ตุลย์เมื่อได้ยินเสียงสิ่งของตกกระทบอยู่หลายครั้งก็วิ่งถือปืนมาในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวอย่างหมิ่นเหม่เพียงตัวเดียว บนหัวมีแชมพูสระผมขาวเป็นฟองทั่วทั้งหัว ทว่าวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางทะมัดทะแมงมือถือปืนเล็งเข้าพร้อมจะยิงกับศัตรูทุกเมื่อ ก็ต้องลดระดับมันลงเมื่อเห็นเจ้านายกำลังนอนทับร่างผู้หญิงที่พามาด้วยกันบนโซฟาจนแทบจะหลอมเป็นคนเดียวกัน
"มีอะไรกันหรือเปล่าครับ"
เมื่อได้ยินเสียงจากตุลย์และโผล่เข้ามา ราเชนทร์ก็ลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวมองน้ำหนึ่งนอนจมบนโซฟาหลังจากถูกกดจนปวดแขนไปหมด ร่างเล็กดันตัวเองขึ้นทรงตัวนั่งเบ้หน้าจากความเจ็บปวดก่อนจะเอียงหางตามองคนอายุมากกว่าที่อยู่ใกล้ๆ
"เด็กมันซนไปหน่อย"
พับแขนเสื้อขึ้นแล้วแกะกระดุมปลดลงถึงกลางอกด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ในขณะที่น้ำหนึ่งก็ยังนั่งนวดแขนตัวเองไปมาไม่พูดไม่จามีเพียงสีหน้าของความเจ็บปรากฏออกมาเท่านั้น
"คืนนี้ก็นอนบนโซฟาแล้วกัน"
ราเชนทร์บอกคนตัวบางให้นอนบนโซฟาตัวนี้ จากนั้นก็เดินสะบัดคอขึ้นชั้นบนเข้าห้องนอนของตัวเองโดยไม่สนใจน้ำหนึ่ง
"ไปทำอะไรให้เฮียไม่พอใจ" ตุลย์กระซิบถามทันทีที่ราเชนทร์เลี้ยวตัวขึ้นบันไดจนหายไปชั้นบน
"เปล่า หนึ่งแค่โมโหที่เฮียเขาไม่ยอมตอบ"
หน้าหงิกในยามที่พูดถึงราเชนทร์ ตุลย์ทำหน้างง มีเรื่องอะไรกันถึงขั้นปาข้าวของโดนเฉพาะรูปภาพใบนี้ ราเชนทร์หวงยิ่งกว่าอะไร
"เดี๋ยวเฮียอาบน้ำเสร็จจะเอาผ้าห่มหมอนเสื้อผ้าและของใช้มาให้"
"ไม่เอา หนึ่งจะกลับเลาจน์" เธอโวยวายขึ้นและไม่อยากค้างที่นี่
"รู้ไหมว่าอยู่ที่ไหน"
"ไม่รู้"
"ที่นี่เคยเป็นจุดพักทหารสมัยสงครามโลก มีคนตายเป็นร้อยๆ ศพเพราะถูกทหารต่างชาติยิงปืนเข้าใส่ ออกไปตอนนี้ไม่กลัวเจอผีหรือไง" ตุลย์ใส่น้ำเสียงบิ้วให้มันดูมีความน่ากลัวขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น น้ำหนึ่งตาเบิกโพลงคล้ายเป็นสุสานดีๆ นี่เอง ความกลัวเริ่มเกิดน้ำหนึ่งเป็นคนกลัวผีมาก ยิ่งมารู้แบบนี้ยิ่งทำให้กลัวไปใหญ่ มองซ้ายมองขวาด้านนอกที่เงียบสงัดมันก็ดูวังเวงพอสมควร
ทว่ามันเป็นเรื่องโกหก
"แล้วเฮีย.."
"ชื่อเฮียตุลย์ คนหน้าดุๆ ที่เดินขึ้นขึ้นชั้นบนคือเฮียเชนทร์เป็นเจ้านายเฮียเอง" ตุลย์แนะนำตัวเองและเผื่อไปยังเจ้านายด้วย ทว่าน้ำหนึ่งก็เบะปากเมื่อกล่าวถึงผู้ชายที่ไม่รู้จักถนอมเรือนร่างของผู้หญิงเอาเสียเลย
"แปลว่าหนึ่งต้องค้างที่นี่นะสิ"
"อยากไปก็ไปเอง ดึกขนาดนี้เฮียไม่ไปส่งหรอก กลัวผี" ย้ำอีกรอบทำน้ำหนึ่งขวัญผวาไปใหญ่
พูดจบตุลย์ก็หันหลังกลับเพื่อจะไปบ้านเรือนด้านหลังอาบน้ำหลังตัวให้สะอาด ทว่าต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงของคนที่เพิ่งสนทนาด้วยเอ่ยตามหลัง
"เฮียตุลย์"
"...." หันกลับมอง
"ยืมพระในคอสักคืนสิ หนึ่งรู้สึกไม่ปลอดภัยยังไงไม่รู้"
ดวงตาสีน้ำตาลกลอกล่อกแล่กไปมาเหมือนมองอะไรบางอย่าง ตุลย์กำพระในคอที่มีขนาดองค์แค่นิ้วหัวแม่มือมองมาที่ร่างแน่งน้อยบนโซฟา
"องค์เล็กนิดเดียวกันผีไม่ได้หรอก เดี๋ยวจัดการให้" จากนั้นตุลย์เดินออกไปอย่างรวดเร็วเพราะเริ่มคันหัวคันตัวเมื่อยังไม่ได้ล้างคราบแชมพูและสบู่ โดยทิ้งน้ำหนึ่งนั่งอยู่ชั้นล่างของบ้านเพียงคนเดียว ลมเย็นโกรกเข้าทางระเบียงที่ไม่มีผนังกั้น ความเย็นยะเยือกทำขนอ่อนบนร่างลุกพรึบพร้อมกัน ขนหัวก็เริ่มลุกเมื่อบรรยากาศวังเวงเหลือเพียงเธอคนเดียว
"พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์" ยกมือพนมท่วมหัวร้องเรียกหาพระรัตนตรัยออกมาปกป้องคุ้มครองจากภัยของวิญญาณ
ฟึบ!!!
"ว๊าย!!!" น้ำหนึ่งร้องลั่นในยามไฟฟ้าดับลง กระโดดยกเท้าขึ้นเหยียบโซฟานอนขดหน้ามุดหมอนใบเล็กที่เอาไว้ใช้พิงหลัง ทว่ายิ่งหวีดร้องหนักไปใหญ่เมื่อสัมผัสได้ว่าหัวไหล่กำลังถูกบางอย่างสะกิดสัมผัส
"ไปที่ชอบๆ เถอะ อย่ามาหลอกมาหลอนเลย" เสียงสั่นจากความกลัวเอ่ยขึ้นบอกสัมภเวสีกำลังหลอกหลอน
"เหนิ่ง" เสียงหย่อนยานทำเอาขนหัวลุกหนัก ยกมือพนมร้องหาพ่อแก้วแม่แก้วตัวสั่นระริกในยามคล้ายมีวิญญาณมีสนทนาด้วย คำโบราณหากมีใครมาเรียกชื่อในยามดึกสงัดจะไม่ขานรับเด็ดขาด
"นะโมตัสสะ ภควโต" เริ่มสวดมนต์ตัวสั่น
"หนึ่ง"
"อย่ามาหลอกหนู หนูเพิ่งมาไม่รู้เรื่องอะไร ไปหลอกเฮียตุลย์กับเฮียเชนทร์เลยไป"
น้ำหนึ่งไล่ผีให้ไปหลอกอีกฝ่ายโดยให้เหตุผลมาเธอพึ่งมาที่นี่
"หนึ่ง" คราวนี้เสียงดังขึ้นไม่หย่อนเหมือนรอบก่อน หันหน้ากลับมามองอย่างเชื่องช้า ทว่าก็ต้องร้องจ๊ากเมื่อคนที่ยืนอยู่คือตุลย์นุ่งสโลงและทาแป้งทานาคาขาวเต็มหน้าราวกับผีโบราณ
"ตกใจหมด" ยกมือน้อยๆ ทาบไว้บนอกหายใจแรง ก่อนจะผ่อนลมหายใจให้เบาขึ้นเมื่อคนตรงหน้าไม่ใช่ผี
"เฮียก็ตกใจ ร้องไม่ดูตาม้าตาเรือเลย" บ่นให้น้ำหนึ่งที่เอาแต่ร้องกับร้อง
"ใครจะไปรู้ว่าเป็นเฮีย ไฟก็ดันมาดับเอาตอนนี้"
"ที่นี่ไฟจะดับอัตโนมัติตอนตี 4 แล้วจะกลับมาเปิดตอน 6 โมงเช้า" เป็นบ้านสไตล์รีสอร์ตที่ใช้ไฟจากแผงโซล่าเซลล์เป็นหลัก ส่วนไฟฟ้าปกติก็จะสลับใช้บ้างยามจำเป็น
"ประหยัดกันจัง"
"ลดภาวะโลกร้อน" ตุลย์ยื่นหมอนใบใหญ่ผ้าห่มและเสื้อผ้าตัวใหม่ ทว่าอาการเย็นๆ แบบนี้น้ำหนึ่งคงไม่อาบให้เสียเวลานอน
"แล้วมีอะไรมาให้กันผี" ยังไม่ลืมของขลังที่ขอเอาไว้ ตุลย์ยกพระพุทธรูปองค์ใหญ่วางไว้บนโต๊ะข้างโซฟา
"กันได้ทุกผี" พอกล่าวออกมาเป็นผลทำให้คนฟังสบายใจขึ้น
"ขอบใจเฮียตุลย์มาก เฮียออกไปได้แล้ว หนึ่งจะถอดเสื้อผ้า" มีพระวางไว้ใกล้ๆ ก็สบายใจไปหนึ่งเปราะ เมื่อตุลย์เดินพ้นประตูออกไปบ้านเรือนด้านหลัง น้ำหนึ่งก็จัดการเปลี่ยนชุดโดยไม่ทันได้สังเกตว่าชุดที่เปลี่ยนใส่มันเป็นชุดของผู้หญิง
หัวใจเธอเต้นแรง พวงแก้มแดงก่ำหนักกว่าเดิมและร้อนผ่าวจนเขินอายทั้งที่อยู่ด้วยกันมานาน น้ำหนึ่งเดินมาอีกมุมของห้องเพื่อหลบสายตา จัดการถอดชุดบนกายออกเพื่อจะเข้าห้องอาบชำระร่างกายแล้วออกมานอน ซิปด้านหลังพยายามจะรูดลงอย่างเงอะงะ ทว่าราเชนทร์รีบเข้ามาช่วยในทันที“จะอาบน้ำเหรอ”“อืม...เหนียวตัว”เสียงซิปรูดรั้งลง โชว์แผ่นหลังขาวเนียนแก่สายตาคนมอง จากนั้นลมร้อนจากปลายจมูกปะทะลง ทำเธอสะดุ้งตัวเมื่อริมฝีปากคนด้านหลังจุมประทับลง“ที่จริงก็ยังไม่เหนียวเลยนะ”น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยกระซิบแล้วรั้งทั้งชุดลงจนเธอตัวเปลือย มองหน้าอกอวบเต่งตึงจนเกิดเส้นเลือดบนบริเวณเนื้อนมนั้น หน้าท้องมีพุงน้อยๆ โผล่ขึ้นไม่ต่างจากคนเพิ่งกินข้าว ส่วนด้านล่างนั้นเกลี้ยงเกลาน่ารักราวกับเด็กน้อยเพราะเธอไปเลเซอร์มา“ไม่เหนียวก็จะอาบ”กำลังจะเดินหนีก็ถูกโอบกอดเอาไว้ ราเชนทร์จูบลงต้นคอและไซ้เบาๆ ทำขนอ่อนบนร่างชูชันขึ้น“หนึ่ง”“ไม่เอานะเฮีย วันนี้เหนื่อยทั้งวันเลย”“เฮียมีความสุขมาก”“….”“ในที่สุดเราก็เป็นสามีภรรยากันโดยสมบูรณ์”“ค่ะ – หนึ่งจะเป็นภรรยาที่ดีของเฮียนะ”ราเชนทร์ต้องการแสดงความรักด้วยการกอดเท่านั้น กระชับร่างขาวลงจม
สองอาทิตย์ต่อมากำหนดงานแต่งที่วางแผนกันไว้ตอนนี้ล่วงเลยมาแล้ว ครั้นเกิดเหตุการณ์อันตรายจนได้รับบาดเจ็บกันทั้งสอง แผลที่เกิดจากการโดนยิงเริ่มหาย ส่วนแขนของน้ำหนึ่งที่หักก็ดีขึ้นตามลำดับ แต่เพราะความไม่เคยเจ็บตัวทำให้เธอระแวงในการใช้แขนเพราะกลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีกรอบ“ฤกษ์แต่งงาน – เราค่อยหากันใหม่”“หนึ่งไม่อยากได้ฤกษ์แล้ว”เธอตอบเขา พลางหยิบผลไม้รสเปรี้ยวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย เปิดหนังสือจากร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่ส่งมาให้เลือกทุกสามเดือน ทว่าน้ำหนึ่งไม่ชอบเสื้อผ้าแฟชั่นพวกนี้เท่าไหร่“ไม่มีฤกษ์ ก็ไม่ได้แต่งน่ะสิ”“เอาที่สะดวกดีกว่า”“….”“เราอยู่ด้วยกันมานาน ใครๆ รู้ว่าเป็นผัวเมียกัน ไม่ต้องทำอะไรที่เป็นพิธีรีตองแล้วก็ได้ แค่ได้อยู่กับเฮียในทุกๆ วันนั่นแหละคือความสุขของหนึ่ง”ไม่ได้คิดว่าจะต้องมีงานมงคลเกิดขึ้น ทุกอย่างมาจากความต้องการของราเชนทร์เพราะอยากให้เกียรติ แต่พอผ่านพ้นเรื่องราวต่างๆ กันมาได้ ทำให้เธอรู้ว่าการได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวินาทีนั้นมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใดรอยยิ้มประดับบนใบหน้าหล่อเหลา มองเมียรักนั่งไขว่ห้างเปิดหนังสือในอิริยาบถที่สบายตา เธอสบายใจขึ้นในการใช้ชีวิตจ
น้ำหนึ่งตาเบิกโพลง ราเชนทร์กำลังมีความต้องการทั้งที่สภาพร่างกายแต่ละคนก็เจ็บมากพอสมควร“หนึ่งแขนหัก เฮียโดยยิงตรงท้องและต้นแขน ขย่มไม่ได้หรอกนะ”ประโยคอ้อยอิ่งทั้งเขินอายปฏิเสธทางอ้อม ครั้นรู้ว่าชายหนุ่มต้องการอะไร ที่เป็นอยู่มันไม่ได้เอื้ออำนวยแก่การร่วมรักเลยสักนิด“คxยเฮียไม่หักนี่”“ไม่เอา”“อยากเลีย”“เลียอะไร”ถามกลับอย่างไร้เดียงสา อันที่จริงน้ำหนึ่งรู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มหมายถึงอะไร ราเชนทร์ขยับกายลงจากโซฟาแล้วนั่งย่อ จากนั้นคล้องเรียวขาเล็กลากมายังฝั่งที่ตนนั่ง เขารั้งกางเกงผู้ป่วยของเธอลง แล้วยกเท้ายันชันเข่าขึ้น“ขอเลียหน่อยนะครับ”“โรงพยาบาลนะ”“ไม่มีใครเข้ามา เฮียสั่งไว้แล้วห้ามรบกวน”“บ้า”คำพูดที่เอ่ยออกเหมือนจะปฏิเสธ ทว่าก็รู้สึกไม่ต่าง พลันมือหนาจับเรียวขาแหกออกกว้าง มองเนินกุหลาบอวบอูมที่ไม่มีชุดชั้นในห่อเอาไว้ เขาสอดมือใต้ร่มผ้า เลื่อนสูงขึ้นกำเข้าเต้านมสวยบีบมันเบาๆ แล้วใช้มืออีกข้างบดขยี้เม็ดคลิตอริสที่โผล่ขึ้นมาจากรอยแยกเล็กน้อย น้ำหนึ่งสะดุ้งตัวแต่ยังไม่มีเสียงครางเล็ดออกมาเพราะเธอกัดปากแน่นเอาไว้ กลัวว่าจะเผลอร้องจนเจ้าหน้าที่และลูกน้องที่ยืนเฝ้าลอบได้ยินและสงสั
ร่างหนาอยู่บนเตียง จะไม่ตกใจหากราเชนทร์นอนแบบคนปกติ ทว่าตอนนี้มีผ้าสีขาวคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า ยืนนิ่งตัวแข็งทื่อกับสิ่งที่เห็น ลมหายใจแรงขึ้นและหยาดน้ำตาร่วงหล่นอาบใบหน้าที่ไร้การแต่งทันทีราเชนทร์ตายแล้ว...“ฮึ่ก”ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าขยับไปทีละน้อยให้ใกล้เตียงแต้ม ยกมือปิดปากตัวเองไม่ให้เสียงเล็ดลอดครั้นไม่อยากให้คนตายนั้นได้ห่วง ทว่าความเสียใจที่เกิดแบบไม่ทันได้เตรียมเกินกว่าจะอดทน พลันปล่อยโฮร้องไห้อย่างหนัก ซบตัวลงกอดร่างหนานั้นอย่างไม่กลัว ทั้งที่ปกติเป็นคนกลัวผี“หนึ่งขอโทษ – ฮือ ขอโทษที่ช่วยเฮียไม่ได้”สะอึกสะอื้นพร้อมกับเอ่ยโทษตัวเองเสียงสั่น เพราะผู้หญิงตัวคนเดียวก็ทำได้เพียงเท่านี้ น้ำสีใสจากเบ้าตาไหลเปียกผ้าสีขาว ทั้งน้ำมูกที่ไหลออกจากรูจมูกยามร้องไห้แบบเอาเป็นเอาตาย“ขอโทษที่ปกป้องเฮียไม่ได้”“หนึ่ง”“ฮือ!! ขอโทษ”“หนึ่ง”เจ้าของชื่อชะงักในทันที เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกเธอกลางวันแสกๆ ราเชนทร์กลายเป็นผีมาหลอกเธอได้แล้วเหรอเนี่ย“ไม่กลัว เฮียจะเป็นผี หนึ่งก็ไม่กลัว”“จะตายจริงๆ เพราะโดนเมียทับแผลนี่แหละ”เหยียดตัวยืนขึ้น จากนั้นดึงผ้าที่ห่อขึ้นคลุมศีรษะ ราเชนทร์ลืมตาแล้วกะพริบถี่
กำลังคนด้านนอกของราเชนทร์กระจายออกไปโดยรอบ สำรวจทางหนีทีไล่ในยามต้องเข้าชิงตัวเขาออกมา“เฮียตุลย์ จะเอายังไงก็เอาเถอะ เรานั่งกันแบบนี้นานแล้ว”“ใจร้อนแบบมึงก็มีแต่พาเฮียเชนทร์ไปตาย – มองไม่เห็นคนของไอ้เสี่ยเหรอ เดินเข้าเดินกันเป็นขบวน”จริงอย่างที่เขาพูด ไม่นึกว่าคนของชลัมพลจะขนมาเยอะขนาดนี้ ต้องรอจังหวะในการเก็บทีละคน กระทั่งมีชายฉกรรจ์เป็นลูกน้องฝั่งศัตรูออกมาปลดทุกข์เบา ตุลย์ที่หมอบต่ำในพงหญ้า ลุกขึ้นช้าๆ พร้อมกันกับน้องคนสนิทอย่างปืน จากนั้นเข้าทางด้านหลัง ใช้มือปิดปากคนฝั่งตรงข้ามพร้อมกับใช้มีดเฉือนเข้าลำคออย่างเหี้ยมโหด ไม่ได้เป็นคนจิตใจอำมหิตโดยสันดาน แต่สถานการณ์ที่ต้องเอาตัวรอดและช่วยเหลือเจ้านายผู้มีพระคุณจำเป็นต้องทำ หากมันไม่ตายราเชนทร์ก็ต้องตายน้ำหนึ่งที่ยังเกาะกิ่งไม้ดูลาดเลา ยามส่องกล้องทางไกลเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อชายฉกรรจ์นอนชักดิ้นชักงอจนหมดลมหายใจ พลันหัวใจเต้นรัวและหวาดกลัวไม่น้อยครั้นเห็นคนตายต่อหน้า ทว่าพยายามตบสติตัวเอง เข้าใจว่าเป็นการป้องกันตัวและเข้าช่วยเหลือ ไม่มีใครอยากเป็นฆาตกร“โอเคไหมหนู”ลุงที่รออยู่ด้านเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เพราะได้ยินเสียงลมหายใจของน้
เพียะ!!ฝ่ามือหนาฟาดลงใบหน้าราเชนทร์จนหมุนไปตามแรงกระทบ แรงผู้ชายที่ง้างมือตบครั้งเดียวทำมุมปากเขาแตก เลือดไหลเพียงเล็กน้อยทว่ามีรอยแดงขึ้นกลางหน้าปรากฏเด่นชัด เล็บจิกลงกับพื้นคอนกรีต กลืนน้ำลายยามที่คับแค้นใจ อยากจะลุกตอบโต้ด้วยการเตะเสยปลายคางก็ต้องอดกลั้นเอาไว้อย่างที่สุดครั้นตอนนี้ตัวเองกำลังเป็นรอง เป็นครั้งแรกที่เขาอดทนได้มากขนาดนี้ อดเพื่อรอเวลาเป่ากบาลไอ้สารเลวที่มันกำลังคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่น“ไงมึง ลุกขึ้นมาสิ ลุกขึ้นมา”“อ๊า—”ชลัมพลกำเข้าเส้นผมอีกฝ่ายแน่น จากนั้นกระชากจนใบหน้าแหงนขึ้นสูง ราเชนทร์เอียงสายตาโกรธแค้นมองคนเลวที่ยังทำชั่วลอยหน้าลอยตาหนักแผ่นดินไม่เลิก พลันสีหน้าของมันบ่งบอกว่าสะใจมาก เมื่อตอนนี้เขาตกเป็นรองทุกอย่างจะบีบก็ตาย จะคายก็ตาย...“กูจะส่งมึงตามพ่อมึงไป ส่วนแม่มึง...แค่ดึงสายออกซิเจนออกไปก็หมดลมหายใจทันที ถึงตอนนั้นพวกมึงคงไปรอกันที่ทางช้างเผือ""....""ครอบครัวคงจะสมบูรณ์ มีความสุขแล้วสินะไอ้ลูกหมา"แสยะยิ้มร้ายกาจแล้วตบหน้าชายหนุ่มเบาๆ พูดอย่างเย้ยหยันแล้วแผดเสียงหัวเราะอย่างผู้ชนะ ก่อนนจะจับหน้าผากของราเชนทร์กระแทกลงพื้นดังปักไปหลายทีและหัวแตกใ