กู่หยูเฉิงก็ตอบกลับมาโดยใช้เหตุผล : "หยานซู คุณคือหมอ การบรรเทาความเจ็บป่วยขมขื่นของผู้ป่วยก็เป็นอาชีพของคุณ คุณผู้หญิงคนนี้ต้องการให้คุณช่วย คุณช่วยนางหน่อยจะเป็นอะไรไป?"กู่หยูเฉิงประจบประแจงออดอ้อนคุณหญิงคนนี้ได้สำเร็จ คุณหญิงคนนั้นมองกู่หยูเฉิงอย่างพึงพอใจอย่างมาก แต่สำหรับหยานซูที่ละเลยไม่สนใจนางแล้วกลับมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนักคุณหญิงคนนั้นเหลือบมองไปที่ป้ายชื่อทำงานของหยานซูพร้อมกับกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง : "หยานซู เธอละเลยผู้ป่วยแบบนี้ ฉํนจะเอาไปฟ้อง"หยานซูเห็นผู้ป่วยที่น่ารำคาญแบบนี้มาเยอะแล้ว นางเองก็รู้สึกว่านางเองไม่ได้ทำผิดอะไรและไม่เก็บมาใส่ใจ หลังจากนางราวด์วอร์ดตามปกติจนเสร็จก็เดินออกไปแต่ใครจะรู้ว่าตอนพักกลางวัน หัวหน้าก็เรียกนางและกู่หยูเฉิงเข้าไปในห้องสำหรับกู่หยูเฉิง หัวหน้าได้กล่าวชมเชย : "คุณหมอกู่ตอนราวด์วอร์ดได้อดทนและใส่ใจรายละเอียดของคนไข้มากจนคนไข้วิจารย์ไปในทางที่ดี หมอกู่ คนไข้ได้ยกย่องคุณมากเป็นพิเศษ ทางแผนกได้ตัดสินใจบรรจุคุณเป็นแพทย์ประจำก่อนกำหนด ตั้งใจทำงานและหวังว่าจะเห็นผลงานคุณในอนาคต"กู่หยูเฉิงก็เผยยิ้มภาคภูมิใจขึ้นมา : "ขอบคุณหัวหน้าที่ยอมรับ
หยานซูพูดพึมพำออกมา : "เรื่องจริงอาจจะชั้นต่ำยิ่งกว่าก็ได้"พอพูดจบนางก็ตัดสินใจหันหลังเดินจากไปกู่หยูเฉิงจ้องมองหยานซูอย่างเหม่อลอย เขาตระหนักได้อย่างลางๆ ว่าหยานซูที่เคยผูกพันธ์กับเขากำลังหายไปอย่างเงียบๆ เหมือนกับทรายที่ไหลอยู่ในมือของเขา ซึ่งไม่ว่าเขาจะใช้แรงแค่ไหนก็คว้าเอาไว้ไม่ได้เมื่อหยานซูกลับมาถึงห้องตรวจ นางก็พบว่าคิวตรวจคนไข้ของนางถูกยกเลิกกระทันหันพอนางหันไปมองห้องตรวจของแพทย์คนอื่นซึ่งยุ่งจนปลีกตัวไปไหนไม่ได้ ในใจของหยานซูก็มีความรู้สึกประเดประดังเข้ามาพร้อมกันหมด นางรักในอาชีพแพทย์มากขนาดนี้ ทำไมเรื่องถึงมาอยู่ในสภาพแบบนี้ได้?ขณะที่นางหดหู่อย่างมาก โทรศัพท์ก็มีข้อความปรากฎขึ้นและส่งเสียงเตือนติ๊งติ๊งสองครั้ง หยานซูหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็เห็นข้อความตอบกลับของโป๋ซู่"ซูซูอยากตอบแทนผมคืนยังไง?"หยานซูก็นึกได้ว่านางเองเมื่อเช้ารู้สึกซาบซึ้งกับเส้อผ้าที่โป๋ซู่เตรียมไว้ให้ นางก็เลยตั้งใจส่งข้อความไปบอกโป๋ซู่ : ฉันจะตอบแทนคืนยังไง?หยานซูเขินอายจึงได้แต่บ่ายเบี่ยงประเด็น:"โป๋ซู่ คุณถึงแล้วหรอ?""คุณทานข้าวแล้วหรือยัง?""พักผ่อนด้วยนะ"…ข้อความถูกพิมพ์ส่งไปแน่นเอี
แววตาของโป๋ซู่ก็ทอประกายอารมณ์โมโหที่ระเบิดออกมา "คุณหญิงที่ยโสโอหังคนนั้น ที่แท้ก็เป็นแม่เลี้ยงของผมนี่เอง" จากนั้นใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็ดำทะมึนขึ้นมา "ไป๋เจ๋ว์บริจาคให้โรงพยาบาลตี้ตู้เป็นเงินเท่าไหร่ ทางเราก็บริจาคให้มากกว่าเขา 2 ล้าน บอกผู้อำนวยการด้วยว่าเงื่อไขคือห้ามไล่หยานซูออกเด็ดขาด"เฮยเสี่ยวถึงกับตื่นตระหนก หน้าผากของเขาเริ่มมีเหงื่อเย็นๆ ซึมออกมา ท่านประธานและแม่เลี้ยงเป็นคู่อริกัน บางครั้งเขาก็ท้าทายอำนาจของท่านพ่อของเขาที่ผ่านมาเฮยเสี่ยวเชื่อฟังคำสั่งโป๋ซู่มาโดยตลอด แต่ครั้งนี้เขาจะปล่อยให้เจ้านายของเขาไปเสี่ยงอันตรายไม่ได้เด็ดขาด : "ท่านประธานใช้เงินมากขนาดนั้นในการสนับสนุนโรงพยาบาลตี้ตู้ มันคุ้มแล้วงั้นเหรอ?"โป๋ซู่หัวเราะยิ้มขึ้นมา : "ภรรยาของผมมีตำแหน่งงานอยู่ในนั้น คุณคิดว่ามันคุ้มไหมล่ะ?"เฮยเสี่ยวก็นึกถึงคำพูดสัญญาของโป๋ซู่ที่กล่าวเกินจริงในตอนนั้นได้ขึ้นมา : "ถ้าเขาหาเงินได้กองเท่าภูเขา เขาจะเอาเงินให้ภรรยาใช้โปรยเล่น"เฮยเสี่ยวหุบปากในทันที"ครับ ท่านประธาน"หมู่บ้านฮวนฮวาเซียงหยานซูหลังจากเลิกเงินก็ตรงกลับเหมือนเช่นในทุกวันคุณพ่อของหยานซูไม่อยู่บ้า
กู่หยูเฉิงพูดอย่างเยาะเย้ย : "คนอื่นมอบดอกไม้ให้คุณดอกหนึ่ง ให้เสื้อผ้าคุณหลายชุด คุณคงจะไม่ไร้เดียงสาคิดว่าเขารักคุณหรอกใช่ไหม? หยานซู คุณไม่ดูตัวคุณเองเลย นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ความคิดคุณยังอยู่ในยุคสังคมศักดินา สมัยนี้จะมีผู้ชายสักกี่คนกันที่ยอมรับความรักโดยไม่มีเรื่องเพศมาเกี่ยว ขอเพียงเขารู้ว่าคุณเป็นโรคกลัวผู้ชาย เขาจะต้องแอบชิ่งหนีไปแน่นอน ไม่มีผู้ชายปกติคนไหนหรอกที่ชอบคนอย่างคุณ พวกเขาอย่างมากก็แค่เห็นคนเป็นของเล่นเอาไว้เล่น"หยานซูกัดฟันกรอด : "กู่หยูเฉิง คุณอย่าคิดว่าคนอื่นจะมีความคิดอัปมงคลเหมือนคุณจะดีกว่า การที่ฉันได้หลุดพ้นผู้ชายอย่างคุณที่ชอบกินข้าวนิ่มมาได้ก็นับว่าบุญหัวแล้ว" (กินข้าวนิ่ม หมายถึง เกาะคนอื่นกิน)หลังจากด่ากู่หยูเฉิงด้วยความเดือดดาล หยานซูก็ตัดสายทิ้งทันทีกู่หยูเฉิงโกรธจนหน้าดำหน้าแดงอีกด้านหนึ่งคุณพ่อของหยานซูก็ถือของมาเยี่ยมถุงเล็กถุงน้อยมาถึงบ้านครอบครัวกู่ คุณแม่ของกู่หยูเฉิงพอเปิดปีะตูออกมาก็เห็นคุณพ่อของหยานซู สีหน้าของนางลำบากใจอยู่เล็กน้อย"คุณพ่อหยานซู คือว่าคุณ?""คุณแม่หยูเฉิง ผมได้ยินว่าหยูเฉิงกลับบ้านมาแล้ว คือว่า? เด็กคนนี้? ทำไมกลั
คุณพ่อของหยานซูเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก ในเมื่อหยานซูไม่ได้เจตนาหมายถึงจะเลิกกับหยานซู คุณพ่อของหยานซูเลยยังเชื่อใจว่าที่ลูกเขยผู้มีความสามารถคนนี้อยู่ เขาเลยจึงเป็นฝ่ายเชิญกู่หยูเฉิงให้ไปเป็นแขกที่ครอบครัวหยานด้วยตัวเอง"หยูเฉิง พรุ่งนี้เสาร์อาทิตย์ เธอก็มาเป็นแขกที่บ้านของพวกเราสิ ลุงเองก็ได้เชิญเพื่อนสนิทมาหลายคนให้มาที่บ้านคงจะครึกครื้นดี"กู่หยูเฉิงจะปฏิเสธก็ไม่ได้ จะตอบปากรับคำก็ไม่ได้ เขาจึงได้แต่เบี่ยงประเด็น "คุณลุง ผมช่วงนี้ยุ่งมาก พรุ่งนี้ผมคงไปไม่ได้"คุณพ่อของหยานซูก็เห็นอกเห็นใจอย่างมาก : "ก็จริง เธอเองก็เพิ่งกลับมาและยังต้องเตรียมธุระเรื่องการฝึกงานอีก งั้นก็ได้ รอเธอว่างเมื่อไหร่ เธอก็จำไว้ว่าต้องมาด้วยล่ะ คุณป้าเขาจะทำอาหารอร่อยให้ทาน""ครับ" กู่หยูเฉิงตอบอย่างส่งๆตกกลางคืนเพื่อนบ้านของหยานซูลุงหวังและภรรยาของเขาก็มาหาด้วยอารมณ์คึกคัก โดยมาเชิญพวกเขาให้ไปงานเลี้ยงรวมครอบครัวของพวกเขาในวันพรุ่งนี้คุณแม่ของจื่อเหวินก็ดีใจจนพูดไม่หยุด : "นี่เป็นครั้งแรกที่แฟนหนุ่มของจื่อเหวิน มาเยี่ยมเราถึงบ้าน เขาจบตั้งปริญญาเอก คู่ควรมากเกินพอไปด้วยซ้ำสำหรับจื่อเหวินของเราที่จ
หยานซูเงยหน้าขึ้นมา แววตาที่ดำลึกหันมองกู่หยูเฉิงและหวังจื่อเหวินพวกเขาทำไมถึงได้มีน้ำหน้ามาบิดเบือนความจริง?นางตั้งใจจะไม่โวยวาย เพราะว่านางเป็นห่วงสุขภาพโรคหัวใจของคุณแม่ ดังนั้นต่อให้พวกเขาพูดคำโกหกเต็มปาก นางคงได้แต่ต้องกล้ำกลืนความน้อยใจลงไปหยานซูค่อยๆ ลุกยืนขึ้นมาจากโซฟา นางเดินมาหาคุณพ่อคุณแม่อย่างไม่เร่งรีบและพูดขึ้นมา : "พ่อคะ แม่คะ หนูเลิกกับเขาแล้วจริงๆ คะ"คุณพ่อของหยานซูตะลึงตาค้างคุณแม่ของหยานซูไม่เข้าใจ : "ทำไม? ลูกไม่ได้หวังที่อยากจะแต่งงานกับเขามาโดยตลอดหรอกหรือ?"หยานซูหันมองกู่หยูเฉิงพร้อมกับพูดกับเขาอย่างลำบากใจ : "คุณบอกพวกเขาเองคงจะดีกว่าว่าทำไมพวกเราต้องเลิกกัน?"กู่หยูเฉิงสีหน้ารู้สึกอึดอัดใจคุณพ่อของหยานซูก็ได้สติกลับมา จากนั้นก็ยกกำปั้นขึ้นมาจะชกกู่หยูเฉิง "ไอเด็กสารเลว ซูซูของพวกเราจริงใจกับแกมาโดยตลอด แต่แกกลับไปเล่นชู้สวาทกับเพื่อนนรักของนาง การกระทำของแกแบบนี้ แกจะไปต่างอะไรกับกับหมาป่าตาขาวที่เนรคุณ?"คุณพ่อของหยานซูท่าทีขึงขังและยกกำปั้นขึ้นต่อยไปที่หน้ากู่หยูเฉิง พริบตากู่หยูเฉิงก็มีเลือดกำเดาไหลอาบหวังจื่อเหวินก็รีบเอาตัวมาบังอยู่ข้างหน
หยานซูก็รีบลางาน นางเอาแต่เฝ้าดูแลคุณแม่ที่อาการสาหัสจนเหนื่อยล้า โทรศัพท์แบตหมดไปแล้วแต่นางก็ไม่ได้มีเวลาไปชาร์จช่วงสองวันนี้นางไม่ได้ติดต่อกับสามีที่เพิ่งแต่งงานไปเลย นี่ทำให้โป๋ซู่อย่างห่างไกลถึงต่างประเทศรู้สึกเป็นห่วงนางอย่างมาก ในตอนท้ายโป๋ซู่ก็หมดความอดทน เขาเลยโทรศัพท์ไปหาโป๋เฉินซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องชายของเขาโป๋เฉินรับสาย เขารู้สึกประหลาดใจที่อยู่ดีพี่โป๋ซู่ก็คิดถึงเขา หลังจากเขายืนยันหมายเลขโทณศัพท์อยู่หลายครั้ง เขาก็ถึงจะหยอกล้อโป๋ซู่ด้วยรอยยิ้มที่ขี้เล่น : "พี่ครับ หลุดศพของตระกูลเราไฟไหม้งั้นเหรอ? ไม่งั้นเจ้าพ่ออย่างพี่ที่ร้อยวันพันปีไม่เคยนึกถึงจะมีเวลาว่างโทรมาหาได้อย่างไร? ถ้าสามารถได้เป็นที่โปรดปราณของเสี่ย ผมต่อให้ฝันจริงๆ ก็คงหัวเราะตื่นขึ้มาแล้ว""เลิกพูดพล่ามได้แล้ว พี่มีเรื่องจะให้เจ้าช่วย"สีหน้าโป๋เฉินจริงจังขึ้นมาทันที : "พี่ครับ บนโลกนี้มีเรื่องที่พี่ทำไม่ได้ด้วยงั้นเหรอ? พี่มีเรื่องอะไรก็สั่งมาได้เลย ผมจะบุกน้ำลุยไฟทำเพื่อพี่อย่างไม่ลังเลเลย""โทรศัพท์พี่สะใภ้แกสองวันนี้พี่โทรไม่ติดเลย แกไปที่โรงพยาบาลตี้ตู้ช่วยพี่ไปดูนางให้ที หากนางเจอเรื่องลำบากใจอะไร
คุณแม่ของจื่อเหวินก็สะอึกจนหน้าโกรธหน้าดำหน้าแดง จากนั้นนางก็โมโหถลึงตามองหยานซู : "หยานซู เธอบอกแม่เธอสิ ว่าจื่อเหวินของพวกเราเป็นมือที่สามใช่ไหม? เห็นๆ อยู่ความรักของเธอกับกู่หยูเฉิงได้เปลี่ยนไป จื่อเหวินของพวกเราและกู่หยูเฉิงคบกันหลังจากพวกเธอได้เลิกกันแล้ว จื่อเหวินของพวกเราจะไปเป็นมือที่สามได้อย่างไร?"หยานซูยืนขึ้นมาอย่างไม่มีทางเลือกและเดินมาอยู่ตรงหน้าของคุณแม่ของจื่อเหวิน : "คุณป้าหวัง กลับไปบอกลูกสาวของของคุณป้าว่าในเมื่อเลือกจะเป็นกะหรี่ก็เลิกคิดวางแผนจะได้สร้างซุ้มประกาศเกียรติคุณซื่อสัตย์ภักดีได้แล้ว ไม่งั้นฉันเองก็จะไม่ถือสาที่จะต้องเขียนงานวิจัยระดับ SCI เพื่อพิสูจน์ว่าลูกสาวขอคุณป้าขโมยคู่หมั้นของเพื่อนสนิทหญิงไปได้อย่างไร" (ซุ้มประกาศเกียรติคุณซื่อสัตย์ภักดี เป็นซุ้มประตูสมัยราชวงศ์ชิงที่จักรพรรดิพระทานให้สาวพรหมจรรย์ให้เป็นเกียรติกับตระกูล)คุณแม่ของจื่อเหวินถึงกับตกตะลึงในสายตาถ้าหากงานวิจัยนี้เผยแพร่สู่สาธารณะ หน้าตาของตระกูลครอบครัวนางจะเป็นอย่างไร?คุณพ่อจื่อเหวินก็กล่าวด้วยความอับอาย : "ซูซู จื่อเหวินแย่งแฟนหนุ่มของเพื่อนสนิท เรื่องนี้นางทำผิดจรรยาบรรณ เพียง