‘พ่อ’ ญาติเพียงคนเดียวของฉัน เลือดในตัวฉันมาจากเขาครึ่งหนึ่ง ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรามีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด
แต่...ในความเป็นจริง ฉันเองไม่แน่ใจว่าเขายังคิดว่าฉันเป็นลูกอยู่หรือเปล่า หวังว่าพ่อคงยอมช่วย ใกล้เปิดเทอมแล้ว ฉันต้องจ่ายค่าเทอม เงินที่มีในบัญชีพอแค่จ่ายค่าเช่าห้องกับ
ค่ากินค่าอยู่ไปอีกสักสองถึงสามเดือนเท่านั้นถ้าฉันจะขายกับข้าวเหมือนยาย ฉันก็คงไปเรียนไม่ทัน ถ้ายืมพ่อก่อนระหว่างที่ทำเรื่องกู้กองทุน ‘กยศ.’ น่าจะทัน
อย่างน้อยก็แค่ขอยืม ไม่ได้ขอเลย“คิดอะไรอยู่” เสียงของคุณหมอทำให้ฉันตื่นจากภวังค์
“เปล่าค่ะ คุณหมอ ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ ถ้าอย่างนั้นน้ำขอตัวก่อนค่ะ”
“ให้ฉันไปส่งที่บ้านไหม” ฉันกะพริบตาปริบ ๆ ไม่คิดว่าเขาจะมีน้ำใจไปส่งถึงที่บ้าน
“ขอบคุณค่ะหมอ” ฉันยกมือไหว้อีกครั้งกับน้ำใจที่เขามอบให้
เพียงไม่นานเราสองคนก็มาถึงบ้านเช่าหลังเล็กที่ตอนนี้เหลือเพียงฉันคนเดียวเท่านั้น คิ้วของคุณหมอขมวดอย่างสงสัย คงเพราะสภาพบ้านที่ทั้งเก่าและโทรม
หมู่บ้านจัดสรรที่มีเพียงไม่กี่หลัง ทาวน์เฮาส์ชั้นเดียวที่
ไม่มีแม้แต่เหล็กดัดหรือมุ้งลวด เมื่อก่อนบ้านหลังนี้น่าจะสีขาว แต่เพราะวันเวลาทำให้บ้านสีขาวกระดำกระด่างจากแดดจากฝน“ผมลงไปเป็นเพื่อน”
“ไม่เป็นไรค่ะหมอ วันนี้รบกวนหมอมาทั้งวันแล้ว”
ฉันพนมมือไหว้หมอขอบคุณเขาจากใจจริง บุญคุณของเขาครั้งนี้ฉันคงไม่มีวันลืม ถ้ามีโอกาสฉันคงได้ตอบแทนเขา
“อืม ไว้เจอกัน” คำพูดของเขาก่อนที่ฉันจะปิดประตูรถ เราคงได้เจอกันอีกทีตอนที่ฉันฝึกงานช่วงปีสามนั่นแหละ
ขณะนี้ยังเป็นเวลาบ่ายของวัน ฉันนำเอกสารของยายเข้าแฟ้มเก็บเอกสารสำคัญ เปิดแอปธนาคารเงินในบัญชีหลักหมื่น พอให้ใช้จ่ายอย่างประหยัดสักสองสามเดือน ต้องหาทำงานเพิ่ม แต่ค่าเทอมอย่างไรเสียต้องยืมพ่อก่อน
ตั้งแต่บ่ายจนเย็นฉันเก็บกวาดห้อง ซักเสื้อผ้าทั้งของฉันของยาย ระหว่างทำงานบ้านฉันก็เปิดทีวี รายการแข่งร้องเพลงลูกทุ่งที่ยายชอบดู ถ้ายายยังอยู่ ตอนนี้เราสองคนคงช่วยกันเตรียมของเพื่อขายที่ตลาดพรุ่งนี้
“ยายจ๋า” ฉันซบหน้ากับผ้าคลุมไหล่ไหมพรมสีขาว
ผ้าคลุมไหล่นี้ยายรักมากและนำออกมาใช้ในฤดูหนาวทุกครั้ง ฉันเป็นคนถักให้ยายเมื่อสามปีที่แล้ว“คิดถึงยายจัง ฮึก ไม่ต้องห่วงนะ น้ำจะเข้มแข็ง” ฉันพยายามข่มใจตัวเองไม่ให้ร้องไห้ เก็บเสื้อผ้าของยายเข้าที่เหมือนว่ายายยังอยู่กับฉัน ไว้อีกสักเดือนสองเดือนฉันค่อยเอาไปบริจาคก็แล้วกัน ฉันยังอยากได้กลิ่นของยาย
กลิ่นของยายทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น
ฉันคิดไปถึงวิธีหารายได้ระหว่างนี้ ก่อนที่จะเปิดเทอม
ฉันคงต้องขายของไปก่อนและหางานทำไปด้วย อยากได้งานที่ทำหลังเลิกเรียนหรือเสาร์อาทิตย์ฉันกินมาม่าคัปในมื้อเย็นของวัน ไม่รู้จะกินอะไรและ
ไม่อยากออกไปไหนทั้งนั้น อยากอยู่เงียบ ๆ ให้ชิน แต่ก็ยังเปิดทีวีไว้อย่างนั้น ช่องอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ช่องแข่งร้องเพลงมาม่าคัปอืดเต็มถ้วยจนไม่น่ากิน ฉันกลั้นใจกินต่อ
จนหมด เมื่อดูเวลาอีกครั้ง คิดว่าเวลานี้แหละที่เหมาะจะโทรหาพ่อ เวลาที่พ่อเลิกงานและกินข้าวแล้วแม้จะบอกตัวเองว่าถึงเวลาแล้ว แต่มือฉันก็ยากเหลือเกินที่จะกดปุ่มสีเขียวเพื่อโทรหาพ่อตัวเอง
“น้ำสู้ ๆ ” หลังจากให้กำลังใจตัวเอง ฉันก็กดโทรศัพท์หาพ่อ เราไม่ได้คุยกันมานาน ส่วนมากฉันจะส่งข้อความไปหาในวันสำคัญต่าง ๆ พ่อก็ตอบกลับมาทุกครั้งด้วยสติกเกอร์ขอบคุณ
“พ่อ” เมื่อปลายสายรับ ฉันก็เรียกพ่อทันทีตามสัญชาตญาณ
‘ว่าไง’ เสียงพ่อคล้ายจะพูดเบา ๆ เหมือนกลัวใครได้ยินแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่ฉันโทรไป
“พ่อสบายดีไหม” ฉันเอ่ยคำถามที่มักใช้เป็นประจำออกไป
‘สบายดี น้ำล่ะสบายดีไหม’ คำพูดของพ่อทำให้ฉันน้ำตารื้น ฉันไม่สบายเลยสักนิด ไม่สบายเลย
“ยายตายแล้วพ่อ” บอกเล่าถึงยายแทนคำตอบของฉันว่าฉันสบายดีไหม
‘…’ พ่อเงียบ ฉันได้ยินเสียงพ่อถอนหายใจแต่ไม่ได้แรงนัก มือฉันบีบโทรศัพท์แรงมากขึ้น แต่ก็ยังตัดสินใจพูดต่อในสิ่งที่ตัวเองอยากพูด
“คือหนูขอยืมเงินจ่ายค่าเทอมหน่อยได้ไหมคะ” ฉันไม่อ้อมค้อม เพราะอย่างไรเสียฉันก็ไม่ได้ขอเปล่า ๆ แค่ยืม นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันขอเงินจากผู้เป็นพ่อ ฉันไม่เคยขอพ่อเลยสักครั้ง
ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเขาโดนพ่อสวดยับและต้องอดทนไม่แรดอยู่หลายเดือนเพื่อรักษาภาพลักษณ์ “วันนี้ทำหน้าที่เมียหน่อยไหม ช่วงนี้ผมของขาด” คำพูดของเขาทำให้ธีริศิราถึงกับหน้าม้าน เขามันบ้า ผู้ชายบ้า หื่น ลามก ความดีทั้งหมดเขาคงยกให้พี่ชายไปตอนที่คลอดออกมา ถึงได้เหลือแต่ความเลวแบบนี้ “อย่ามาทำรุ่มร่าม นี่งานแต่งพี่ชายคุณ” พยาบาลสาวพยายามข่มความโมโห “เหรอ งั้นเราไปหาที่เงียบ ๆ คุยกันดีไหม” “ไม่!!!” เรื่องอะไรเธอจะไปกับคนอันตรายอย่างเขา “หรือผมควรบอกเรื่องนี้ให้สายน้ำกับธาร์รู้ดี ว่าเรื่องที่ผมโดนนางแบบสาวคนนั้นด่าจนเสื่อมเสียถึงวงศ์ตระกูลเพราะคุณเป็นต้นเหตุ” ธีริศรากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เวรกรรมอะไรของเธอที่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับคนแบบนี้ “อาไธม์ ป้ากล้วย” เทวดาตัวน้อยมาช่วยเธอไว้ทัน ใครจะคิดว่าเลี้ยงมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ตอนนี้น้ำเหนือจะช่วยให้เธอหลุดพ้นจากมารตรงหน้าได้ “ว่าไงครับเหนือ” “ป้ากล้วย เหนือปวดอึ” เด็กชายศิรากระซิบผู้เป็นป้า “ปะ เดี๋ยวป้าพาไป” เธอเห็นทางหนีเขาได้จึงรีบพาหลานชายออกมา แต่คนที่ไม่ควรเดินตามมากลับเดินตามม
“งกไปไหน ลูกผัวไม่มี” ธาร์บ่นให้น้อง “ต้องงกสิ ไม่มีผัวนั่นแหละถึงต้องประหยัด” คนไม่มีผัวแก้ต่าง ใช่สิ เธอไม่มีผัวนี่นา แล้วคนที่มาจีบก็น้อยนิดเหลือเกิน เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็นามสกุลของเธอนี่ไง ‘โชติภิวรรธ’ ตระกูลหมอ เจ้าของโรงพยาบาล คลินิกและธุรกิจอื่น ๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะพ่อกับแม่ของเธอยังเป็นคนดังในวงการบันเทิงอีก “อายุแค่นี้ไม่ต้องรีบมีหรอกสามีน่ะ” สายน้ำบอกกับคุณหมอสาว “คุณแม่ลูกสามอย่างน้ำบอกเราว่าไม่ต้องรีบเหรอ” ใบบุญญาเอียงคอมองคนพูด นี่หวังดีจริง ๆ ใช่ไหม “เอ่อ พี่ธาร์รู้จักกับเจ้าประกายแก้วเหรอคะ”เจ้าประกายแก้วคือเจ้าของตึกที่เธอขอเช่า “เคยเจอ เขาเป็นแฟนคลับของแม่พี่” “แฟนคลับป้าศิตาเหรอ” ใบบุญญาไม่อยากจะเชื่อ ว่าโลกจะกลมขนาดนี้ แต่เพราะแม่ของธาร์ดังกว่าแม่ของเธอที่เป็นนางร้ายกลางแถว ไม่แปลกที่จะมีคนรู้จักมากกว่า “ถามทำไม” ธาร์หรี่ตามองคนที่ถาม ปกติใบบุญญาไม่ค่อยสนใจเรื่องชาวบ้าน เธอทำงานที่เกี่ยวกับเรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว จึงอยากใช้ชีวิตนอกเวลางานไม่ใส่ใจเรื่องชาวบ้านมากกว่า “เปล๊า! พี่มีอ
คุณหมอสาวใบบุญญามองหลานสาวทั้งสองในวัยสามขวบที่พูดชัดยิ่งกว่าเด็กวัยเดียวกัน คงเพราะถูกเลี้ยงโดยคุณป้าศศิตาแน่เลย เพราะท่านชวนเด็ก ๆ คุยไม่หยุด “อาใบมีแฟนยังคะ” เด็กวัยสามขวบถามจิตแพทย์สาวด้วยคำถามที่คนฟังแอบสะอึกเล็กน้อย “เอ่อ ยังไม่มีจ้า อาใบงานเยอะไม่มีเวลาเลยค่ะ” จิตแพทย์สาวใบบุญญาบอกกับหลานสาวเสียงหวาน เธอย้ายมาประจำโรงพยาบาลจิตเวชที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ ทั้งยังใหญ่ที่สุดในภาคเหนือตอนบน ยิ่งสังคมเมืองเจริญมากขึ้นเท่าไร ปัญหาด้านสุขภาพจิตยิ่งตามมามากขึ้น ใบบุญญาตั้งใจเรียนสาขาจิตเวชเพื่อต้องการเป็นส่วนหนึ่งที่จะได้ช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านจิตใจ ฟังแล้วนางเอกมาก นางเอกจริง ๆ แต่ตอนนี้นางเอกยังหาพระเอกไม่ได้ “อาใบสุดสวย ไม่ต้องมีหรอกครับแฟน เหนือยังไม่มีเลยครับ ตอนนี้เหนืออยากโฟกัสเรื่องงานกับการเรียนมากกว่า เราสองคนก็เหมือนกัน พูดเรื่องแฟนได้ไง ยังเด็ก” ศิราหรือน้ำเหนือในวัยชั้นประถม แต่กลับทำตัวเป็นผู้ใหญ่วัยมหาวิทยาลัย ใบบุญญากะพริบตาปริบ ๆ นี่แหละนะ ความต่างของการเลี้ยงดู หลานชายของเธออยู่กับปู่เลยกลายร่า
“น้ำเก่งเลี้ยงเหนือมาอย่างดี” “พี่ธาร์ก็ช่วยเลี้ยง อย่าลืมสิว่าเงินที่น้ำกับลูกกินใช้ มาจากเงินและจากการเช่าคอนโดที่พี่ทิ้งไว้ให้น้ำให้ลูก” ฉันละมือจากจานผลไม้ตรงหน้า ถอดถุงมือสำหรับทำอาหารออก ฉันหมุนตัวเปลี่ยนจากให้เขากอดฝ่ายเดียวกลายเป็นเราทั้งคู่กอดกัน “พี่ธาร์ทำไมให้เงินน้ำเยอะขนาดนั้นคะ ไม่เสียดายเหรอ” มูลค่าทรัพย์สินที่เขายกให้ฉันตอนนั้นรวม ๆ กันแล้วหลายล้านบาททีเดียว “ไม่เสียดาย กลัวน้ำลำบาก” “แล้วไม่กลัวน้ำเอาเงินไปเสวยสุขกับคนใหม่เหรอ” ถ้าตอนนั้นฉันไม่มีลูกฉันอาจเอาเงินนั่นไปซื้อผู้ชายหรือหาผู้ใหม่เพื่อลืมเขา “มันเป็นสิ่งที่น้ำควรได้ ส่วนน้ำจะเอาไปใช้ทำอะไรพี่คงห้ามไม่ได้ ในเมื่อให้น้ำแล้ว แต่ตอนเจอน้ำตอนนั้นก็แอบน้อยใจนะ ว่ากูไม่น่าให้เงินเอาไปเลี้ยงผัวใหม่ แอบงอนด้วยนะ แต่น้ำไม่รู้หรอก” “งอนแล้วไม่บอกใครจะรู้คะ” ฉันแซวคนขี้งอน งอนแต่ไม่บอกใครจะรู้กัน “ไม่กล้าหรอก ตอนนั้นเหนือขู่ไว้ด้วย ถ้าจีบแม่ยังไงก็จีบไม่ติดแม่รักพ่อ บอกพี่อย่างงี้ ใครจะกล้างอนถ้าเกิดน้ำไม่คุยด้วยพี่ก็ซวยสิ” “แล้วทำไมมาจีบล
“พี่ธาร์ เร็วสิคะ” ฉันเร่งเร้าเมื่อเขาจับมือฉันไว้ไม่ให้ได้ทำอย่างที่คิด “น้ำอยากให้พี่ทำอะไรครับ” เขาแกล้งกันใช่ไหม “กินน้ำสิ กินตรงนี้” ฉันร้องขอพร้อมทั้งเด้งเอวขึ้นให้เขารับรู้ว่าอะไรที่ต้องการให้เขากิน “น้ำฉ่ำมากเลย พี่ไม่เกรงใจแล้วนะครับ” “อื้ม...แรง ๆ ค่ะ” ฉันนอนหมดแรงอยู่บนที่นอนนุ่ม บทรักร้อนแรงในห้องน้ำกินเวลานานเกือบหนึ่งชั่วโมง คุณหมอนักรักใช้เวลาวันหยุดของเขาอย่างคุ้มค่า ละเลียดชิมทุกซอกทุกหลืบ หนึ่งชั่วโมงในห้องน้ำว่าหนักหนาแล้ว เทียบไม่ได้กับชั่วโมงครึ่งบนเตียง เราสองคนร้อนแรงยิ่งกว่าโดนยาปลุก จัดหนักหลายท่ายิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ผ้าปูเตียงที่ยับย่นเพราะความร้อนแรงที่ฉันกับหมอทำได้แค่สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง วันศุกร์หรรษา วันหยุดของเขาและลูกไปโรงเรียนช่วงเวลากลางวันที่ร้อนแรง เร่าร้อนและยาวนาน “พี่ธาร์ อีกเหรอคะ” ฉันครางถามเมื่อความคับแน่นแทรกผ่านกลีบดอกไม้เสียดสีจนฉันกระตุกตอบ “พี่หิวน้ำ โคตรหิว” “อา...”“เลือกได้หรือยังคะ” ฉันมองเด็กหญิงฝาแฝดวัยสี่ขวบกว่ากำลังตั้งอกตั้งใจเลือกของขวัญวันเ
“ลินน์ กินข้าวก่อนเลยเดี๋ยวพี่ทำให้นะครับ” พี่ธาร์หรือคุณพ่อลูกสามวางถาดอาหารเช้าของเด็กทั้งสามไว้ตรงหน้า เมนูวันนี้กุ้งไข่ข้นกับต้มจืดกะหล่ำยัดไส้หมูสับของโปรดของสองแฝด “พ่อ ไปอาบน้ำก่อนค่ะ เดี๋ยวแม่ดูลูกเอง” “เหนือกินข้าวครับ” มือฉันที่ตักข้าวป้อนลูกชายคนโต เพราะมือของเหนือยังไม่ว่างทำผมให้น้องสาว ส่วนเด็กหญิงทั้งสองกำลังตักข้าวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ข้อดีของเด็กหญิงทั้งสองคือกินเก่ง ไม่ต้องบังคับเหมือนพี่ชาย “เสร็จแล้วลีธ สวยมากครับ” ทำผมให้น้องเสร็จแล้วเหนือก็ชมพร้อมทั้งหอมหัวเหม่งน้องสาวหนึ่งครั้ง คนโดนหอมก็ยิ้มตาหยี ยกมือขึ้นไหว้พี่ชายตัวเองพร้อมกล่าวคำขอบคุณ ฉันมองภาพตรงหน้าอดยิ้มไม่ได้กับความรักของลูก ๆ ย้ายจากทำผมให้ลีธแล้วลูกชายก็มาทำผมให้ลินน์ต่อ ใช้เวลาประมาณสิบนาทีผมของลูกสาวคนเล็กก็เสร็จเรียบร้อย “น้องพี่สวยแล้วครับ” เหนือทำแบบเดียวกันกับลีธคือการหอมเหม่งและน้องก็จะไหว้ขอบคุณเช่นกัน “กินข้าวกันต่อค่ะ เดี๋ยวต้องออกจากบ้านแล้วลูก” วันนี้เป็นวันที่เชียงใหม่อากาศหนาว ฤดูหนาวที่มีเพียงไม่กี่วัน แต่ก็ยังด