ร่างระหงเปิดประตูรถก่อนที่จะก้าวออกมายืนอย่างสง่างามแล้วเดินเข้าไปในบ้าน สายตาคู่สวยสบเข้ากับเด็กรับใช้คนสนิทแขนเรียวเสลาทั้งสองข้างก็กางออกพร้อมกับฉีกยิ้มหวานให้
“คุณหนูเล็ก......ฮือ...ถิงหลันคิดถึงคุณหนูเล็กที่สุดเลยค่ะ” คนสนิทวัยเพียง24ปีกอดเจ้านายสาวผู้เป็นที่รัก ด้วยวัยไล่เลี่ยกันเลยทำให้ถิงหลันรู้สึกสนิทและรักคุณหนูเล็กราวกับเป็นพี่สาวแท้ๆ หากแต่เธอก็ไม่อาจเอื้อมด้วยรู้ว่าเธอเป็นเพียงเด็กรับใช้ในบ้านเพียงเท่านั้น
“โอ๋ๆๆ ร้องไห้เป็นเด็กห้าขวบไปได้ ฉันก็กลับบ้านออกจะบ่อย ตอนฉันไม่อยู่ไม่มีใครรังแกเธอใช่ไหม” หวงลี่หลินเอ่ยแซวเด็กรับใช้คนสนิทที่เล่นเป็นเพื่อนเธอและพี่สาวมาตั้งแต่เด็ก แต่ถิงหลันนั้นจะสนิทกับเธอมากกว่า เพราะหวงลี่จินนั้นแก่กว่าถิงหลันถึง6ปี ช่องว่างระหว่างวัยจึงมีให้เว้นระยะห่าง
“คุณท่านทั้งสองกับคุณหนูใหญ่รอคุณหนูเล็กอยู่ในบ้านค่ะ” เสียงหวานหยุดร้องไห้ก่อนที่จะคลายกอดออกอย่างรู้ตัว ร่างเล็กถอยออกไปอย่างเจียมตัวก่อนที่จะรายงานให้คุณหนูเล็กของตระกูลหวงทราบ
“จ้าๆ ไปล่ะ” หวงลี่หลินตอบพร้อมกับยิ้มให้เด็กสาวอย่างเอ็นดู
ร่างระหงเดินเข้าไปภายในห้องรับแขกที่มีร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นบิดาและร่างอวบอิ่มของผู้มารดานั่งรอเธออยู่ ด้านขวามือมีพี่สาวคนสวย หวงลี่จินนั่งคุยกับท่านทั้งสองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีค่ะป๊าม๊า คิดถึงจังเลย” บุตรสาวคนเล็กรีบตรงเข้าไปกอดและหอมแก้มพร้อมทั้งเอ่ยออดอ้อนบุพการีทั้งสองอย่างน่าเอ็นดู หวงลี่จินมองน้องด้วยสายตารักใคร่และคิดถึง แม้เธอจะยินยอมให้น้องออกไปใช้ชีวิตเพียงลำพังแต่เธอก็ยังคงเป็นห่วงน้องสาวอยู่ดี
“แน่ะๆๆ มาถึงก็อ้อนป๊ากับม๊าเลย” เสียงหวานของผู้เป็นพี่สาวเอ่ยขึ้นก่อนที่น้องสาวคนเล็กจะเปลี่ยนทิศทางกลายมาเป็นร่างบางและแก้มนุ่มของเธอ
“ฟอด.......หืม แก้มพี่สาวใครน๊าหอมที่สุดเลย” เสียงหวานเอ่ยชมอย่างออดอ้อนจนคนเป็นพี่มองอย่างเอ็นดู ส่วนบิดามารดาก็มองบุตรสาวทั้งสองด้วยแววตาที่มีความสุข ตระกูลอื่นพี่น้องอาจจะไม่ค่อยรักกันเพราะเหตุผลเกี่ยวกับมรดก หากแต่เป็นบุตรสาวทั้งสองของตนเขาไม่นึกเป็นห่วงเลย เพราะหวงลี่จินนั้นรักน้องสาวคนนี้มากและหวงลี่หลินนั้นก็ไม่มีความโลภอยากได้กิจการหรืองานในบริษัทเลย ทั้งๆ ที่เขาเคยเอ่ยชวนให้บุตรสาวเข้าไปช่วยกันบริหารงานหากแต่เธอก็บอกว่า ‘หนูชอบอิสระมากกว่าป๊า หนูอยากทำงานที่หนูรัก’ คำตอบของบุตรสาวทำให้เขาอดที่จะรู้สึกภูมิใจไม่ได้ เพราะหวงลี่หลินนั้นสามารถทำเงินจากการเขียนนิยายจนซื้อคอนโดสุดหรูใจกลางเมืองเอได้อย่างสบาย
“แหม...ออดอ้อนพี่แบบนี้เพราะของฝากใช่ไหมคิกๆๆ” หวงลี่จินยกมือบางขึ้นมาวางบนศีรษะทุยของน้องสาวก่อนที่จะโยกเบาๆ พร้อมทั้งหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู
“ม๊าก็ว่าอย่างนั้นแหละลูก ดูเอาเถอะ โตเป็นสาวจนยี่สิบหกแล้วยังทำตัวเป็นเด็กสิบขวบอ้อนป๊าอ้อนม๊า อ้อนพี่สาวอยู่อีก” คุณนายหวงอดที่จะแขวะบุตรสาวคนเล็กไม่ได้ อันที่จริงเธออยากให้ลูกๆ อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้ หากแต่บุตรสาวคนเล็กของเธอนั้นกลับชอบใช้ชีวิตที่เป็นอิสระ ตอนแรกที่เธอยอมให้ออกไป ก็แค่อยากจะให้บุตรสาวได้ลองใช้ชีวิตลำพังดู กลับกลายเป็นว่าหวงลี่หลินอยู่คนเดียวได้แบบสบายๆ
“โถ่!! ม๊าอะ จะยี่สิบหกหรือสามสิบ หวงลี่หลินคนนี้ก็ยังเป็นเด็กในสายตาของป๊าม๊าและพี่ลี่จินอยู่ดี ใช่ไหมคะพี่สาวสุดที่รักของน้อง” หวงลี่หลินเอ่ยออกมาจนทั้งสามคนอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ หวงลี่จินโอบร่างบางของน้องเข้ามากอดอย่างคิดถึงก่อนที่จะหยิบของฝากมาให้กับเธอ
“ว๊าว.....สวยที่สุด เจเจ้รู้ใจน้องที่สุดเลย” ชุดแซกสีแดงเพลิงสุดเซ็กซี่คอลเลคชั่นใหม่ของแบรนด์ดังถูกดึงออกมาชูขึ้นตรงหน้าของสาวสวย คนเป็นบิดามารดามองอย่างไม่ชอบใจนัก แม้จะรู้ถึงรสนิยมของบุตรสาวคนเล็กว่าชอบแต่งเนื้อแต่งตัวแต่ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี เพราะบุตรสาวนั้นสวยแถมหุ่นยังล่อตาชายอีกต่างหาก หากใส่ชุดนี้ผู้ชายได้น้ำลายหกฝันค้างกันอย่าแน่นอน
“โอ๊ย ลี่จินลูก หนูซื้อชุดอะไรมาให้น้องเนี่ย” คุณนายหวงอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้ ร่างสูงโปร่งระหงของลี่จินลุกขึ้นจากที่นั่งข้างน้องสาวที่กำลังชื่นชมชุดแซกสีแดงสุดเซ็กซี่อยู่เดินเข้าไปนั่งข้างๆ มารดาก่อนที่จะกระซิบบอกบางอย่างที่ข้างหู
“แต่งแบบนี้น้องของลี่จินจะได้มีแฟนสักทียังไงคะม๊า หรือม๊าอยากให้น้องเป็นสาวขึ้นคาน”
คุณนายหวงพยักหน้าเห็นด้วยขึ้นมาทันที หวงลี่หลินไม่ทันสังเกตเพราะมัวแต่สนใจชุดที่พี่สาวมาฝากอยู่ คนเป็นพี่สาวและมารดาพากันยิ้มออกมาอย่างรู้ทันกันจนคนเป็นบิดาแอบที่จะเสียวสันหลังไม่ได้ พวกผู้หญิงเวลาคิดอะไรชอบคิดทำเรื่องแปลกๆ เขาคนหนึ่งนี่แหละที่จะไม่ขอแลกมีเรื่องกับสาวๆ ของตระกูลหวง
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนี้ นายรู้ไหมว่าน้องลี่หลินพักอยู่คอนโดไหน” เยว่อวี่ซินเอ่ยถามเพื่อนสนิทขึ้น เพราะดูจากสาวสวยแฟนกำมะลอของเพื่อนเขาตอนนี้นั้นไม่ได้สติแล้ว“เดี๋ยวเยว่หรูส่งที่อยู่ยัยลี่หลินไปให้พี่ในวีแชทนะคะ”เยว่หรูรู้ดีว่าไม่มีใครรู้จักที่อยู่ของลี่หลินแน่นอนเธอจึงใจดีบอกที่อยู่ให้กับเฉินเจียวจ้าน เพราะเขาดูเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกายเธอเสียอีก“ขอบคุณครับ ถ้าอย่างนั้นพี่ขอพาน้องลี่หลินกลับก่อนนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยลาเมื่อเปิดวีแชทแล้วเห็นชื่อของคอนโดที่หญิงสาวพักเรียบร้อยแล้ว“ค่ะ ฝากดูยัยลี่หลินด้วยนะคะ” สองสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกันด้วยความเป็นห่วงร่างหนาประคองร่างบางให้เดินออกไปด้วยกัน หวงลี่หลินนั้นยังพอมีสติอยู่บ้างพอได้ยินว่ากลับคอนโด ร่างระหงจึงเดินตามชายหนุ่มไปโดยดี“ไม่ต้องห่วงน้องลี่หลินหรอกนะครับ ถ้าเทียบกันในบรรดาสามคนเราแล้ว ไอ้เจียวจ้านเป็นสุภาพบุรุษที่สุด มันจะไม่เริ่มก่อนแน่นอนถ้าอีกฝ่ายหนึ่งไม่เริ่ม”ลู่ตงหานเอ่ยออกมาให้ทั้งสองสาวสบายใจ หากแต่ทั้งสองสาวหันมามองหน้ากันและภาวนาขอให้หวงลี่หลินนั้นไม่ทำอะไรเพี้ยนๆ จนสุภาพบุรุษอย่างพี่เจียวจ้านตบะแตกก็แล้วก
หวงลี่หลินเดินกลับมาที่โต๊ะราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนที่จะถอนลมหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าเขาที่เธอเพิ่งจะขโมยจูบไปเมื่อสักครู่ไม่ได้เดินตามเธอออกมา“เป็นไง สบายใจขึ้นยัง เห้ย!! แล้วทำไมหน้าแดงขนาดนั้น นี่เธอเมามากเลยหรอยัยลี่หลิน” เยว่หรูเอ่ยถามก่อนที่จะทักขึ้นเมื่อสังเกตใบหน้าสวยของเพื่อนสาวที่บัดนี้แดงราวกับตูดลิง“ป่ะ..ป่าว พี่ตงหานคะ ขอลี่หลินลองอย่างอื่นที่ไม่ใช่พั้นซ์ได้ไหม” นักเขียนสาวตอบเพื่อนก่อนที่จะหันไปคุยกับพี่ชายเพื่อนของเพื่อนสนิท“ลองดื่มเบียร์สดดูไหมล่ะ”หญิงสาวพยักหน้ารัวๆ เจ้าของร้านสุดหล่อจึงสั่งบริกรให้จัดมาให้เธอทันที เขาเข้าใจว่าเธอเครียดและโดนผู้หญิงสองคนนั้นดูถูก โดยไม่ได้คิดว่าเธอนั้นไปทำความผิดอะไรไว้เฉินเจียวจ้านหายไปสักครู่เพื่อให้เธอได้ผ่อนคลายความเขินอายลง แต่พอกลับมาที่โต๊ะก็ต้องพบกับร่างระหงที่กำลังโยกย้ายร่างงามไปมาอยู่ท่ามกลางสองสาว และหนุ่มๆ ที่รายล้อมหากแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้พวกเธอด้วยรู้ดีว่าเธอนั่งอยู่กับใคร“หายไปนานเลยนะไอ้เจียวจ้าน ดูแฟนกำมะลอของนายสิ ดื่มเบียร์สดไปสามแก้วกลายเป็นแม่เสือสาวไปซะแล้วฮ่าๆๆๆ” เยว่อวี่ซินเอ่ยขึ้นก่อนที่จะ
“ต๊าย... เมาแล้วหรอยะ เมาแล้วก็ควรจะกลับไปนอนนะ” โหรวโหรวเอ่ยขึ้นมาบ้างเมื่อสังเกตเห็นใบหน้าสวยของอีกฝ่ายเริ่มแดงนิดหน่อย ต่างจากตอนที่เธอเห็นตอนที่เพิ่งเข้ามา“ไม่เห็นต้องถามเลย คนแบบยัยนี่เคยดื่มเครื่องดื่มอะไรดีๆ แบบนี้บ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ เธอสองคนนี่ก็ช่างใจดีเนอะที่คบเพื่อนกระจอกกระจอกแบบนี้ แล้วนี่แฟนยัยลี่หลินใช่ไหมคะ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณแซ่ไหน มาจากตระกูลอะไร แต่คุณก็ไม่น่าตาต่ำไปคว้ายัยนักเขียนไร้สกุลคนนี้มาเป็นแฟนเลยนะคะ” ถิงถิงแขวะสาวสวยที่ยืนกอดอกมองเธอกับเพื่อนสนิท ก่อนที่จะหันไปคุยกับชายหนุ่มที่ครั้งก่อนหวงลี่หลินแนะนำให้พวกเธอได้รู้จักว่าเขาเป็นแฟนสายตาคมจ้องมองไปที่คนพูดด้วยความไม่พอใจ เขาอยากจะฉีกหน้าผู้หญิงปากเสีย ที่สวยแต่รูปจูบไม่หอมคนนี้นัก หวงลี่หลินคนนี้น่ะหรอกระจอก ทายาทอันดับที่สองของตระกูลหวง ตระกูลที่มีหน้ามีตา มีฐานะร่ำรวยติดอันดับสองของเมืองเอเนี่ยนะ เฉินเจียวจ้านอยากจะพูดออกไปนัก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงสาวถึงยอมให้ผู้หญิงสองคนนี้พูดจาดูถูกอยู่ได้“อ้อ...ครั้งก่อนฉันลืมแนะนำไปใช่ไหมว่าเขาแซ่อะไร เป็นคนตระกูลไหน แต่ในเมื่อเธออยากรู้ฉันก็จะบอกให้เอาบุญ”ห
หนุ่มสาวทั้งสามคู่ยังคงนั่งพูดคุยกันเรื่องทั่วๆ ไป โดยที่ไม่ได้สนใจสายตาหลายๆ คู่ที่มองมาอย่างอิจฉาเลยด้วยซ้ำ หวงลี่หลินนั้นหลังจากที่โดนเพื่อนๆ เอ่ยแซวก็เอาแต่หลุบตามองมือและชวนเพื่อนสาวคุยเปลี่ยนเรื่อง หากแต่คืนนี้นั้นเธอก็คิดบุคลิกของพระเอกในนิยายของเธอออกแล้ว“ยัยลี่หลิน นี่สรุปบก.ให้เธอลองเขียนแนวอีโรติกจริงๆ อะ” เยว่หรูกระซิบถามหลังจากแฟนของเธอเดินออกจากโต๊ะไปทักทายลูกค้าที่มาใหม่“อืม...อย่าเสียงดังเดี๋ยวคนอื่นได้ยิน โดยเฉพาะคนข้างๆ ฉัน กลับห้องเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าเพราะอะไร”หวงลี่หลินรีบปรามเพื่อนรักเพราะเฉินเจียวจ้านนั้นเป็นรองประธานบริษัทที่เธอเซ็นสัญญาลงนิยายออนไลน์อยู่ ถ้าเขารู้ว่าเธอเอาเขาไปเป็นต้นแบบพระเอกในนิยายของเธอ เธอกลัวว่าเขาจะโกรธเอา เยว่หรูเหลือบไปมองหนุ่มหล่อสุดเซอร์ที่นั่งกระดกวิสกี้เข้าปากอย่างไม่สนใจคนรอบข้างก็พยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจ“พี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”เฉินเจียวจ้านหันมาบอกแฟนในนามพอหญิงสาวพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตเขาจึงลุกขึ้นและเดินตรงไปที่ห้องน้ำของแขกวีวีไอพี ตอนนี้ที่โต๊ะจึงเหลือเพียงสามสาวกับอีกหนึ่งหนุ่มที่ยังคงชวนอ้ายฉิงคุยตั้งแต่ที่มาถึง
“พี่อวี่ซิน ไม่ต้องกอดขนาดนี้ก็ได้เหอะ” เยว่หรูหันไปมองเพื่อนสนิททั้งสองที่มองมาที่เธอและเขาด้วยสายตายิ้มๆ ก่อนที่จะหันมาต่อว่าแฟนหนุ่มที่เธอไม่ได้ต้องการเลยสักนิด“เอาน่า พวกนั้นจะได้เห็นไง ว่าเธอมีแฟนแล้ว ว่าแต่คืนนี้จะแนะนำให้เพื่อนของเธอรู้จักพี่เลยไหม” เยว่อวี่ซินไม่ได้ปล่อยมือจากไหล่บางหากแต่โอบมาชิดกับหน้าอกหนั่นแน่นของตนแล้วพาเธอเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะวีวีไอพี“เธอว่ายัยเยว่หรูจะใจอ่อนให้พี่อวี่ซินไหมอ้ายฉิง” หวงลี่หลินกระซิบถามเพื่อนสนิทสาวอีกคนทันทีที่เห็นสองหนุ่มสาวที่เดินนำหน้าทำตัวติดกันซะขนาดนั้น“ก็ไม่แน่ น้ำหยดลงบนหินทุกวันหินมันยังกร่อน แล้วนับประสาอะไรกับใจคน เราสองคนก็ระวังหัวใจกันไว้บ้างเถอะ อะไรที่สร้างเอาไว้ ฉันกลัวว่ามันจะย้อนกลับมาทำร้ายหัวใจตัวเราเอง” อ้ายฉิงเอ่ยขึ้นก่อนที่จะเอ่ยเตือนหัวใจตัวเองและเพื่อนสนิทสาวอย่างหวงลี่หลินบ้าง“สำหรับฉันไม่มีทางหรอก ฉันยังยึดมั่นในคำปฏิญาณเดิมของตัวเอง” หวงลี่หลินตอบออกมาอย่างมั่นใจ แม้ภายในใจก็พยายามที่จะไม่หวั่นไหวกับแฟนกำมะลออยู่เหมือนกันทางด้านสองสาวที่เต้นกันอยู่กลางฟลออย่างต้องการเช็กความนิยมของพวกเธอเองก็ต้องหันมองไปต
หลังจากนั่งคิดและจินตนาการอยู่สักพัก นักเขียนคนสวยก็หันไปกดแป้นพิมพ์จนเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องนอน ใบหน้าหวานปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย จนเวลาล่วงเลยไปเกือบสามชั่วโมง ร่างบางจึงได้บิดกายไปมาก่อนที่เธอจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวเก่ง พร้อมทั้งละสายตาคู่สวยที่มีแว่นตาสีใสปกป้องดวงตาเอาไว้จากแสงที่ส่องมาผ่านหน้าจอ“อืมมม...... หิวจัง”เสียงหวานเอ่ยออกมา ก่อนที่จะเดินตรงไปที่ห้องครัว มือบางหยิบเอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาหนึ่งซอง พร้อมทั้งตั้งหม้อใส่น้ำเปล่าลงไป แล้วเปิดแก๊สเพื่อต้มน้ำรอ ร่างบางหันรีหันขวางหยิบผักสดในตู้เย็นและเนื้อสัตว์มาหั่นอย่างคล่องแคล่ว เพราะออกมาอยู่ข้างนอกตั้งแต่สมัยเรียนจึงทำให้หวงลี่หลิน คุณหนูทายาทอันดับที่สองของตระกูลหวงอย่างเธอนั้นทำอาหารเป็นผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาที ชามบะหมี่ที่มีหน้าตาน่าทานก็ถูกวางลงบนโต๊ะอาหาร โต๊ะประจำของนักเขียนสาว แต่ขณะที่กำลังจะตักเอาบะหมี่ในถ้วยเข้าปาก สมาร์ทโฟนเครื่องเล็กของเธอก็แผดเสียงร้องจนคนที่กำลังหิวจนตาลายไม่อาจละเลยได้ ร่างระหงจึงผุดยืนขึ้นแล้วตรงไปหยิบมาก่อนที่มันจะส่งเสียงน่ารำคาญไปมากกว่านี้“ฮัลโหลว่าไง... เอาไงดีฉันรีบทำงานส่งน่ะ