จู่ๆในสมองของหวังจื่อเหวินก็ผุดภาพใบหน้าอ่อนหวานละมุนของโป๋ซู่ขึ้นมา พอเทียบกับโป๋ซู่ที่อ่อนโยนร่ำรวย กู่หยูเฉิงยังมีค่าอะไรอยู่อีก?"ถ้าเขาอยากเลิกก็เลิก หนูไม่เชื่อว่าหนูจะหาผู้ชายที่ดีกว่าเขาไม่ได้อีก" เธอไม่เชื่ออะไรทั้งนั้นนอกจากตัวเองพ่อจื่อเหวินกลัวว่าลูกสาวตัวเองจะใฝ่สูงเกินตัว จึงโน้มน้าวลูกสาวด้วยความมีวุฒิภาวะ "เหวินเหวิน ชาวบ้านแถวนี้เขารู้เรื่องที่ลูกกับกู่หยูเฉิงอยู่ด้วยกันกันหมด ถ้างานแต่งของลูกล่ม ในสายตาชาวบ้านก็เท่ากับแต่งงานซ้ำ ผู้หญิงที่แต่งงานซ้ำแล้วจะหาสามีใหม่ ลูกคิดว่าการจะได้เจอคนที่ถูกใจมันง่ายหรอ? กู่หยูเฉิงไม่ได้ทำผิดใหญ่หลวงอะไร ลูกไปเคลียร์กับเขาดีๆจะดีกว่านะ..."จื่อเหวินพูดอย่างไม่ยอมแพ้ "แล้วที่หยานซูคบกับกู่หยูเฉิงมาสิบปี ก็ยังหาผู้ชายที่ถูกใจได้เลยไม่ใช่หรอ? พ่อ หนูก็ทำได้เหมือนกัน"พ่อจื่อเหวินพูด "หยานซูกับหยูเฉิง คบกันหาดูใจกันแค่ผิวเผิน ความรักใสๆสมัยวะยรุ่นแบบนั้น มันเทียบกับลูกได้ที่ไหน? ระหว่างพวกลูกมันเลยเถิดถึงขั้นเป็นสามีภรรยากันขึ้นมาแล้วไหม?"แม่จื่อเหวินยุยงขึ้นไปอีก "โอ๊ย คุณคะ นี่มันยุคไหนกันแล้ว ใครจะมานั่งสนใจเรื่องอยู่ก่อนแต่งก
เธอได้ยินโป๋ซู่พูดว่า ครั้งแรกของผู้หญิงล้ำค่ามากขนาดนั้น สีหน้าของเธอก็ซีดเผือดในทันทีความจริงแล้วผู้ชายให้ความสำคัญกับเรื่องพรหมจรรย์ของผู้หญิงมากความมั่นใจแบบหลับหูหลับตาของหวังจื่อเหวินถูกโป๋ซู่บดขยี้จนสิ้นซากเธอดึงผ้าม่านสุดแรง ราวกับอยากจะทิ้งภาพเพ้อฝันที่ไม่จริงเหล่านั้นเอาไว้ด้านนอกท้องฟ้าและโลกอันกว้างใหญ่ไพศาล ในที่สุดก็กลับสู่ความสงบณ คฤหาสน์ฮ่าวหลานบนที่ดินราคาแพงหูฉี่ คฤหาสน์ฮ่าวหลานกลับกินพื้นที่ในรัศมีตั้งแต่ใจกลางเมืองลามไปจนถึงขอบนอกทางตอนใต้ของเมืองตี้ตระกูลที่สามารถครอบครองพื้นที่ทองคำของเมืองได้ ต้องเป็นตระกูลใหญ่และมีอำนาจที่สุดในเมืองตี้ จึงเป็นคฤหาสน์ของตระกูลไป๋ที่ร่ำรวยที่สุดผู้นำของตระกูลไป๋ ได้ก่อตั้งไป๋ซื่อกรุ๊ปซึ่งเป็นกลุ่มทุนข้ามชาติยักษ์ใหญ่อันมีชื่อเสียงกระฉ่อน รวมไปถึงเป็นผู้สร้างตระกูลที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมานายท่านผู้สูงศักดิ์มีลูกชายทั้งหมดสี่คน พี่ใหญ่ชื่อไป๋ยวู่ คนที่สองชื่อไป๋ก่าว คนที่สามชื่อไป๋หมิงและคนสุดท้องชื่อไป๋จวิน ทั้งสี่คนล้วนมีฝีมือในการดำเนินธุรกิจ แต่ความที่ทั้งสี่คนคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ดังนั้นพฤติกรรมเสเพลติดเสพความบัน
"นายน้อยไป๋เหลียนเฉิงจากบ้านสาม แม้จะมีนิสัยใช้เงินมือเติบ แต่นายหญิงสามกลับเป็นผู้หญิงตระหนี่ขี้เหนียว หากให้สองสามีภรรยาคู่นี้ช่วยกันจัดงานวันเกิด คาดว่าจะคอยดึงกันและกันไม่ให้ตึงจนเกินไป และอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ใครก็คิดไม่ถึงก็ได้ครับ""ส่วนนายน้อยคนเล็กจากบ้านสองไป๋เจียเฉิง เพิ่งจะแต่งงานมีครอบครัว อายุก็ยังน้อย หากมอบงานวันเกิดให้เขาจัดการเกรงว่าจะทำให้คนอื่นยอมสยบไม่ได้ครับ"ชายชราตบเข่าตัวเองฉาด "นายวิเคราะห์ได้ถูกต้องมาก ในบรรดาหลานชาย หลานเฉิงมีความสามารถมากที่สุด ส่วนในบรรดาหลานสะใภ้ นายหญิงรองฉลาดหลักแหลมที่สุด แต่วันเกิดของฉันจะให้หลานสะใภ้มีลำบากจัดงานได้ที่ไหน งั้นก็ให้หลานเฉิงเป็นคนจัดการแล้วกัน"ผู้ดูแลตกใจมาก เขาแอบเตือนสติผู้เป็นนายอย่างระมัดระวัง "นายท่านครับ ถึงจะบอกว่างานเลี้ยงวันเกิดยกให้เป็นหน้าที่นายน้อยหลานเฉิง แต่ถึงตอนนั้นเรื่องความรับผิดชอบงานบ้านยังไงก็ต้องให้เป็นหน้าที่คุณผู้หญิงอยู่ดี กลัวก็แต่งคุณหนูหยานซูไม่เคยออกงานสังคมแบบนั้น หากเธอทำอะไรพลาดในงานวันเกิดของท่าน มันจะไม่คุ้มเสียเอานะครับ"แววตาของชายชราผุดประกายความเฉียบแหลม "หลานเฉิงจะไม่ปล่อยให้เธอ
เป็นแฟนกันมาสิบปี หยานซูเพิ่งรู้ว่าเงินทั้งหมดที่เธอหามาหลายปีเพื่อให้แฟนหนุ่มเรียนปริญญาเอกนั้น กลับถูกใช้ไปกับเพื่อนสาวคนสนิทของเธอ……หยานซูคิดไม่ถึงว่าหลังจากนั่งรถไฟความเร็วสูงนานกว่าสิบชั่วโมงเพื่อไปหาคนรักจะเห็นฉากที่ทำให้ใจสลายนี้เขาเป็นแฟนหนุ่มของเธอซึ่งคบกับเธอตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย รักกันมาเป็นเวลาสิบปีเต็มๆ และเคยสาบานว่าจะรักเธอจนวันตาย เวลานี้กำลังจูงมือจื่อเหวินเพื่อนรักของเธอเดินอย่างสนิทสนมบนถนนต้นวูถง และท้องของจื่อเหวินป่องขึ้นมาเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่ากำลังตั้งทองร่างกายของหยานซูเย็นเยียบราวกับว่าตกลงไปในอุโมงค์น้ำเเข็ง เธอรู้สึกหนาวมากจนทุกเซลล์ในร่างกายกำลังจะถึงจุดเยือกแข็งและแขนขาของเธอก็เริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้เธอไม่อยากจะเชื่อว่ากู่หยูเฉิงนอกใจเธอ แต่เมื่อเห็นกู่หยูเฉิงและจื่อเหวินจูงมือกันรวมถึงสายตาที่แสดงความรักต่อกัน ก็ได้ทำลายความเชื่อใจที่มั่นคงของหยานซูต่อกู่หยูเฉิงกู่หยูเฉิงไม่ได้สังเกตเห็นหยานซูที่ยืนอยู่ด้านข้าง เขาและจื่อเหวินเดินเลี้ยวเข้าประตูอาคารไปหยานซูเป็นเหมือนเด็กที่ถูกบิดามารดาละทิ้ง เธอยืนอยู่คนเดียวใต้แสงแดดที่ร้อนจัด แม้แต่อุณ
หยานซูมองดูกู่หยูเฉิง และในขณะนั้นเธอก็รู้สึกไม่คุ้นเคยกับกู่หยูเฉิงเลย ไม่คุ้นเคยจนน่ากลัว“กู่หยูเฉิง ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ฉันโอนเงินให้คุณรวมทั้งหมด 40,000 บาท อย่าลืมคืนเงินฉันไม่ขาดแม้แต่อีแปะเดียว”หยานซูเป็นคนใจดี แต่ความใจดีของเธอมีให้ให้เฉพาะกับคนที่ดีกับเธอเท่านั้นกู่หยูเฉิงตื่นตระหนกตกใจ “หยานซู คุณอยากบีบให้ผมตายหรือ ตอนนี้ผมจะมีเงินมากขนาดนี้ได้อย่างไร”ในดวงตาของหยานซูมีน้ำตาคลอ “กู่หยูเฉิง คุณอย่าข่มเหงฉันไม่รู้จักจบสิ้น”กู่หยูเฉิงกล่าวว่าจาอ่อนน้อมลงมา“หยานซู ความสัมพันธ์ของเรากลายเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่ทั้งหมดเป็นความผิดผม อย่างที่ผมเคยพูดกับเธอ ผมอยู่ที่นี่คนเดียวเหงามากและอยากมีผู้หญิงอยู่ข้างๆ ค่อยดูแลผม แต่เธอก็มักจะปฏิเสธผมด้วยเหตุผลว่าไม่อยากอยู่ร่วมห้องกันก่อนแต่งงาน ผมเป็นผู้ชาย เนื่องจากมีแฟนก็เท่ากับไม่มีแฟน เลยควบคุมตัวเองไม่ได้และล้ำเส้นกับจื่อเหวิน เรื่องความรักไม่มีผิดหรือถูกหรอก หยานซู ในเมื่อพวกเราไม่มีวาสนาต่อกัน เธอก็ช่วยผมและจื่อเหวินสมหวังเถอะ”เมื่อฟังคำพูดแก้ตัวของผู้ชายเจ้าชู้อย่างกู่หยูเฉิง หยานซูก็โมโหจนขำ พูดว่า “ฉันสงเคราะห์พวกคุณ แต่คุณต้อง
หยานซูคิดว่าตัวเองคงอยากแต่งงานจนเป็นบ้าไปแล้ว ถึงได้หูฝาดไปเองแบบนี้ "คุณโป๋ เมื่อกี้คุณว่าไงนะ?""หยานซู แต่งงานกับผมเถอะ ถึงผมจะไม่ได้เรียนสูงเหมือนแฟนเก่าคุณ แต่ผมก็ไม่ใช่พวกเกาะผู้หญิงกิน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในบ้านผมจะเป็นคนรับผิดชอบเอง ส่วนรายได้ของคุณผมก็จะไม่ไปยุ่งด้วย แล้วผมก็จะไม่มีวันไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยที่ไหนให้คุณเสียใจด้วยเหมือนกัน"ถ้าเป็นตอนปกติมีคนหน้ามืดตามัวมาขอเธอแต่งงานแบบนี้ ผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัวอย่างหยานซูก็คงคิดว่าสมองเขากำลังเลอะเลือนอยู่แน่ ๆแต่หยานซูที่ถูกกู่หยูเฉิงทำร้ายหัวใจจนพรุนไปหมดในตอนนี้ บวกกับที่บ้านที่เอาแต่เร่งให้เธอแต่งงานเร็ว ๆ มาคราวนี้เธอก็แอบหวั่นไหวอยู่เหมือนกันหยานซูพยักหน้ากลับไปโดยไม่คิดอะไร "คุณโป๋ ฉันยินดีที่จะแต่งงานกับคุณนะ แต่ฉันอยากรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้านด้วยครึ่งหนึ่ง ชายหญิงเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ฉันก็มีสิทธิ์ตัดสินใจอยู่ครึ่งหนึ่ง" การแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความรักก็ต้องพยายามให้ทั้งสองฝ่ายเท่าเทียมกันริมฝีปากบางของโป๋ซู่ยกขึ้นเบาๆ แค่หมอในโรงพยาบาลชั้นนำคนหนึ่ง เงินเดือนแค่นั้นจะไปพอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใ
โป๋ซู่ขมวดคิ้ว ก่อนจะยื่นมือไปหยิบสมุดจดทะเบียนสมรสที่หัวเตียงมาส่งให้เธอดู"เราแต่งงานกันแล้ว คุณลืมแล้วเหรอ?"หยานซูกลืนน้ำลาย ภาพฉากต่าง ๆ ที่ไม่ปะติดปะต่อกันไหลทะลักเข้ามาในสมอง ก่อนที่เธอจะทิ้งหัวลงอย่างหดหู่ใจ"นึกเสียใจขึ้นมาเหรอ?" โป๋ซู่ถามยังไม่รอให้หยานซูส่ายหน้า โป๋ซู่ก็พูดขึ้นว่า "นึกเสียใจตอนนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว เมื่อวานคุณเป็นคนลากผมไปสำนักงานเขตเอง คุณต้องรับผิดชอบผมนะ ไม่ใช่ว่าสร่างเมาแล้วจะมากลับคำทีหลัง แล้วปล่อยให้ผมกลายเป็นผู้ชายที่มีประวัติหย่าร้างแบบนี้"หยานซูกล่าวอย่างหนักแน่น "ไม่ต้องห่วง ฉันจะรับผิดชอบคุณแน่"แต่ในใจเธอกลับกำลังด่าตัวเองอย่างเจ็บแสบ ทำไมตัวเองถึงไปหาผู้ชายจากไหนก็ไม่รู้มาแต่งงานด้วยซะได้เกิดเขาเป็นผู้ชายที่ชอบทำร้ายร่างกายคนในครอบครัว ไม่ก็เป็นปลิงดูดเลือด หรือคนเห็นแก่ตัวที่เห็นแต่ผลประโยชน์ของตัวเองล่ะ?ทันใดนั้น เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของหยานซูก็พลันดังขึ้น เธอเหลือบไปมอง ก่อนจะเห็นชื่อกู่หยูเฉิงที่กะพริบขึ้นอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์หยานซูมองโป๋ซู่อย่างทำอะไรไม่ถูก "แฟน... แฟนเก่าฉันโทรมาน่ะ"โป๋ซู่ถามไปอย่างสุภาพบุรุษ "ต้องการให้
หยานซูกดตัดสายกู่หยูเฉิงในทันทีโป๋ซู่ขับรถเบนซ์ของตัวเองมา หลังผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ทั้งโป๋ซู่และหยานซูก็มาถึงบ้านพักพิงสำหรับการเยียวยาจากรัฐบาลหลังหนึ่งโป๋ซู่มองดูชุมชนสภาพทรุดโทรมแห่งนี้ กองขยะมากมายที่ผสมปนเปอยู่ในห้องขยะส่งกลิ่นเหม็นหืนออกมา พื้นหินมีคราบเกรอะกรังทับถมกันอยู่เป็นช่วง ๆ เล่นเอาโป๋ซู่ที่รักความสะอาดมาก ๆ ขึ้นกับรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาทันใดหยานซูหันกลับมามองโป๋ซู่ "คุณรอฉันในรถดีกว่าไหม?"โป๋ซู่พยักหน้า "อืม"ทันทีที่หยานซูเดินจากไป เขาก็รีบตรงดิ่งขึ้นรถปิดประตูหน้าต่าง กว่าจะทำให้ความรู้สึกคลื่นไส้นั้นสงบลงไปได้ชุมชนเก่า ๆ แห่งนี้ไม่มีลิฟต์ หยานซูจึงต้องวิ่งขึ้นบันไดไป โป๋ซู่มองตามเธอตาไม่กะพริบ ในแววตาแฝงไปด้วยความรู้สึกรักและเอ็นดูหยานซูวิ่งขึ้นบันไดไปจนถึงชั้นเจ็ดที่อยู่บนสุด ก่อนจะเดินไปเคาะห้อง 701 เธอเคาะอยู่นานกว่าน้องสาวบ้านสกุลกู้จะวิ่งมาเปิดประตู พอเห็นหยานซู กู้เสวี่ยก็บ่นว่า "พี่หยานซู ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้ล่ะ?""ฉันมาเอาของที่ฝากไว้ที่บ้านเธอน่ะ" หยานซูรู้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจจุดประสงค์การมาที่นี่ของเธอผิด จึงอธิบายไปอย่างชัดเจนกู้เสวี่ยตะลึง "แต่