Se connecterเหมือนแพรเข้ามาประชุมเริ่มโพรเจกต์ที่บริษัทของไตรฉัตร อาคารสำนักงานให้เช่ากลางกรุงย่านทำเลทองของธุรกิจทั้งโรงแรม ร้านอาหาร สถานบันเทิง เหมือนแพรแทบไม่อยากจะคิดถึงราคาค่าเช่าที่เขาต้องจ่ายในแต่ละเดือนเลย คงแพงไม่น้อย ลิฟต์โดยสารวิ่งขึ้นมาด้วยความเร็วจอดที่ชั้นยี่สิบสี่ ซึ่งทั้งชั้นนี้เป็นบริษัทของเขาบริษัทเดียว เหมือนแพรแจ้งความประสงค์ให้ประชาสัมพันธ์ที่หน้าประตูใหญ่ทราบ พร้อมทั้งวางถุงขนมถุงใหญ่ที่ซื้อมาฝากพนักงานของเขาด้วย
"คุณเหมือนแพร ใช่ไหมคะ" "ใช่ค่ะ" "เชิญด้านในเลยค่ะ" เหมือนแพรเดินตามคุณประชาสัมพันธ์เข้ามาด้านใน การตกแต่งหรูหราสมเป็นบริษัทก่อสร้างน้องใหม่ไฟแรงแห่งวงการ เธอเริ่มได้ยินชื่อเสียงบริษัทของเขามาไม่น้อย ทั้งผลงานใหญ่เล็กมากมาย ตลอดทางเดินมีโมเดลสถานที่ต่างๆ คงเป็นงานที่เขาทำมาทั้งหมดกระมัง ทำให้เธอเผลอคิดไปถึงคืนวันสมัยเรียนที่มักจะไปรวมหัวกันอยู่ที่คอนโดข้างมหาวิทยาลัยของเขา ยามที่ต้องเร่งส่งงานอาจารย์ให้ทัน "พี่แตง คุณเหมือนแพรมาถึงแล้วค่ะ" เสียงประชาสัมพันธ์คนสวยเรียกเลขาหน้าห้องของไตรฉัตรทำให้เธอหลุดจากภวังค์ หันไปยิ้มหวาน พลางยกมือขึ้นรับไหว้เลขาของเขา "พี่ซื้อขนมมาฝากค่ะ" เหมือนแพรวางถุงขนมแบบเดียวกันกับของคุณประชาสัมพันธ์ที่โต๊ะ เลขาที่ชื่อแตงรีบเอ่ยขอบคุณเธอเสียยกใหญ่ "คุณไตรรออยู่ที่ห้องประชุมแล้วค่ะ" เสียงเลขาที่เอ่ยบอกทำให้เธอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู "ยังไม่เริ่มประชุมหรอกค่ะ" "ตกใจเลย นึกว่ามาสาย" เธอยิ้มน้อยๆ ให้คุณเลขา แล้วก็เดินตามไปที่ห้องประชุม ภายในห้องประชุมมีพนักงานของเขานั่งอยู่เกือบสิบคน คุณเลขากระซิบถามเธอเบาๆ ว่าจะรับกาแฟหรือชา แล้วก็เชิญเธอให้นั่งข้างไตรฉัตร "กาแฟก็ได้ค่ะ" "คุณแตงขอกาแฟดำนะ ของคุณบี๋" คุณเลขากะพริบตาปริบๆ กว่าจะเข้าใจว่าบอสหมายถึงใคร "อ๋อค่ะ" คุณเลขาขานรับเสร็จเธอก็เดินไปหยิบเอกสารที่จะใช้ประชุมวันนี้จากโต๊ะมุมห้องมาให้เธอหนึ่งชุด ถุงกระดาษใบใหญ่ที่เหลือในมือเธออีกถุง ถูกส่งให้ไตรฉัตร เพราะเธอขี้เกียจเป็นภาระถือไว้อีก ไตรฉัตรยักคิ้วขึ้นสูง มองถุงกระดาษใบใหญ่นั้น เขารับมาแล้วเปิดดู ก็ยกยิ้มมุมปาก เสื้อสูทของเขาเอง "อ๋อ เสื้อที่ผมลืมไว้ห้องคุณน่ะหรือ" เหมือนแพรทำตาโต เขาเชื่อว่าสายตานั้นด่าเขาอย่างแน่นอน เหมือนแพรได้แต่กัดฟันกรอด รอยยิ้มเหี้ยมส่งไปหาเขา แต่พลันสายตาที่มองไปที่โต๊ะประชุม พนักงานบางคนของเขาก็ก้มหน้าอายๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งคุณแตงเลขาของเขา ทำเอาเธอหน้าเห่อร้อนขึ้นทันตา แต่พอเริ่มการประชุม วาจากวนประสาทของไตรฉัตรก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง ไม่มีทีท่าพูดเล่นเหมือนเมื่อสักครู่ให้เห็นอีก แม้ตอนที่หันมาพูดกับเธอ ทำให้เหมือนแพรค่อยเบาใจ สามารถพูดคุยเรื่องงานได้อย่างไม่เก้อเขิน จวบจนเวลาเลยเที่ยงไปพักใหญ่ๆ ไตรฉัตรจึงได้เอ่ยตัดบทเรื่องงานไว้แค่นั้น เดี๋ยวช่วงบ่ายค่อยมาต่อกัน คุณแตงเลขาสาวสวยจึงได้นำกล่องอาหารญี่ปุ่นมาเสิร์ฟให้ทุกคน ไตรฉัตรคว้ากล่องข้าวขึ้น "ไปกินที่ห้อง" ไม่พูดเปล่าเขายังหยิบกล่องข้าวของเธอมาถือให้ ไม่ลืมที่จะหยิบถุงกระดาษใบนั้นออกมาด้วย เหมือนแพรจึงได้แต่เดินตามเขาออกไป สวนทางกับคุณเลขาที่กำลังเดินเข้ามา รอยยิ้มกริ่มของคุณแตงทำเอาเธอทำสีหน้าไม่ถูก "ไอ้บ้าไตร นายพูดแบบนั้นได้ยังไง คนอื่นเข้าใจผิดหมดพอดี ถ้าฉันไม่เกรงใจนะ จะด่านายเลย" ไตรฉัตรหัวเราะกับท่าทีระบายอารมณ์ของเธอ เพียงแค่ประตูห้องปิดลง เธอก็โพล่งออกมาทันที คงจะอัดอั้นอยู่นาน "ถึงพามากินข้าวที่นี่ไง เพราะรู้ว่าอยากด่า" เธอได้แค่ค้อนให้เขา แล้วก็คว้ากล่องข้าวจากมือเขาเดินไปที่โซฟาชุดใหญ่ตรงข้ามโต๊ะทำงาน การพูดคุยในมื้อกลางวันยังคงวนเวียนอยู่ที่เรื่องงาน ซึ่งก็ทำให้เธอรู้สึกดีไม่น้อย ยังจำภาพวันเก่าที่เขาเคยติวสอบให้เธอหรือแม้แต่ช่วยเธอเร่งทำโพรเจกต์ส่งอาจารย์ กว่าการประชุมของวันนี้จะเสร็จสิ้นก็เกือบหกโมงเย็น เธอเริ่มจะเข้าใจทันทีว่าบริษัทเขาทำไมถึงมีชื่อเสียงได้ขนาดนี้ในเวลาแค่ไม่กี่ปี เพราะการทำงานที่ละเอียดรอบคอบรัดกุมไปทุกส่วนงาน กว่าเขาจะมั่นใจอนุมัติให้แต่ละส่วนเริ่มงานได้ ล้วนถูกกลั่นกรองมาอย่างดีเสียงถามของไตรฉัตรทำให้เธอนึกขึ้นได้ถึงเรื่องเมื่อคืน แล้วตอนนี้เธอก็ยังนอนกอดอยู่กับเขาอีกต่างหาก เธอเริ่มดันตัวออกห่างแต่แขนแกร่งที่กอดเอวเธอไว้กลับกระชับแน่นขึ้น "ฉันต้องกลับแล้ว" เสียงกระด้างบอกความต้องการ จนคนที่ตื่นแล้วแต่ยังไม่ยอมลุกต้องลืมตาขึ้นมอง "อะไรตื่นเช้ามาก็เสียงแข็งใส่เชียว ทีเมื่อคืนเสียงอ่อนเสียงหวาน" เธอแหงนมองหน้าคนที่กอดอยู่ ส่งสายตาขุ่นให้ทันที ที่เขารื้อฟื้นเรื่องเมื่อคืน "ก็เราจะกลับแล้ว" "เดี๋ยวไปส่ง ต้องไปรับนังบี้ด้วย หรือจะเอาไว้เลี้ยงเอง" "ไม่เอา" เหมือนแพรรีบปฏิเสธทันที "ไตรฉัตร เราบอกว่าให้ปล่อย" เมื่อเขายังไม่ยอมคลายอ้อมแขน เธอก็ดิ้นขลุกขลักเขาก็ยิ่งออกแรงกอดเธอไว้แน่นเช่นกัน อกอิ่มเกยไปที่หน้าอกเขาถูกบดเบียดอยู่อย่างนั้น และครู่ต่อมาเธอก็สัมผัสเข้ากับน้องชายตัวใหญ่เขาอย่างจังอีกครั้ง เหมือนแพรดิ้นขลุกขลักได้อีกครู่เดียว เธอก็ต้องถูกเขาพันธนาการไปอีกครั้ง ถุงยางอนามัยอีกชิ้นที่วางอยู่ข้างเตียงถูกฉีกซองออกในตอนเช้า เมื่อเธอยิ่งขัดขืนไตรฉัตรก็ยิ่งเล้าโลมจนร่างอรชรนอนดิ้นพล่านอ่อนระทวย จากอากาศหนาวเมื่อครู่กลายเป็นไอร้อนจนสองร่างชุ่มไ
เหมือนแพรรีบตะแคงข้างหนีสายตาคมที่จ้องราวกับจับผิดเธอ แต่แขนแกร่งก็ยังไม่คลายอ้อมแขน เมื่อเธอพลิกตัวหนีเขาก็ตะแคงตัวซ้อนตามคนตัวเล็กมาติดๆ "เจ็บไหมเบบี๋" ไม่พูดเปล่า ไตรฉัตรยังไล้นิ้วไปที่เนินเนื้ออวบอูมด้านล่าง จนเหมือนแพรต้องหนีบขาแน่น แล้วปัดมือเขาออก แต่แขนที่มีมัดกล้ามแน่นๆ นั้นปัดอย่างไรก็ไม่พ้นทาง นิ้วร้ายเริ่มกรีดกรายตามรอยแยกอีกครั้ง "อื้อ..ไตรน่ะ ปล่อยบี๋ก่อน" "ก็ถามไม่ตอบ เมื่อกี้เจ็บไหม" ไตรฉัตรกระซิบอยู่ที่ริมใบหู ลมหายใจอุ่นๆ ทำเอาเหมือนแพรลืมคำถามที่เขาถาม "เจ็บซิ" เหมือนแพรเริ่มดิ้นขลุกขลักเพราะนิ้วยาวของเขาเริ่มซุกซนก่อกวนนอกจากแหวกกลีบกุหลาบให้แยกแล้วยังไล้นิ้วเขี่ยขยี้อยู่แถวช่องทางรัก จนเธอเผลอเกร็งท้องน้องคิดว่าเขาจะกดนิ้วลงไปเสียอีก แต่ก็เพียงวนเวียนอยู่แบบนั้น "อื้อ..ไตร..พะ..พอแล้ว" เสียงกระเส่าเอ่ยแทบไม่เป็นคำ มือเล็กดันแขนเขาให้ออกห่าง แต่แขนเขาแข็งแรงมากจนมันไม่ขยับไปทางไหน จนเธอเผลอจิกเล็บเขาที่แขนเขาไว้แน่น "เสียวไหม" "อ๊ะ .." เหมือนแพรแหงนหน้าขึ้น แล้วก็กัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น เพราะมันคอยจะส่งเสียงลามกออกมา "พอจริงหรือ" เสียงทุ
ฝ่ามือใหญ่ดึงชายผ้าขนหนูออกมาเพียงนิด ก็เผยให้เห็นร่างอรชรขาวผ่องอวดสายตา ไตรฉัตรแอบลอบกลืนน้ำลายจากที่เคยเห็นภายนอกเขาคิดว่าเธอก็คงธรรมดา หน้าอกอิ่มแม้ยามเธอใส่ชุดเซ็กซี่มันก็ไม่ได้ดูใหญ่โตขนาดนั้น แต่ที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้ อีกทั้งฝ่ามือใหญ่ที่กอบกุมไว้ทั้งเต้าจนเต็มมือมันอวบอิ่มอยู่ไม่น้อย เขาก้มลงมาดูดยอดอกสีอ่อนชูชันอีกข้าง เหมือนแพรสะดุ้งตัวนิด แต่เมื่อปากเขาดูดเน้นเธอก็แอ่นอกขึ้นหา มือเรียวสอดเข้าไปที่เรือนผมดกดำของเขา ปลายนิ้วขยุ้มเบาๆ ยามเมื่อลิ้นร้ายกวัดเกี่ยวยอดไตแข็งชูชัน อีกข้างก็ถูกปลายนิ้วเรียวเขี่ยขยี้ เขาย้ายจากข้างนั้นก็ไปข้างนี้อย่างไม่รู้เบื่อหน่าย "อะ..อื้อ.." เหมือนแพรเริ่มส่งเสียงในลำคออย่างไม่อาจกลั้น ยามเมื่อคนด้านบนเริ่มรุนแรงขึ้นมันไม่ได้เจ็บแต่กลับเสียวซ่านไปทั้งตัว เหมือนแพรสัมผัสได้ถึงแรงบีบตัวที่ช่องทางว่างเปล่าด้านล่างกลางกายสาว จนอยากให้เขาเข้ามาสัมผัส มือใหญ่ลูบไล้ผิวเนียนจนมาถึงจุดที่เธอเพิ่งเผลอคิดเตลิดไปเมื่อครู่ นิ้วยาวกรีดตามรอยแยกที่ปิดสนิทปลายนิ้ววนเวียนอยู่ปากทางรักที่ฉ่ำแฉะ แค่เพียงนิ้วเขาจุ่มลึกลงไปเหมือนแพรก็ผวาตัวเข้าหารั้งแขนแกร่งเขาไว้เป
ใบหน้าหวานปรือตามองคนตัวโตอย่างรอคอยคำตอบ มือใหญ่ยังไม่ปล่อยจากท้ายทอยเธอ ใกล้กันเพียงนิด แต่เหมือนยิ่งรู้สึกไกลเขาขึ้นไปอีกเพียงเพราะคำพูดที่เธอเผลอเอ่ยปากออกมานั่นหรือเปล่า อีกใจก็หวาดหวั่นไม่น้อยกลัวเขาจะปฏิเสธ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะเรื่องที่เธอได้ยินมา มันถึงช่วยเพิ่มความกล้าให้เธอถึงขนาดนี้ "ถ้าผ่านคืนนี้ไปแล้ว ความเป็นเพื่อนของเรามันอาจจะไม่เหมือนเดิมนะ" เสียงทุ้มเอ่ยเตือนคนตัวเล็ก "ความจริงสำหรับเรา มันไม่เหมือนเดิมตั้งแต่ที่เธอปฏิเสธเราคราวนั้นแล้ว ไหนๆ เธอก็ปฏิเสธเราอีกครั้ง ผ่านคืนนี้ไปเราอาจจะเป็นแค่คนรู้จักกันเฉยๆ ก็ได้" "เธอแน่ใจนะ" "อื้ม" "ไปคอนโดเรานะ" ไตรฉัตรกระซิบบอก เหมือนแพรจึงได้แต่พยักหน้า ภายในรถยังคงไม่มีเสียงของคนทั้งสอง เหมือนแพรได้แต่หันหน้ามองไปข้างกระจก ไม่ได้สนใจคนขับรถที่คอยจะหันมามองเธออยู่บ่อยๆ ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดสนิท แต่กลับมองไม่เห็นดวงดาวสักดวง คงมีแต่แสงสายฟ้าที่แลบลงมาเป็นระยะๆ และเวลาต่อมาสายฝนก็โปรยปรายลงมาพอให้ชุ่มฉ่ำ จากสถานบันเทิงไตรฉัตรขับรถเพียงไม่นานก็มาถึง คอนโดหรูใจกลางเมืองราคาแต่ละห้องแทบจะไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้
อ้นขึ้นเสียงใส่แล้วก็จับแขนบี๋ให้เดินตามออกมา แต่ไอ้มอสก็รั้งแขนเธออีกข้างไว้ เหมือนแพรพยายามสะบัดให้หลุดแต่มันก็ไม่หลุด เมื่ออ้นหันไปจะผลักออก แต่กลับโดนไอ้มอสชกเข้าที่ปากอย่างจัง เมื่อมืออ้นหลุดจากเหมือนแพร เธอก็ถูกมอสดึงให้ไปยืนอยู่ข้างๆ "ปล่อยนะมอส" เหมือนแพรดึงมือออกจากการเกาะกุมอย่างยากลำบากกว่าจะหลุดออกมาได้ แต่พอหลุดออกมาได้เธอก็รีบวิ่งออกมา อ้นรีบคว้าแขนไอ้มอสไว้เพราะมันจะจับเหมือนแพรอีกครั้ง รั้งให้มันถอยหลังไปเกือบชนผนังห้องน้ำ เมื่อตั้งหลักได้ มอสก็ถลาเข้าใส่เหมือนแพรอีกครั้ง เธอรีบวิ่งมาได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็ชนกับร่างใหญ่ของไตรฉัตร ที่วิ่งขึ้นบันไดมาอย่างรีบร้อน เขาคว้าเธอไว้ในอ้อมแขน ไอ้มอสที่กำลังจะถึงตัวเธอ จึงถูกเขาถีบจนหงายหลังไปนั่งกับพื้น "มึงเลิกยุ่งกับบี๋ได้แล้วไอ้มอส ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน" เสียงทุ้มต่ำเน้นคำพูดทีละคำ สายตาคมดุยิ่งดูเย็นชาจ้องหน้าไอ้มอสเขม็ง เหมือนแพรสะอื้นตัวโยนอยู่ในอ้อมกอดของไตรฉัตร เขาลูบผมเธอสองสามครั้ง ก่อนจะรั้งเอวให้เธอเดินออกมาจากตรงนั้น โดยมีอ้นเดินตามออกมาด้วย โดยไม่สนใจไอ้มอสที่ยังนั่งอยู่กับพื้นตรงนั้น มอสก้มมอง
"พูดมาอ้น ตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น" เหมือนแพรยังไม่ยอมถอยห่างจากหน้าประตูยืนขวางอ้นไว้อย่างนั้น สายตาคาดคั้น จนในที่สุดอ้นก็ทนไม่ไหว เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เผื่อคนทั้งสองจะเข้าใจกันมากขึ้น กลับมารักกันอีกครั้งได้ "ก็ที่ไอ้ไตรมันปฏิเสธเธอ เพราะไอ้มอสไปบอกมันว่าไอ้พีมันชอบเธอ" เสียงถอนหายใจหนักๆ ของมอสก่อนจะเอ่ยปากเล่า แต่เมื่อเหมือนแพรได้ฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นไปอีก "เกี่ยวอะไรกับพี" "ไอ้ไตรกับไอ้พี มันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ เคยทะเลาะตีกันเกือบตายตอนม.ปลายเพราะชอบสาวคนเดียวกัน มันเลยสัญญากันไว้ว่าจะไม่ชอบผู้หญิงคนเดียวกับเพื่อนอีก" "แล้วเกี่ยวอะไรกับเรา พีไม่ได้ชอบเราสักหน่อย" "ก็ไอ้มอสมันไปบอกไอ้ไตรแบบนั้น บอกว่าไอ้พีมันรักเธอ กำลังจะขอเธอคบเป็นแฟน ไอ้ไตรมันเลยปฏิเสธ เพราะไม่อยากเสียเพื่อน แต่สุดท้ายเธอกลับไปคบกับไอ้มอส ทุกคนก็เลยงง ไล่ไปไล่มาจนสุดท้ายเราไปถามไอ้พี มันบอกไม่เห็นรู้เรื่อง ถึงได้เข้าใจว่าไอ้มอสมันโกหก เพราะมันก็ชอบเธออยู่" เหมือนแพรส่งโทรศัพท์คืนให้อ้น เธอไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดีหรือควรจะจัดการกับความรู้สึกตัวเองตอนนี้อย่างไร มันชาวูบไปทั้งตั







