"ใช่ไง ก็เขานั่นแหละ เธอแน่ใจหรอว่าเขาเป็นสามีสายฟ้าแลยของเพื่อนสนิทจนๆของเธอ?""ฉันเจอเขาหลายครั้งแล้ว ฉันแน่ใจว่าเป็นเขา"ครั้งนี้เป็นเพื่อนสาวที่ตกตะลึงไม่รู้ว่าเพื่อนสาวคิดอะไรขึ้นมาได้ จู่ๆก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ จึงออกปากกำชับเธอ "จื่อเหวิน เขาไม่ใช่คนธรรมดาๆ อย่าว่าแต่เธอเลย แม้แต่ครอบครัวที่มีฐานะอย่างฉันยังไม่กล้าไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ เรื่องวันนี้ที่ฉันพูด ห้ามเอาออกไปแพร่งพรายแม้แต่คำเดียว"หวังจื่อเหวินอึ้งไปทันที...เพื่อนสาวยังคงเตือนเธอต่อไป "ช่วงนี้ฉันเพิ่งได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเขามา ได้ยินว่าเขาเป็นคนโหดเหี้ยม ชอบทำร้ายทารุณคน ขนาดผู้ช่วยของปู่ตัวเอง ยังโดนเขาซ้อมจนกลายเป็นผัก ใบหน้าโดนกรีด เละจนดูไม่ได้"หวังจื่อเหวินได้แต่อึ้งจนตัวแข็งทื่อ เธอคิดยังไงก็คิดไม่ตกว่าผู้ชายที่โหดเหี้ยมคนนี้กับสามีที่แสนอ่อนโยนของหยานซูจะเป็นคนคนเดียวกันแค่คิดว่าไป๋หลานเฉิงที่มีนิสัยชอบทารุณโหดร้าย แต่อ่อนโยนเอาใจหยานซูสารพัด ทั้งถือกระเป๋าให้ ทั้งไปรับไปส่งที่ทำงาน ในใจของหวังจื่อเหวินก็พูดไม่ถูกว่ารู้สึกอะไร ราวกับความอิจฉาและความไม่ยอมขนาดมหาศาลได้สูบเข้ามาในอกของเธอทั้งหมดให
ช่วงหัวค่ำ โป๋ซู่มารับหยานซูที่โรงพยาบาลก่อนเวลาเลิกงานดังเช่นปกติเขาเพิ่งจะจดดรถลงตรงหน้าโรงพยาบาล ก็พบว่ามีรถคันนึงมาจอดข้างรถเบนซ์ของเขาอีกฝ่ายลดหน้าต่างลงมา โป๋ซู่เห็นใบหน้าที่แต่งหน้าอย่างประณีตของหวังจื่อเหวิน สายตาที่หล่อนมองเขาในวันนี้ไม่ได้เย่อหยิ่งหรือรังเกียจเหมือนที่ผ่านมา ก็ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่นั่นทำให้โป๋ซู่รู้สึกได้ว่าสายตาของเธอแฝงความหวานหยดย้อยไว้อยู่เขาพยายามระงับความรู้สึกคลื่นไส้ที่ผุดขึ้นมา แล้วเตรียมกดปิดหน้าต่างรถแต่จู่ๆเสียงตีก็ดังขึ้นจากด้านนอกหน้าต่างรถอย่างร้อนรน โป๋ซู่ขมวดคิ้ว แล้วลดหน้าต่างลงด้วยความรู้สึกรำคาญ ทันใดนั้นหวังจื่อเหวินก็ยื่นหน้าที่ทารองพื้นหนาๆ เข้ามาใกล้โป๋ซู่ แล้วอ้อนวอนเบาๆ "โป๋ซู่ คุณช่วยถอยรถให้ฉันหน่อยได้ไหม ฉันขับรถไม่เก่ง เอารถเข้าไม่ได้"โป๋ซู่เหลือบมองที่จอดรถแคบๆ ที่จอดรถขนาดเล็กแบบนี้นับเป็นบททดสอบสุดโหดสำหรับสาวๆ ที่ขับรถไม่คล่องแต่ตั้งแต่ไหนแต่ไรโป๋ซู่ไม่ชอบเฉียดตัวเข้าใกล้เพศตรงข้าม จึงปฏิเสธเพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลม "ไม่ได้ ฉันเกรงว่าซูซูของฉันจะไม่พอใจเอา" จากนั้นก็กดปิดหน้าต่างอย่างไม่เกรงใจหวังจื่อเหวิน
จังหวะนี้เองโป๋ซู่ก็ดึงประตูรถออก แล้วเรียกหยานซูด้วยเสียงอ่อนโยน "ซูซู ขึ้นรถสิ"หยานซูไม่สนใจหวังจื่อเหวินอีกต่อไป แล้วเข้าไปในนั่งรถเบนซ์หวังจื่อเหวินมองโป๋ซู่ที่ช่วยหยิบกระเป๋าของหญิงสาวมาถืออย่างเอาใจ จากนั้นยังจุ๊บที่หน้าผาก ราวกับเห็นหยานซูเป็นสมบัติล้ำค่าของเขาแค่คิดว่าโป๋ซู่ไม่ใช่แค่คลั่งรักเมีย แต่ยังหน้าตาหล่อเป็นลม แถมมีสถานะเป็นถึงทายาทตระกูลไป๋ที่แสนร่ำรวย เมื่อเทียบกับกู่หยูเฉิง คุณสมบัติแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว จู่ๆหวังจื่อเหวินก็รู้สึกจิตตกหลายร้อยเท่าโป๋ซู่กับหยานซูออกไปนานแล้ว หวังจื่อเหวินถึงได้เห็นกู่หยูเฉิงเดินออกมาพร้อมกับพยาบาลหลายคนด้วยท่าทางสบายอารมณ์ตอนที่กู่หยูเฉิงคุยเล่นกับพยาบาลพวกนั้น ใบหน้าของเขาเบิกบานเป็นจานดาวเทียม แตกต่างกับสีหน้าบึ้งตึงเวลาที่อยู่กับเธอลิบลับนั่นทำให้หวังจื่อเหวินโมโหมากเธอบีบแตรขึ้นอย่างแรง กู่หยูเฉิงกับพยาบาลพวกนั้นหันมามองทางนี้ เมื่อเห็นหน้าของหวังจื่อเหวิน เด็กสาวพวกนั้นก็มีสีหน้าไม่สู้ดี"หมอกู่ บ้ายบายค่ะ" เด็กสาวทั้งหลายสลายตัวไปราวกับหมอกกู่หยูเฉิงเดินก้มหน้าเข้ามาหาหวังจื่อเหวิน"จื่อเหวิน จะบีบแตรเสียงดังทำ
กู่หยูเฉิงแค่นหัวเราะ "แม่อยากให้ผมเกาะผู้หญิงกินหรอ? งั้นคงต้องให้ครอบครัวหวังอนุญาตก่อนถึงจะได้ แม่จื่อเหวินทั้งเหม็นขี้หน้าผมที่ไม่เคยออกเงินซื้ออะไรให้สักบาท ทั้งรังเกียจที่ผมจน ต่อไปถ้าแต่งงานกับหวังจื่อเหวินผมยังไม่รู้เลยว่าต้องทนเจอกับอะไรบ้าง"คุณแม่ของหยูเฉิงตกตะลึง ในสายตาของเธอลูกชายของเธอมีการศึกษาสูง หน้าตาหล่อเหลา เป็นคนหัวสมองดีที่ไม่ได้หาได้ง่ายๆ ผู้หญิงบนโลกนี้ใครก็ตามที่มาจูบลูกชายเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับการพยายามจะเด็ดดอกฟ้าเธอพูดขุ่นเคือง "เหอะ ทีเรายังไม่รังเกียจหวังจื่อเหวินที่จบแค่สายอาชีพ แม่ของนายมีสิทธิ์อะไรมารังเกียจลูก? จนมันก็จนแค่ตอนนี้ อีกหน่อยใช่ว่าลูกจะหาเงินไม่ได้"จากนั้นคุณแม่ของหยูเฉิงก็ขอร้องลูกชายเสียงหนักแน่น "จากพรุ่งนี้ไป ลูกไม่ต้องไปทนอยู่บ้านครอบครัวหวังแล้ว กลับบ้านเรานี่แหละ แม่หวังจื่อเหวินท้องลูกของเราอยู่ เด็กเข้าเจ็ดเดือนท้องโตแบบนี้ ทำแท้งไม่ทันแล้ว ลูกก็ทำเย็นชาใส่ไปเลย ถึงตอนนั้นให้แม่นั่นเป็นฝ่ายมาขอร้องให้ลูกกลับบ้านเอง"ในขณะเดียวกันหวังจื่อเหวินกลับบ้านมาอย่างโมโห พ่อแม่จื่อเหวินเห็นเธอกลับมาแค่คนเดียว ก็ถามขึ้นอย่างอดสงสัยไม่
จู่ๆในสมองของหวังจื่อเหวินก็ผุดภาพใบหน้าอ่อนหวานละมุนของโป๋ซู่ขึ้นมา พอเทียบกับโป๋ซู่ที่อ่อนโยนร่ำรวย กู่หยูเฉิงยังมีค่าอะไรอยู่อีก?"ถ้าเขาอยากเลิกก็เลิก หนูไม่เชื่อว่าหนูจะหาผู้ชายที่ดีกว่าเขาไม่ได้อีก" เธอไม่เชื่ออะไรทั้งนั้นนอกจากตัวเองพ่อจื่อเหวินกลัวว่าลูกสาวตัวเองจะใฝ่สูงเกินตัว จึงโน้มน้าวลูกสาวด้วยความมีวุฒิภาวะ "เหวินเหวิน ชาวบ้านแถวนี้เขารู้เรื่องที่ลูกกับกู่หยูเฉิงอยู่ด้วยกันกันหมด ถ้างานแต่งของลูกล่ม ในสายตาชาวบ้านก็เท่ากับแต่งงานซ้ำ ผู้หญิงที่แต่งงานซ้ำแล้วจะหาสามีใหม่ ลูกคิดว่าการจะได้เจอคนที่ถูกใจมันง่ายหรอ? กู่หยูเฉิงไม่ได้ทำผิดใหญ่หลวงอะไร ลูกไปเคลียร์กับเขาดีๆจะดีกว่านะ..."จื่อเหวินพูดอย่างไม่ยอมแพ้ "แล้วที่หยานซูคบกับกู่หยูเฉิงมาสิบปี ก็ยังหาผู้ชายที่ถูกใจได้เลยไม่ใช่หรอ? พ่อ หนูก็ทำได้เหมือนกัน"พ่อจื่อเหวินพูด "หยานซูกับหยูเฉิง คบกันหาดูใจกันแค่ผิวเผิน ความรักใสๆสมัยวะยรุ่นแบบนั้น มันเทียบกับลูกได้ที่ไหน? ระหว่างพวกลูกมันเลยเถิดถึงขั้นเป็นสามีภรรยากันขึ้นมาแล้วไหม?"แม่จื่อเหวินยุยงขึ้นไปอีก "โอ๊ย คุณคะ นี่มันยุคไหนกันแล้ว ใครจะมานั่งสนใจเรื่องอยู่ก่อนแต่งก
เธอได้ยินโป๋ซู่พูดว่า ครั้งแรกของผู้หญิงล้ำค่ามากขนาดนั้น สีหน้าของเธอก็ซีดเผือดในทันทีความจริงแล้วผู้ชายให้ความสำคัญกับเรื่องพรหมจรรย์ของผู้หญิงมากความมั่นใจแบบหลับหูหลับตาของหวังจื่อเหวินถูกโป๋ซู่บดขยี้จนสิ้นซากเธอดึงผ้าม่านสุดแรง ราวกับอยากจะทิ้งภาพเพ้อฝันที่ไม่จริงเหล่านั้นเอาไว้ด้านนอกท้องฟ้าและโลกอันกว้างใหญ่ไพศาล ในที่สุดก็กลับสู่ความสงบณ คฤหาสน์ฮ่าวหลานบนที่ดินราคาแพงหูฉี่ คฤหาสน์ฮ่าวหลานกลับกินพื้นที่ในรัศมีตั้งแต่ใจกลางเมืองลามไปจนถึงขอบนอกทางตอนใต้ของเมืองตี้ตระกูลที่สามารถครอบครองพื้นที่ทองคำของเมืองได้ ต้องเป็นตระกูลใหญ่และมีอำนาจที่สุดในเมืองตี้ จึงเป็นคฤหาสน์ของตระกูลไป๋ที่ร่ำรวยที่สุดผู้นำของตระกูลไป๋ ได้ก่อตั้งไป๋ซื่อกรุ๊ปซึ่งเป็นกลุ่มทุนข้ามชาติยักษ์ใหญ่อันมีชื่อเสียงกระฉ่อน รวมไปถึงเป็นผู้สร้างตระกูลที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมานายท่านผู้สูงศักดิ์มีลูกชายทั้งหมดสี่คน พี่ใหญ่ชื่อไป๋ยวู่ คนที่สองชื่อไป๋ก่าว คนที่สามชื่อไป๋หมิงและคนสุดท้องชื่อไป๋จวิน ทั้งสี่คนล้วนมีฝีมือในการดำเนินธุรกิจ แต่ความที่ทั้งสี่คนคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ดังนั้นพฤติกรรมเสเพลติดเสพความบัน
"นายน้อยไป๋เหลียนเฉิงจากบ้านสาม แม้จะมีนิสัยใช้เงินมือเติบ แต่นายหญิงสามกลับเป็นผู้หญิงตระหนี่ขี้เหนียว หากให้สองสามีภรรยาคู่นี้ช่วยกันจัดงานวันเกิด คาดว่าจะคอยดึงกันและกันไม่ให้ตึงจนเกินไป และอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ใครก็คิดไม่ถึงก็ได้ครับ""ส่วนนายน้อยคนเล็กจากบ้านสองไป๋เจียเฉิง เพิ่งจะแต่งงานมีครอบครัว อายุก็ยังน้อย หากมอบงานวันเกิดให้เขาจัดการเกรงว่าจะทำให้คนอื่นยอมสยบไม่ได้ครับ"ชายชราตบเข่าตัวเองฉาด "นายวิเคราะห์ได้ถูกต้องมาก ในบรรดาหลานชาย หลานเฉิงมีความสามารถมากที่สุด ส่วนในบรรดาหลานสะใภ้ นายหญิงรองฉลาดหลักแหลมที่สุด แต่วันเกิดของฉันจะให้หลานสะใภ้มีลำบากจัดงานได้ที่ไหน งั้นก็ให้หลานเฉิงเป็นคนจัดการแล้วกัน"ผู้ดูแลตกใจมาก เขาแอบเตือนสติผู้เป็นนายอย่างระมัดระวัง "นายท่านครับ ถึงจะบอกว่างานเลี้ยงวันเกิดยกให้เป็นหน้าที่นายน้อยหลานเฉิง แต่ถึงตอนนั้นเรื่องความรับผิดชอบงานบ้านยังไงก็ต้องให้เป็นหน้าที่คุณผู้หญิงอยู่ดี กลัวก็แต่งคุณหนูหยานซูไม่เคยออกงานสังคมแบบนั้น หากเธอทำอะไรพลาดในงานวันเกิดของท่าน มันจะไม่คุ้มเสียเอานะครับ"แววตาของชายชราผุดประกายความเฉียบแหลม "หลานเฉิงจะไม่ปล่อยให้เธอ
เป็นแฟนกันมาสิบปี หยานซูเพิ่งรู้ว่าเงินทั้งหมดที่เธอหามาหลายปีเพื่อให้แฟนหนุ่มเรียนปริญญาเอกนั้น กลับถูกใช้ไปกับเพื่อนสาวคนสนิทของเธอ……หยานซูคิดไม่ถึงว่าหลังจากนั่งรถไฟความเร็วสูงนานกว่าสิบชั่วโมงเพื่อไปหาคนรักจะเห็นฉากที่ทำให้ใจสลายนี้เขาเป็นแฟนหนุ่มของเธอซึ่งคบกับเธอตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย รักกันมาเป็นเวลาสิบปีเต็มๆ และเคยสาบานว่าจะรักเธอจนวันตาย เวลานี้กำลังจูงมือจื่อเหวินเพื่อนรักของเธอเดินอย่างสนิทสนมบนถนนต้นวูถง และท้องของจื่อเหวินป่องขึ้นมาเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่ากำลังตั้งทองร่างกายของหยานซูเย็นเยียบราวกับว่าตกลงไปในอุโมงค์น้ำเเข็ง เธอรู้สึกหนาวมากจนทุกเซลล์ในร่างกายกำลังจะถึงจุดเยือกแข็งและแขนขาของเธอก็เริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้เธอไม่อยากจะเชื่อว่ากู่หยูเฉิงนอกใจเธอ แต่เมื่อเห็นกู่หยูเฉิงและจื่อเหวินจูงมือกันรวมถึงสายตาที่แสดงความรักต่อกัน ก็ได้ทำลายความเชื่อใจที่มั่นคงของหยานซูต่อกู่หยูเฉิงกู่หยูเฉิงไม่ได้สังเกตเห็นหยานซูที่ยืนอยู่ด้านข้าง เขาและจื่อเหวินเดินเลี้ยวเข้าประตูอาคารไปหยานซูเป็นเหมือนเด็กที่ถูกบิดามารดาละทิ้ง เธอยืนอยู่คนเดียวใต้แสงแดดที่ร้อนจัด แม้แต่อุณ