LOGINเขาต้องรีบหลบก่อนที่นางจะเห็นเขา ท่านอ๋องรีบเบี่ยงตัวเข้าไปในห้อง พวกนางเดินเข้าไปที่สวนซึ่งเมื่อวานเขาก็นั่งที่นั่นเพื่อดื่มชากับนาง
แต่วันนี้นางกลับชวนบุรุษอีกคนเข้ามาดื่มชาถึงในนี้ เขาเดินกลับไปที่ห้องพร้อมกับเรียกองครักษ์ของเขา
“เป่าอี้”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เรื่องที่ข้าให้เจ้าสืบ ไปถึงไหนแล้ว”
“ทูลท่านอ๋อง ตงหลางผู้นี้ที่มาไม่ชัดเจน แต่เพราะความสามารถที่โดดเด่นและสอบเข้ามาด้วยคะแนนที่สูงสุดอันดับหนึ่งเขาจึงขอมารับตำแหน่งหัวหน้ากรมเจ้าท่าที่ตงหลางนี้ เขาอ้างว่าที่นี่เป็นบ้านเกิดของเขาพ่ะย่ะค่ะ”
“เบื้องหลังล่ะ”
“คนผู้นี้แทบจะไม่มีอะไรให้สืบได้เลยพ่ะย่ะค่ะ รู้เพียงก่อนหน้านั้นเขากำพร้าพ่อแม่และอาศัยอยู่ที่หย่งโจว จนร่ำเรียนในสำนักศึกษาก่อนจะไปสอบขุนนางที่เมืองหลวงจนได้อันดับหนึ่งของการสอบปีนั้น เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ เขาเป็นรองเพียงสามคนที่สอบเข้ามาด้วยคะแนนสูงสุดตั้งแต่ราชสำนักจัดการสอบขึ้นมาเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่มีเบื้องหลัง ประวัติสวยหรู ดูน่าคบหา”
“นี่เป่าอี้ หากว่าเจ้าเป็นสตรี เจ้าจะชอบเขาหรือไม่”
“คือข้า…ท่านอ๋อง เหตุใดพระองค์ถามคำถามที่ชวนขนลุกเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วเขา ไม่มีประวัติเรื่องแบบนี้บ้างหรือ เรื่องสตรีน่ะ”
“ทูลท่านอ๋อง นอกจากร่ำเรียนเป็นที่หนึ่งในสำนักศึกษาและสอบขุนนางด้วยคะแนนยอดเยี่ยมแล้ว เรื่องสตรีที่มาเกี่ยวพัน ไม่มีเลยสักคนขอรับ”
“เป็นไปได้อย่างไร เขาหน้าตาถือว่าใช้ได้ แม้จะด้อยกว่าข้านิดหน่อยแต่ก็น่าจะเป็นที่ต้องตาของเหล่าสตรีทั้งหลายนั่น”
“เอ่อ คือว่า…เรื่องนี้”
“เป่าอี้ เจ้ามีอะไรจะบอกข้า”
“ตงหลางผู้นี้ตั้งใจขอมาประจำที่เมืองหย่งโจว เหตุผลหนึ่งก็เพราะ…เขาอยากจะสู่ขอแม่นางฟางถิงถิงพ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องเบิกตากว้างเงยหน้าขึ้นมององครักษ์ด้วยสายตาที่โมโหที่เป่าอี้พึ่งจะมาบอกเขาเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่ควรจะบอกเรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้ว และตอนนี้ นางก็อยู่กับเขาที่สวนนั่น นั่งจิบชาด้วยกัน
“เป่าอี้!! เจ้าเรียงลำดับความสำคัญไม่เป็นหรือไง ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้กันเล่า”
“ท่านอ๋อง จะไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ”
“ก็ที่สวนอย่างไรล่ะ นางกำลังอยู่กับเจ้านั่น จะให้ข้าไปที่ใดได้”
“แต่ชุดท่าน…..”
“ฮึ้ยย วุ่นวายจริง เอาชุดมา เร็วๆ เข้า หน้ากากข้าล่ะ”
เขาสวมชุดเสร็จจึงรีบเดินออกไป เมื่อไปถึงก็พบว่าพวกเขากำลังคุยกันอยู่
“แม่นางฟาง ข้าพูดเรื่องจริงนะ เรื่องนี้ข้าจริงจัง”
“ใต้เท้าตง คือเรื่องนี้ข้า…”
“ข้าไม่ได้เร่งรัดเจ้า เจ้าเก็บเอาไปคิดก่อนยังไม่ต้องรีบให้คำตอบข้าก็ได้ เพียงขอแค่รับปากข้าว่าจะนำเอาเรื่องนี้ไปพิจารณาดู”
“ใต้เท้าตง เรื่องแต่ง..”
“อ้าว ท่านมาอีกแล้วงั้นหรือ ถิงถิง มีแขกทำไมไม่บอกข้าจะได้ออกมาช่วยเจ้า”
เขาทันได้ยินพอดี ตงหลางผู้นี้กำลังจะขอถิงถิงแต่งงานสินะ เขาเกือบจะเอื้อมมือไปจับนางแล้วก่อนที่เขาจะเข้ามา
ลี่หยางมองหน้าบุรุษหนุ่มอีกคนที่เป็นคู่สนทนาและนั่งคั่นกลางระหว่างคนทั้งคู่อย่างจงใจ มีเขาอยู่ อย่าได้หวังว่าจะได้เข้าใกล้นางได้
“คุณชายหยาง คือว่าข้า…”
“ถิงถิง ข้าว่าจะชวนเจ้าออกไปเดินเล่นที่ตลาดเสียหน่อย พอดีว่าเย็นนี้ข้าอยากกินกับข้าวฝีมือเจ้า ดูท่าใต้เท้าตงน่าจะหมดธุระแล้วใช่หรือไม่ ข้าจะได้พานางออกไป”
“นี่ท่านเป็นบ้าอะไรนี่”
“ใครใช้ให้เจ้าหลบหน้าข้าตั้งแต่เช้าล่ะ อยู่เฉยๆ อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้านะ”
พวกเขากระซิบกัน ท่านอ๋องใช้มือโอบนางเข้ามาชิดตัวเพื่อเตือนและทำตาดุดันเพื่อขู่นางให้เชื่อฟัง ถิงถิงได้แต่มองตาเขาปริบๆ สลับกับมองหน้าตงหลางที่พึ่งคุยกันเรื่องสำคัญที่เขาแจ้งเมื่อสักครู่
“ในเมื่อวันนี้แม่นางฟางมีธุระ ถ้าเช่นนั้น ข้าไม่รบกวน คงต้องขอตัวก่อน”
“เอ่อใต้เท้าตง ต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะ”
“ใต้เท้าตงเดินดีๆ ไม่ส่งล่ะนะ”
ถิงถิงจะลุกไปส่งตงหลางแต่ท่านอ๋องดึงตัวนางให้นั่งลงตามเดิมพร้อมกับจับแขนนางเอาไว้ไม่ให้ลูก เขาจับจอกชาหงายขึ้นมาและรินชาให้ตัวเองพร้อมกับยกขึ้นมาจิบและมองหน้านางไปด้วย เมื่อตงหลางพ้นประตูไปแล้วเขาจึงถอดหน้ากากออก
“เจ้าคุยอะไรกับเขา เหตุใดต้องแอบพบกันที่ประตูหลัง แล้วยังพาเดินมาคุยกันถึงในจวนอีก”
“นี่ท่านเป็นบ้าอะไร มันเรื่องของข้าท่านปล่อยนะ”
“ไม่ ถิงถิง เจ้าคุยอะไรกับคนแซ่ตงนั่น”
“ท่านจะอยากรู้ไปทำไม เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับท่านนะ”
“เจ้าหลบหน้าข้าตั้งแต่เช้า”
“ข้าเปล่านะ นั่นท่านคิดไปเอง”
“โกหก แล้วทำไมวันนี้ไม่ไปทำแผลให้ข้า ทำให้ให้ท่านหมอไปแทนเจ้า”
“คือว่า..ข้าเห็นว่า..แผลท่านเปิด ก็เลยให้ท่านหมอมาดูอาการเพื่อให้ท่านหายเร็วขึ้น”
ที่จริงนางไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขาเพราะจูบเมื่อวานจริงๆ นางจึงหาข้ออ้างเรียกท่านหมอเล่อมาดูอาการให้เขาโดยบอกว่าแผลท่านอ๋องเปิดจนเลือดไหล ไม่คิดว่าเขาจะตามมาเจอตอนที่นางยืนรับของที่ตงหลางส่งมาให้
“ถิงถิง แผลข้าเปิด ท่านหมอดูแล้วอาการหนักกว่าเดิม ต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลทุกเช้าเย็น ต้นเหตุมาจากเจ้า”
“เหตุใดถึงเป็นข้า”
“ก็เพราะช่วยเจ้าเมื่อวานตอนที่เจ้าสกุลเฉินนั่น ทำให้แผลข้าเปิด แล้วเจ้าต้องรับผิดชอบ เปลี่ยนผ้าพันแผลให้ข้า”
“แต่นั่นข้าไม่ได้ขอให้ช่วยเสียหน่อย”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ”
“เปล่าเจ้าค่ะ”
“ตกลงเจ้ากับคนแซ่ตงนั่นคุยอะไรกัน เหตุใดต้องลอบพบกันที่ประตูหลัง”
“นี่ท่านแอบตามข้างั้นหรือ”
“เปล่า แค่บังเอิญเห็น”
“ท่านปล่อยข้าก่อนสิ ใครมาเห็นเข้ามันจะไม่งาม”
“ไม่ เจ้าบอกข้ามาก่อนสิ หากเจ้าไม่บอก ข้าจะจูบเจ้าตรงนี้เลย”
“ท่านอ๋อง อย่านะ”
“ถิงถิง เราตกลงกันแล้วว่าข้าคือคุณชายหมิงลี่หยาง”
“แต่ว่าท่าน…”
ฟางถิงถิงใช้ความพยายามอย่างมากในการตั้งสติเพื่อคุยกับท่านอ๋องผู้เอาแต่ใจคนนี้ เป็นอีกครั้งที่เขากดดันให้นางต้องเล่าเรื่องที่เขาอยากรู้ให้เขาฟังอย่างละเอียด
“ใต้เท้าตงเพียงแค่นำกระดาษที่กรมเจ้าท่าไม่ใช้แล้วมาส่งให้ข้า ปกติเขาก็มาส่งให้เป็นประจำอยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรของที่นี่ และข้าก็ไม่ได้ลักลอบนัดเจอกัน เพราะคนของร้านร้อยบุปผาก็กำลังขนกองกระดาษเหล่านั้นลงจากรถม้าที่เขาขนมาให้”
ท่านอ๋องทำลอยหน้าลอยตาแต่ในใจเบิกบานขึ้นมากเมื่อรู้ว่านางมิได้อยู่กับตงหลางเพียงลำพังอย่างที่เขาคิด
“แล้วทำไมต้องชวนเขาเข้ามาดื่มชาด้วยล่ะ”
“นั่นข้าต้องแสดงความขอบคุณเขาสิเจ้าคะ เขาอุตส่าห์นำกระดาษมาส่งให้ ท่านรู้หรือไม่ว่ากระดาษนั่นมีค่ามากเพียงใด ที่สำคัญ เขาให้ข้ามาเปล่าๆ โดยไม่คิดเงิน และยังมาส่งด้วยตัวเองด้วย ข้าก็ต้องเลี้ยงชาเป็นการขอบคุณเขาถึงจะถูก”
“เจ้าเอากระดาษมาทำอะไรตั้งมากมาย”
“นั่นมันเรื่องในร้านเจ้าค่ะ”
“เรื่องนำกระดาษมาส่ง ข้าว่าเป็นแค่ข้ออ้างมากกว่า”
“ท่านพูดเรื่องอะไรกัน”
“ก็จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาที่มาที่นี่น่ะสิ ข้าได้ยินว่าเขาขอเจ้าแต่งงานด้วย”
"นี่ท่านได้ยินด้วยหรือ"
"ข้าไม่ได้หูหนวกนะถิงถิง แล้วเจ้าตอบเขาไปว่าอย่างไร!!"
วังบูรพา“เร็วๆ เข้า เอาน้ำมา เตรียมผ้ามาอีก เร็วๆ เข้า”“แม่นม ออกหรือยัง” “ยังเพคะองค์รัชทายาท”“ข้าเข้าไปดูได้หรือไม่”“ไม่ได้ๆๆๆ เพคะ พระองค์รออยู่ตรงนี้เพคะ”“แต่ถิงถิงร้องหาข้า ท่านได้ยินหรือไม่ ให้ข้าเข้าไปเถอะ”“ไม่ได้เพคะ”“อ๊าาาาา ลี่หยาง อึ๊ยยยย”“เบ่งเพคะพระชายา เบ่ง หนึ่ง สอง สาม อึ๊ยยยยย”“อึ๊ยยย ลี่หยาง ท่านพี่ อ๊าาาาา”“ออกหรือยังเล่า ปัดโธ่!!”“เดี๋ยวๆ อย่าเข้าไปนะลี่หยาง เจ้าจะบ้าหรือ สตรีทำคลอดอยู่”“แต่เสียงถิงถิงเรียกข้าอยู่ เจ้าไม่ได้ยินหรือ นางเจ็บอยู่ ข้าจะเข้าไป ปล่อยข้านะ”“ไม่!! อย่าไป มารอตรงนี้ เจ้าเข้าไปก็ช่วยนางไม่ได้ รออยู่นี่”“ฟ่านหยวนผิง ปล่อยข้านะ ถิงถิง!!”“อ๊าาาาา ท่านพี่ อื้ออออ”“เบ่งอีกทีเพคะ”“กรีี๊ดดดดดด”“ปล่อยข้านะ ปล่อยยย!!!” ลี่หยางวิ่งเข้าไปที่ห้องคลอด เสียงตกใจของคนในนั้นทำเอาทุกคนทำตัวไม่ถูก ถิงถิงเองก็หลับตาอยู่ แต่ภาพที่เขาเห็นนั้นทำเอาสติของลี่หยางหลุดลอย จนแม่นมดันตัวเขาออกไป“เป่าอี้ รีบเอาตัวองค์รัชทายาทออกไปเร็วเข้า ใครปล่อยให้พระองค์เข้ามา”“ข้าบอกเจ้าแล้ว มานั่งตรงนี้” ลี่หยางกำลังตกใจกับสิ่งที่เขาได้เห็นเ
สายตาดุที่ส่งมาที่หมิงลี่หยางทำเอาเขาเกรงว่าคืนนี้จะได้นอนนอกห้องเลยไม่กล้าโกหก จึงได้เริ่มเล่าเรื่อง ที่จริงเว่ยจีไม่ควรพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเลย เขาเองก็ไม่นึกอยากให้ถิงถิงโกรธเท่าใดนัก“ข้าสืบรู้มาว่าหงลี่กบดานอยู่ใกล้ๆ จวนน่าสงสัยก็มีอยู่หลายที่ แต่ที่ติดตามดู ที่จวนคหบดีน่าสงสัยที่สุด ก็เลยเลือกที่จะไปที่นั่น”“ท่านออกงานกับเว่ยจีตอนนั้น ท่านเริ่มสงสัยหรือยัง”“ที่จริงข้าหลอกใช้นางเพื่อให้พวกเขาโจมตี ข้านึกแปลกใจแต่แรกแล้วที่เขาไม่โจมตีเว่ยจีกับจวนนั้น ข้าเลยรู้ทันทีว่ามีสิ่งผิดปกติ”“ท่านรู้ตอนไหนว่าตงหลางคือเจ้าสำนักหงลี่”“หลังจากงานเทศกาลฤดูร้อน”“ท่านรู้แต่ไม่บอกข้างั้นหรือ”“ข้าไม่มีเวลาบอกเจ้าต่างหาก ข้ารู้ระหว่างทางกลับไปเมืองหลวง เลยส่งคนไปเฝ้าร้านเจ้าเอาไว้ และรู้ข่าวว่าพวกหงลี่ก็ไปที่ม่านโจวแล้ว ข้าเลยเบาใจ เพียงแค่ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าเหตุใดพวกมันต้องไปม่านโจว ที่แท้ก็เพราะเจ้านี่เอง” ถิงถิงหันกลับมาและเริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะเรื่องนี้นางก็ผิดที่ไม่ได้บอกเขาว่านางเป็นท่านหญิงของม่านโจว“นั่นแสดงว่าพวกมันตามข้าไปที่ม่านโจวสินะเจ้าคะ”“ใช่ ข้าก็เลยหมดห่วง แต
หย่งโจว / ร้านร้อยบุปผา“เร็วๆ เข้าเร็วๆ เอาผ้าแดงมาเพิ่มอีก ไม่ทันแล้วเร็วๆ ตรงนั้นล้างเสร็จหรือยัง มาช่วยตรงนี้ก่อน”“อาหลาน ผลไม้นี่เอาไว้ตรงไหน”“วางไว้ที่โต๊ะกลางด้านในเลย”“ป้าลี่ๆ ไปรับชุดที พวกนางมาแล้วเร็วๆ”“ได้ๆ ไปเดี๋ยวนี้ อาเถาเอ๊ย มาช่วยยกเครื่องประดับเจ้าสาวหน่อยเร็ว”“เจ้าค่ะๆ”“อาหลาน เจ้าจัดการไปถึงไหนแล้ว”“ฮูหยิน นายท่าน เกือบแล้วเจ้าค่ะ พวกท่านจะไปที่ใดกันเจ้าคะ”“ข้าจะไปจวนท่านเจ้าเมือง อาหลาน ที่เหลือฝากเจ้าดูด้วยนะ”“รับทราบเจ้าค่ะ เชิญฮูหยินกับนายท่านเลยเจ้าค่ะ” ถิงถิงและลี่หยางเดินขึ้นรถม้าพร้อมกับตะกร้าที่ใส่ผลไม้ชุดหนึ่งเอาไว้ รถม้าเคลื่อนตัวออกจากหน้าร้านร้อยบุปผามุ่งตรงไปที่จวนเจ้าเมือง พวกเขากลับมาที่หย่งโจวหลังพระราชพิธีมงคลสมรสที่เมืองหลวง และมาที่นี่ได้เกือบสองเดือนแล้ว วันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งร้อยวันของหลินเยว่ซินหลังจากที่หมิงลี่หยางแจ้งข่าวให้ท่านเจ้าเมืองและส่งร่างไร้วิญญาณของนางกลับมาที่หย่งโจว รถม้าจอดสนิทตรงหน้าจวนท่านเจ้าเมือง เมื่อพวกเขาเดินลงจากรถม้า และเดินเข้าไปในจวนที่บัดนี้เริ่มเงียบเหงามากกว่าเดิม“องค์รัชทายาทกับพร
มือเรียวของพระชายาเลื่อนลงไปใต้น้ำเพื่อสัมผัสบางสิ่งที่ทิ่มนางอยู่ในน้ำสักพักแล้ว เมื่อนางพบแล้วจึงได้เริ่มขยับเจ้าแท่งแกร่งนั้นรูดขึ้นลง ทำเอาผู้ที่ถูกสัมผัสแทบจะทนไม่ไหว“ถิงถิง อย่าพึ่งใจร้อน ข้ายังไม่พร้อม เจ้าอย่าพึ่ง อาาา” ถิงถิงเองก็ไม่ฟังเสียงขอร้องของเขา นางแนบตัวเข้าไปชิดก่อนจะส่งลิ้นนั้นไปเล่นกับยอดอกสีเข้มตรงหน้าซึ่งนางหวังจะทำเช่นนี้มานานแล้ว หมิงลี่หยางที่ถูกสัมผัสที่รุกล้ำจากนางถึงกับทนไม่ไหว เขาไม่เคยถูกสัมผัสเช่นนี้มาก่อน มันช่างรุนแรงเกินกว่าที่เขาจะรับได้เพราะปกติเป็นเขาที่จู่โจมนาง“ถิงถิง อาาา นี่เจ้า...”“รู้สึกอย่างไรเพคะ”“ข้า จะไม่มีแรงยืนแล้ว...”“อีกนิดเดียวเพคะ”“ไม่นะ อาาา ถิงถิง เบาลงหน่อย อย่าเร่งแบบนั้น อ๊ะ อึ๊ยยย อาาา” ถิงถิงสลับลิ้นไปมาระหว่างแผงอกกว้างของเขาสองข้าง สัมผัสนั้นทำให้ผู้ที่ถูกรุกเริ่มทนไม่ไหวเขาดึงตัวนางออกและจับนางยกตัวขึ้นที่ขอบอ่าง“พอแล้ว ข้าทนอีกไม่ไหวแล้ว ถิงถิง เจ้าต้องรับผิดชอบในการกระทำครั้งนี้”“ท่านพี่ เดี๋ยวสิ อ๊าา อย่าเร็วนักสิเพคะ อ๊าาา”“ไม่ได้ ข้าจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว เจ้าเป็นคนเริ่ม
“เดี๋ยวสิ พระชายา เจ้าจะมาทำแบบนี้มันผิดธรรมเนียมนะ คือว่าข้ารอเจ้ามาตั้งสิบวัน สิบวันเชียวนะ แล้วเจ้าจะมาเมินข้าเช่นนี้มันไม่ถูกต้อง เสด็จอาก็บอกว่า…”“นี่ท่านเมาหรือเพคะ หากอยากจะดื่มต่อท่านก็ออกไปดื่มกับพวกเขาไม่ต้องมาอยู่ตรงนี้ หากจะอยู่ก็นอนนิ่งๆ วันนี้หม่อมฉันเหนื่อยมาก คุยไม่ไหวแล้ว”“ข้าก็ไม่ได้ชวนเจ้าคุยเสียหน่อย ถิงถิง เรามาสร้างเจ้าตัวเล็กคนใหม่กันเถอะนะ”“….”“ถิงถิง แต่ข้ายังไม่ง่วงเลย …. ถิงถิง..ไม่จริงน่ะ หลับไปแล้วงั้นหรือ” หมิงลี่หยางหันไปมอง นางหลับสนิทไปแล้วโดยไม่รอเขาพูดจบด้วยซ้ำไป แต่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เจอกันสิบวัน และพิธีวันนี้ก็เหนื่อยเอามากๆ จริงๆ ไม่แปลกที่นางจะเหนื่อย“เข้าห้องหอแต่ไม่ได้ชื่นชมเจ้าสาว ข้านี่ช่างน่าสงสารเสียจริงๆ” หมิงลี่หยางทำได้แค่ล้มตัวลงนอนและกอดถิงถิงเอาไว้เท่านั้นในคืนนี้ จะทำอย่างไรได้เมื่อนางไม่ยอม จะมาขืนใจเอาตอนนี้ก็เสี่ยงจะถูกเมินไปอีกหลายวัน เพราะเขาพลั้งปากเองจะโทษผู้ใดได้ พรุ่งนี้ค่อยง้อนางก็แล้วกันวันรุ่งขึ้น หมิงลี่หยางค่อยๆ ขยับตัวขึ้นมา แต่เขารู้สึกว่าคนข้างๆ ที่เขากอดอยู่มีอาการแปลกๆ เหตุใดเขารู้
งานประกาศผลการประลอง แขกเกือบทุกคนที่ยังอยู่ในงาน องค์ชายต่างแคว้นทุกคนล้วนมีความยินดีที่จะอยู่ร่วมงานจนถึงพิธีมงคลสมรสของทั้งคู่ หลังจากจัดพิธีมงคลสมรสแล้วจะจัดให้มีงานล่าสัตว์ขึ้นด้วย ทั้งนี้ทุกคนต่างตื่นเต้นเพื่อรองานที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองงานนี้อย่างใจจดใจจ่อ“เอาล่ะทุกท่าน ตอนนี้ได้เวลาแล้ว ขอประกาศผู้ชนะอย่างเป็นทางการในการประลองเพื่อเลือกคู่ของท่านหญิงฟ่านถิงถิงจวิ้นจู่แห่งม่านโจว องค์รัชทายาทแห่งฉีโจว องค์ชายหมิงลี่หยาง” หมิงลี่หยางในชุดองค์ชายเต็มยศสีเหลืองทองปักเลื่อมมังกรเดินเข้ามาในงานพิธีเพื่อรับมอบลูก “ซิ่วฉิว” ซึ่งเป็นลูกกลมๆ ที่ทำจากผ้าไหมมีพู่ห้อยอยู่รอบๆ ซึ่งถิงถิงยืนถือเอาไว้ที่ด้านหน้า ชุดของนางก็เป็นสีขาวทองปักเลื่อมสีทองรูปนกยูงเช่นกัน เมื่อเดินมาถึง ถิงถิงจึงได้มอบลูก ซิวฉิวให้เขารับเอาไว้และทั้งคู่ก็เดินขึ้นไปทำการคารวะฝ่าบาทก่อนจะหันออกมาและเดินออกจากท้องพระโรงเพื่อรอขึ้นรถม้าสำหรับแห่รอบเมืองเพื่อฉลองกับชาวเมืองม่านโจว“เหนื่อยหรือไม่”“ไม่เพคะ แต่หม่อมฉันง่วงนอน”“อยู่ในขบวนแห่ แต่เจ้ากลับง่วงได้ เก่งไปหรือไม่ถิงถิง เจ้ามองดูราษฎ







