เสียงลมหายใจของตัวเองกลายเป็นเสียงเดียวที่ฉันได้ยินชัดเจนที่สุดตั้งแต่วันนั้น...วันที่เขาเลือกเดินผ่านฉันคุณแม็กก็ไม่เคยมองฉันในแบบเดิมอีกเลยเขายังอยู่ตรงนั้น อยู่ในโชว์รูม อยู่ในบ้าน อยู่ในโต๊ะทำงานตรงข้ามแต่ความรู้สึกของเขามันไปไกลจนฉันวิ่งตามไม่ทัน“คุณแม็กจะรับกาแฟไหมคะ?”ฉันถามเช่นเคย เหมือนที่เคยทำมานับครั้งไม่ถ้วนเขาเงยหน้าขึ้นจากเอกสาร สบตาฉันเพียงเสี้ยววินาที แล้วพูดเพียงคำเดียว“ไม่ต้อง”แค่นั้นไม่แม้แต่จะขอบคุณ ไม่แม้แต่รอยยิ้มที่เคยมีให้ฉันยืนอยู่ตรงนั้นอีกไม่กี่วินาที ก่อนจะหันหลังกลับเหมือนคนที่เพิ่งแพ้ศึกโดยไม่ทันได้เริ่มสู้ฉันจัดของเล็ก ๆน้อย ๆ หน้าเคาน์เตอร์ในโชว์รูม ฝนด้านนอกเริ่มโปรยปรายลงมาเบา ๆกลิ่นฝนผสมกับกลิ่นเครื่องปรับอากาศในโชว์รูม ชวนให้รู้สึกแน่นหน้าอกเหมือนความรู้สึกบางอย่างกำลังถูกกดทับไว้ไม่ให้แสดงออกมาแล้วผู้หญิงที่ฉันไม่อยากเจอที่สุดก็เดินเข้ามาในจังหวะนั้นพอดีเธอสวมเสื้อโค้ตยาวสีครีม ใบหน้าแต่งเพียงบางเบาแต่กลับเปี่ยมไปด้วยพลังบางอย่างในความนิ่งเงียบที่เธอแบกไว้“มีเอกสารของคุณแม็กฝากไว้ให้ฉันหรือเปล่าคะ?”เธอถามด้วยรอยยิ้มเรียบนิ่งฉันพยักหน้าเ
เสียงดนตรีจังหวะนุ่มดังคลอไปทั่วโชว์รูมหรูหราที่ประดับด้วยแสงไฟและเงาสะท้อนของรถสปอร์ตคันงาม ฉันยืนอยู่ริมขอบเวที มองแขกผู้มีเกียรติก้าวเท้าเข้ามาในงานอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศดูสมบูรณ์แบบทุกอย่างนอกจากหัวใจฉันที่ยังไม่คลี่คลายจากบทสนทนาในห้องแต่งตัวเมื่อครู่ดาวเดินออกมาจากด้านหลังพร้อมชุดเดรสรัดรูปสีแดงเลือดนกที่เน้นสัดส่วนของเธอได้พอดีเป๊ะ เส้นผมลอนสวยตกลงแนบไหล่ ริมฝีปากสีแดงฉ่ำ และรอยยิ้มที่เหมือนฝันร้ายของฉันเธอสวยแบบที่ทุกคนต้องหันมอง แต่สิ่งที่เจ็บกว่านั้นคือสายตาของคน ๆ หนึ่งที่หยุดอยู่ที่เธอนานเกินไป“คุณแม็กซ์มาถึงแล้วค่ะ!” เสียงทีมงานกระซิบใกล้หูฉัน แต่หัวใจฉันมันเหมือนถูกกระแทกไปก่อนหน้านั้นแล้วเขาก้าวเข้ามาในงานในชุดสูทสีดำสนิท หน้าตานิ่งขรึมเหมือนเดิม แต่แววตา...มันไม่ใช่ เขาหยุดยืนชั่วครู่เมื่อมองไปยังเวที แล้วฉันก็เห็นมันภาพแวบหนึ่งที่เขาชะงัก เหมือนเผลอหายใจไม่ทันเมื่อมองไปที่ดาว“หนูนิ...” เสียงหลุดออกมาจากปากเขา“...ดาว?” เขาแก้ในวินาทีต่อมา แต่ไม่ทันแล้วฉันยืนนิ่ง ราวกับเวลาทั้งงานหยุดลง มันเป็นแค่พยางค์เดียวที่แทงทะลุใจฉันได้ลึกกว่าทุกประโยคที่ผ่านมาใช่ ฉันรู้
ความลับของพ่อเลี้ยงกลางดึก ในห้องหนังสือหลังคฤหาสน์บนเขาเสียงพายุข้างนอกกระทบกระจกเป็นจังหวะเนิบช้า แต่หนักแน่นพ่อเลี้ยงศักดา นั่งอยู่คนเดียวหน้าโต๊ะไม้สักใบใหญ่ แสงจากโคมไฟทำให้เงาของเขาพาดทับฝาผนังจนดูน่าเกรงขามเขาหยิบกล่องไม้เก่า ๆ ออกมาจากลิ้นชักลับใต้โต๊ะเปิดออกอย่างระมัดระวังด้านในคือ...รูปถ่ายเก่า ๆ ของเด็กหญิงสองคน — หนูนิดกับดาวสมุดบันทึกบางเล่มและ...จดหมายที่ไม่เคยส่งจดหมายจากแม่แท้ ๆ ของฝาแฝด“คุณศักดา…หากวันหนึ่งคุณได้รับจดหมายฉบับนี้ แสดงว่าฉันคงไม่ได้อยู่แล้วขอฝากลูกทั้งสองคนไว้กับคุณ แม้พวกเขาจะไม่ได้เกิดจากสายเลือดคุณ แต่คุณคือคนที่ฉันไว้ใจที่สุด...โดยเฉพาะ ‘ดาว’ลูกสาวคนเล็ก เธอไม่เหมือนนิด เธอฉลาดเกินเด็ก...และบางอย่างในตัวเธอทำให้ฉันกลัว ว่าเธออาจใช้ความฉลาดนั้นผิดทาง…”พ่อเลี้ยงวางจดหมายลงช้า ๆแววตาเขาเปลี่ยนไปจากความเข้มแข็งกลายเป็นหนักอึ้งเขาจำได้ดี...ตอนเด็ก ดาวเงียบเกินไป มองทุกคนด้วยสายตาที่เหมือนอ่านความลับของคนทั้งโลกได้ และมีหลายครั้งที่เธอ “จัดการ” คนที่กลั่นแกล้งเธอ โดยไม่ให้ใครจับได้ “ดาว...ฉันพยายามส่งแกไปไกล เพื่อให้แกลืมแม็ก”“แต่ดูเหมือน...
คืนนั้นที่คอนโดของแม็กชบากลับจากงานเลทกว่าเดิมแม็กนั่งเงียบอยู่ที่ระเบียง สูบบุหรี่มวนที่สามแล้ว เถ้าบุหรี่กองอยู่เต็มที่เขี่ยบุหรี่สายลมเย็นยามค่ำคืนพัดผ่านเส้นผมเขาเบา ๆ แต่ไม่อาจพัดพาความคิดให้ปลิวไปด้วยได้“คิดอะไรอยู่เหรอคะ?”เธอนั่งลงข้าง ๆ เขา เอื้อมไปแตะมือเขาเบา ๆฝ่ามือของแม็กอุ่น แต่เต็มไปด้วยความแข็งกระด้างจากความเครียดแม็กหันมามอง แล้วก็ส่ายหน้า“เปล่า…แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”“เกี่ยวกับงาน?”เธอยิ้มบาง ดวงตาเต็มไปด้วยความห่วงใย แม้จะพยายามไม่ถามมากเกินไปแม็กพยักหน้า“อืม…มีเด็กใหม่เข้ามาเยอะ ต้องคอยดูว่าทำงานได้มั้ย”คำตอบดูธรรมดา แต่สีหน้าเขาไม่ใช่และชบารู้…ว่าเงาของผู้หญิงคนนั้นเริ่มแทรกเข้ามาในความคิดของแม็กแล้ว แม้เขาจะไม่รู้ตัวเธอจับมือเขาแน่นขึ้น แต่ไม่พูดอะไรอีกเพราะบางครั้ง...ความเงียบก็เป็นวิธีเดียว ที่เธอจะยังยืนอยู่ข้างเขาได้---สองวันต่อมา - ห้องประชุมใหญ่การประชุมใหญ่ฝ่ายการตลาดเริ่มต้นขึ้นแม็กนั่งประจำที่หัวโต๊ะในห้องประชุมกระจกใสดาวนั่งอยู่ด้านหน้าห้องในชุดพรีเซนเตอร์ของแบรนด์เธอยิ้มทักเขาอย่างสุภาพ เมื่อเขาเดินเข้าห้อง สายตาแนบนิ่งแต่ส่งแรงบาง
สัปดาห์ต่อมาดาวเริ่มงานในตำแหน่งพริตตี้พิเศษของโชว์รูมรถหรูที่บริษัทแม็ก แม้จะดูเหมือนตำแหน่งทั่วไป แต่สายตาหลายคู่ในบริษัทภูมิรู้ดีว่าเรื่องนี้ "ไม่ปกติ"และโดยเฉพาะ...สายตาของชบาเธอเห็นทุกการเคลื่อนไหวของผู้หญิงคนนั้นท่าทางอ่อนหวานเรียบร้อย เสียงพูดนุ่มนวล รอยยิ้มที่ชวนให้นึกถึงใครบางคนในอดีตของแม็กและที่สำคัญ...สายตาที่ดาวใช้มองแม็กมันไม่ใช่สายตาของลูกน้องที่เคารพเจ้านายแต่มันคือสายตาของ "ผู้หญิงที่กำลังเล่นเกม"ตอนพักกลางวัน ชบานั่งอยู่ในห้องทำงานเลขาส่วนตัวเธอเปิดเอกสารตรงหน้า แต่ไม่ได้อ่านข้อความใดเลยใจของเธอจดจ่อกับภาพที่เธอเพิ่งเห็นเมื่อครู่ดาวยืนคุยกับแม็กหน้าโชว์รูมเธอยิ้มแบบเดียวกับที่หนูนิดเคยยิ้มหัวเราะเบา ๆ เหมือนหนูนิดเป๊ะ...แล้วแม็กล่ะ?แม้เขาจะไม่พูดอะไร แต่สายตาที่มองดาวก็ไม่เหมือนมองคนอื่นมันมีบางอย่างที่คล้าย…ความละลายใจเล็ก ๆ ที่เขาเคยมีเวลามองหนูนิดชบาไม่อยากคิดแบบนั้น แต่หัวใจก็เริ่มบีบรัดตัวเองโดยไม่รู้ตัว อีกด้านหนึ่ง – ในห้องประชุมเล็กดาวยืนอยู่กับก้อง หนึ่งในทีมบริหารเธอส่งแฟ้มให้ พร้อมยิ้มหวาน"พี่ก้องคะ ถ้ามีงานที่ต้องประสานกับพี่แม็กโดยตรง บอกห
สามเดือนต่อมา...สัญญาการจ้างงานในฐานะผู้ดูแลของชบาสิ้นสุดลงไปเรียบร้อยแล้ว แต่สิ่งที่เริ่มต้นหลังจากนั้นต่างหาก...ที่ไม่มีวันหมดอายุแม็กกับชบาไม่ได้เป็นเพียงนายจ้างกับลูกจ้างอีกต่อไป แต่กลายเป็น “คนรัก” ที่กำลังวางแผนชีวิตคู่ร่วมกันอย่างจริงจัง ทั้งป๊า ม๊า น้ำ และทุกคนรอบตัวต่างก็ยินดีอย่างไม่มีข้อแม้ งานแต่งถูกวางกำหนดไว้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทุกอย่างดูราบรื่นเกินกว่าจะคาดคิด...จนกระทั่ง เช้านั้นฝ่ายบุคคลนำแฟ้มสมัครงานกองหนึ่งมาให้ฝ่ายการตลาดคัดเลือกพริตตี้ประจำโชว์รูมรถสปอร์ตของบริษัทแม็กระหว่างที่ ภูมิ กับ ก้อง สองลูกน้องคนสนิทของแม็กกำลังนั่งไล่ดูแฟ้มสมัครงานกันอย่างชิล ๆ สายตาของภูมิพลันชะงักไปที่ภาพในแฟ้มหนึ่ง“เดี๋ยวนะ...” ภูมิกระซิบพลางหยิบใบสมัครขึ้นมาเต็มตาเขาขมวดคิ้ว มองภาพถ่ายตรงหน้าด้วยความไม่แน่ใจ“ก้อง มึงดูคนนี้สิ…”ก้องขยับตัวเข้ามาใกล้ พลันเบิกตาโต“เฮ้ย...เหมือน...เหมือนคุณหนูนิดเลยว่ะ”“ใช่ไหมล่ะ กูไม่คิดว่าตัวจริงจะเหมือนขนาดนี้”ทั้งสองมองหน้ากันอย่างลังเล ไม่รู้ควรทำยังไงดีในขณะที่พวกเขายังพูดคุยไม่ทันจบ แม็ก ก็เปิดประตูเดินเข้ามาในห้องพอดี“คุยอะไรกัน