เข้าสู่ระบบ“ท่านได้ยินว่าเขาขอข้า แต่งงาน”
“ใช่สิ เจ้าตอบเขาไปว่าอย่างไร”
“ข้าก็ตอบไปว่าขอคิดดูก่อนเจ้าค่ะ”
“ถิงถิง นี่เจ้า…”
“คุณชายหมิง ใต้เท้าตงมาถามว่า ข้าจะส่งสบู่เข้าร่วมประกวดในงานเทศกาลฤดูใบไม้ผลิของเมืองที่จะจัดขึ้นปีนี้หรือไม่เจ้าค่ะ”
หมิงลี่หยางอึ้งไปกับคำพูดของนาง งานประกวดเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ เขาคุ้นๆ ว่าเคยเห็นรายงานเรื่องนี้ในฎีกาเมื่อหลายวันก่อน แต่เขาเห็นว่ามันยังไม่ถึงกำหนดเลยไม่ได้เปิดอ่านดู นี่นางกับตงหลางคุยกันเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องแต่งงานหรอกหรือ
“แล้วข้าเห็นเขาเอื้อมมือจะไปจับมือเจ้า”
“ท่านตาฝาดแล้ว นั่นเขาเพียงหยิบใบนี้ให้ข้าดูเจ้าค่ะ”
นางส่งกระดาษแผ่นเล็กให้เขาดู เป็นรายงานการส่งกระดาษเหลือใช้จากกรมเจ้าท่ามีลายเซ็นของตงหลางอยู่เพื่อให้ถิงถิงเก็บไว้เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนกล่าวหาว่านางได้กองกระดาษพวกนี้มาอย่างไม่ถูกต้อง
ท่านอ๋องรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อยที่เข้าใจผิดไปใหญ่โต แต่เพราะทิฐิของเขา จึงไม่ยอมขอโทษนางแต่กลับเฉไฉไปคุยเรื่องอื่นแทน
“ท่านหมอบอกว่าแผลข้าเปิด ต้องทายาและพันแผลเช่นนี้ไปอีกสักระยะ ช่วงนี้ต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลทุกเช้าเย็นเช่นเดิม ข้าคงต้องอยู่ที่นี่อีกสักพัก”
“นานแค่ไหนเจ้าคะ”
“นี่เจ้าจะรีบไล่ข้าเลยงั้นหรือ”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ เพียงแต่ที่นี่มิได้สะดวกสบายเท่ากับจวนอ๋องของท่าน การดูแล อาหารการกินก็มิใช่อาหารแบบชาววัง ท่านก็เห็นว่าพวกข้าก็ไม่ได้ทำอาหารที่หรูหราให้ท่านกิน”
“เรื่องนั้นไม่เห็นจะยาก หากเจ้าเป็นห่วงเรื่องนั้นข้าจะจัดคนมาทำอาหารและทำความสะอาดจวนให้ และให้ซื้อของเข้าโรงครัว เรื่องนี้ข้าจัดการเอง”
“ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องพวกนี้ ไม่ต้องพาใครมาเพิ่มเจ้าค่ะ ท่านก็พูดเองว่าเราต้องทำตัวปกติ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา เพียงแต่ว่าข้ารู้สึก…ไม่ค่อยสะดวกใจที่…”
“ที่อะไร เจ้ามีอะไรอีก หรือว่าเจ้าอึดอัดที่ข้าอยู่ที่นี่”
“ไม่ใช่แบบนั้นเจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าท่านส่งองครักษ์มาอารักขาทั่วจวนของข้า ข้าเพียงรู้สึกระแวงเท่านั้น”
“เรื่องนี้เจ้าก็รู้งั้นหรือ”
“ข้าไม่ใช่คนโง่ที่จะมองเหตุการณ์ไม่ออก ท่านเองยังไม่เคยบอกอะไรข้าเลย แต่ท่านเอาแต่ซักถามข้าทุกเรื่อง ข้าคิดว่ามันไม่ยุติธรรมเท่าไหร่”
“ข้าเป็นคนให้เป่าอี้ปล่อยข่าวลือว่าข้าออกนอกเมืองหย่งโจวไปแล้ว และถอนกำลังองครักษ์ออกจากจวนอ๋องเพื่อล่อพวกที่ทำร้ายข้าออกมา และย้ายกำลังองครักษ์มาที่นี่แทน แต่พวกเขาทำงานอย่างลับๆ เจ้ารู้ได้เช่นไร”
“แบบนั้นที่ท่านเรียกว่าลับหรือเจ้าคะ”
นางพยักพเยิดหน้าไปที่มุมกำแพง นางเห็นด้ามดาบของเป่าอี้ที่ข้างกำแพงนั้นพอดี ท่านอ๋องจึงหลับตาให้กับความไม่ระวังขององครักษ์ส่วนตัวของเขา
“เป่าอี้!!”
ไม่นานเขาก็รีบวิ่งมาตรงหน้าทั้งคู่ ถิงถิงมองเขาโดยไม่ได้พูดอะไร แต่ท่านอ๋องรู้สึกเสียหน้า
“เจ้ามาอยู่ทำอะไรแถวนี้”
"ก็ท่านอ๋อง..."
“ไปได้แล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ถิงถิงได้เพียงแค่ยกชาขึ้นมาจิบเพื่อไม่ให้เขารู้สึกอายมากกว่าเดิม และนางก็ลุกขึ้น
“เจ้าจะไปไหน”
“ท่านมีอะไรอีกเจ้าคะ”
“ข้าบอกแล้วว่าจะกินกับข้าวฝีมือเจ้า ไปตลาดกัน”
“นี่มันรวมอยู่ในความรับผิดชอบของข้าด้วยงั้นหรือ”
“แน่นอน ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทัน”
“เดี๋ยวสิ คุณชาย หน้ากากท่าน”
“อ้อ ลืม”
เขาจูงมือนางเดินออกไปทางประตูหลังเพื่อเดินไปตลาด เมื่อได้ออกมาเดินเล่นข้างนอกก็ดูเหมือนว่าถิงถิงจะอารมณ์ดีขึ้นมากและไม่ค่อยเกร็งกับเขาเหมือนเมื่อเช้าที่นางเอาแต่หลบหน้าเขา คิดถูกจริงๆที่พานางออกมาซื้อของ
“ข้าอยากซื้ออันนั้น เอานั่นด้วย ผักด้วย เหมาหมดเลย ไปส่งที่ร้านร้อยบุปผา”
“เดี๋ยวก่อน นี่ท่านซื้ออะไรไปมากมาย ท่านจะจัดงานเลี้ยงงั้นหรือ”
“ก็ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะใช้อะไรบ้าง ก็เลยซื้อทุกอย่างเลย ไม่เป็นไรหรอก กินไม่หมดก็ให้พวกคนงานเจ้าแบ่งไปกินสิ เอาอันนี้ด้วย อันนี้เท่าไหร่ เอาหมดเลย ไปส่งที่ร้านร้อยบุปผา”
“แหมพ่อหนุ่ม เจ้ากับเมียพึ่งแต่งงานกันสินะ ถึงได้ออกมาเดินจ่ายตลาดกัน คู่แต่งงานใหม่ก็แบบนี้แหละ ซื้ออะไรไม่เป็นเท่าไหร่หรอก เอานี่ เดี๋ยวข้าแถมผักกาดนี่ให้ แล้วก็ปลาไหลนี่ด้วย บำรุงกำลังได้ดี”
"ไม่ใช่นะท่านป้า คือข้า…"
“ขอบคุณท่านป้า นี่ค่าของขอรับ”
“เดี๋ยวก่อนพ่อหนุ่ม นี่มันมากไปนะ”
“ไม่เป็นไรขอรับ ป้าพูดถูกใจข้ายิ่งนัก ที่เหลือท่านเก็บเอาไว้เถิด”
“ขอบคุณพ่อหนุ่ม ขอบคุณๆ ข้าจะให้เด็กรีบไปส่งให้ที่ร้านนะ”
“ลี่หยาง นี่ท่านจะเหมาทั้งตลาดเลยหรือ มันมากเกินไปนะ”
“คนของที่ร้านเรามีตั้งหลายครัว เจ้าก็เอาไปแช่ที่ห้องเย็นสิ ข้ารู้ว่าเจ้ามี ของพวกนี้สดๆทั้งนั้นเก็บได้นาน ข้ามาอยู่กับเจ้าตั้งหลายวันแล้ว ก็คงต้องตอบแทนบ้าง เอานี่ด้วย ท่านไปส่งที่นี่”
“ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ตามใจเลยก็แล้วกัน”
ถิงถิงไม่ห้ามเขาอีก ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะเพลิดเพลินกับการซื้อของราวกับคู่แต่งงานใหม่อย่างที่ท่านป้าร้านขายผักพูดจริงๆ เพราะคำพูดนั้นทำให้เขาอารมณ์ดีและจับจ่ายทุกอย่างด้วยความพอใจ
ไม่ว่าถิงถิงจะแวะที่ใด ต้องได้ของติดมือมาทุกร้านเพราะเขาจะซื้อทั้งหมด จนนางถูกเรียกทั้งตลาด สุดท้ายก็ได้ของมากมายกลับเข้าจวน
“สาวใช้แฝดของเจ้า”
“อาหลิน อาหลานหรือเจ้าคะ”
“ใช่ ดูเหมือนอาหลานจะพอรู้วรยุทธบ้าง นางถนัดอาวุธอะไรงั้นหรือ”
“นางเป็นวรยุทธจริงๆ เจ้าค่ะ นางมาอยู่กับข้าตอนที่อพยพมาพร้อมกับครอบครัว แต่โชคร้ายทุกคนตายเพราะโรคระบาดทั้งหมดเหลือเพียงนางสองคนพี่น้อง นางเก่งการใช้ทั้งดาบ แส้ และกระบองคู่แต่ที่นางถนัดที่สุดน่าจะเป็นดาบสั้นเจ้าค่ะ”
“ดาบสั้น ก็ดูเหมาะกับนางดีนะ”
“ท่านถามถึงพวกนางทำไมกันเจ้าคะ”
“อ่อ พักนี้พวกนางคอยดูแลข้าแทนเจ้าน่ะสิ คนน้องดูเรียบร้อยมากๆ แต่คนพี่ที่ชื่ออาหลานดูนักเลงเอาเรื่อง หากฝึกฝนอีกหน่อย นางสามารถเป็นองครักษ์ชั้นดีได้เลย”
“อาหลานคงดีใจที่ท่านพูดชมนางเช่นนี้ ความใฝ่ฝันของนางก็คือได้เป็นแม่ทัพหญิงของหย่งโจวนี่แหละเจ้าค่ะ”
“ฝันได้ยอดเยี่ยม”
“ข้าขอไปดูทางนั้นหน่อยเจ้าค่ะ”
ฟางถิงถิงเห็นน้ำตาลปั้นที่นางชอบเป็นที่สุด นางเลยเดินไปซื้อ ท่านอ๋องจึงยืนรอนางอยู่ข้างทาง
“เจ้าได้ยินแล้วใช่หรือไม่”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ไปจัดเตรียมทุกอย่างให้ข้าแล้วเอามาก่อนที่ข้าจะกลับไปถึงร้าน”
“รับด้วยเกล้า”
เขาเดินไปหาถิงถิงที่รอน้ำตาลปั้นอยู่ แต่ยังเดินไปไม่ถึงก็พบว่ามีคนเดินเข้าไปหานาง หลินเยว่ซิน บุตรของเจ้าเมืองหย่งโจวนั่นเอง เขาจึงหยุดเดินเพราะเกรงว่านางจะจำเขาได้
“อ้าวถิงถิง เจ้าเดินตลาดกับเขาเป็นด้วยหรือ ได้ข่าวว่าคู่หมั้นเจ้าไปหาที่ร้าน แต่เจ้าไม่ยอมรับหมั้นเขาเสียทีงั้นหรือ นี่เจ้าจะเล่นตัวไปทำไม อย่างไรคุณชายเฉินก็เป็นคุณชายที่ร่ำรวยของหย่งโจวนะ”
“เยว่ซิน หากว่าเจ้าเสียดายขนาดนั้น เหตุใดเจ้าไม่ไปแต่งกับเขาเองเล่า นี่เจ้าค่ะ ค่าขนม ขอบคุณเจ้าค่ะ"
ถิงถิงเดินหนีเพราะไม่อยากต่อปากต่อคำกับเยว่ซิน แต่นางไม่ยอมก่อนจะดึงแขนถิงถิงจนขนมที่นางพึ่งซื้อมาตกพื้น นางมองกลับไปอย่างไม่พอใจ
“นี่เจ้าเป็นบ้าอะไรเยว่ซิน เหตุใดต้องปัดของข้าทิ้งแบบนี้”
“ข้าพูดกับเจ้าดีๆ เหตุใดต้องมาเดินหนีข้า ไม่มีมารยาท ก็อย่างว่าล่ะนะ คนไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอนนี่นะ”
“หลินเยว่ซินข้าขอเตือนเจ้า อย่ามาหาเรื่องข้า”
“ทำไม แทงใจดำเจ้างั้นหรือ ข้าพูดเรื่องจริงทั้งนั้น ใครจะรู้ว่าเจ้าอยู่คนเดียว จะลักลอบพบปะผู้ชายที่ร้านนั่นกี่คนแล้ว ถึงไม่อยากรับหมั้นคุณชายเฉิน"
“หลินเยว่ซิน”
“มาสิ”
“เพี๊ยะ”
วังบูรพา“เร็วๆ เข้า เอาน้ำมา เตรียมผ้ามาอีก เร็วๆ เข้า”“แม่นม ออกหรือยัง” “ยังเพคะองค์รัชทายาท”“ข้าเข้าไปดูได้หรือไม่”“ไม่ได้ๆๆๆ เพคะ พระองค์รออยู่ตรงนี้เพคะ”“แต่ถิงถิงร้องหาข้า ท่านได้ยินหรือไม่ ให้ข้าเข้าไปเถอะ”“ไม่ได้เพคะ”“อ๊าาาาา ลี่หยาง อึ๊ยยยย”“เบ่งเพคะพระชายา เบ่ง หนึ่ง สอง สาม อึ๊ยยยยย”“อึ๊ยยย ลี่หยาง ท่านพี่ อ๊าาาาา”“ออกหรือยังเล่า ปัดโธ่!!”“เดี๋ยวๆ อย่าเข้าไปนะลี่หยาง เจ้าจะบ้าหรือ สตรีทำคลอดอยู่”“แต่เสียงถิงถิงเรียกข้าอยู่ เจ้าไม่ได้ยินหรือ นางเจ็บอยู่ ข้าจะเข้าไป ปล่อยข้านะ”“ไม่!! อย่าไป มารอตรงนี้ เจ้าเข้าไปก็ช่วยนางไม่ได้ รออยู่นี่”“ฟ่านหยวนผิง ปล่อยข้านะ ถิงถิง!!”“อ๊าาาาา ท่านพี่ อื้ออออ”“เบ่งอีกทีเพคะ”“กรีี๊ดดดดดด”“ปล่อยข้านะ ปล่อยยย!!!” ลี่หยางวิ่งเข้าไปที่ห้องคลอด เสียงตกใจของคนในนั้นทำเอาทุกคนทำตัวไม่ถูก ถิงถิงเองก็หลับตาอยู่ แต่ภาพที่เขาเห็นนั้นทำเอาสติของลี่หยางหลุดลอย จนแม่นมดันตัวเขาออกไป“เป่าอี้ รีบเอาตัวองค์รัชทายาทออกไปเร็วเข้า ใครปล่อยให้พระองค์เข้ามา”“ข้าบอกเจ้าแล้ว มานั่งตรงนี้” ลี่หยางกำลังตกใจกับสิ่งที่เขาได้เห็นเ
สายตาดุที่ส่งมาที่หมิงลี่หยางทำเอาเขาเกรงว่าคืนนี้จะได้นอนนอกห้องเลยไม่กล้าโกหก จึงได้เริ่มเล่าเรื่อง ที่จริงเว่ยจีไม่ควรพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเลย เขาเองก็ไม่นึกอยากให้ถิงถิงโกรธเท่าใดนัก“ข้าสืบรู้มาว่าหงลี่กบดานอยู่ใกล้ๆ จวนน่าสงสัยก็มีอยู่หลายที่ แต่ที่ติดตามดู ที่จวนคหบดีน่าสงสัยที่สุด ก็เลยเลือกที่จะไปที่นั่น”“ท่านออกงานกับเว่ยจีตอนนั้น ท่านเริ่มสงสัยหรือยัง”“ที่จริงข้าหลอกใช้นางเพื่อให้พวกเขาโจมตี ข้านึกแปลกใจแต่แรกแล้วที่เขาไม่โจมตีเว่ยจีกับจวนนั้น ข้าเลยรู้ทันทีว่ามีสิ่งผิดปกติ”“ท่านรู้ตอนไหนว่าตงหลางคือเจ้าสำนักหงลี่”“หลังจากงานเทศกาลฤดูร้อน”“ท่านรู้แต่ไม่บอกข้างั้นหรือ”“ข้าไม่มีเวลาบอกเจ้าต่างหาก ข้ารู้ระหว่างทางกลับไปเมืองหลวง เลยส่งคนไปเฝ้าร้านเจ้าเอาไว้ และรู้ข่าวว่าพวกหงลี่ก็ไปที่ม่านโจวแล้ว ข้าเลยเบาใจ เพียงแค่ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าเหตุใดพวกมันต้องไปม่านโจว ที่แท้ก็เพราะเจ้านี่เอง” ถิงถิงหันกลับมาและเริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะเรื่องนี้นางก็ผิดที่ไม่ได้บอกเขาว่านางเป็นท่านหญิงของม่านโจว“นั่นแสดงว่าพวกมันตามข้าไปที่ม่านโจวสินะเจ้าคะ”“ใช่ ข้าก็เลยหมดห่วง แต
หย่งโจว / ร้านร้อยบุปผา“เร็วๆ เข้าเร็วๆ เอาผ้าแดงมาเพิ่มอีก ไม่ทันแล้วเร็วๆ ตรงนั้นล้างเสร็จหรือยัง มาช่วยตรงนี้ก่อน”“อาหลาน ผลไม้นี่เอาไว้ตรงไหน”“วางไว้ที่โต๊ะกลางด้านในเลย”“ป้าลี่ๆ ไปรับชุดที พวกนางมาแล้วเร็วๆ”“ได้ๆ ไปเดี๋ยวนี้ อาเถาเอ๊ย มาช่วยยกเครื่องประดับเจ้าสาวหน่อยเร็ว”“เจ้าค่ะๆ”“อาหลาน เจ้าจัดการไปถึงไหนแล้ว”“ฮูหยิน นายท่าน เกือบแล้วเจ้าค่ะ พวกท่านจะไปที่ใดกันเจ้าคะ”“ข้าจะไปจวนท่านเจ้าเมือง อาหลาน ที่เหลือฝากเจ้าดูด้วยนะ”“รับทราบเจ้าค่ะ เชิญฮูหยินกับนายท่านเลยเจ้าค่ะ” ถิงถิงและลี่หยางเดินขึ้นรถม้าพร้อมกับตะกร้าที่ใส่ผลไม้ชุดหนึ่งเอาไว้ รถม้าเคลื่อนตัวออกจากหน้าร้านร้อยบุปผามุ่งตรงไปที่จวนเจ้าเมือง พวกเขากลับมาที่หย่งโจวหลังพระราชพิธีมงคลสมรสที่เมืองหลวง และมาที่นี่ได้เกือบสองเดือนแล้ว วันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งร้อยวันของหลินเยว่ซินหลังจากที่หมิงลี่หยางแจ้งข่าวให้ท่านเจ้าเมืองและส่งร่างไร้วิญญาณของนางกลับมาที่หย่งโจว รถม้าจอดสนิทตรงหน้าจวนท่านเจ้าเมือง เมื่อพวกเขาเดินลงจากรถม้า และเดินเข้าไปในจวนที่บัดนี้เริ่มเงียบเหงามากกว่าเดิม“องค์รัชทายาทกับพร
มือเรียวของพระชายาเลื่อนลงไปใต้น้ำเพื่อสัมผัสบางสิ่งที่ทิ่มนางอยู่ในน้ำสักพักแล้ว เมื่อนางพบแล้วจึงได้เริ่มขยับเจ้าแท่งแกร่งนั้นรูดขึ้นลง ทำเอาผู้ที่ถูกสัมผัสแทบจะทนไม่ไหว“ถิงถิง อย่าพึ่งใจร้อน ข้ายังไม่พร้อม เจ้าอย่าพึ่ง อาาา” ถิงถิงเองก็ไม่ฟังเสียงขอร้องของเขา นางแนบตัวเข้าไปชิดก่อนจะส่งลิ้นนั้นไปเล่นกับยอดอกสีเข้มตรงหน้าซึ่งนางหวังจะทำเช่นนี้มานานแล้ว หมิงลี่หยางที่ถูกสัมผัสที่รุกล้ำจากนางถึงกับทนไม่ไหว เขาไม่เคยถูกสัมผัสเช่นนี้มาก่อน มันช่างรุนแรงเกินกว่าที่เขาจะรับได้เพราะปกติเป็นเขาที่จู่โจมนาง“ถิงถิง อาาา นี่เจ้า...”“รู้สึกอย่างไรเพคะ”“ข้า จะไม่มีแรงยืนแล้ว...”“อีกนิดเดียวเพคะ”“ไม่นะ อาาา ถิงถิง เบาลงหน่อย อย่าเร่งแบบนั้น อ๊ะ อึ๊ยยย อาาา” ถิงถิงสลับลิ้นไปมาระหว่างแผงอกกว้างของเขาสองข้าง สัมผัสนั้นทำให้ผู้ที่ถูกรุกเริ่มทนไม่ไหวเขาดึงตัวนางออกและจับนางยกตัวขึ้นที่ขอบอ่าง“พอแล้ว ข้าทนอีกไม่ไหวแล้ว ถิงถิง เจ้าต้องรับผิดชอบในการกระทำครั้งนี้”“ท่านพี่ เดี๋ยวสิ อ๊าา อย่าเร็วนักสิเพคะ อ๊าาา”“ไม่ได้ ข้าจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว เจ้าเป็นคนเริ่ม
“เดี๋ยวสิ พระชายา เจ้าจะมาทำแบบนี้มันผิดธรรมเนียมนะ คือว่าข้ารอเจ้ามาตั้งสิบวัน สิบวันเชียวนะ แล้วเจ้าจะมาเมินข้าเช่นนี้มันไม่ถูกต้อง เสด็จอาก็บอกว่า…”“นี่ท่านเมาหรือเพคะ หากอยากจะดื่มต่อท่านก็ออกไปดื่มกับพวกเขาไม่ต้องมาอยู่ตรงนี้ หากจะอยู่ก็นอนนิ่งๆ วันนี้หม่อมฉันเหนื่อยมาก คุยไม่ไหวแล้ว”“ข้าก็ไม่ได้ชวนเจ้าคุยเสียหน่อย ถิงถิง เรามาสร้างเจ้าตัวเล็กคนใหม่กันเถอะนะ”“….”“ถิงถิง แต่ข้ายังไม่ง่วงเลย …. ถิงถิง..ไม่จริงน่ะ หลับไปแล้วงั้นหรือ” หมิงลี่หยางหันไปมอง นางหลับสนิทไปแล้วโดยไม่รอเขาพูดจบด้วยซ้ำไป แต่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เจอกันสิบวัน และพิธีวันนี้ก็เหนื่อยเอามากๆ จริงๆ ไม่แปลกที่นางจะเหนื่อย“เข้าห้องหอแต่ไม่ได้ชื่นชมเจ้าสาว ข้านี่ช่างน่าสงสารเสียจริงๆ” หมิงลี่หยางทำได้แค่ล้มตัวลงนอนและกอดถิงถิงเอาไว้เท่านั้นในคืนนี้ จะทำอย่างไรได้เมื่อนางไม่ยอม จะมาขืนใจเอาตอนนี้ก็เสี่ยงจะถูกเมินไปอีกหลายวัน เพราะเขาพลั้งปากเองจะโทษผู้ใดได้ พรุ่งนี้ค่อยง้อนางก็แล้วกันวันรุ่งขึ้น หมิงลี่หยางค่อยๆ ขยับตัวขึ้นมา แต่เขารู้สึกว่าคนข้างๆ ที่เขากอดอยู่มีอาการแปลกๆ เหตุใดเขารู้
งานประกาศผลการประลอง แขกเกือบทุกคนที่ยังอยู่ในงาน องค์ชายต่างแคว้นทุกคนล้วนมีความยินดีที่จะอยู่ร่วมงานจนถึงพิธีมงคลสมรสของทั้งคู่ หลังจากจัดพิธีมงคลสมรสแล้วจะจัดให้มีงานล่าสัตว์ขึ้นด้วย ทั้งนี้ทุกคนต่างตื่นเต้นเพื่อรองานที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองงานนี้อย่างใจจดใจจ่อ“เอาล่ะทุกท่าน ตอนนี้ได้เวลาแล้ว ขอประกาศผู้ชนะอย่างเป็นทางการในการประลองเพื่อเลือกคู่ของท่านหญิงฟ่านถิงถิงจวิ้นจู่แห่งม่านโจว องค์รัชทายาทแห่งฉีโจว องค์ชายหมิงลี่หยาง” หมิงลี่หยางในชุดองค์ชายเต็มยศสีเหลืองทองปักเลื่อมมังกรเดินเข้ามาในงานพิธีเพื่อรับมอบลูก “ซิ่วฉิว” ซึ่งเป็นลูกกลมๆ ที่ทำจากผ้าไหมมีพู่ห้อยอยู่รอบๆ ซึ่งถิงถิงยืนถือเอาไว้ที่ด้านหน้า ชุดของนางก็เป็นสีขาวทองปักเลื่อมสีทองรูปนกยูงเช่นกัน เมื่อเดินมาถึง ถิงถิงจึงได้มอบลูก ซิวฉิวให้เขารับเอาไว้และทั้งคู่ก็เดินขึ้นไปทำการคารวะฝ่าบาทก่อนจะหันออกมาและเดินออกจากท้องพระโรงเพื่อรอขึ้นรถม้าสำหรับแห่รอบเมืองเพื่อฉลองกับชาวเมืองม่านโจว“เหนื่อยหรือไม่”“ไม่เพคะ แต่หม่อมฉันง่วงนอน”“อยู่ในขบวนแห่ แต่เจ้ากลับง่วงได้ เก่งไปหรือไม่ถิงถิง เจ้ามองดูราษฎ







