สึกเสียใจ...ผมสับสน!
ผมรู้ว่าดีนะว่าไอ้ศิลามันมีคุยกับผู้หญิงจนถึงขั้นมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกัน และเธอคนนั้นผมก็เจอหน้าอยู่บ่อยครั้งที่ไปเที่ยวกับเพื่อน ไอ้ศิลามักควงมัดหมี่ประจำ
ผมเอี้ยวตัวแล้วเดินกลับไปนั่งที่ปลายเตียง รู้สึกว่าเหมือนจะทำอะไรไม่ค่อยถูก จึงเลือกที่จะนั่งเงียบเพื่อลาเพื่อนที่น่าจะยืนคุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอก ผมได้ยินเสียงไอ้ศิลาพูดคุยบ้างก็แค่นเสียงหัวเราะประปราย ความรู้สึกของผมตอนนี้มันเจ็บแปลบ ๆ ทั้งที่เพิ่งอกหักมาหมาด ๆ แต่ว่าภาพที่นึกขึ้นกับสภาพร่างกายที่ตื่นขึ้นมา มันทำให้ผมรู้สึกว่ามีความถลำลึก มันเป็นความรู้สึกที่ผมพูดยาก
ผมไม่อยากเสียคำว่าเพื่อน!
"อ้าว...มึงจะกลับแล้วเหรอวะ" ไอ้ศิลาเดินอมยิ้มเข้ามาแล้วเอ่ยถามผม
"อืม กูจะกลับแล้ว รอลามึงเลยยังไม่ได้ไป เดี๋ยวหาว่าไม่มีมารยาท" ผมกลบความรู้สึกภายในใจด้วยการฝืนยิ้มให้เป็นธรรมชาติ แล้วตอบเพื่อนด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้เป็นปกติที่สุด
"มึงจะกลับยังไง รถมึงจอดอยู่ผับ" ไอ้ศิลาถามผมด้วยสีหน้าที่นิ่งเรียบ พร้อมกับยัดโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋ากางเกง
"เดี๋ยวกูนั่งแท็กซี่ไปเอา" ผมตอบมันไปเพราะว่าก็แอบเกรงใจมันที่ต้องวนรถไปมา อีกอย่างตอนนี้ผมยังไม่อยากจะอยู่กับมันเพียงลำพัง มันมีทั้งความอายกับเรื่องที่เกิดขึ้น อีกนัยคือผมเหมือนเจ็บปวดและเสียใจกับสิ่งที่ได้ยิน ทุกอย่างที่ผมเจอตอนนี้ผมสับสนปนเปกันไปหมด ผมควรทำยังไงดี จะให้ไปต่อในแบบเพื่อน หรือเลื่อนความสัมพันธ์และความรู้สึกมากกว่าคำว่าเพื่อน
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูแวะไปส่ง เพราะเดี๋ยวกูจะออกไปหามัดหมี่"
"อืม"
ไอ้ศิลามันพูดแล้วอมยิ้มให้ผม แต่คำพูดของมันที่บอกจะไปหาอีกคน ทำเหมือนกับทิ่มแทงภายในอกข้างซ้ายของผม สิ่งที่ผมรู้สึกตอนนี้เรียกว่าถลำลึกในความรู้สึกเกินเพื่อนได้ไหม? ผมช่างใจและคิดชั่วครู่ ก็ต้องแค่นเสียงอันแผ่วเบาตอบไอ้ศิลาออกไป ทั้งที่ในใจนั้นเริ่มบีบรัดตัวเพียงแค่นึกภาพตาม หากคนทั้งสองได้อยู่ด้วยกันอย่างเป็นส่วนตัว
สามรักสามหัวใจตอนที่ 16(ริวจิน)“ทำไมเงินในบัญชีหายไป 20,000” อีเมียคนที่หนึ่งของผมถาม ชำเลืองมองหางตา “เอาไปทำบุญเลี้ยงเด็กที่บ้านเด็กกำพร้า” ผมก้มหน้าตอบแบบขอทีไปที กดจิ้มเกมเล่นแบบไม่สบตา“แล้วทำไมไม่บอกแต่ทีแรก” อีเมียคนที่สองก็แทรกต่อ ตอนนี้เหมือนผมกำลังอยู่ท่ามกลางขุมนรกยังไงไม่รู้ สายตาเมียทั้งคู่จ้องมาที่ผมเป็นตาเดียวเลยครับ“บอกก็กลัวอะดิ” ผมตอบแบบหน้าด้าน ๆ ทั้งที่ก็แอบหวั่น ๆ อยู่ข้างใน คือเกรงใจเมียนะครับไม่ได้กลัวเลยสักนิด“เอาเงินไปเลี้ยงเด็กหมดแล้วตัวเองจะกินอะไร” เมียคนที่สองถามอีกครั้ง คนนี้ไม่อ่อนหวานกับผมสักนิด “เดือนนี้จะกินอะไร แชตไม่ให้ยืมนะบอกก่อนเลย” เมียคนที่หนึ่งของผมพูดขึ้นอีกครั้ง คนนี้พูดเสียงหวานหน่อย เธอเป็นคนเรียบร้อยน่ารักครับ“ก็กินเด็กสิ ไม่เห็นจะยุ่งยากอะไรเลย”((ไอ้ริว!!))ให้คำตอบเมียทั้งสองจบ จากนั้นก็วิ่งสิครับ จะอยู่ทำไมให้โดนทุบ...เพราะเด็กที่ผมหมายถึงพวกเธอสองคนเข้าใจดีวันนี้ผมไม่ได้ไปไหน เพราะเป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ ก็เลยนั่งกระดกเบียร์เย็น ๆ ให้เพลิดเพลินใจอยู่ในห้อง“ทำไมต้องกินมันทุกเย็นด้วยริว ไอ้เบียร์เนี้ยมันมีดีอะไร มันเปลืองรู้
สามรักสามหัวใจตอนที่ 15"ป๊าอยากมีเมียน้อย" ผมพูดขึ้น ตอนนี้นั่งเล่นและคุยกันอยู่ห้องกระจกที่ป๊าทำไว้สำหรับดูหนัง ร้องเพลงคาราโอเกะหรือสังสรรค์"เดี๋ยวก็ได้โดนสองเมียมึงทุบหรอก" แล้วป๊าก็ทำสีหน้าเหมือนหนักอกหนักใจ แล้วผมพูดผิดตรงไหน แค่บอกอยากมีเมียน้อยเองนะ"ทุบทำไมริวแค่อยากมีเมียน้อย" แล้วผมก็ถามย้ำ"แค่คิดป๊าก็เห็นอนาคตมึงละริว" แล้วป๊าก็ตอบผมพร้อมกับจ้องหน้า"ริวผิดอะไร แค่บอกว่าอยากมีเมียน้อย" จากนั้นผมก็เริ่มถกเถียง ตอนนี้สีหน้าของป๊าคือแบบว่ากำลังด่าผมอยู่แน่ ๆ จะด่าทำไมผมว่าก็ไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อย"ยัง ยังไม่รู้สึกอีก ริอาจจะมีเมียน้อย แค่เมียสองคนตอนนี้เลี้ยงให้รอดก่อนไหมไอ้ลูกชาย" ป๊าก็เริ่มจะบานปลายไปกันใหญ่ แถมยังตบหัวผมแทบทิ่มกับโต๊ะอีก"ตบริวทำไมป๊า ก็ถึงบอกไงว่าอยากมีเมียน้อยเนี้ย ทำไมป๊าไม่เข้าใจริวเลย...แค่นี้ก็ไม่รู้เรื่อง ไปหาแชตกับดอลลี่ดีกว่า" พอแล้วครับพูดยังไงก็ไม่เข้าใจผมเลย เดินขึ้นบ้านไปหาแชตกับดอลลี่สบายหูกว่าเยอะ ดีไม่ดีได้ออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงให้ตัวเองอีกต่างหาก"ไอ้ริวมันด่ากูโง่ทางอ้อมปะวะด็อจ" เสียงของป๊าดังตามหลัง"ไม่รู้สินะ😁" อันนี้เสียงพ
สามรักสามหัวใจตอนที่ 14“ลูกแบบริวนี่แหละ โคตรสีสันของชีวิต...เราขึ้นห้องกันดีกว่า ปล่อยป๊าไว้นี่แหละ” แล้วผมก็จับมือเมียทั้งสองขึ้นห้องกัน ส่วนป๊านั้นก็อีกเดี๋ยวคงขึ้นห้องไปหาพ่อละมั้งสองเดือนผ่านไป"มานี่สิทั้งสามคน" ป๊าเรียกเมื่อเห็นพวกผมเดินมาจากสวนหลังบ้าน พาสาว ๆ ไปเดินเล่นจะได้คุ้นเคยเวลามาอยู่ที่นี่ มองไปเห็นสีหน้าของพ่อที่ดูกังวล แม้กระทั่งป๊าก็ไม่ต่างกัน ผมเดาออกว่าพวกท่านคิดเรื่องอะไรอยู่ ก็คงไม่พ้นเรื่องของผมกับเมียทั้งสอง ที่ได้มาครองคู่ใช้ชีวิตกันแบบบังเอิญสามคนผัวเมีย แม้ว่ามันจะผ่านมาร่วมสองเดือนแล้ว แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้คลี่คลาย ทางบ้านของแชตกับดอลลี่ยังไม่รู้เรื่องราวของลูก มีเพียงป๊ากับพ่อเท่านั้นที่รับรู้ และตอนนี้เหมือนพวกผม จะต้องถูกเคลียร์เรื่องราวแล้วล่ะ จากท่าทางของป๊าที่เป็นตอนนี้มันบ่งบอก"มีอะไรเหรอคะป๊า" เป็นดอลลี่ที่ถามขึ้น สรรพนามเปลี่ยนไป เมื่อป๊ากับพ่อบอกให้เรียกตามผม เพราะยังไงก็ตัดสินใจอยู่ด้วยกันแล้ว"จะอยู่กันแบบนี้จริงเหรอ?" พ่อถามแทนครับ"อยู่ไม่ได้เหรอ?" ผมย้อนถามคืน ก็อยู่กันมาตั้งหลายเดือนแล้ว พ่อก็นะไม่น่าถาม"ไอ้ได้มันก็ได้ แต่แบบนี้มันมีใคร
สามรักสามหัวใจตอนที่ 13“ต้องมีฉันด้วย!”“เฮ้อ”ผมถึงกับถอนหายใจเลยครับ เมื่อดอลลี่เธอตะเบ็งเสียงแข็งข่มใส่ ยังไงก็ต้องไปแพ็คคู่ให้ได้ใช่ไหม?“เออ รับผิดชอบทั้งสองคนนั่นแหละ” ผมตบปากรับคำเสร็จ ก็เดินเข้าห้องน้ำเลยครับ แล้วจะบอกกับพ่อยังไงล่ะทีนี้ ลูกชายสุดหล่อแบบผม มีเมียทั้งทีได้มาแพ็คคู่ซะงั้น โคตรล้ำเลยครับเมื่อพวกเราเคลียร์อะไรกันลงตัว จากที่เหมือนจะยากแต่ก็ดันง่ายดาย แรก ๆ ผมโคตรจะวุ่นวายมาก ไม่กล้าที่จะบอกป๊ากับพ่อเรื่องที่ผมก่อขึ้น จนตอนนี้ทุกอย่างมันดีขึ้น ผมกับแชตและดอลลี่เหมือนเราสามคนจะเข้ากันได้ดี แชตก็ไปทำงานกับผมอยู่แล้ว ส่วนดอลลี่แน่นอนว่าเธอเป็นลูกค้าของบริษัท ไม่ได้ยากเลยกับการที่จะทำงานหรือว่าติดต่อกันตอนนี้ผมกับพวกเธอเราตกลงคบกันเป็นที่เรียบร้อย อยู่ด้วยกันมาเกือบเดือนแล้ว และวันนี้ผมคิดว่าคงต้องบอกให้ป๊ากับพ่อได้รับรู้ ไม่อยากจะอยู่แบบหลบซ่อนแล้วล่ะ เพราะยังไงสักวันป๊ากับพ่อก็ต้องรู้อยู่ดี วันนี้ตอนเย็นเลยตั้งใจว่าจะพาไปแนะนำกับที่บ้าน ซึ่งผมก็ได้คุยกับพวกเธอไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้นัดกันออกไปทำสวยอยู่ บางทีผมก็แอบคิดว่าพวกเธอจะไปแอบกินกันเองลับหลังผมไหม ซึ่งผมยอ
สามรักสามหัวใจตอนที่ 12“โอ๊ย!! โยนมาได้ หมาตัวไหนวะ” เสียงคนเมาทำเอาผมรีบดีดตัวลุกจากแชต แล้วยื่นมือให้เธอจับลุก“ดอลลี่เป็นไงบ้าง” แชตรีบวิ่งเข้าไปประคองดอลลี่ให้ลุกยืน ผมว่าแชตคงเอาดอลลี่ไม่ไหวหรอก เมาเละเทะซะขนาดนั้น งานนี้ต้องพระเอกมาแล้วล่ะ“มา ริวช่วยเพราะแชตคงพาดอลลี่กลับไม่ไหว ไปริวจะไปส่ง” ผมพูดอาสา“ดี!! ไปดวลกันที่ห้องเลยจะได้จบ ๆ ตัดสินกันไปเลย” คนเมาก็ยังพูดต่อ ชี้มั่วซั่วไปหมดหลงทิศทาง จนผมกับแชตต้องถอนหายใจแรงอย่างระอา“ขอบใจนะริว”“ได้เสมอแหละ ริวทำเพราะแชตหรอกนะ ไม่ใช่ทำเพราะใคร”“ปากหวานเชียวนะ”“เมื่อกี้ก็ลองแล้ว น่าจะรู้รสชาติดี”“ไม่คุยกับริวแล้ว...รถแชตอยู่ทางนั้น”แชตดูเขินอาย เพราะจากการอมยิ้มผมว่าใช่ เธอหลบสายตาที่ผมจ้องมอง ก่อนจะบ่ายเบี่ยงเฉไฉไปเรื่องอื่นจากนั้นผมก็อาสาขับรถพาพวกเธอมาส่งที่พัก มันเป็นคอนโดที่อยู่ไม่ไกลมากนักจากร้านที่ผมนัดกับเพื่อน ประคองพาดอลลี่ขึ้นมายังชั้นที่พวกเธออยู่ เพราะถ้าให้แชตแบกมาคนเดียวมีหวังไม่รอด ผมสงสารแชตที่ต้องมาเจอตัวภาระแบบนี้จริง ๆ เลยครับ“ขอบใจนะริว ขอโทษด้วยนะที่ทำให้เสียเวลา” แชตเธอพูดขึ้น เมื่อผมแบกดอลลี่มาส่งที่ห้
สามรักสามหัวใจตอนที่ 11“รู้จักกันเหรอ?” ป๊าถามขึ้นเมื่อเดินไปนั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ที่แย่งผมอะ เพราะปกติผมจะนั่งทุกวัน แต่วันนี้เว้นให้ชั่วโมงหนึ่งละกัน“รู้จักสิป๊า รู้จักดีเลยล่ะ ใช่ไหมครับแชต” ผมลากเก้าอี้มานั่งข้างแชต แล้วตอบป๊าไป สายตาจ้องมองแค่แชตเท่านั้น ส่วนป๊าผมไม่ได้สนใจมาก ไม่ได้พิศวาสเท่าผู้หญิงตรงหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว“ให้มันน้อย ๆ หน่อยริว นี่ที่ทำงาน”“แล้วไง”ป๊าพูดขึ้นซึ่งผมก็ไม่รู้หรอก ป๊าจะมีสีหน้ายังไง เพราะตอนนี้ผมอยากมองแค่แชตคนเดียว“หน้าป๊าอยู่นี่ริว สนใจก็ที่เป็นพ่อบังเกิดเกล้ามึงสักแป๊บได้ไหม?” น้ำเสียงเริ่มจะกริ้วแล้ว ฉะนั้นผมควรจะทำตาม“ก็ได้ อย่าคุยนานนะริวอยากทำงานละ” มันก็แค่ข้ออ้างอะนะ ที่จริงอยากจะจีบสาวให้ติดมากกว่า อุตส่าห์ฟ้าเข้าข้างขนาดนี้ ต้องรีบทำคะแนน เพราะเดี๋ยวยัยดอลลี่ปากจัดจะแซงซะก่อน“แนะนำตัว” ป๊าสั่งเสียงเข้ม จากนั้นแชตก็เริ่มแนะนำตัวไปเรื่อย ๆ ส่วนผมก็นั่งมองเธอ ปากกระจับเล็ก ๆ ที่ขยับเวลาพูดมันดูน่าหลงใหล ยิ่งมองก็ยิ่งไม่อยากละสายตาไปไหน แชตดูน่ารักอ่อนหวาน ทั้งท่าทาง แววตา ทุกอย่างที่อยู่บนตัวเธอ มันทำให้ผมไม่อาจจะละสายตามองได้เลย