ログインฉันไม่รู้ว่าตัวเองนั่งอยู่มุมนั้นนานแค่ไหนและไม่รู้ว่ามีใครมองบ้าง เวลานี้ฉันไม่อายอะไรทั้งนั้น ฉันเสียครอบครัวของฉันไปแล้ว ไม่มีแล้วคนที่ฉันรักที่สุดในชีวิต
‘น้ำ กินข้าวลูก’ ไม่มีแล้วสินะเสียงนี้ ไม่มีอีกแล้วเสียงเรียกอย่างเอ็นดูและรักใคร่ ไม่มีอีกแล้ว
ฉันใช้มือทุบหน้าอกตัวเอง เพราะแรงสะอื้นทำให้หายใจไม่ทัน ภาพที่ฉันกับยายอยู่ด้วยกันยังฉายชัดในหัวสมองของฉัน
‘น้ำเรียนเหนื่อยไหมลูก ไม่ต้องนวดให้ยายก็ได้ เรียนมาเหนื่อย พักบ้างก็ได้ลูก’ แล้วคราวนี้ฉันจะนวดให้ใครอีก
กลับบ้านมาแล้วฉันจะคุยกับใคร‘ยายว่า ไรอันร้องเพราะมากนะ’
ต่อไปฉันจะดูทีวีกับใคร เสียงเฮของยายเวลานักร้องที่ยายชอบชนะการแข่งขันคงไม่ได้ยินอีกแล้ว เสียงนั้นฉันจะไม่ได้ยินอีกแล้วใช่ไหม ไม่มีแล้วใช่ไหม
‘ชุดผ้าฝ้ายนี่ยายจะเอาไว้ใส่วันรับปริญญาของน้ำ’
‘พอน้ำเรียนจบ ยายไม่ต้องขายของแล้วนะ น้ำจะเลี้ยงยายเอง’
“ยายจ๋า” ฉันเรียกยายเสียงเบาหวิว รู้ว่าไม่อยากให้ยายเป็นห่วง แต่ฉันห้ามน้ำตาของตัวเองไม่ได้จริง ๆ ในอกมันทั้งจุกทั้งเจ็บ ถ้าไม่ได้ปลดปล่อยเป็นน้ำตาออกมา ฉันคงขาดใจ
“ฮือ ฮือ ฮึก ฮึก” หลังจากปล่อยโฮมาเป็นเวลานาน ฉันพยายามหยุดร้องไห้ เพราะร้องไห้นานทำให้ฉันสะอึกหลายต่อหลายครั้ง
“ดื่มน้ำหน่อยไหม” น้ำดื่มถูกยื่นมาตรงหน้า พร้อมกับผ้าเช็ดหน้าสีกรมท่า จากหมอเจ้าของไข้ของยาย
“ขอบคุณค่ะ คุณหมอธาร์” ฉันรับขวดน้ำและผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นพร้อมทั้งไหว้ขอบคุณ ฉันจำชื่อคุณหมอได้ตั้งแต่เมื่อวาน
“คุณไม่มีญาติเลยเหรอ” คำถามที่ทำฉันปวดใจ ฉันสั่นศีรษะออกไป ไม่มีญาติ ไม่มีพี่น้อง ไม่มีแม่ มีพ่อก็เหมือนไม่มี
เขาเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เขาคงเกิดมาในครอบครัวสมบูรณ์ที่มีทั้งพ่อแม่สินะ คนอีกโลกหนึ่งที่ตรงข้ามกับฉัน
ทุกอย่าง“แม่ตายนานแล้ว พ่อมีครอบครัวใหม่แล้วค่ะ”
“กินข้าวหรือยัง” คำถามที่ไม่ต่อจากประโยคของฉันเลยสักนิด ทำให้ฉันขมวดคิ้วอย่างสงสัยและสั่นศีรษะอีกครั้ง ฉันดูเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ตอนนี้เกือบเที่ยงแล้ว
“ผมก็ยังไม่ได้กิน ไปกินข้าวไหม”
“เอ่อ”
“เมื่อคืนผมเข้าเวรต่อ เพิ่งจะได้พักตอนนี้แหละ ตอนเดินชนคุณก็ตั้งใจจะไปหาอะไรกิน แต่ก็โดนตามเสียก่อน”
ไม่เข้าใจว่าเขาจะอธิบายอะไรยืดยาวขนาดนั้น ดีเหมือนกัน อย่างน้อยฉันก็ไม่ต้องนั่งกินข้าวคนเดียว
“ค่ะ ไปก็ไป”
“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ ผมจะพาไปแจ้งเรื่องยายที่อำเภอ”
“ค่ะ ขอบคุณ” ฉันขอบคุณแบบงง ๆ ว่าทำไมเขาต้องพาฉันไปด้วย แต่ก็นั่นแหละ เวลานี้ฉันไม่อยากคิดอะไรมาก หมอเขาก็ท่าทางเป็นคนดี คงไม่ได้มาหลอกอะไรฉันหรอก
ร้านที่คุณหมอเลือกเป็นร้านซึ่งอยู่ใกล้ที่ว่าการอำเภอ
“คุณชื่ออะไร”
ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวกับเขาเลยนี่นา
“ชื่อน้ำค่ะ สายน้ำ”
“ผมชื่อธาร์ ชื่อเล่นก็ชื่อธาร์”
“ชื่อแปลกดีนะคะ” เท่าที่จำได้ ในชีวิตฉันยังไม่เคย
ได้ยินหรือรู้จักคนชื่อนี้“อืม แปลเหมือนชื่อเธอ ‘น้ำ’ ”
อ๋อ ธาร์ คงมาจากคำว่า ธาร หรือ ธารา สินะ พ่อแม่เขาเข้าใจตั้งชื่อจัง ชื่อเพราะ หน้าตาก็ดี
“คุณหมอเป็นคนที่ไหนคะ” เขาไม่ได้พูดภาษาเหนือ
คิดว่าคงไม่ใช่คนที่นี่ แบบเดียวกับฉันนั่นแหละ ฉันกับยายแค่มาอยู่ที่นี่ ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ไหน ฉันก็ไม่แน่ใจ เราย้ายที่อยู่บ่อยมากช่วงที่ฉันยังเด็ก“ผมเป็นคนกรุงเทพฯ” น้ำเสียงเขาเพราะดีจัง
“ขอบคุณนะคะที่ช่วย”
ฉันยกมือไหว้อีกครั้ง ฉันเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้สวยอะไรเลย ตัวผอม ๆ ผิวออกคล้ำกว่าคนเหนือทั่วไป ทั้งใบหน้ายังเป็นสิวเพราะไม่มีเงินดูแลตัวเอง ถ้าจะคิดว่าหมอเขาสนใจฉันเพราะหน้าตา เลิกคิดไปเลย ผู้ชายมาจีบสักคนยังไม่มี
“ไม่เป็นไร ผมเต็มใจ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
“น้ำขอบคุณผมหลายครั้งแล้ว”
นั่นสิ ฉันก็ไม่รู้จะพูดคำไหนดีนอกจากคำนี้ ฉันยิ้มแห้ง ๆ ตักข้าวราดแกงตรงหน้าเข้าปาก รสชาติของมันไม่เลวร้ายอะไร แต่คงเพราะฉันไม่หิว ทำให้กินได้แค่ครึ่งจาน
“อิ่มแล้วเหรอ”
“ไม่ค่อยหิวค่ะคุณหมอ”
“งั้นไปกันเถอะ ไม่รู้ต้องใช้เวลานานไหม”
ทันทีที่เราสองคนเดินเข้ามาในที่ว่าการอำเภอ ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่คุณหมอธาร์สุดหล่อ ความออร่าของเขาเป็นที่สนใจของผู้คน แต่การเป็นคุณหมอที่คนรู้จักช่วยให้การแจ้งตายของยายผ่านไปอย่างรวดเร็ว
‘มรณบัตร’ เอกสารตรงหน้าคือเครื่องย้ำเตือนว่าตอนนี้ยายไม่อยู่กับฉันแล้ว ฉันไม่มียายแล้ว ไม่มีครอบครัว ไม่มีผู้ปกครอง
วันจันทร์ที่แสนเหนื่อยล้าพวกเราต้องราวนด์วอร์ดกันตั้งแต่เช้าโดยวันนี้ผมอยู่แผนกสูตินรีเวช วันนี้มีเพียงผมกับเพื่อนนักศึกษาแพทย์อีกสามคนเท่านั้นซึ่งทั้งสองคนก็เป็นผู้หญิง กระอักกระอ่วนเล็กน้อยถึงจะบอกตัวเองว่านี่เป็นเรื่องปกติ ร่างกายของคนไข้ไม่ต่างจากร่างของอาจารย์ใหญ่ที่พวกเราผ่ากัน“คนไข้อายุสิบเก้า เป็น Endometriosis[1] ต้องได้รับการผ่าตัดเพราะเป็นค่อนข้างรุนแรง” ผมเงยหน้าจากชาร์ตแล้วต้องนิ่งอึ้งคนที่ตามหามาเกือบสี่ปีกำลังนอนบนเตียง ใบหน้าของเธอซีดเผือดและญาติคนไข้คือไอ้ผู้ชายที่โอบไหล่เธอในวันนั้นที่อ่างเก็บน้ำ“ญาติคนไข้ยืนยันจะผ่าตัดใช่ไหมคะ” อาจารย์แพทย์ถามย้ำอีกครั้ง“ใช่ครับ”ผมสบนัยน์ตาดำขลับคู่นั้นนิ่ง ขาที่ต้องก้าวออกจากห้องก็ก้าวไม่ออก[1] Endometriosis หรือ ซ็อกโกแลตซีสยี่สิบชั่วโมงก่อนหน้านี้เป็นเมนส์อีกแล้วฉันไม่ชอบที่สุดคือช่วงเวลาที่เป็นประจำเดือน เพราะอาการปวดท้องของฉันมันมักรุนแรงขึ้นทุกวันและวันนี้ก็เช่นกัน“เหมยลี่ยังไม่ดีขึ้นเหรอลูก” แม่เอากระเป๋าน้ำร้อนวางไว้ตำแหน่งท้องน้อยให้ฉัน ถามอย่างเป็นห่วง“อืม เจ็บแม่ เจ็บมากเลย”“ไหวไหมไปหาหมอดีไหม” เวลานี้ทั้งบ้านต่
“ชื่ออะไรนะมึง”“เมลดา แซ่ตั้ง” ผมย้ำชื่อของเธอคนนั้นพร้อมทั้งเขียนในสมุดดันไปให้เพื่อนเอกคอมพิวเตอร์ค้นหารายชื่อนักศึกษาใหม่“เจอไหมมึง” ผมร้อนใจถามเพื่อนอีกครั้ง“เจอแต่เมลดา หลายคนเลยแต่นามสกุลไม่ใช่” คำพูดของเพื่อนทำให้ผมคอตก หลังจากพูดไม่ดีกับน้องวันนั้น ผมกลับบ้านไปทบทวนสิ่งที่ตัวเองที่บอกว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วพูดกับเด็กอายุสิบห้าแบบนั้นได้อย่างไรผมเองก็ไม่แน่ใจตัวเองว่าสิ่งที่พูดออกไปเป็นเพราะอารมณ์แบบไหนกันเมื่อได้มองหน้าน้องสาวตัวเอง ถ้ามีไอ้ผู้ชายสักคนที่มาพูดแบบนี้กับน้องสาวตัวเองผมสาบานได้เลยว่าผมคงต้องต่อยหน้ามันสักหมัดสองหมัดอยากจะขอโทษเธอ วันที่โรงเรียนเปิดเทอมตอนที่น้องอยู่มอสี่ผมแสร้งแวะไปหาอาจารย์เพื่อจะแวะไปหาน้องและขอโทษน้องสักคำ แต่ข่าวที่ได้รับคือน้องไม่ได้เรียนต่อที่นั่น มีคนบอกว่าน้องไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯเชียงใหม่ว่ากว้างใหญ่แล้ว กรุงเทพฯ ยิ่งกว่าใหญ่กว่านี้หลายสิบเท่า โอกาสที่ผมจะหาเธอเจอคงเป็นศูนย์ เพราะการเรียนที่หนักหนาสาหัสกว่าจะผ่านแต่ละชั้นปีไม่ใช่เรื่องง่ายจริง ๆปีนี้ผมอยู่ชั้นปีที่สี่ของคณะแพทย์และหวังว่าเธอจะเข้าเรียนในระดับปอตรีที่เดียวกัน แต่เมื่อให
สำนักงานของที่จอดรถเป็นคาเฟขนาดใหญ่ ซึ่งฉันก็เลือกนั่งรอเขาอยู่ตรงนี้ตามที่เขาสั่ง เกือบบ่ายสี่โมงฉันเห็นเขายืนอยู่หน้าคาเฟเขากำลังคุยกับรุ่นพี่ “พี่แซน ดาวมอสี่นี่นา” ฉันใจแป้วหนักกว่าเดิม ขนาดพี่แซนยังเดินคอตกกลับไปแล้วฉันละ แต่ถ้าไม่สารภาพวันนี้ก็ไม่รู้จะได้สารภาพอีกเมื่อไหร่ เดี๋ยวนี้คลินิกเขาก็ไม่ไปแล้ว วันนี้ก็เป็นวันที่เขามาเรียนเป็นวันสุดท้าย ถ้าไม่ใช่วันนี้ก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว เมื่อพี่แซนเดินจากไปแล้วฉันก็รีบลุกขึ้นเดินตรงไปยังหน้าร้านที่เขายืนอยู่ “พี่เหนือ” เมื่อเห็นว่าเป็นฉันเขาก็ออกคำสั่ง “ไปคุยกันที่รถ” 8888 ป้ายทะเบียนจำง่ายและจอดอยู่ในตำแหน่งใกล้ที่สุด ปึก! เสียงปิดประตูรถของเขาทำฉันสะดุ้ง “มีอะไรจะคุยกับพี่” “หนูชื่อเมล เมลดา” ฉันแนะนำตัวเพราะไม่แน่ใจว่าเขาจะจำได้หรือเปล่า ครั้งสุดท้ายที่เราคุยกันคือวาเลนไทน์ซึ่งก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว “อืม พูดธุระมาเลย” เขาว่าห้องโดยสารที่เงียบกริบกำลังหนาวยะเยือกสำหรับฉัน มือไม้เย็นไปหมด หัวใจก็เต้นแรงราวกำลังจะออกจากอก “ถ้าไม่พูดก็ลงไป” เขาพ่นลมหายใจอย่า
“เออเราผ่านรอบพอร์ตใช่ไหม” รอบพอร์ตที่พ่อหมายความถึงคือ “โควต้ารอบหนึ่ง” หรือ “รอบ Portfolio” คือรอบการรับสมัครนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัยในระบบ TCAS ที่เน้นการพิจารณาจาก แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) และคุณสมบัติเฉพาะตัวของผู้สมัครเป็นหลัก เช่น ผลการเรียน ความสามารถพิเศษ หรือประสบการณ์ โดยเกณฑ์การพิจารณาจะแตกต่างกันไปในแต่ละมหาวิทยาลัยและคณะ ซึ่งแน่นอนว่าผมผ่านได้อย่างง่ายดายเพราะเตรียมตัวมาตั้งแต่อยู่มอต้น“พี่เหนือของพ่อเก่ง” พ่อตบไหล่ผมไม่เบามือเลยแต่นั่นกลับทำให้ผมภาคภูมิใจ“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มรับ“ที่ไม่ไปโรงเรียนเพราะวันนี้วันวาเลนไทน์เหรอ” พ่อกระซิบถามเมื่อเห็นว่าแม่เดินออกจากบ้านไปแล้วซึ่งน่าจะตรงไปยังแปลงพืชผักสวนครัวที่แม่มักวุ่นกับเจ้าพวกนั้นตลอดช่วงเช้า“ครับพ่อ”“มันเป็นเรื่องปกติของคนตระกูลเรา” หนึ่งในความภาคภูมิใจของคนในตระกูลโชติภิวรรธคือความหน้าตาดีที่สืบเชื้อสายมาจากพันธุกรรม“ความหล่อมันก็ดีครับ แต่บางทีมันก็ทำให้คนเข้าหาเยอะ มันทำให้เราคัดคนจริงใจยาก” เพราะเคยโดนทั้งเพื่อน ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้องเข้าหาเพราะผลประโยชน์ ทำให้พักหลัง ๆ นี้ผมไม่ค่อยสนิทกับใครมากนัก ส่วนมากที่คบอยู
ฝีมือเขาแน่“เราทำไมซุ่มซ่าม” พี่เหนือว่าและพยุงให้ฉันยืนได้ด้วยตัวเอง“ขอบคุณค่ะ หนูกลับก่อนนะคะ” ฉันรีบยกมือไหว้ขอบคุณและเดินเร็วไปยังหน้าประตูโรงเรียน ซึ่งวันนี้เฮียมังกรจะแวะมารับฉันกลับบ้าน“เป็นอะไรหน้าแดง” ทันทีที่ฉันขึ้นนั่งบนรถเฮียมังกรก็ถามทันที ฉันใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างจับแก้มตัวเองและแน่นอนว่ามันร้อน“หนูวิ่งมาหาเฮียไงก็เลยร้อน” ฉันโกหกหน้านิ่ง“หึ เชื่อก็โง่แล้ว หน้าแบบนี้แกมีคนที่ชอบใช่ไหม เหมยลี่ อย่าให้เฮียรู้นะว่ามันเป็นใคร” พ่อของฉันขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาว แต่เฮียมังกรเรียกว่าหวงน้องสาวขั้นสุด ใครมาจีบ มาแซว เฮียแกก็พร้อมจะหิ้วปีกไปปรับทัศนคติทันที“ไม่มี้!” เสียงยิ่งสูงยิ่งส่อพิรุธคงไม่เกินจริง เพราะเวลานี้เสียงฉันสูงปรี๊ด“เฮีย หลอมอันนี้ให้หน่อย” ฉันแบมือให้เฮียดูของที่กำไว้แน่นตั้งแต่ลุงอัครเดชให้มา“ได้มาจากไหน”“ตรงที่ล้ม พรุ่งนี้ต้องไปทำบุญให้เขา” ความลับของฉันมีแค่เฮียมังกรเท่านั้นที่รู้ ก็ฉันต้องให้เฮียหลอมทองให้ทุกครั้งที่ได้มาจากคุณลุงคุณน้าผี ๆ ทั้งหลาย ครั้งแรก ครั้งสองพอบอกว่าเก็บได้ให้พี่ชายฟัง แต่ครั้งสาม ครั้งสี่พี่ชายไม่เชื่อทำให้ฉันจำเป็นต้องเล่าความจริ
“เหมยลี่!” เสียงบุพการีของฉันเรียกอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพฉันในตอนที่เดินลงจากรถยนต์ที่เรียกผ่านแอปมาส่งถึงหน้าบ้าน เมลดาหรือเมลของเพื่อนหากแต่เวลากลับมาที่บ้านฉันคือ‘เหมยลี่’ ผู้หญิงที่งดงามของพ่อแม่“ไปทำอะไรมาเหมย ทำไมสภาพเป็นอย่างนี้” แม่เข้ามาลูบหลังลูบไหล่ฉันอย่างเป็นห่วง บ้านของฉันเป็นร้านขายทองคำและรับหลอมทองคำ ก่อนหน้านี้เราเน้นขายทองคำมากกว่าหากแต่ปัจจุบันการรับหลอมและซื้อทองคำทำกำไรได้มากกว่าเมื่อปลายปีก่อน เฮียมังกรพี่ชายของฉันซึ่งเรียนอยู่คณะวิศวเคมีทำคลิปรับหลอมทองแล้วแมสในช่องทางโซเชียลหนึ่ง ทำให้ร้าน ‘มังกรตั้งฮั่วเฮง’ เป็นที่รู้จักมากขึ้น จากขายทองรูปพรรณเป็นหลักก็ปรับเปลี่ยนร้านเป็นรับหล่อทอง นากและเงินแทน กำไรเป็นกอบเป็นกำทั้งยังไม่ต้องลงทุนเยอะเหมือนทองรูปพรรณ“หนูหกล้มอะม้า ป๊า” ฉันฟ้องพ่อกับแม่ทันที ด้วยความที่เป็นน้องคนเล็กจึงถูกตามใจ ใครบอกว่าครอบครัวคนจีนไม่รักลูกสาว บอกว่าไม่จริงเลย บ้านฉัน ลูกสาวอย่างฉันคือที่หนึ่ง ส่วนลูกชายอย่างเฮียมังกรถึงจะมีชื่อเป็นเจ้าของร้านแต่สถานะคือคนรับใช้ของน้องสาวอย่างฉัน“มังกรไปซื้อแว่นใหม่ให้น้องหน่อย ร้านเฮียหยงนะ” นั่นไงแม่







