LOGINหลังจากเมื่อคืนเขาก็บินไปอิตาลีทันทีแล้วต่อสายหามาร์กัส เพื่อเจรจาร่วมมือ
“ลูเฟีย” มาร์กัสรับสายหลังจากออกมาจากบ้านพักของนายพล อาร์มาร์โด้ ก่อนจะขึ้นเรือเพื่อไปยังจุดหมายต่อไป สถานที่นัดหมายของ พวกเราคือ ร้านอาหารพื้นเมืองในเมืองมิลานท่ามกลางความเงียบสงบ ราวกับไร้ผู้คน
ห้องอาหารด้านในสุดมีทายาทมาเฟียสองคนกำลังนั่งอยู่ด้านใน จึงชวนให้บรรยากาศดูเงียบยิ่งกว่าเดิม คิดว่าลมหายใจก็แทบจะไม่กล้าหายใจ
สองหนุ่มหันมองไปยังอีกคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ฟาเบียนที่นั่งเหงื่อตกก็ขยับเคลื่อนตัวให้มีเสียงขึ้นมา หันมองด้านนอกก็มีคนคุ้มกันแน่นร้านอาหาร
“หลักฐานถูกบันทึกที่หน้ากล้องของจารมีน ตอนนั้นเขาเอาไป แต่เอาไปเก็บที่ไหน ผมเองก็ไม่แน่ใจ”
ลูเฟียฟังฟาเบียนพูดเป็นครั้งที่สิบ ถึงจารมีนจะเป็นลุงเขา และเลี้ยงเขามากับมือ ฝึกและทำให้เขากลายเป็นคนเลือดเย็นอย่างที่เขาต้องการ หากแต่เขาก็ไม่เชื่อสนิทใจเท่าไร
“ลุงพูดแบบนี้ลอย ๆ แล้วจะให้ผมเชื่อสนิทใจได้ยังไง”
สายตาฟาเบียนดูกังวล “ใช่ ๆ ตอนเกิดเรื่องมีอีกคนหนึ่งอยู่ด้วย”
สองหนุ่มเอนไปยังด้านหน้าโต๊ะ เพื่อรอฟังรายชื่อที่เขาบอก “ลูแบร์”
ลูเฟียถึงกับขมวดคิ้ว “ลุงพูดถึงอะไรกับคนตาย”
ใช่ลูแบร์ตายไปเมื่อห้าปีก่อน แต่เขากลับได้ยินเสียงหัวเราะของ ฟาเบียน “หึ ใครบอก”
หมายความว่าอย่างไร “หากเขาไม่แกล้งตาย ก็คงได้ตายจริง ๆ เพราะเมื่อห้าปีก่อน ตอนที่เขาบอกความจริงเรื่องฐานะคุณชายแล้ว เขาก็คิดที่จะทวงตำแหน่งให้คุณชาย คิดจะขโมยหลักฐานออกมาได้แต่ถูกจับได้เสียก่อน ตอนนั้นเขาถูกตามล่าพร้อมกับหลักฐานอย่างหนัก สุดท้ายก็ตกหน้าผาไปแต่โชคดีที่ไม่ตาย ลูแบร์จึงสร้างศพปลอมขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองหายไปจากโลกนี้ แบบนั้นแล้วถึงจะหนีรอดจากมือของจารมีนได้ ถ้าหลักฐานไม่ถูกทำลายใต้หน้าผานั้น ก็แสดงว่าตอนนี้ยังอยู่ที่ลูแบร์”
“แล้วจะหาเขาได้ที่ไหน” มาร์กัสเป็นคนพูดแทรกขึ้นมา
ฟาเบียนเหมือนลังเล แต่ก็ยอมบอก “ชายแดนฝรั่งเศส เวียลาเต (Via Lattea)”
ดูเหมือนงานนี้เราจะต้องเตรียมเสื้อกันหนาวเยอะหน่อยแล้ว มาร์กัสหันมองลูเฟีย ก่อนที่พวกเราทั้งหมดจะเริ่มออกเดินทาง
วันนี้เป็นวันดีที่เธอได้ออกจากอะพาร์ตเมนต์ห้องนั้นหลังจากที่เขาใช้เธอจนเกินราคาที่เรียกร้องเสียอีก ในใจเมญ่าบ่นอุบรู้แบบนี้เรียกให้แพงกว่านั้นดีกว่า
เสียงรถจอดเทียบริมถนน เธอหันมองป้ายร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ที่อยู่ตรงหน้า ไม่นานก็มีคนมาเปิดประตูให้เธอลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในร้านแห่งนั้น
วันนี้เธออารมณ์ดีมากที่เขาไม่อยู่ ได้ยินที่คุยโทรศัพท์เหมือนจะออกไปชายแดนฝรั่งเศสอิตาลี ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะไปไหนก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ ตอนนี้ร่างกายเธอแทบจะหมดแบตเตอรี่คิดว่าหลังจากชอปปิงเสร็จจะเข้าร้านให้นวดสักสองสามชั่วโมง
พนักงานร้านเปิดประตูให้เธอเข้าไป เมื่อเข้าไปก็มีพนักงานผมสีทองยืนยิ้มอยู่พร้อมกับพูดว่า “คุณลูเฟียโทรมาแล้วค่ะ เชิญคุณเมญ่าเลือกได้ตามสบายเลย”
เธอเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเชิดหน้าขึ้นสูงอีกนิดจากนั้นก็เริ่มกวาดตั้งแต่ราวแรก เสียงพนักงานที่อยู่ด้านหลังก็พูดขึ้น “อันนี้ไซซ์คุณเมญ่า น่าจะใส่ไม่ได้นะคะ”
“ใส่ไม่ได้ก็เอาให้ขอทานแทน” ในเมื่อใช้ร่างกายเธอจนแทบเดิน ไม่ไหวเธอก็ต้องใช้เงินเขาให้คุ้มหน่อย พนักงานได้ยินก็ยิ้มอย่างยินดีรีบเข้าไปรับเสื้อผ้าทีละราว พอเห็นว่าเยอะก็ขอตัว
“ดิฉันขอตัวไปตามพนักงานคนอื่นก่อนนะคะ เชิญคุณเมญ่าเลือกต่อเลยค่ะ” เมญ่าหันมองไปยังพนักงานที่รีบวิ่งไปด้านในอย่างดีใจ เธอจึงหันกลับมามองเสื้อผ้าราวที่สองสายตามองเห็นเสื้อโค้ตสีขาวที่อยากได้มานาน ก็หยิบขึ้นมามองแล้วใช้มือลูบจับขนนุ่มอุ่น
“เป็นขนแกะจากอิตาลี ดีไซน์โดยนักออกแบบชื่อดังซึ่งแน่นอน เธอคงไม่รู้จัก” คนพูดเดินมาแล้วก็ถือวิสาสะดึงเสื้อที่เธอถือไปมองจากนั้นก็หยิบดูป้ายราคา
“มีปัญญาจ่ายหรือยังไง” มุมปากอีกฝ่ายเหยียดชัดเจน จนเมญ่ารู้สึกคันยิบแต่ก็อยากทำให้อีกฝ่ายสำนึกก็เลยพูดกลับ
“ฉันจะมีปัญญาจ่ายหรือไม่มีปัญญาจ่ายแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอนีน่า”
เจ้าของชื่อหัวเราะขำจากนั้นก็ขว้างเสื้อใส่หน้าเธอ “อย่างเธอคงต้องไปขายตัวสักร้อยครั้งถึงจะซื้อมันได้ อ้อไม่สิฉันว่าชาตินี้คงไม่มีปัญญาเพราะคนที่จ่ายเงินให้เธอไม่มีแล้วใช่ไหม”
เมญ่ามองคนตรงหน้า เรื่องที่เธอกับแฟนหนุ่ม ราฟาเอลเลิกกันนั้นไม่มีใครได้รู้เลยยกเว้นแต่ว่าคนคนนั้นจะเป็นคนที่ทำให้พวกเราสองคน เลิกกันและตอนนี้เธอก็รู้สาเหตุแล้ว
ที่ผ่านมานีน่าพยายามแซะเธอทุกเรื่อง ทั้งเรื่องการเรียน ตลอดจนการคบเพื่อนในห้อง กีดกันและคอยแกล้งเธอสารพัดแต่ทุกครั้งก็จะมี ราฟาเอลคอยช่วยเหลือเธอเสมอ
ทำให้เธอยอมคบหากับราฟาเอล แต่เพียงเพราะว่าเหตุผลบางอย่างเลยทำให้อีกฝ่ายเปลี่ยนไป จนถึงตอนนี้เธอก็ทราบสาเหตุ
นีน่าดูจะสะใจที่ทำให้เธอเงียบและดูเหมือนตัวแข็งจึงเดินเข้าไป แล้วใช้ “เท้า” เหยียบที่เสื้อโค้ตชุดนั้นจนเสื้อสีขาวเปื้อนดินเป็นสีดำ
“ว่ายังไงตกลงมีปัญญาจ่ายใช่ไหม อันที่จริงแล้วมันก็แค่เศษเงินเท่านั้น” นีน่าเปิดกระเป๋าแล้วหยิบบัตรขึ้นมาจากนั้นก็โบก
เมญ่าจำบัตรใบนั้นได้ดี นึกเสียดายที่ตอนนั้นเธอปฏิเสธราฟาเอลไปเลยทำให้ไม่ได้ถลุงเงินเขาจนหมดเนื้อหมดตัว
“เดี๋ยวฉันจ่ายให้เองเธอไม่ต้องกลัวหรอกนะเพื่อนรัก” คำว่าเพื่อนรักดูแล้วจะทิ่มแทงใจเธอเข้าไปอีก
เมญ่ามองอีกฝ่ายที่เดินไปยังหุ่นที่ยืนอยู่กลางร้าน มีพนักงานอีกคนที่ออกมาจากด้านหลังซึ่งไม่ใช่คนที่ต้อนรับเธอเข้ามาทักทายนีน่าก่อนจะหยิบเสื้อคลุมสีน้ำตาลนั้นมาสวมใส่ “เธอว่าสวยไหม” คนกวนประสาทยังคงหันมายิ้มแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
ไม่นานพนักงานที่ต้อนรับเธอก็ออกมาสีหน้าอีกฝ่ายตกใจเมื่อเห็นเสื้อโค้ตบนพื้นพร้อมกับรอยเปื้อน เมญ่าหันมองไปทางนีน่าแล้วพูด
“ฉันเหมาเสื้อผ้าทั้งหมดในร้าน และเสื้อตัวนั้นที่เธอใส่ด้วย อ้อ อีกอย่างถ้าคุณเอามาไม่ได้ฉันก็จะยกเลิกเสื้อทั้งหมดที่สั่งไป”
นีน่าอ้าปากกว้างหันมองสีหน้าพนักงานจากนั้นก็....
ลูเฟียหันมองเมญ่าแล้วหันกลับมาอย่างรำคาญ “ไม่ใช่”คำนั้นเหมือนกระแทกในใจของเมญ่าเจ็บจนไม่เหลือพื้นที่หายใจแล้วฌอง มาร์คในตอนแรกนั้นถามเพราะเห็นหญิงสาวติดตามลูเฟียไม่ห่างคิดว่าเป็นแฟนของลูเฟีย แต่ที่ไหนได้ก็แค่ “คู่นอน” เท่านั้นเมื่อเห็นเป้าหมายไม่น่าสนใจเขาก็หันไปมองด้านล่างมีสาว ๆ มาเต้นเพียบเลยขอตัวไปสนุกต่อ ปล่อยให้เมญ่าและลูเฟียนั่งอยู่ที่เดิมในห้องส่วนตัว ระหว่างนั้นชายหนุ่มก็หันมองคนที่หันหน้าหนีท่าเดียวยกมือขึ้นตีเข่าแล้วเรียก “มานั่งนี่ นั่งห่างแบบนั้นจะเรียกว่ามาด้วยกันได้ยังไง”เมญ่าหันมองเขา สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ ได้ยินว่าหากเด็กในท้องได้กลิ่นบุหรี่มากเกินไปก็อาจทำให้พิการได้ เมื่อคิดแบบนั้นเธอก็ไม่ยอมขยับตามคำสั่งส่วนเขาก็หันมองด้วยความไม่พอใจ เลยพาลไปอีกเรื่องหนึ่ง “หรือไม่พอใจที่ฉันมาพบเจด้าที่นี่”เมญ่าที่ไม่ได้หึงหวงเขาสักนิดเพียงแค่ห่วงเด็กในท้องเท่านั้น พอเขาหลงตัวเองคิดว่าเธอหึงเขา เธอก็เลยสวมรอยทันที“ฉันมีสิทธิ์ไม่พอใจด้วยหรือคะ” ปากบอกว่าไม่หึงแต่น้ำเสียงนั้นเหมือนออกมาจากใจ จนคนฟังรู้สึกพอใจจึงขยับลุกขึ้นมาแล้วอุ้มเธอนั่ง บนตักใบหน้านั้นก็ซุกที
“ถ้าคุณทำดีกับคุณชายหน่อย เอาใจอีกนิดฉันคิดว่าเขาต้องหลงรักคุณแน่”เสียงหึของเมญ่าดังขึ้น “ไม่มีทางค่ะ” เธอไม่เชื่อว่าคนแบบนั้นจะรักใครเป็น หญิงสาวเดินออกจากห้องน้ำแล้วไปนั่งที่โซฟา ต่อให้โลกถล่มเขาก็ไม่ได้กลายเป็นคนดีขึ้นมาแน่นอนสีหน้าเธอยังไม่ดี อะเดลีรีบไปกลบกลิ่นที่ยังมีอยู่ระหว่างนั้นประตู ก็เปิดออกพร้อมกับลูเฟีย เธอไม่เจอหน้าเขากี่วันแล้วนะ ถ้านับก็สามวัน พอเห็นว่าเป็นใครเมญ่าก็หันหน้าหนีทันที“ไปแต่งตัว คืนนี้ต้องออกไปกับฉัน” เธอหันมองเขาอย่างขัดใจ แต่ก็ยอมทำตาม อะเดลีเห็นแบบนั้นก็ขอไปช่วยเธอแต่งตัวเมญ่าเลือกชุดเรียบสีดำ มองดูกางเกงที่หลวมจนไม่อยากเชื่อว่า ในท้องนี้จะมีเด็กอีกคน สายตาเธอมองอะเดลีที่ขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา“ได้ไหมคะ” เสียงหวานอ้อนวอนแบบนี้มีหรือที่อะเดลีจะไม่ยอม“อย่าพูดมากค่ะ” เธอขยับมองไปยังด้านหลังก็พบว่าเจ้าของ ทาวน์โฮมกำลังยืนอยู่ สายตามองทรวดทรงองค์เอวหญิงสาวมองสะโพก ที่ผายมากกว่าแต่ก่อน“แปลกที่เธอผอมลงแต่สะโพกกลับใหญ่ขึ้น แถมนมเธอก็โตกว่าเดิม” คนที่พึ่งรู้อาการตัวเองว่าทำไมถึงเจ็บปวดหัวนมมาเกือบเดือนก็ตกใจเช่นกัน นั่นเพราะเป็นอาการของคนท้องนั่นเ
หนีแทบตาย สุดท้ายก็กลับมาที่เดิม!! เมญ่ามองห้องในคฤหาสน์ ที่ไม่ใช่ชั้นสองแต่เป็นชั้นสาม ห้องหรรษาที่เขาเอาไว้เสพสมกับเครื่องเล่นโบราณพวกนั้น สายตาเธอมองไปยังท่อนเอ็นหินสลักโบราณ เครื่องเล่นไม้ต่าง ๆ ในตอนนี้หิมะกำลังตกลงมาแต่บนตัวเธอกลับไม่มีเสื้อผ้าสักตัวเสียงเนื้อกระทบเนื้อยังโยกเอนบนตัวเอง หากแต่คนเจ็บปวดกลับไม่รู้สึกอะไรแล้ว เธอหันมองหิมะที่ตกลงมาคอยดูแล้วกันว่าเธอจะทำให้เขาเจ็บปวดกว่านี้หลายเท่าตัว!!บนท่อนไม้โค้งตัวยู เธอกำลังนอนห้อยหัวส่วนเขาก็กำลังสนุกกับร่องรักก้มลงดูดกลืนไม่หยุด ราวกับจะบดขยี้ให้มันแหลกคาปาก “หยุดร้องทำไมหรืออยากให้มันตาย”แน่นอนว่าเธอทำได้เพียงแค่จ้องมองตาเขม็ง จากนั้นก็ร้องครางออกมาให้เขาได้สมใจ เมื่อพอใจลูเฟียก็ใช้นิ้วชี้แยงลงไปในร่องรัก สอดเสียดเข้าไปทีละนิ้ว ผ่านน้ำเปียกแฉะที่สร้างความพอใจให้เขาเป็นที่สุด“ร่องสวาทของเธอตอนนี้กำลังต้องการฉัน พูดมาว่าต้องการฉันขอร้องอ้อนวอนเดี๋ยวนี้”เมญ่าหันมองคนบ้าอำนาจ “ฉันต้องการคุณโปรดสอดใส่มันเข้ามาได้ไหม ฉันทนไม่ไหวแล้ว” ปากพูดไปอย่างนั้นแต่ในใจเธอขยะแขยงเขา จนไม่อยากให้แตะตัวแล้วตอนนี้หากแต่เมื่อนิ้วกลางแท
เรื่องครอบครัวก็วุ่นวายยังต้องมาวุ่นวายกับคนที่คิดหนีอีก หนีคนเดียวไม่พอยังพาบอดีการ์ดคู่ใจของเขาไปอีก มันจะมากไปแล้ว!!รถเก๋งสีดำวิ่งออกจากคฤหาสน์ได้ราวสองชั่วโมงตอนนี้พวกเรากำลังวิ่งไปทางถนนหลักเพื่อไปยังชายแดนสเปน เทเลอร์มองเข็มน้ำมันที่เริ่มลดลง “เราคงต้องแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มด้านหน้า”เมญ่าเห็นด้วยเพราะรู้สึกปวดเข้าห้องน้ำ เมื่อขับมาได้ไม่นานก็เจอปั๊มน้ำมันสีแดง เทเลอร์นำรถเข้าจอดเทียบที่หัวจ่าย ส่วนเธอก็คิดจะลงไปเพื่อไปยังห้องน้ำที่อยู่ซ้ายมือชายหนุ่มหยิบปืนขึ้นมาแล้วส่งให้ “เอาไว้ป้องกันตัว” เมญ่ามองปืนแล้วเข้าใจรับมันมาใส่ในกระเป๋าถือ ก่อนจะเดินลงจากรถเพื่อเข้าห้องน้ำการหนีจากมาเฟียไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะว่าเขามีสายทั้งประเทศ พวกเราหลบหนีมาก่อนหลายชั่วโมง ตอนที่อะเดลีโทรศัพท์มานั้นว่าลูเฟีย รู้เรื่องแล้วก็เวลาล่วงเลยไปเกือบสองชั่วโมงดังนั้นแล้วเธอจะช้าไม่ได้เมญ่ารีบเข้าไปห้องน้ำ จัดการธุระส่วนตัว เสียงประตูปิดแล้วนั่งลงเหมือนกำลังทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ที่จริงแล้วถ้าเธอพูดดี ๆ เขาอาจจะยอมให้เธอไปไม่สิ เธอคิดง่ายเกินไปเมญ่าคนอยากไปไม่ให้ไป อยากอยู่ก็ให้อยู่อย่างคนไร
“เจ้านายอยู่ที่ไหนผมก็อยู่ที่นั่นครับ” คำนี้ไม่ได้ฉุกใจหญิงสาวเลยสักนิด เธอเดินเข้าไปด้านในห้องหนังสือชายหนุ่มก็ยังคงยืนอยู่นอกประตูนั้นไม่ได้เดินตามมา“แล้วทำไมไม่ตามเจ้านายคุณไปล่ะ มาเฝ้าฉันทำไม”“เพราะคือคำสั่ง”“อ้อ ถ้าอย่างนั้นถ้าเขาบอกให้คุณฆ่าฉันคุณก็จะทำใช่ไหม” คนหนึ่งนั่งอยู่อีกคนก็หันหลังให้ พอเธอถามประโยคนี้เทเลอร์ก็หันมองด้วยสีหน้านิ่งอยู่นาน กว่าคำตอบจะหลุดจากปากเขา“เจ้านายไม่ทำแบบนั้นแน่” คำตอบที่ลังเลนั้นทำให้เมญ่าถอนใจโล่ง “ตอนแรกฉันคิดว่านายจะตอบว่าแน่นอน แต่พอพูดแบบนั้นฉันก็พอมีความหวังขึ้นมาบ้าง”เมญ่าขยับลุกจากโซฟาแล้วเดินสำรวจชั้นหนังสือ เดินเลือกได้ สองชั้นก็เจอกับนิทานภาษาอังกฤษเล่มหนึ่ง เธอเคยอ่านตอนอยู่ในห้องสมุดมหาวิทยาลัย“เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าเราจะตัดสินเองได้ เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ต้องเป็นคนตัดสินใจเองทั้งหมด ถึงเวลาเมื่อเขาบอกให้คุณยิงฉันคุณก็ต้องยิง”เธอหยิบนิทานเล่มนั้นออกมาวางบนโต๊ะไม่คิดแม้จะอ่าน แล้วเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้เทเลอร์เดินมาดูภาพหน้าปกนั้นมีเด็กหญิงกำลังถูกขังอยู่ในกรงโดยที่มือกำลังถือกุญแจอยู่แม้ออกไปได้แต่ก็ใช่ว่าจะออกไปเองได้ถ้าเจ้าขอ
“ไม่ไป” เธอหันมองเขาแล้วจับมือเขาขึ้นมาให้กระบอกปืนจ่อที่หัวใจเธอ “ยิงฉันสิ ในเมื่อคุณตั้งใจจะยิงฉันให้ตายพร้อมกับพ่ออยู่แล้ว ทำไมไม่ยิงอีก” เสียงเธอสะอื้น เลือดเองก็ไหลไม่หยุดลูเฟียขมวดคิ้วไม่พอใจ จากนั้นก็จับเธออุ้มขึ้นพาดบ่า มือที่มีแรงของเมญ่าก็ยังคงตีเขาไม่หยุดตลอดจนถึงโรงพยาบาล ต้องให้หมอมัดมือ มัดเท้าและฉีดยาสลบจึงสามารถทำแผลได้สำเร็จภายในห้องผู้ป่วยตอนนี้แม้มีเครื่องทำความอุ่นแต่สำหรับคนอยู่แล้วเหมือนเย็นยะเยือกต่ำกว่าองศา ด้วยสายตาคนเฝ้ามองนั้นยังนั่งนิ่งหลายชั่วโมง จนกระทั่งคนป่วยฟื้นขึ้นมาอีกครั้งเพราะฤทธิ์ยาสลบเลยทำให้เมญ่าเวียนหัวเมื่อลืมตาขึ้นมาก็พยายามคิดว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วก่อนหน้าทำอะไร “พ่อ” คือคำแรกที่เธอเอ่ย ร่างบางลุกขึ้นมาทันทีก่อนจะตามด้วยเสียงร้อง “โอ๊ย” เมื่อรู้สึกปวดแขนเหมือนแขนใกล้จะหลุด พอหันมองแขนตัวเองถึงได้เห็นว่ามีคนนั่งอยู่ มุมโซฟากำลังกอดแขนตัวเองมองเธอโดยไม่พูดอะไรสักคำเมญ่าไม่สบตาเขาเลือกที่จะหันมาดึงสายน้ำเกลือออกคิดจะก้าวเท้าลงจากเตียง หากแต่เมื่อก้าวลงก็ต้องทรุดลงบนพื้นอย่างคนหมดแรง“พึ่งฟื้นจากยาก็ทำเป็นเก่งแล้ว เธอจะรีบไปไหนร







