วันศุกร์เป็นวันที่ใครหลายคนรอคอยเพราะพรุ่งนี้ก็จะได้หยุดอยู่บ้าน แต่สำหรับเมญาวีแล้วเธอรู้สึกว่ามันเป็นวันที่แสนน่าเบื่อ เพราะเช้านี้หญิงสาวได้รับโทรศัพท์จากเจ้าของหอพักว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วยเลยขอให้เธออยู่รอก่อนที่จะออกไปทำงาน
เมญาวีคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องสำคัญเพราะถ้าไม่อย่างนั้นก็คงคุยกันทางโทรศัพท์ไปแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะคิดค่าเช่าเพิ่มหรือเปล่า แต่สำหรับเธอแล้วคิดว่าถ้าเจ้าของหอจะขึ้นค่าเช่า ก็คงไม่เป็นปัญหาเพราะตอนหญิงสาวได้เป็นพนักงานประจำแล้ว เงินเดือนของเธอก็เพิ่มขึ้นจากเดิมถึงสามพันบาท
แล้วยิ่งช่วงหลายเดือนมานี้เมญาวีแทบจะต้องใช้จ่ายอะไรเลย ไปทำงานก็ไปพร้อมเจ้านาย พอตกเย็นเจ้านายก็พาไปทานข้าวอยู่เป็นประจำ
หญิงสาวไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเจ้านายและลูกน้องคนอื่น ๆ จะเป็นเหมือนเธอไหม พอถามเรื่องนี้กับรินรดาเพื่อนก็บอกว่าสิ่งที่เวหาทำนั้นมันมากกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกน้องทั่ว ๆ ไป
เธอไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองแต่ที่ผ่านมาก็สัมผัสได้ว่าระหว่างตัวเองและเวหามันมีอะไรมากกว่าอย่างที่รินรดาบอก
พอคิดเรื่องของเจ้านายเธอก็ลืมไปสนิทเลยว่าต้องโทรบอกเขาก่อนที่เขาจะมารับไปทำงาน หญิงสาวรีบกดโทรออกไปทันที เวหาไม่ว่าอะไรเพราะเขาเองก้เพิ่งออกจากบ้าน คุยกับเจ้านายเสร็จก็โทรไปลางานกับฝ่ายบุคคลแจ้งว่าวันนี้ขอลางานช่วงเช้า
เมญาวีรอไม่นานเจ้าของหอพักก็โทรศัพท์ให้เธอลงไปคุยที่ร้านอาหารตามสั่งด้านล่างของหอพัก
เจ้าของหอพักเป็นผู้หญิงรูปร่างท้วมอายุน่าจะไม่เกิน 50 ปี เธอชื่อพี่เอ้ เมญาวีเคยเจอเธอครั้งแรกที่ตกลงเช่า ตอนนี้ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว
“สวัสดีค่ะ พี่เอ้” เมญาวียกมือไหว้
“สวัสดีจ้ะ พี่ขอโทษที่รบกวนเวลางาน พี่มีเรื่องจำเป็นที่จะต้องขอร้องน้องเมยสักหน่อยค่ะ” สีหน้าของคนพูดดูเคร่งเครียดจนเมญาวีเริ่มใจเสีย
“มีเรื่องอะไรเหรอคะ”
“เรื่องห้องที่น้องเมยเช่าน่ะค่ะ”
“เมยทำอะไรผิดหรือเปล่าคะ หรือว่าห้องเมยมีปัญหา”
“พี่เข้าเรื่องเลยนะคะ ไม่อยากให้น้องเมยต้องเสียเวลา”
พี่เอ้บอกกับเมญาวีว่า เธอจำเป็นต้องให้หญิงสาวย้ายออกภายในสิ้นเดือนนี้ ส่วนห้องของเธอจะให้ลูกชายเพื่อนสนิทเข้ามาอยู่แทน
“ทำไมมันกะทันหันจังเลยล่ะคะพี่เอ้ เมยจะหาไปหาหอที่อื่นทันได้ยังไง มันเหลือแค่สามวันเองนะคะ ขอเวลาเมยหน่อยได้ไหมคะ สักเดือนหน้าก็ยังดี” หญิงสาวพยายามขอร้อง
“พี่เข้าใจว่ากะทันหัน เอาอย่างนี้นะคะ พี่จะคืนเงินประกันให้ทั้งหมดรวมถึงค่าเช่าเดือนนี้ น้องเมยจะได้ไปเช่าโรงแรมอยู่ก่อนระหว่างที่หาหอใหม่ ส่วนข้าวของเครื่องใช้พี่ให้น้องเมยฝากไว้ที่ห้องเก็บของชั้นล่างได้จนกว่าจะหาที่อยู่ใหม่ได้ดีไหมคะ”
“มันก็คงต้องเป็นอย่างนั้น” เมญาวีจำใจยอมรับข้อเสนอ เพราะรู้ว่ายื้อไปเธอก็คงต้องย้ายออกอยู่ดี
“พี่ขอบใจน้องเมยมากนะคะ ขอเลขบัญชีด้วยเดี๋ยวพี่โอนให้” เมญาวีส่งเลขบัญชีให้พี่เอ้ทางไลน์ หญิงร่างท้วมก็โอนเงินค่ามัดจำและค่าเช่าคืนมาทันที
พี่เอ้เดินกลับไปแล้ว เมญาวียังคงนั่งอยู่ที่เดิมหญิงสาวกำลังคิดว่าจะไปหาพอพักที่ไหน บางทีอาจต้องไปอยู่กับรินรดาก่อนสักพัก แม้จะไกลที่ทำงานไปสักหน่อยแต่ก็คงดีกว่าไปนอนโรงแรม
เหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงก่อนจะถึงเวลาเริ่มงานในตอนบ่ายตามที่ได้แจ้งฝ่ายบุคคลไว้ เมญาวีเลยกลับขึ้นห้องเก็บข้าวของเครื่องใช้ลงกล่องกระดาษ โชคยังดีที่เธอไม่ได้ซื้อของอะไรเพิ่มจากเดิมมากนัก บางอย่างที่คิดว่าไม่จำเป็นเมญาวีก็เอาออกมาวางที่ข้างหอ บริเวณทางเดินด้านล่างเผื่อคนอื่นจะใช้ประโยชน์จากมันได้บ้าง
เที่ยงนี้หญิงสาวนั่งทานข้าวอย่างฝืดคอเพราะยังคิดเรื่องที่พักไม่ตก เนื่องจากตอนนี้เธอยังติดต่อกับรินรดาไม่ได้
เธอออกจากหอพักอีกครั้งหลังจากทานทานอาหาร เมญาวีแวะร้านกาแฟที่ชั้นล่างของอาคารสำนักงาน สั่งกาแฟสำหรับตัวเอง เจ้านายและไม่ลืมเอาไปฝากพี่เกสรซึ่งนั่งทำงานอยู่หน้าห้องของเจ้านายอีกแก้ว
“ขอบใจมากนะคะน้องเมย”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่สรทานข้าวกลางวันหรือยังคะ”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“แล้วเจ้านายล่ะคะได้ออกมาทานข้าวไหม”
“ไม่ค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะพี่สรสั่งให้แล้ว เมื่อกี้เพิ่งไปเก็บจานออกมาเองค่ะ”
พอรู้ว่าเจ้านายได้ทานอาหารกลางวันแล้วเมญาวีก็โล่งใจเพราะเวหาชอบให้เธอเตือนเป็นประจำเมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เมื่อได้ยินเสียงคนด้านในอนุญาตเมญาวีก็เดินเข้าไปยังห้องทำงานของเจ้านายซึ่งโต๊ะทำงานของเธอก็อยู่ในห้องนั้นด้วย
“งานยุ่งไหมคะ เมยซื้อกาแฟมาฝากค่ะ” เธอส่งแก้วกาแฟรสชาติโปรดให้กับเขา
“งานไม่ยุ่งครับ ขอบคุณสำหรับกาแฟ ว่าแต่คุณทำธุระเสร็จแล้วเหรอ”
“ค่ะ เรียบร้อยดีค่ะ”
เมญาวีรีบทำงานของตัวเองต่อ แต่ดูเหมือนวันนี้หญิงสาวจะใจลอยจนผู้ชายอีกคนสังเกตได้
“เมย คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ”
“แต่สีหน้าของคุณมันฟ้องนะครับ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”
เมญาวีไม่รู้ว่าจะบอกเขาเรื่องหอพักดีไหม แต่คิดว่าถ้าไม่บอกเขาก็คงรู้อยู่ดี เนื่องจากเวหานั้นมักไปรับไปส่งเธออยู่เสมอ
“เรื่องหอพักค่ะ”
“หอพัก มีปัญหาเหรอครับ หรือว่าขโมยขึ้น” เวหาถามด้วยความเป็นห่วง
อันที่จริงเวหาไม่ค่อยชอบหอพักของเธอเท่าไหร่ เพราะระบบรักษาความปลอดภัยไม่มีเลยสักนิด แต่ก็ไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ชายหนุ่มวางแผนไว้ว่าถ้าเธอตกลงยอมคบหากับเขาเป็นแฟนแล้ว เขาจะให้เธอมาอยู่ที่คอนโดของตัวเอง โดยจะอ้างถึงความปลอดภัยและความเป็นห่วงในฐานะคนรัก
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ” เมญาวีรีบบอกเพราะเห็นท่าทางเป็นห่วงของเขา
“เหรอครับโล่งอกไปที ผมขอพูดหน่อยนะครับหอพักของคุณมันดูไม่ปลอดภัยเลยสักนิด ใครจะเข้าจะออกก็ได้ ไม่มีรปภ. ผู้หญิงอยู่ห้องคนเดียวมันอันตรายนะครับ”
“คุณเวย์ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นนะคะ เพราะเมยกำลังจะย้ายออกค่ะ”
“ดีเลยครับ แล้วได้ที่อยู่ใหม่หรือยังครับ”
“คิดว่าได้นะคะ”
“อะไรคือคิดว่าได้ครับ นี่จะย้ายออกทั้ง ๆ ที่หาที่อยู่ใหม่ยังไม่ได้เหรอครับ”
“มันจำเป็นค่ะ เจ้าของหอจะให้คนรู้จักมาอยู่แทนเมยค่ะ”
“แล้วคุณจะไปอยู่ที่ไหนครับ”
“คิดว่าระหว่างนี้คงไปอยู่กับรินก่อนค่ะ”
“ครับ” พอได้ยินเธอพูดแบบนั้นเวหาก็เบาใจ ระหว่างที่เธอไปอยู่กับเพื่อนเขาก็จะค่อย ๆ กล่อมให้เธอยอมย้ายไปอยู่ที่คอนโดของตนเอง
ใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้วแต่เมญาวีก็ยังไม่กลับมาที่โต๊ะทำงาน ปกติถ้าหญิงสาวออกไปเข้าห้องน้ำก็ไม่น่าจะหายไปนานขนาดนี้ เวหารู้สึกเป็นห่วงจึงคิดจะออกไปตามหา แต่พอเปิดประตูห้องออกมาก็เห็นเมญาวียืนคุยโทรศัพท์อยู่บริเวณข้างห้องน้ำ
พอเดินเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงเธอคุยกับเพื่อน
“ไม่เป็นไร รินเที่ยวให้สบายใจเถอะ ไม่ต้องรีบกลับมาเพราะเมยเลยนะ เดี๋ยวเมยหาโรงแรมนอนไปก่อนก็ได้ แค่ไม่กี่วันเอง”
“เที่ยวให้สนุกนะริน บายจ้ะ”
หญิงสาววางสายจากเพื่อนแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะคิดว่าคงต้องไปนอนโรงแรมอย่างที่บอกจริง ๆ
แล้วก็ต้องตกใจเมื่อหันกลับมาแล้วเจอเจ้านายยืนขวางทางอยู่
“คุณเวย์มาทำอะไรตรงนี้คะ”
“มาแอบฟังคุณคุยโทรศัพท์ครับ”
เมญาวีมีท่าทางตกใจเพราะคิดว่าเขาคงได้ยินที่เธอพูดกับเพื่อนทั้งหมดแล้ว
“ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นหรอกคุณพูดเสียงเบาจะตายใครจะได้ยิน”
เมญาวีรู้สึกโล่งใจที่เขาพูดออกมาแบบนั้น
“กลับกันเลยไหมครับ”
“คุณเวย์ต้องไปทานข้าวกับแม่หรือเปล่าคะ”
“ไม่ครับ เย็นนี้ผมว่าจะชวนคุณไปช่วยเลือกซื้อของให้คนรู้จักหน่อย คุณรีบกลับหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ เมยไปกับคุณก็ได้”
เวหาพาเมญาวีมาที่ศูนย์การค้าที่อยู่ใกล้กับบริษัทมากที่สุด จากนั้นก็พาเธอมายังร้านเครื่องประดับซึ่งเขากับเจ้าของร้านดูคุ้นเคยกันดี
“คุณเวย์ ไม่ได้เจอตั้งนายเลยนะคะ คุณแม่สบายดีไหม”
“ครับสบายดี คุณน้าล่ะครับได้ยินว่าไปเที่ยวยุโรปเพิ่งกลับมา”
“ใช่จ้ะ น่าเสียดายที่แม่ของเวย์ไปไม่ได้ด้วยกันมันเป็นทริปที่สนุกมาก”
“ครับ แล้วทริปญี่ปุ่นคุณน้าไปด้วยไหมครับ”
“ไปสิ แล้ววันนี้เวย์มาเอาเข็มกลัดให้แม่ใช่ไหมหรือว่ามาดูอย่างอื่น”
“ครับ มาเอาเข็มกลัดให้มา และก็อยากดูอย่างอื่นด้วย”
“เลือกตามสบายเลยนะ ถ้าอยากได้ชิ้นไหนก็บอกเด็กนะ น้ามีธุระต้องออกไปข้างนอก”
“ครับ”
พอเจ้าของร้านออกไปแล้วชายหนุ่มก็เดินมาหาเมญาวีซึ่งตอนนี้กำลังยืนดูสร้อยอยู่อีกด้านหนึ่งของร้าน
“ชอบไหมครับ”
“ค่ะ สวยดีนะคะ แล้วคุณเวย์จะให้เมยมาช่วยเลือกอะไรเหรอคะ” เมญาวีเลิกสนใจสร้อยคอเพชรที่อยู่ในตู้โชว์เพราะดูราคาแล้วมันมากกว่าเงินเดือนของตัวเองทั้งเดือนเสียอีก
เวหาพาหญิงสาวออกจากร้านเครื่องประดับแล้วตรงไปยังร้านจำหน่ายเครื่องแต่งกายของผู้ชายที่อยู่ถัดไปอีกไม่กี่ล็อค เขาให้หญิงสาวช่วยเลือกกระดุมสูทให้กับตนเองหนึ่งคู่และอีกหนึ่งคู่สำหรับเดนิสเพื่อนรุ่นพี่ที่จะอายุครบ 30 ปีในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ระหว่างที่เธอกำลังเลือกอยู่พนักงานร้านเครื่องประดับก็ตามเอาของมาให้เพราะเมื่อครู่เวหาบอกว่าจะมารอที่ร้านนี้
พอได้ของที่ต้องการแล้วเขาก็พาเธอมาทานอาหารซึ่งเป็นร้านที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าเพราะไม่อยากเสียเวลาเวลาไปมากกว่านี้
กว่าจะมาส่งหญิงสาวที่หอพักก็เกือบจะสี่ทุ่ม
“ขอบคุณนะครับ คุณช่วยผมได้เยอะเลย”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ เมยเองก็ต้องขอบคุณคุณเวย์ที่พาเมยไปทานข้าวเกือบทุกวันเลย”
“ก็มันเป็นความสุขของผมนี่ครับ”
เขาพูดแล้วหันไปมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้างด้วยนัยน์ตาเต็มไปด้วยความจริงใจ
“เมย คุณร่วมงานกับผมมากี่เดือนแล้วครับ”
“เกือบหกเดือนแล้วค่ะ คุณเวย์ถามทำไมครับ”
“เรารู้จักกันมาเกือบครึ่งปีแล้วสินะครับ”
“ค่ะ เมยรู้จักกับคุณตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงาน”
“มันคงไม่ไปเร็วไปใช่ไหมถ้าผมจะขอคบกับคุณ”
“อะไรนะคะ” เธอได้ยินและเข้าใจที่เวหาพูดแต่ก็อยากจะฟังอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“เป็นแฟนผมนะเมย”
เสียงดนตรีเพลงคลาสสิกที่กำลังบรรเลงอยู่สร้างความโรแมนติกให้กับคู่รักหลายคู่ในบาร์รูฟท็อปบนโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา เวหากับเมญาวีก็เป็นหนึ่งในคู่รักนั้น วันนี้เป็นวันครบ 3 ปี สำหรับการแต่งงานของทั้งสอง เป็นโอกาสพิเศษที่ทั้งสองคนจะได้อยู่ตามลำพัง เพราะที่ผ่านมาชีวิตของเขาและเธอวุ่นวายอยู่กับการทำงานและเลี้ยงดูลูกน้อยวัยสองขวบ หลังจากแต่งงานได้เพียงสามเดือนเมญาวีก็ตั้งท้องลูกสาวที่แสนน่ารัก เด็กหญิงตัวน้อยมีชื่อว่าน้องข้าวหอมเพราะอยากเลี้ยงลูกเองแต่ก็ต้องทำงานไปด้วย เวหาเลยแบ่งห้องที่ทำงานเป็นห้องสำหรับเด็กหนึ่งห้อง จ้างพี่เลี้ยงมาช่วยดูแลลูกสาวในขณะที่เมญาวีทำงาน พอถึงเวลาเลิกงานทั้งครอบครัวก็กลับไปที่บ้านหลักเล็กซึ่งปลูกอยู่ในรั้วเดียวกับบ้านเดิมของเวหา แต่เพราะวันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของทั้งสอง เพชรลดาอยากให้ลูกสาวและลูกเขยได้ใช้เวลาช่วงนี้ด้วยกันตามลำพัง เธอจึงมารับหลานสาวและพี่เลี้ยงไปอยู่ที่โคราชชั่วคราว“ร้านนี้บรรยากาศดีเหมือนกันนะคะพี่เวย์ จองยากไหมคะ”“ไม่ยากหรอกครับ พี่แดนจัดการให้” โรงแรมหรูแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่เดนิสเพื่อนรุ่นพี่ของ
ภายในห้องนอนยังมืดสนิทแม้จะเป็นเวลาเกือบจะเที่ยงเพราะมีผ้าม่านกันแสงอย่างดี เมญาวียังซุกตัวอยู่กับแผงอกแกร่งของคนรัก เธอเพิ่งได้นอนพักในเวลาเกือบจะหกโมงเข้า แต่เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ทั้งเขาและเธอก็เลยไม่ต้องรีบไปทำอะไรที่ไหน เมื่อคืนเมญาวีตามใจเขามากกว่าทุกครั้งเพราะเห็นว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาชายหนุ่มทำงานอย่างหนักเพื่อบริษัทมาตลอด เมญาวีไม่คิดจะไปเรียนต่อแล้วเพราะไม่อยากห่างจากคนรักแต่เธอก็ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเวหา หญิงสาวใช้เวลาช่วงที่ไม่ตามคนรักไปบริษัทเรียนรู้งานกับคุณสิงหลที่บ้านหลังใหญ่ของเขา เพราะอยากช่วยงานของเวหาให้ได้มากกว่านี้ พอได้ไปบ้านของเวหาบ่อยขึ้นเมญาวีก็สนิทสนทกับคุณวราพรมารดาของชายหนุ่มมากขึ้นด้วย หญิงสาวจึงรู้ว่าที่ผ่านมาเวหาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้คนในบริษัทและบิดายอมรับในตัวเขา เมญาวีรู้สึกเห็นใจคนรักมากขึ้น บริษัทที่เขาทุ่มเททำงานอย่างหนักให้นั้นอีกส่วนหนึ่งก็เป็นของเธอด้วย การจะไปเรียนและให้เขาทำงานที่นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนรักควรทำสักเท่าไหร่ ที่ผ่านมาเธอคิดถึงแต่ตัวเองมาตลอด แม้ตอนแรกเวหา
ระหว่างที่ยังรอวีซ่าซึ่งไม่รู้จะได้เมื่อไหร่ เมญาวีก็ย้ายมาอยู่กับเวหาที่คอนโด แม้ว่ามารดาของเขาจะชวนให้ไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน แต่เพราะเวหาอยากมีเวลาส่วนตัวกับคนรักให้มากที่สุด เขาจึงพาเมญาวีไปทานข้าวกับท่านที่บ้านเป็นบางวันเท่านั้น เมญาวีตามเวหาไปที่บริษัทเป็นบางวันเท่านั้น เธอไม่ได้ไปทำงานในตำแหน่งเลขา เพียงแต่ตามไปเพราะเวหาอยากให้หญิงสาวเรียนรู้งานในบริษัท พนักงานส่วนใหญ่ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เมญวีมีหุ้นอยู่ในบริษัท ทุกคนรู้แค่เพียงว่าเธอเป็นคนรักของเวหาเพียงเท่านั้น ช่วงนี้งานของเวหาค่อนข้างหนักเอาการ แต่งานหนักแค่ไหนเขาก็ไม่เคยบ่น เพราะทันทีที่กลับมาถึงคอนโดมาเจอกับคนรักเขาก็หายเหนื่อยทันที “พี่เวย์ ช่วงนี้งานเยอะเหรอคะ” “ก็เยอะเป็นปกติครับ” “หาเลขาสักคนดีไหม” “ไม่เป็นไรครับพี่ธรก็ยังอยู่ เขาช่วยพี่ได้เยอะ” “ถ้ากลัวว่าเลขาคนใหม่จะทำให้เมยหึงพี่เวย์ก็หาเลขาผู้ชายสิคะ” “เอาไว้ถ้าพี่ธรบ่นว่าเหนื่อยพี่จะให้เขาหาคนมาช่วยนะครับ” “ถ้ารอให้พี่ธรบ่นสงสัยไม่ต้องหาเลขากันแล้วล่ะคะ”เมญา
กลับจากหัวหิน เวหาพาเมญวีมาที่บ้านของตัวเอง เป็นครั้งแรกที่เธอมายังบ้านหลังใหญ่“สวัสดีค่ะแม่” เธอยกมือไหว้และเรียกคุณวราพรว่าแม่อย่างที่เคยเรียก เนื่องจากตอนนี้เธอกับเวหาตกลงจะกลับมาคบกันอย่างเดิมแล้ว“หนูเมย แม่คิดว่าจะไม่ได้เจอหนูแล้ว แม่ขอโทษเรื่องพ่อของหนูด้วย ถ้าแม่ไม่เห็นแก่ตัวหนูคงมีครอบครัวที่อบอุ่น”“อย่าพูดถึงมันเลยค่ะ ที่ผ่านมาเมยก็มีครอบครัวที่อบอุ่น มีแม่กับลุงวัตถ์ เมยไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองขาดอะไร”“หนูไม่โกรธแม่ใช่ไหม”“ไม่ค่ะ เมยคิดว่าเมยกับแม่ก็ต้องขอโทษที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้”“แม่อยากเจอกับแม่ของหนู อยากขอโทษเขาด้วยตัวเองเอง”“ได้สิคะ เอาไว้เมยจะหาเวลาพาแม่มาเยี่ยมนะคะ”“แม่อยากไปหาที่ไร่ เวย์บอกแม่ว่าที่นั่นร่มรื่นมาก แม่อยากไปเที่ยว”“เมยขอถามแม่กับลุงวัตถ์ก่อนนะคะว่าสะดวกวันไหน เพราะบางทีสองคนนั้นก็เข้าไปในไร่ตั้งแต่เช้า ถ้าไม่นัดก่อนก็อาจจะไม่เจอค่ะ”“เอาอย่างนั้นก็ได้ สะดวกตอนไหนหนูก็บอกเวย์นะลูก”“ค่ะแม่”“วันนี้จะค้างที่นี่ไหม แม่จะได้ให้ป้ายุพาจัดห้อง”“ไม่ดีกว่าค่ะ”“เมยรังเกียจครอบครัวของแม่หรือเปล่า”“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คุณแม่เข้าใจผิดแล้ว วันนี้เมยต
พายุตัณหาสงบลงในเวลาเกือบตีหนึ่ง เวหาเช็ดตัวให้กับเมญาวีเพราะอยากให้เธอนอนสบายตัว จากนั้นก็นอนกอดหญิงสาวคนรักจนถึงสายของอีกวัน “เราจะกลับตอนไหนคะ” เมญวีถามในขณะที่กำลังเริ่มทานอาหารมื้อสายด้วยกัน “คงอีกสักสองวันครับ เมยอยากกลับแล้วเหรอ” “พี่เวย์ขา เมยขอโทรหาแม่ได้ไหมคะ ไม่อยากให้แม่เป็นห่วงนะคะ” พอเธออ้อนเวหาก็ยอมใจอ่อน เขาไปเอากระเป๋าในรถมาให้เธอจากนั้นก็นอนดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก ส่วนเมญาวีนั้นเดินไปคุยโทรศัพท์ในห้องนอน หญิงสาวกลับออกมาอีกครั้ง เธอนั่งลงข้างเขา พิงศีรษะกับไหล่หนา “แม่ว่ายังไงบ้างครับ” “ไม่ว่าอะไรค่ะ แม่แค่ฝากบอกพี่เวย์ว่าอย่าลืมสัญญา พี่สัญญาอะไรกับแม่คะ” “สัญญาว่าจะดูแลเมยอย่างดีครับ” “แค่นั้นเหรอคะ” “ครับแค่นั้น” เมญาวีคิดว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้นแต่เขาไม่ยอมพูด แต่คงไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะถ้าอย่างนั้นมารดาของเธอคงบอกไปแล้ว “เราจะอยู่แต่ในห้องเหรอคะ ไหนว่าพาเมยมาเที่ยวทะเล” “เมยอยากออกไปไหน ถ้าจะไปเล่นน้ำรอตอนเย็นก่อนดีกว่าไ
เมญาวีตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน จำได้แค่ว่ากำลังคุยกับเวหาอยู่ในรถ และเขากำลังจะพาเธอกลับบ้าน เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แล้วก็ต้องตกใจเพราะที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของ หญิงสาวรีบลุกจากเตียงแล้วเปิดประตูห้องนอนออกไปทันที “เวย์ พาเมยมาที่ไหน เมยอยากกลับบ้าน” “ตื่นแล้วเหรอครับ หิวหรือยัง มานั่งตรงนี้สิพี่สั่งสเต็กปลาของโปรดให้เมยแล้ว” “พี่เวย์คะ เมยบอกกว่าอยากกลับบ้าน” เธอเดินไปยังประตูด้านหน้าแต่พยายามเปิดเท่าไหร่ประตูก็ไม่ขยับ “เปิดประตูให้เมยด้วย เมยจะกลับ” “เดี๋ยวสิเมยคุยกันก่อน” เวหารีบมาดึงตัวคนรักไว้ เขากอดเธอจากด้านหลัง จมูกกดลงไปยังผมสีดำขลับ สูดดมกลิ่นที่คุ้นเคยเข้าเต็มปอด “เราต้องคุยกับให้รู้เรื่องนะครับ” “เมยว่าเราคุยกับรู้เรื่องแล้วนะคะ” เวหาอุ้มคนตัวเล็กมายังโต๊ะทานข้าว กดให้หญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้ขณะที่ตัวเองกักเธอไว้ด้วยสองแขนแกร่ง “พี่ไม่ให้เมยไปเรียน” “เมยจะไป เมยเตรียมตัวเรียนภาษามาตั้งสองเดือน” “เมยจะทิ้งพี่ไปจริ