หลังจากใช้เวลาร่วมกับครอบครัวไปหนึ่งคืน นักเขียนสาวสวยก็ขอตัวกลับไปสร้างสรรค์ผลงานของตนต่อทันที โดยที่พี่สาวขอร้องให้เธอนอนค้างด้วยกันอีกหนึ่งคืน น้องสาวจอมแสบก็ไม่ยอมโดยอ้างว่ามีงานต้องส่งบก. แม้จะไม่ค่อยเข้าใจงานนักเขียนของน้องสาวนัก แต่หวงลี่จินก็ไม่ได้รั้งน้องเอาไว้แต่อย่างใด เพียงกำชับแค่ว่าให้กลับมาเยี่ยมครอบครัวสัปดาห์ละครั้ง
“ฮัลโหล...ว่าไงแม่นักบิดคนเก่ง วันนี้ไม่ลงสนามหรอยะถึงโทรมาหาฉันได้” เสียงหวานกรอกใส่หูฟังไร้สายแบบบลูทูธหลังจากกดรับสายที่โทรเข้ามาแล้ว
“ฉันโทรมาเตือนย่ะ พรุ่งนี้เรานัดกันว่าจะไปหาเหยื่อที่ไนต์คลับนะ” เสียงห้าวดังออกมาจากปลายสาย
“อาราย.... แต่ฉันมีงานต้องทำ เดี๋ยวพี่บก.คนสวยของฉันเค้าจะหงุดหงิดเอา นี่ก็ตามงานมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” เสียงหวานลากยาวก่อนที่จะสาธยายออกมาจนอีกฝ่ายรู้สึกรำคาญ
“ไม่ได้ ไม่ได้ เวลามันเดินเร็วจะตาย ถ้าพวกฉันมีคู่ไปแล้วเธอไม่มีรับรองโดนยังถิงถิงเหยียบจมงานแต่งยัยโหรวโหรวแน่” นักบิดคนสวยรีบเอ่ยเหตุผลออกมาจนคนที่กำลังขับรถอยู่ทำหน้าเซ็ง
“เออๆๆ น่าเบื่อจริง เธอก็ไม่น่าไปรับคำท้ายัยบ้าขี้อิจฉาสองคนนั่นเลย ชีวิตตัวเองยังจะเอาไม่รอด ยังอยากจะมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของคนอื่นอีก” เสียงหวานเอ่ยออกไปห้วนๆ ก่อนที่จะบ่นออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“แค่นี้แหละ คืนนี้พรุ่งนี้แต่งตัวสวยๆ นะ เอาแบบผู้ชายคอเคล็ดตั้งแต่หน้าคลับยันในคลับเลยนะ คลับนี้รับรองปลอดภัยและมีแต่พวกหน้าที่การงานดีๆ ไปเที่ยวกันเพราะเป็นของพี่ชายเพื่อนสมัยเรียนประถมของฉันเอง” นักบิดสาวคนสวยบอกลาเพื่อนสนิท ส่วนสาวสวยที่กำลังขับรถอยู่พอฟังแล้วก็ได้แต่เออออไปอย่างนั้นทั้งๆ ที่ใจไม่ได้อยากไปเลยสักนิด
ชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาคมคาย จมูกโด่ง คิ้วเข้ม ริมฝีปากอมชมพูธรรมชาติ ทรงผมนั้นยาวจนมัดรวบเอาไว้ทางด้านหลัง รูปร่างสูงโปร่งด้วยความสูงเกือบ187เซนติเมตรกำลังก้าวขายาวๆ เดินออกมาจากประตูทางออกของผู้โดยสารขาเข้า สายตาคมมองไปรอบๆ เพื่อมองหาคนที่มารับ ก่อนที่จะเห็นป้ายชื่อและใบหน้าหล่อเหลาของพี่ชายคนโต
“เฮ้!! เจียวจ้าน” เสียงเรียกพร้อมรอยยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้างดังมาจากคนที่ถือป้ายชื่อยืนรอเขาอยู่
“สวัสดีครับพี่เจียงข่าน สบายดีนะครับพี่” เสียงทุ้มเอ่ยทักทายพี่ชายก่อนที่สองพี่น้องจะกอดกัน มือหนาตบลงบนไหล่หนั่นแน่นของน้องชายที่มีอายุห่างกันเพียงสองปี
“อืม...พี่สบายดี ยินดีต้อนรับกลับบ้านไอ้น้องรัก ป๊ากับม๊าให้พี่มารับนาย รีบไปกันเถอะท่านทั้งสองรอนายอยู่” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่ผละกอดออกจากกันแล้ว
เฉิน เจียวจ้าน หนุ่มหล่อวัยสามสิบปี ทายาทอันดับสองของตระกูลเฉิน ซึ่งเป็นตระกูลที่เป็นผู้นำด้านสื่อและสิ่งพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเอ เขาไปเรียนต่อด้านสื่อจากต่างประเทศเพื่อนำความรู้กลับมาช่วยพี่ชายบริหารงาน เฉิน เจียวจ้านเป็นผู้ชายที่มีนิสัยเคร่งขรึม บุคลิกไม่ใช่ผู้ชายเล่น แต่นี่ก็เป็นเสน่ห์ที่ทำให้สาวๆ หลายคนมาตกหลุมรักภาพลักษณ์ติสๆ ของเขา แต่เขาก็ยังไม่เจอผู้หญิงที่รู้สึกว่าถูกใจเลยสักคน
คฤหาสน์ตระกูลเฉิน
รถเก๋งเมอร์ซิเดส E คลาสสีดำที่มีผู้โดยสารเป็นทายาทของตระกูลเฉินทั้งสองคนจอดที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของสองหนุ่มทายาทอันดับหนึ่งและทายาทอันดับสองจะลงมาจากรถพร้อมกับเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกัน บอดี้การ์ดและคนรับใช้ต่างหยุดยืนก่อนที่จะโค้งคำนับคุณชายทั้งสอง
“อ้าว มาถึงกันแล้วหรอลูก”
เสียงแหบหวานของนางเฉินซูฉีเอ่ยทักทายบุตรชายก่อนที่จะเดินตรงเข้าไปสวมกอดบุตรชายคนเล็กด้วยความคิดถึง เขาไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศถึงสี่ปี และไม่ค่อยกลับมาเยี่ยมบ้านเลยทำให้เธอคิดถึงเขามาก
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านเรานะลูก เจียวจ้าน”
คุณนายเฉินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความสุขที่เธอได้รับวันนี้ มารดาผละออกจากอ้อมกอดก่อนที่บุตรชายจะโค้งคำนับทั้งบิดาและมารดา
“สวัสดีครับป๊า ม๊า สบายดีกันนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยทักทายก่อนที่จะเอ่ยถามถึงสุขภาพของบิดามารดา
“สวัสดีลูก ป๊ากับม๊าก็สบายดี ว่าแต่ลูกนั่นแหละ ทำไมไม่ตัดผมให้มันสั้นดูดีหน่อย ดูสิใครไม่รู้ว่าลูกเป็นลูกพ่อ เค้าคงจะคิดว่าลูกเป็นมาเฟียอยู่ที่แก๊งไหน” นายเฉินซือเยว่ทักทายบุตรชายคนเล็กกลับก่อนที่จะสำรวจทรงผมและหน้าตาของบุตรชายที่ไม่ได้พบหน้ากันนานถึงสี่ปีแล้วเอ่ยออกมาติดตลก
“โถ่ป๊า ร้านตัดผมที่เมืองนอกเค้าทำไม่ถูกใจผมนี่นา เลยต้องไว้กลับมาตัดที่เมืองเอของเราแทน” เฉินเจียวจ้านแก้ตัวไปแบบนั้น อันที่จริงเขาชอบทรงนี้มาก
“พ่อมีเรื่องอยากจะถามลูกสักหน่อย” น้ำเสียงจริงจังของบิดาทำเอาสีหน้าของชายหนุ่มผู้มาใหม่ถึงกับซีด
“มีอะไรอยากจะถามผมหรอครับ” เสียงทุ้มพยายามเอ่ยถามออกมาอย่างใจดีสู้เสือ
“ปีนี้ลูกก็อายุ30แล้วใช่ไหม”
“ใช่ครับ ทำไมหรอครับ” เจียวจ้านเอ่ยถามบิดากลับไป
“ลูกมีแฟนหรือยัง”
คำถามตรงๆ ออกจากปากของบิดาทำเอาเฉิน เจียวจ้านตั้งรับไม่ทัน เขาเคยให้สัญญากับบิดามารดาก่อนที่จะไปเมืองนอกว่าเขาจะมีแฟนตอนอายุสามสิบ และนี่ก็ถึงเวลาที่เขาขอผลัดบิดามาแล้ว อันที่จริงตอนอายุยี่สิบหก บิดาของเขาพยายามจะนัดบอดให้กับเขา หากแต่ผู้หญิงที่เขาไปพบแต่ละคนมักจะมองที่รูปร่างหน้าตาและฐานะ ยิ่งฐานะยิ่งสำคัญกับผู้หญิงพวกนั้น เขาจึงทำงานนัดบอร์ดพังแทบทุกครั้ง ไม่มีผู้หญิงคนไหนเลยที่เขารู้สึกถูกตาต้องใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนี้ นายรู้ไหมว่าน้องลี่หลินพักอยู่คอนโดไหน” เยว่อวี่ซินเอ่ยถามเพื่อนสนิทขึ้น เพราะดูจากสาวสวยแฟนกำมะลอของเพื่อนเขาตอนนี้นั้นไม่ได้สติแล้ว“เดี๋ยวเยว่หรูส่งที่อยู่ยัยลี่หลินไปให้พี่ในวีแชทนะคะ”เยว่หรูรู้ดีว่าไม่มีใครรู้จักที่อยู่ของลี่หลินแน่นอนเธอจึงใจดีบอกที่อยู่ให้กับเฉินเจียวจ้าน เพราะเขาดูเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกายเธอเสียอีก“ขอบคุณครับ ถ้าอย่างนั้นพี่ขอพาน้องลี่หลินกลับก่อนนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยลาเมื่อเปิดวีแชทแล้วเห็นชื่อของคอนโดที่หญิงสาวพักเรียบร้อยแล้ว“ค่ะ ฝากดูยัยลี่หลินด้วยนะคะ” สองสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกันด้วยความเป็นห่วงร่างหนาประคองร่างบางให้เดินออกไปด้วยกัน หวงลี่หลินนั้นยังพอมีสติอยู่บ้างพอได้ยินว่ากลับคอนโด ร่างระหงจึงเดินตามชายหนุ่มไปโดยดี“ไม่ต้องห่วงน้องลี่หลินหรอกนะครับ ถ้าเทียบกันในบรรดาสามคนเราแล้ว ไอ้เจียวจ้านเป็นสุภาพบุรุษที่สุด มันจะไม่เริ่มก่อนแน่นอนถ้าอีกฝ่ายหนึ่งไม่เริ่ม”ลู่ตงหานเอ่ยออกมาให้ทั้งสองสาวสบายใจ หากแต่ทั้งสองสาวหันมามองหน้ากันและภาวนาขอให้หวงลี่หลินนั้นไม่ทำอะไรเพี้ยนๆ จนสุภาพบุรุษอย่างพี่เจียวจ้านตบะแตกก็แล้วก
หวงลี่หลินเดินกลับมาที่โต๊ะราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนที่จะถอนลมหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าเขาที่เธอเพิ่งจะขโมยจูบไปเมื่อสักครู่ไม่ได้เดินตามเธอออกมา“เป็นไง สบายใจขึ้นยัง เห้ย!! แล้วทำไมหน้าแดงขนาดนั้น นี่เธอเมามากเลยหรอยัยลี่หลิน” เยว่หรูเอ่ยถามก่อนที่จะทักขึ้นเมื่อสังเกตใบหน้าสวยของเพื่อนสาวที่บัดนี้แดงราวกับตูดลิง“ป่ะ..ป่าว พี่ตงหานคะ ขอลี่หลินลองอย่างอื่นที่ไม่ใช่พั้นซ์ได้ไหม” นักเขียนสาวตอบเพื่อนก่อนที่จะหันไปคุยกับพี่ชายเพื่อนของเพื่อนสนิท“ลองดื่มเบียร์สดดูไหมล่ะ”หญิงสาวพยักหน้ารัวๆ เจ้าของร้านสุดหล่อจึงสั่งบริกรให้จัดมาให้เธอทันที เขาเข้าใจว่าเธอเครียดและโดนผู้หญิงสองคนนั้นดูถูก โดยไม่ได้คิดว่าเธอนั้นไปทำความผิดอะไรไว้เฉินเจียวจ้านหายไปสักครู่เพื่อให้เธอได้ผ่อนคลายความเขินอายลง แต่พอกลับมาที่โต๊ะก็ต้องพบกับร่างระหงที่กำลังโยกย้ายร่างงามไปมาอยู่ท่ามกลางสองสาว และหนุ่มๆ ที่รายล้อมหากแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้พวกเธอด้วยรู้ดีว่าเธอนั่งอยู่กับใคร“หายไปนานเลยนะไอ้เจียวจ้าน ดูแฟนกำมะลอของนายสิ ดื่มเบียร์สดไปสามแก้วกลายเป็นแม่เสือสาวไปซะแล้วฮ่าๆๆๆ” เยว่อวี่ซินเอ่ยขึ้นก่อนที่จะ
“ต๊าย... เมาแล้วหรอยะ เมาแล้วก็ควรจะกลับไปนอนนะ” โหรวโหรวเอ่ยขึ้นมาบ้างเมื่อสังเกตเห็นใบหน้าสวยของอีกฝ่ายเริ่มแดงนิดหน่อย ต่างจากตอนที่เธอเห็นตอนที่เพิ่งเข้ามา“ไม่เห็นต้องถามเลย คนแบบยัยนี่เคยดื่มเครื่องดื่มอะไรดีๆ แบบนี้บ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ เธอสองคนนี่ก็ช่างใจดีเนอะที่คบเพื่อนกระจอกกระจอกแบบนี้ แล้วนี่แฟนยัยลี่หลินใช่ไหมคะ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณแซ่ไหน มาจากตระกูลอะไร แต่คุณก็ไม่น่าตาต่ำไปคว้ายัยนักเขียนไร้สกุลคนนี้มาเป็นแฟนเลยนะคะ” ถิงถิงแขวะสาวสวยที่ยืนกอดอกมองเธอกับเพื่อนสนิท ก่อนที่จะหันไปคุยกับชายหนุ่มที่ครั้งก่อนหวงลี่หลินแนะนำให้พวกเธอได้รู้จักว่าเขาเป็นแฟนสายตาคมจ้องมองไปที่คนพูดด้วยความไม่พอใจ เขาอยากจะฉีกหน้าผู้หญิงปากเสีย ที่สวยแต่รูปจูบไม่หอมคนนี้นัก หวงลี่หลินคนนี้น่ะหรอกระจอก ทายาทอันดับที่สองของตระกูลหวง ตระกูลที่มีหน้ามีตา มีฐานะร่ำรวยติดอันดับสองของเมืองเอเนี่ยนะ เฉินเจียวจ้านอยากจะพูดออกไปนัก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงสาวถึงยอมให้ผู้หญิงสองคนนี้พูดจาดูถูกอยู่ได้“อ้อ...ครั้งก่อนฉันลืมแนะนำไปใช่ไหมว่าเขาแซ่อะไร เป็นคนตระกูลไหน แต่ในเมื่อเธออยากรู้ฉันก็จะบอกให้เอาบุญ”ห
หนุ่มสาวทั้งสามคู่ยังคงนั่งพูดคุยกันเรื่องทั่วๆ ไป โดยที่ไม่ได้สนใจสายตาหลายๆ คู่ที่มองมาอย่างอิจฉาเลยด้วยซ้ำ หวงลี่หลินนั้นหลังจากที่โดนเพื่อนๆ เอ่ยแซวก็เอาแต่หลุบตามองมือและชวนเพื่อนสาวคุยเปลี่ยนเรื่อง หากแต่คืนนี้นั้นเธอก็คิดบุคลิกของพระเอกในนิยายของเธอออกแล้ว“ยัยลี่หลิน นี่สรุปบก.ให้เธอลองเขียนแนวอีโรติกจริงๆ อะ” เยว่หรูกระซิบถามหลังจากแฟนของเธอเดินออกจากโต๊ะไปทักทายลูกค้าที่มาใหม่“อืม...อย่าเสียงดังเดี๋ยวคนอื่นได้ยิน โดยเฉพาะคนข้างๆ ฉัน กลับห้องเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าเพราะอะไร”หวงลี่หลินรีบปรามเพื่อนรักเพราะเฉินเจียวจ้านนั้นเป็นรองประธานบริษัทที่เธอเซ็นสัญญาลงนิยายออนไลน์อยู่ ถ้าเขารู้ว่าเธอเอาเขาไปเป็นต้นแบบพระเอกในนิยายของเธอ เธอกลัวว่าเขาจะโกรธเอา เยว่หรูเหลือบไปมองหนุ่มหล่อสุดเซอร์ที่นั่งกระดกวิสกี้เข้าปากอย่างไม่สนใจคนรอบข้างก็พยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจ“พี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”เฉินเจียวจ้านหันมาบอกแฟนในนามพอหญิงสาวพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตเขาจึงลุกขึ้นและเดินตรงไปที่ห้องน้ำของแขกวีวีไอพี ตอนนี้ที่โต๊ะจึงเหลือเพียงสามสาวกับอีกหนึ่งหนุ่มที่ยังคงชวนอ้ายฉิงคุยตั้งแต่ที่มาถึง
“พี่อวี่ซิน ไม่ต้องกอดขนาดนี้ก็ได้เหอะ” เยว่หรูหันไปมองเพื่อนสนิททั้งสองที่มองมาที่เธอและเขาด้วยสายตายิ้มๆ ก่อนที่จะหันมาต่อว่าแฟนหนุ่มที่เธอไม่ได้ต้องการเลยสักนิด“เอาน่า พวกนั้นจะได้เห็นไง ว่าเธอมีแฟนแล้ว ว่าแต่คืนนี้จะแนะนำให้เพื่อนของเธอรู้จักพี่เลยไหม” เยว่อวี่ซินไม่ได้ปล่อยมือจากไหล่บางหากแต่โอบมาชิดกับหน้าอกหนั่นแน่นของตนแล้วพาเธอเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะวีวีไอพี“เธอว่ายัยเยว่หรูจะใจอ่อนให้พี่อวี่ซินไหมอ้ายฉิง” หวงลี่หลินกระซิบถามเพื่อนสนิทสาวอีกคนทันทีที่เห็นสองหนุ่มสาวที่เดินนำหน้าทำตัวติดกันซะขนาดนั้น“ก็ไม่แน่ น้ำหยดลงบนหินทุกวันหินมันยังกร่อน แล้วนับประสาอะไรกับใจคน เราสองคนก็ระวังหัวใจกันไว้บ้างเถอะ อะไรที่สร้างเอาไว้ ฉันกลัวว่ามันจะย้อนกลับมาทำร้ายหัวใจตัวเราเอง” อ้ายฉิงเอ่ยขึ้นก่อนที่จะเอ่ยเตือนหัวใจตัวเองและเพื่อนสนิทสาวอย่างหวงลี่หลินบ้าง“สำหรับฉันไม่มีทางหรอก ฉันยังยึดมั่นในคำปฏิญาณเดิมของตัวเอง” หวงลี่หลินตอบออกมาอย่างมั่นใจ แม้ภายในใจก็พยายามที่จะไม่หวั่นไหวกับแฟนกำมะลออยู่เหมือนกันทางด้านสองสาวที่เต้นกันอยู่กลางฟลออย่างต้องการเช็กความนิยมของพวกเธอเองก็ต้องหันมองไปต
หลังจากนั่งคิดและจินตนาการอยู่สักพัก นักเขียนคนสวยก็หันไปกดแป้นพิมพ์จนเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องนอน ใบหน้าหวานปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย จนเวลาล่วงเลยไปเกือบสามชั่วโมง ร่างบางจึงได้บิดกายไปมาก่อนที่เธอจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวเก่ง พร้อมทั้งละสายตาคู่สวยที่มีแว่นตาสีใสปกป้องดวงตาเอาไว้จากแสงที่ส่องมาผ่านหน้าจอ“อืมมม...... หิวจัง”เสียงหวานเอ่ยออกมา ก่อนที่จะเดินตรงไปที่ห้องครัว มือบางหยิบเอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาหนึ่งซอง พร้อมทั้งตั้งหม้อใส่น้ำเปล่าลงไป แล้วเปิดแก๊สเพื่อต้มน้ำรอ ร่างบางหันรีหันขวางหยิบผักสดในตู้เย็นและเนื้อสัตว์มาหั่นอย่างคล่องแคล่ว เพราะออกมาอยู่ข้างนอกตั้งแต่สมัยเรียนจึงทำให้หวงลี่หลิน คุณหนูทายาทอันดับที่สองของตระกูลหวงอย่างเธอนั้นทำอาหารเป็นผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาที ชามบะหมี่ที่มีหน้าตาน่าทานก็ถูกวางลงบนโต๊ะอาหาร โต๊ะประจำของนักเขียนสาว แต่ขณะที่กำลังจะตักเอาบะหมี่ในถ้วยเข้าปาก สมาร์ทโฟนเครื่องเล็กของเธอก็แผดเสียงร้องจนคนที่กำลังหิวจนตาลายไม่อาจละเลยได้ ร่างระหงจึงผุดยืนขึ้นแล้วตรงไปหยิบมาก่อนที่มันจะส่งเสียงน่ารำคาญไปมากกว่านี้“ฮัลโหลว่าไง... เอาไงดีฉันรีบทำงานส่งน่ะ