“คุณยายของคุณเป็นโรคหัวใจขาดเลือด ซึ่งน่าจะเป็น
มานานแล้ว แต่คนไข้ไม่เข้ารับการรักษา” คำพูดของคุณหมอตรงหน้าทำฉันตัวชาไปทั้งแถบ ยายสายใจของฉันบ่นเหนื่อยติดต่อกันมาหลายเดือนแล้ว ฉันพยายามพาท่านมาหาหมอ แต่ท่านก็ไม่ยอมมาจนกระทั่งวันนี้...
“เนื่องจากคนไข้อายุมากแล้วและหัวใจทำงานได้น้อยลงมาก หมอคิดว่า...”
“เข้าใจค่ะ”
ฉันก้มหน้ารับฟังสิ่งที่หมออธิบาย ในเมื่อฉันเรียนพยาบาลปีที่สองแล้ว ทำไมจะไม่เข้าใจว่าสิ่งที่หมอพูดคือต้องการให้ทำใจในช่วงเวลาสุดท้าย และยายของฉันอายุมาก การรักษาหรือยื้อชีวิตก็เป็นเรื่องยาก
ฉันกุมมือคนที่นอนอยู่บนเตียง เครื่องช่วยหายใจยังทำหน้าที่ได้อย่างปกติ อยากจะบอกว่าให้ยายสู้ ๆ อยากจะบอกว่าให้ยายหายไว ๆ แต่ฉันรู้ว่าคำพูดของฉันไม่มีทางเป็นไปได้เลยสักนิด ยายไม่มีทางหาย คำว่าดีขึ้นสำหรับโรคนี้ โรคที่เกิดจากอวัยวะที่สำคัญที่สุดของร่างกาย การหายจากโรคเรียกว่าปาฏิหาริย์เท่านั้น
“ญาติหมดเวลาเยี่ยมแล้วค่ะ” เสียงของพี่พยาบาลประจำห้องไอซียูบอกฉัน
“เดี๋ยวน้ำมาใหม่นะคะ” ฉันกระซิบบอกยาย เดินออกจากห้องไอซียู เวลานี้เป็นเวลาสองทุ่ม ฉันนั่งเหม่ออยู่แถวหน้าห้อง ตอนนี้ยังสับสนว่าจะทำอย่างไรต่อจากนี้
ตอนนี้คงต้องกลับไปนอนเอาแรงก่อน พรุ่งนี้ฉันค่อยกลับมาใหม่ เวลาเยี่ยมไข้อีกครั้งคือสิบเอ็ดนาฬิกา ยังดีที่เป็นช่วงปิดเทอม ฉันถึงได้มีเวลามาเยี่ยมไข้ยายได้
บ้านของฉันกับยายเป็นบ้านเช่าหลังเล็ก ๆ ในหมู่บ้านเก่า ๆ ใกล้กับตลาดสดขนาดใหญ่ ฉันคุ้นเคยกับที่นี่ดีเพราะอยู่มานาน ส่วนมากคนที่เช่าอยู่ก็เป็นแค่คนหาเช้ากินค่ำทั้งนั้น
ชีวิตฉันนี่คงมีกรรมน่าดู แม่ตาย พ่อไปมีครอบครัวใหม่ และตอนนี้ยายผู้เป็นที่พึ่งเดียวกำลังอยู่ในห้องไอซียู
เช้าวันถัดมา
“ญาติคุณยายสายใจใช่ไหมคะ” เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในระหว่างที่ฉันกำลังเดินเข้าโรงพยาบาล
“ค่ะ”
“คนไข้อาการไม่ค่อยดี อยากให้ญาติมาที่โรงพยาบาลด่วนค่ะ” คำพูดของคนปลายสายทำให้ฉันรีบเดินโดยที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” ฉันเดินชนกับคุณหมอเจ้าของไข้ของยาย
“มาแล้วเหรอ” คิดว่าคุณหมอก็คงโดนตามไม่ต่างจากฉัน ท่าทีรีบร้อนไม่ต่างกัน
“ค่ะ หมอ” เราสองคนเดินตรงไปยังห้องไอซียู เพราะยังไม่ถึงเวลาเยี่ยม ทำให้หน้าห้องแทบไม่มีญาติอยู่ ฉันเดินตาม
คุณหมอที่มายืนข้างเตียงของยาย“ยาย!” ฉันปรี่ไปจับมือยายไว้แน่น มือที่แห้งกร้านตามอายุและการทำงานหนักมาทั้งชีวิต ในชีวิตของฉันมีความหวังแค่ไม่กี่อย่าง แค่อยากเรียนจบมีการงานที่ดีทำ สามารถเลี้ยงดูยายได้ แต่วาสนาฉันคงน้อยเกินไป
ยายลืมตาขึ้นมามองหน้าฉัน ยายพยายามใช้มือที่เหี่ยวย่นดึงเครื่องช่วยหายใจออก เหมือนมีบางอย่างที่ท่านอยากบอกฉัน
“หมอ” ฉันหันมองหน้าคุณหมอเจ้าของไข้ทั้งน้ำตา
“ถอดเครื่องหน่อยครับ คนไข้คงอยากพูดกับญาติ”
“น้ำ ดูแล...ตัวเอง...นะ...ลูก” เสียงของยายกระท่อนกระแท่น พยายามเค้นคำพูดออกมาอย่างยากลำบาก น้ำตาของฉันไหลอาบแก้ม ฉันกุมมือของยายไว้แน่น ไม่อยากปล่อยมือนี้เลย มือที่คอยกอดประคองตั้งแต่จำความได้
ทำไมกันนะ...ชีวิตของฉันไม่มีโอกาสจะได้ตอบแทนยายเลยใช่ไหม
เสียง...ตี๊ด....ของเครื่องวัดชีพจรดังยาว หมดเวลาของฉันกับยายแล้ว ไม่มีปาฏิหาริย์ ไม่มียายแล้วจริง ๆ ฉันได้ยิน
คุณหมอขานเวลาที่ยายเสียชีวิต“บอกลายายได้แล้ว” เสียงทุ้มของคุณหมอทำให้ฉันได้สติ หมดเวลาของฉันกับยายจริง ๆ แล้วสินะ ฉันพยายามกลั้นน้ำตาอย่างที่สุด คนเหนือเขาเชื่อกันว่าห้ามให้น้ำตาโดนร่าง
ไร้วิญญาณ ไม่อย่างนั้นยายจะเป็นห่วง“ยายไม่ต้องห่วงนะคะ น้ำอยู่ได้สบายมาก หลับให้สบายนะคะ” ฉันยิ้มให้กับร่างของยายที่เหมือนนอนหลับจริง ๆ
“เดี๋ยวเชิญคนไข้ทางนี้ค่ะ”
ฉันเพิ่งได้รู้ว่ายายของฉันบริจาคร่างกายไว้กับโรงพยาบาล ฉันเซ็นเอกสารหลายอย่างที่โรงพยาบาลเตรียมไว้ให้ในเรื่องของการบริจาคร่างกาย
“หนูต้องนำเอกสารนี้พร้อมทั้งบัตรประชาชนของหนู บัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของยายไปยื่นที่อำเภอเพื่อแจ้งตายและออกใบมรณบัตรนะ” คำพูดของเจ้าหน้าที่ไม่ได้เข้าในสมองฉันเลยสักนิด ทั้งที่พยายามตั้งสติหลายต่อหลายครั้ง
“ต้องแจ้งภายใน 24 ชั่วโมงนะ”
พี่เจ้าหน้าที่ย้ำอีกครั้ง ฉันรับเอกสารมาถือไว้ ดวงตายังเลื่อนลอย ฉันพาตัวเองเดินไปยังมุมหนึ่งของอาคาร ทรุดตัวลงตรงนั้น น้ำตาที่อดกลั้นตั้งแต่ลมหายใจของยายปลิดปลิวไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้
เขาโดนพ่อสวดยับและต้องอดทนไม่แรดอยู่หลายเดือนเพื่อรักษาภาพลักษณ์ “วันนี้ทำหน้าที่เมียหน่อยไหม ช่วงนี้ผมของขาด” คำพูดของเขาทำให้ธีริศิราถึงกับหน้าม้าน เขามันบ้า ผู้ชายบ้า หื่น ลามก ความดีทั้งหมดเขาคงยกให้พี่ชายไปตอนที่คลอดออกมา ถึงได้เหลือแต่ความเลวแบบนี้ “อย่ามาทำรุ่มร่าม นี่งานแต่งพี่ชายคุณ” พยาบาลสาวพยายามข่มความโมโห “เหรอ งั้นเราไปหาที่เงียบ ๆ คุยกันดีไหม” “ไม่!!!” เรื่องอะไรเธอจะไปกับคนอันตรายอย่างเขา “หรือผมควรบอกเรื่องนี้ให้สายน้ำกับธาร์รู้ดี ว่าเรื่องที่ผมโดนนางแบบสาวคนนั้นด่าจนเสื่อมเสียถึงวงศ์ตระกูลเพราะคุณเป็นต้นเหตุ” ธีริศรากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เวรกรรมอะไรของเธอที่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับคนแบบนี้ “อาไธม์ ป้ากล้วย” เทวดาตัวน้อยมาช่วยเธอไว้ทัน ใครจะคิดว่าเลี้ยงมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ตอนนี้น้ำเหนือจะช่วยให้เธอหลุดพ้นจากมารตรงหน้าได้ “ว่าไงครับเหนือ” “ป้ากล้วย เหนือปวดอึ” เด็กชายศิรากระซิบผู้เป็นป้า “ปะ เดี๋ยวป้าพาไป” เธอเห็นทางหนีเขาได้จึงรีบพาหลานชายออกมา แต่คนที่ไม่ควรเดินตามมากลับเดินตามม
“งกไปไหน ลูกผัวไม่มี” ธาร์บ่นให้น้อง “ต้องงกสิ ไม่มีผัวนั่นแหละถึงต้องประหยัด” คนไม่มีผัวแก้ต่าง ใช่สิ เธอไม่มีผัวนี่นา แล้วคนที่มาจีบก็น้อยนิดเหลือเกิน เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็นามสกุลของเธอนี่ไง ‘โชติภิวรรธ’ ตระกูลหมอ เจ้าของโรงพยาบาล คลินิกและธุรกิจอื่น ๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะพ่อกับแม่ของเธอยังเป็นคนดังในวงการบันเทิงอีก “อายุแค่นี้ไม่ต้องรีบมีหรอกสามีน่ะ” สายน้ำบอกกับคุณหมอสาว “คุณแม่ลูกสามอย่างน้ำบอกเราว่าไม่ต้องรีบเหรอ” ใบบุญญาเอียงคอมองคนพูด นี่หวังดีจริง ๆ ใช่ไหม “เอ่อ พี่ธาร์รู้จักกับเจ้าประกายแก้วเหรอคะ”เจ้าประกายแก้วคือเจ้าของตึกที่เธอขอเช่า “เคยเจอ เขาเป็นแฟนคลับของแม่พี่” “แฟนคลับป้าศิตาเหรอ” ใบบุญญาไม่อยากจะเชื่อ ว่าโลกจะกลมขนาดนี้ แต่เพราะแม่ของธาร์ดังกว่าแม่ของเธอที่เป็นนางร้ายกลางแถว ไม่แปลกที่จะมีคนรู้จักมากกว่า “ถามทำไม” ธาร์หรี่ตามองคนที่ถาม ปกติใบบุญญาไม่ค่อยสนใจเรื่องชาวบ้าน เธอทำงานที่เกี่ยวกับเรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว จึงอยากใช้ชีวิตนอกเวลางานไม่ใส่ใจเรื่องชาวบ้านมากกว่า “เปล๊า! พี่มีอ
คุณหมอสาวใบบุญญามองหลานสาวทั้งสองในวัยสามขวบที่พูดชัดยิ่งกว่าเด็กวัยเดียวกัน คงเพราะถูกเลี้ยงโดยคุณป้าศศิตาแน่เลย เพราะท่านชวนเด็ก ๆ คุยไม่หยุด “อาใบมีแฟนยังคะ” เด็กวัยสามขวบถามจิตแพทย์สาวด้วยคำถามที่คนฟังแอบสะอึกเล็กน้อย “เอ่อ ยังไม่มีจ้า อาใบงานเยอะไม่มีเวลาเลยค่ะ” จิตแพทย์สาวใบบุญญาบอกกับหลานสาวเสียงหวาน เธอย้ายมาประจำโรงพยาบาลจิตเวชที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ ทั้งยังใหญ่ที่สุดในภาคเหนือตอนบน ยิ่งสังคมเมืองเจริญมากขึ้นเท่าไร ปัญหาด้านสุขภาพจิตยิ่งตามมามากขึ้น ใบบุญญาตั้งใจเรียนสาขาจิตเวชเพื่อต้องการเป็นส่วนหนึ่งที่จะได้ช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านจิตใจ ฟังแล้วนางเอกมาก นางเอกจริง ๆ แต่ตอนนี้นางเอกยังหาพระเอกไม่ได้ “อาใบสุดสวย ไม่ต้องมีหรอกครับแฟน เหนือยังไม่มีเลยครับ ตอนนี้เหนืออยากโฟกัสเรื่องงานกับการเรียนมากกว่า เราสองคนก็เหมือนกัน พูดเรื่องแฟนได้ไง ยังเด็ก” ศิราหรือน้ำเหนือในวัยชั้นประถม แต่กลับทำตัวเป็นผู้ใหญ่วัยมหาวิทยาลัย ใบบุญญากะพริบตาปริบ ๆ นี่แหละนะ ความต่างของการเลี้ยงดู หลานชายของเธออยู่กับปู่เลยกลายร่า
“น้ำเก่งเลี้ยงเหนือมาอย่างดี” “พี่ธาร์ก็ช่วยเลี้ยง อย่าลืมสิว่าเงินที่น้ำกับลูกกินใช้ มาจากเงินและจากการเช่าคอนโดที่พี่ทิ้งไว้ให้น้ำให้ลูก” ฉันละมือจากจานผลไม้ตรงหน้า ถอดถุงมือสำหรับทำอาหารออก ฉันหมุนตัวเปลี่ยนจากให้เขากอดฝ่ายเดียวกลายเป็นเราทั้งคู่กอดกัน “พี่ธาร์ทำไมให้เงินน้ำเยอะขนาดนั้นคะ ไม่เสียดายเหรอ” มูลค่าทรัพย์สินที่เขายกให้ฉันตอนนั้นรวม ๆ กันแล้วหลายล้านบาททีเดียว “ไม่เสียดาย กลัวน้ำลำบาก” “แล้วไม่กลัวน้ำเอาเงินไปเสวยสุขกับคนใหม่เหรอ” ถ้าตอนนั้นฉันไม่มีลูกฉันอาจเอาเงินนั่นไปซื้อผู้ชายหรือหาผู้ใหม่เพื่อลืมเขา “มันเป็นสิ่งที่น้ำควรได้ ส่วนน้ำจะเอาไปใช้ทำอะไรพี่คงห้ามไม่ได้ ในเมื่อให้น้ำแล้ว แต่ตอนเจอน้ำตอนนั้นก็แอบน้อยใจนะ ว่ากูไม่น่าให้เงินเอาไปเลี้ยงผัวใหม่ แอบงอนด้วยนะ แต่น้ำไม่รู้หรอก” “งอนแล้วไม่บอกใครจะรู้คะ” ฉันแซวคนขี้งอน งอนแต่ไม่บอกใครจะรู้กัน “ไม่กล้าหรอก ตอนนั้นเหนือขู่ไว้ด้วย ถ้าจีบแม่ยังไงก็จีบไม่ติดแม่รักพ่อ บอกพี่อย่างงี้ ใครจะกล้างอนถ้าเกิดน้ำไม่คุยด้วยพี่ก็ซวยสิ” “แล้วทำไมมาจีบล
“พี่ธาร์ เร็วสิคะ” ฉันเร่งเร้าเมื่อเขาจับมือฉันไว้ไม่ให้ได้ทำอย่างที่คิด “น้ำอยากให้พี่ทำอะไรครับ” เขาแกล้งกันใช่ไหม “กินน้ำสิ กินตรงนี้” ฉันร้องขอพร้อมทั้งเด้งเอวขึ้นให้เขารับรู้ว่าอะไรที่ต้องการให้เขากิน “น้ำฉ่ำมากเลย พี่ไม่เกรงใจแล้วนะครับ” “อื้ม...แรง ๆ ค่ะ” ฉันนอนหมดแรงอยู่บนที่นอนนุ่ม บทรักร้อนแรงในห้องน้ำกินเวลานานเกือบหนึ่งชั่วโมง คุณหมอนักรักใช้เวลาวันหยุดของเขาอย่างคุ้มค่า ละเลียดชิมทุกซอกทุกหลืบ หนึ่งชั่วโมงในห้องน้ำว่าหนักหนาแล้ว เทียบไม่ได้กับชั่วโมงครึ่งบนเตียง เราสองคนร้อนแรงยิ่งกว่าโดนยาปลุก จัดหนักหลายท่ายิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ผ้าปูเตียงที่ยับย่นเพราะความร้อนแรงที่ฉันกับหมอทำได้แค่สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง วันศุกร์หรรษา วันหยุดของเขาและลูกไปโรงเรียนช่วงเวลากลางวันที่ร้อนแรง เร่าร้อนและยาวนาน “พี่ธาร์ อีกเหรอคะ” ฉันครางถามเมื่อความคับแน่นแทรกผ่านกลีบดอกไม้เสียดสีจนฉันกระตุกตอบ “พี่หิวน้ำ โคตรหิว” “อา...”“เลือกได้หรือยังคะ” ฉันมองเด็กหญิงฝาแฝดวัยสี่ขวบกว่ากำลังตั้งอกตั้งใจเลือกของขวัญวันเ
“ลินน์ กินข้าวก่อนเลยเดี๋ยวพี่ทำให้นะครับ” พี่ธาร์หรือคุณพ่อลูกสามวางถาดอาหารเช้าของเด็กทั้งสามไว้ตรงหน้า เมนูวันนี้กุ้งไข่ข้นกับต้มจืดกะหล่ำยัดไส้หมูสับของโปรดของสองแฝด “พ่อ ไปอาบน้ำก่อนค่ะ เดี๋ยวแม่ดูลูกเอง” “เหนือกินข้าวครับ” มือฉันที่ตักข้าวป้อนลูกชายคนโต เพราะมือของเหนือยังไม่ว่างทำผมให้น้องสาว ส่วนเด็กหญิงทั้งสองกำลังตักข้าวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ข้อดีของเด็กหญิงทั้งสองคือกินเก่ง ไม่ต้องบังคับเหมือนพี่ชาย “เสร็จแล้วลีธ สวยมากครับ” ทำผมให้น้องเสร็จแล้วเหนือก็ชมพร้อมทั้งหอมหัวเหม่งน้องสาวหนึ่งครั้ง คนโดนหอมก็ยิ้มตาหยี ยกมือขึ้นไหว้พี่ชายตัวเองพร้อมกล่าวคำขอบคุณ ฉันมองภาพตรงหน้าอดยิ้มไม่ได้กับความรักของลูก ๆ ย้ายจากทำผมให้ลีธแล้วลูกชายก็มาทำผมให้ลินน์ต่อ ใช้เวลาประมาณสิบนาทีผมของลูกสาวคนเล็กก็เสร็จเรียบร้อย “น้องพี่สวยแล้วครับ” เหนือทำแบบเดียวกันกับลีธคือการหอมเหม่งและน้องก็จะไหว้ขอบคุณเช่นกัน “กินข้าวกันต่อค่ะ เดี๋ยวต้องออกจากบ้านแล้วลูก” วันนี้เป็นวันที่เชียงใหม่อากาศหนาว ฤดูหนาวที่มีเพียงไม่กี่วัน แต่ก็ยังด