ชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้วทุกคนได้ลงมารับประทานอาหารเช้าที่ศูนย์อาหารและกลับไปเก็บเต๊นท์รวมถึงสัมภาระต่างๆ ขึ้นรถเพื่อออกจากอุทยานแห่งชาติในตอนสายๆ
ฌานแนะนำให้ไปเที่ยวสถานที่ใกล้เคียงในระแวกนั้นคือฟาร์มเห็ด สวนผักและไร่สตรอเบอรี่และไร่องุ่นที่คู่แฝดชอบมาก พิชชาซื้อผลผลิตจากไร่ที่ไปเยี่ยมชมไปฝากบิดามารดาของธาดา
“ชุดนี้ฉันฝากให้คุณพ่อคุณแม่คุณด้วยนะคะคุณใหญ่” เธอแยกของเป็นสองชุดวางบนรถในตอนที่เขาช่วยเธอยกกลับมาที่รถ
“คุณเอาไปให้ท่านเองสิ จะฝากผมทำไม”
“ก็กว่าฉันจะไปบ้านคุณก็เสาร์หน้า ผักกับองุ่นจะเน่าก่อน” พิชชาตอบ
“บ้านผมไปได้แค่วันเสาร์เหรอ เย็นนี้ไปถึงกรุงเทพฯ แวะบ้านผมก่อนหรือไปพรุ่งนี้ก็ได้ ถ้าไม่อยากไปเองเดี๋ยวผมไปรับลูกจากโรงเรียนแล้วไปกัน”
หญิงสาวนิ่งคิด “คุณไม่ต้องไปรับเด็กๆ ทุกวันก็ได้ค่ะ ฉันเกรงใจ”
เด็กอนุบาลเลิกเรียนก่อนบ่ายสาม หากเขาไปรับทุกวันธาดาต้องเสียเวลาทำงานไม่น้อยกว่าวันละสามสี่ชั่วโมง
“ลูกถามเรื่องทำไมพ่อแม่ไม่อยู่บ้านเดียวกัน ผมไม่อยากให้เด็กๆ สงสัยอะไรมากกว่านี้”
“เด็กๆ ก็ถามไปตามประสาค่ะ เดี๋ยวแกก็ลืมเรื่องนี้เป็นความผิดของฉันเอง คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดหรือไม่สบายใจ” ธาดาไม่ควรมารู้สึกเดือดร้อนอะไรเลย เพราะทั้งหมดต้นเหตุมาจากเธอล้วนๆ
“ผมว่าการมาหาว่าใครผิดจะเป็นทางแก้ปัญหา ถ้าคุณเกรงใจผมก็อยากบอกว่าผมดีใจมากที่มีลูกอย่างพุทกับแพรว อะไรที่จะทำให้ลูกผมเต็มใจทุกเรื่อง”
พิชชานิ่งอึ้ง ภาพธาดาในวันนี้กับวันแรกที่พบต่างกันราวฟ้ากับเหว
“คุณรู้ไหมคุณใหญ่ วันแรกที่ฉันเจอคุณคุณดูโมโหมากเลยนะที่รู้ว่าพี่หมอเอาสเปิร์มของคุณมาให้ฉัน”
“หรือว่าถ้าคุณเป็นผม คุณจะไม่รู้สึกอะไรเหรอพราว ผมไม่ใช่อรหันต์ที่จะไม่โมโหเวลามีเรื่องผิดพลาดที่มากขนาดนั้น” ธาดาพูดตามตรง
“พราวจะเอาอะไรอีกไหม” พิมาลาส่งเสียงเรียก หญิงสาวเดินมากับสามีจูงหลานแฝดสองคนมาด้วย
“ไม่แล้ว จะกลับกันเลยไหม”
“กลับเลยก็ได้หรือพี่อัทว่าไงคะ”
“ครับ” อัทธกานต์ตอบเมื่อพิมาลาหันมามองหน้าเขาพูดต่อ “กลับเลยก็ดี คืนนี้พี่มีเข้าเวร”
###############
ฌานจอดรถที่หน้าบ้านของพิชชา ชายหนุ่มลงมาช่วยขนของของหญิงสาวเข้าบ้าน ธาดาอุ้มณพิชย์และพิชนันท์ที่หลับเข้านอนทีละคน
“วางลูกไว้บนเตียงเลยค่ะ” พิชชาช่วยเปิดประตูห้องนอนของเด็กๆ ให้เขา ชายหนุ่มวางลูกชายบนเตียงและลงไปอุ้มลูกสาวขึ้นมาอีกคน ส่วนพิชชาถอดรองเท้าให้ลูกนอนสบายขึ้น
“ลูกยังนอนด้วยกันเหรอพราว” ธาดามองเตียงเด็กคู่ที่วางกลางห้องอย่างพิจารณา
“ค่ะ ก็คิดว่าจะให้แยกห้องแล้วแต่ก็ยังไม่ได้คุยกันว่าพุทแพรวจะว่ายังไง ต้องทำห้องใหม่ด้วยค่ะยังไม่ว่างเรียกช่างเข้ามาทำ” ชั้นบนมีห้องนอนสองห้องคือของเธอและลูกแฝด มีห้องว่างที่ยังไม่ได้ตกแต่งอีกหนึ่งที่เธอตั้งใจว่าจะให้เด็กๆ เมื่อเขาต้องการห้องส่วนตัว
ธาดาไม่ว่าอะไร เขากวาดตามองไปรอบห้องนอนลูก พิชชาตกแต่งไว้ค่อนข้างดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับเด็กครบ มีเฟอร์นิเจอร์อย่างละสองชุด ไม่ว่าจะเป็นตู้เสื้อผ้าเด็กสองตู้ โต๊ะเขียนหนังสือสองตัว ทุกอย่างในห้องจะมีสองชิ้นเสมอ
“เดี๋ยวผมจัดการเองเรื่องห้องลูก” เขาพูดแค่นั้นพร้อมกับที่เธอลุกขึ้น
“ปล่อยให้เด็กๆ นอนเถอะค่ะ คุณจะกลับเลยก็ได้นะ”
หญิงสาวเดินนำเขาลงมาชั้นล่าง ของที่เธอซื้อมาฝากคุณเธียรกับภรรยาถูกขนลงมาแล้ว
“พรุ่งนี้ผมมารับไปบ้านตอนเย็น คุณจะได้เอาของที่ซื้อมาไปให้พ่อแม่ผมเอง” ธาดาย้ำอีกครั้ง
“ค่ะ”
“ส่วนห้องลูกผมจะให้คนจัดไว้ให้ที่บ้านโน้น น่าจะเสร็จทันวันศุกร์ที่คุณจะพาลูกไปค้าง ผมแยกห้องให้พุทกับแพรวเลยนะเด็กๆ จะได้ชิน”
“ค่ะ” ธาดาพูดเร็วจนเธอแย้งไม่ทัน พิชชาไปส่งเขาหน้าบ้านหลังจากที่เขาไปแล้วพิมาลาส่งเสียงกระแอมในคอ
“ได้ยินว่าพราวจะพาลูกไปนอนบ้านคุณใหญ่วันหยุดนี้” ฝ่ายพี่สาวเปรย
“ฮื่อ... เขาบอกว่าจะพาทำสวยน่ะ” พิชชายิ้มกริ่ม
“อะไรนะ ทำสวยเหรอ..คุณใหญ่เนี่ยนะ” พิมาลาคิดตามแล้วงง
“ใช่ ไม่เห็นเหรอว่าคุณใหญ่เขาขาวมาก ผิวพรรณก็ดี๊ดี... เราเลยถามว่าเขาใช้เครื่องสำอางอะไร เขาบอกว่าเขามีสูตรโบราณของที่บ้านให้ไปค้างเดี๋ยวทำให้ ตัวไปกับเขาไหมล่ะ”
พิชชาถามพี่สาวที่ส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“ไม่ดีกว่า พิมนัดสปาไว้แล้วพรุ่งนี้พราวจะไปด้วยก็ได้นะ”
“ไม่ พราวบอกแล้วไงว่ามีนัดทำสวยกับคุณใหญ่ เดี๋ยวเขาเคือง”
###############
เย็นวันต่อมาธาดามารับพิชชากับสองแฝดไปบ้านของเขา พิชชานำของฝากที่ซื้อมาจากเขาใหญ่ให้ปู่ย่าของลูก ท่านทั้งสองจึงชวนเธออยู่รับประทานอาหารเย็นด้วยกัน
“เห็นใหญ่ว่าต่อไปวันศุกร์หนูพราวกับเด็กๆ จะมาค้างที่นี่ใช่ไหม” คุณเกตุวดีถาม
“ค่ะคุณป้า”
“ดีลูก เด็กๆ จะได้คุ้นเคยที่นี่ด้วย”
บนโต๊ะอาหารวันนี้ดูครึกครื้นเพราะมีพิชชาและคู่แฝดร่วมโต๊ะด้วย ธาดาเองก็ไม่ได้มีท่าทางรำคาญที่เด็กๆ คุยระหว่างมื้ออาหาร
“เป็นอะไรเหรอคุณ” คุณเธียรถามภรรยาเมื่อเห็นเธอแอบซับน้ำตา
“ไม่ได้เป็นอะไรคะ แค่ตื้นตันใจที่ได้เห็นหลานๆ คุณคะฉันอยากให้หนูพราวกับตาใหญ่แต่งงานกันจังเลย จะได้เป็นครอบครัวจริงๆ” ปู่ย่ากระซิบคุยกัน
“ผมว่าอาจจะมีโอกาสนั้น ดูเจ้าใหญ่สิปกติไม่เคยเห็นสนใจใคร ไม่ชอบเด็กนี่มีการพาไปเที่ยว ไปนอนเต๊นท์มันต้องคิดอะไรบ้างล่ะ” คุณปู่คาดเดา
“ก็ว่าอยู่นะคะ อยากรู้ว่าตาใหญ่ไปทำยังไงหนูพราวถึงยอมรับปากว่าจะมาค้างที่นี่ทุกวันศุกร์”
“ผมก็อยากรู้เหมือนกัน”
เธอก้าวลงอ่างนั่งลงกับพื้นอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ เอนศีรษะพิงขอบอ่างที่บุด้วยเบาะอ่อนนุ่ม ธาดาตามลงมาขัดแขนให้เธอจนทั่วสองข้าง“ต่อไปอันนี้พราวทำเองนะ แล้วล้างออกได้เลยผมจะไปรอข้างนอก” ธาดาทำท่าจะลุกขึ้นแต่เธอเรียกไว้“เดี๋ยวค่ะคุณใหญ่ ขัดหลังให้พราวด้วย พราวทำเองไม่ถึง” หญิงสาวนั่งหันหลังให้เขาเธอปลดปมผ้าขนหนูลงจนเห็นแผ่นหลังเรียบเนียน“จะดีเหรอพราว ผมว่าผิวด้านหลังก็ดีอยู่แล้วนะ ไม่ต้องขัดก็ได้มั้ง” ชายหนุ่มเริ่มคอแห้งกลืนน้ำลายลำบาก“ไม่ได้ค่ะ ทำแล้วก็ทำให้หมด” เธอยืนยัน เขาจึงต้องเริ่มลงเกลือไปทั่วแผ่นหลังเปลือย ธาดาพยายามไม่มองไปทางด้านหน้า ที่ถึงจะมีผ้าขนหนูปิดไว้แต่มันก็ยังล่อตาล่อใจชายหนุ่มแบบเขาเหลือเกิน เขาแข็งใจลงเกลือจนทั่วแล้วรีบลุกออกจากอ่างอย่างรวดเร็ว“พราวล้างตัวได้เลย เสร็จแล้วเรียกผม”ธาดาเดินเร็วๆ ออกมานอกห้อง เขาถอนใจอย่างโล่งอกเจตนาเขาแค่อยากทำความสนิทสนมกับเธอ ยังไม่ได้คิดจะทำเรื่องก้าวล่วงมากกว่านั้น'หรือว่าคืนนี้จะพอแค่นี้ดี' เขาถามตัวเองแต่ขาไม่ขยับออกไปไหน สิบนาทีต่อมาพิชชาส่งเสียงเรียก“คุณใหญ่คะ เรียบร้อยแล้วค่ะเราทำอะไรกันต่อดี” นั่นสิทำอะไรต
พิชชาตามลงมาที่ชั้นล่างตอนนั้นธาดาขนของขึ้นรถหมดแล้ว พิชนันท์และณพิชย์กำลังรอเธอเพื่อจะขึ้นรถท่าทางทั้งคู่ตื่นเต้นมาก“พาเด็กๆ ขึ้นรถเลยก็ได้ค่ะ” เธอรับโทรศัพท์จากพี่สาวไปด้วย สำรวจบ้านไปด้วยว่าลืมอะไรหรือเปล่า พิชชาฟังพิมาลาพูดจากนั้นสีหน้าที่สดชื่นเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยจนธาดาสังเกตุเห็น“เราไม่ไปนะพิม ถ้าพิมอยากไปก็ไปกับพี่อัทแต่เราไม่” เธอพูดแล้วนิ่งฟังปลายสาย สีหน้าพิชชายิ่งนิ่งเฉยมากขึ้น“บอกพวกเขาว่าอย่ามายุ่งกับลูกเรา ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวเรากับลูกจะเปลี่ยนนามสกุลไปใช้นามสกุลแม่ก็ได้ มันไม่ใช่ปัญหาหรอก”พิชชาคุยต่ออีกสองนาทีเธอจึงวางสาย หญิงสาวสั่งงานแม่บ้านและเดินตามออกมา คู่แฝดขึ้นรถเรียบร้อยส่วนธาดากำลังยืนรอเธออยู่“มีอะไรรึเปล่าพราว” ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถาม“ไม่มีอะไรค่ะ” พิชชาปฏิเสธแต่เธอเห็นความไม่เชื่อบนใบหน้าเขา ธาดาเปิดประตูรถให้เธอขึ้น“เดี๋ยวค่อยไปคุยกันที่บ้านคุณก็ได้ค่ะ”ธาดาพยักหน้าเขาปิดประตูรถก่อนจะอ้อมไปอีกฝั่ง วันนี้ชายหนุ่มขับรถเองเพราะเขาให้เลขาไปทำธุระอื่นก่อนเลิกงานการจราจรติดขัดทำให้กว่าจะถึงบ้านเสขสุรักษ์ก็เกือบค่ำ พิชชาปลุกลูกที่หลับไปพักใหญ่ ในขณะท
ทานอาหารเย็นแล้วธาดาไปส่งพิชชากับลูกแฝดกลับบ้านของเธอ แล้วกลับมาคุยกับบิดามารดาที่บ้าน“ยังไงนะเรา อยู่ๆ ทำไมไปสนิทกับหนูพราวได้” มารดาถามลูกชายทันทีที่เขากลับมาถึงบ้าน“ก็ไม่มีอะไรครับ ผมว่าเขาก็น่ารักดี ปากจัดดี” ธาดายิ้มเมื่อเห็นพ่อแม่ทำหน้าตกใจ เขาหัวเราะก่อนจะกล่าวแก้“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่พราวเป็นคนตรง คิดอะไรก็พูด เลยดูน่าคบหาดี” ถึงไม่มีเรื่องของณพิชย์และพิชนันท์เข้ามา ธาดาคิดว่าเขาก็คงสนใจพิชชาอยู่ดีถ้ามีโอกาสได้พบกันก่อนหน้านี้“ถ้าลูกจริงจังก็ดี”คุณเธียรพูดบ้าง ทั้งที่ชายสูงวัยรู้จักลูกชายตนเองดีว่าธาดาไม่มีนิสัยคบใครไปเรื่อย เรียกว่าที่ผ่านมาเขาไม่คบใครฉันท์คนรักเลยก็ว่าได้ กรณีพิชชาถ้าไม่มีเรื่องหลานเข้ามาธาดาก็คงไม่มีโอกาสได้รู้จักเธอเช่นกัน“ครับพ่อ” ธาดารับคำสั้นๆ“แล้วลูกทำยังไง หนูพราวถึงยอมจะมาค้างบ้านเรา” เรื่องนี้ที่นางสงสัยมาก พิชชาเองดูไม่น่าจะไว้ใจธาดาเร็วขนาดนี้แต่นางก็ต้องยิ่งสงสัยเมื่อลูกชายคนเดียวหัวเราะอีก“พราวเขาคิดว่าผมเป็นเกย์ครับแม่ เขาเลยไม่คิดอะไรถ้าจะมาค้าง” ผู้สูงวัยทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนที่คุณเกตุวดีจะพูดออกมา“ความจริงก็คงไม่
ชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้วทุกคนได้ลงมารับประทานอาหารเช้าที่ศูนย์อาหารและกลับไปเก็บเต๊นท์รวมถึงสัมภาระต่างๆ ขึ้นรถเพื่อออกจากอุทยานแห่งชาติในตอนสายๆ ฌานแนะนำให้ไปเที่ยวสถานที่ใกล้เคียงในระแวกนั้นคือฟาร์มเห็ด สวนผักและไร่สตรอเบอรี่และไร่องุ่นที่คู่แฝดชอบมาก พิชชาซื้อผลผลิตจากไร่ที่ไปเยี่ยมชมไปฝากบิดามารดาของธาดา“ชุดนี้ฉันฝากให้คุณพ่อคุณแม่คุณด้วยนะคะคุณใหญ่” เธอแยกของเป็นสองชุดวางบนรถในตอนที่เขาช่วยเธอยกกลับมาที่รถ“คุณเอาไปให้ท่านเองสิ จะฝากผมทำไม” “ก็กว่าฉันจะไปบ้านคุณก็เสาร์หน้า ผักกับองุ่นจะเน่าก่อน” พิชชาตอบ“บ้านผมไปได้แค่วันเสาร์เหรอ เย็นนี้ไปถึงกรุงเทพฯ แวะบ้านผมก่อนหรือไปพรุ่งนี้ก็ได้ ถ้าไม่อยากไปเองเดี๋ยวผมไปรับลูกจากโรงเรียนแล้วไปกัน” หญิงสาวนิ่งคิด “คุณไม่ต้องไปรับเด็กๆ ทุกวันก็ได้ค่ะ ฉันเกรงใจ” เด็กอนุบาลเลิกเรียนก่อนบ่ายสาม หากเขาไปรับทุกวันธาดาต้องเสียเวลาทำงานไม่น้อยกว่าวันละสามสี่ชั่วโมง“ลูกถามเรื่องทำไมพ่อแม่ไม่อยู่บ้านเดียวกัน ผมไม่อยากให้เด็กๆ สงสัยอะไรมากกว่านี้” “เด็กๆ ก็ถามไปตามประสาค่ะ เดี๋ยวแกก็ลืมเรื่องนี้เป็นความผิดของฉันเอง คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึก
“ไม่ต้องหรอกลูกมันยุ่งไป ผัดมาม่าเอาไว้แม่ไปกินที่บ้านได้” หญิงสาวรีบบอกลูกแต่ณพิชย์ทำหน้าไม่เห็นด้วย“แต่พุทอยากกินด้วยนี่ฮะแม่”“ตกลงใครอยากกิน แม่หรือพุท” ธาดาถามยิ้มๆ เด็กชายก้มหน้าเขินเมื่อถูกจับได้ เขาแอบมองเห็นพิชนันท์ยักคิ้วให้ณพิชย์จึงแลบลิ้นใส่เป็นการตอบแทน“เดี๋ยวฉันทำเองก็ได้ค่ะคุณใหญ่” พิชชาเดินมาใกล้เตาแก็สน้ำในกากำลังเดือดปุดๆ เธอใช้กรรไกรตัดซองโอวัลตินเทใส่ถ้วย“พุทหยิบถุงขยะมาให้แม่หน่อยครับ” เธอออกคำสั่งกับลูกชาย หญิงสาวต้องการสอนให้ลูกรู้จักความรับผิดชอบในการมาเที่ยว“ต้องเอาถุงขยะมาใส่ด้วยเหรอแม่ แล้วจะทิ้งที่ไหนคะ” พิชนันท์มองไปรอบๆ เธอไม่เห็นถังขยะเลย“เก็บลงไปทิ้งข้างล่างไงลูก มาเที่ยวแล้วต้องไม่ทิ้งขยะไว้บนนี้โดยเฉพาะพวกถุงพลาสติก” ธาดาเป็นฝ่ายอธิบาย“อ๋อ เดี๋ยวมดขึ้นใช่ไหมคะพ่อ” “ก็ด้วย แต่สำคัญกว่าคือพวกพลาสติกมันไม่ย่อยครับ เราทิ้งไว้ถ้ามีสัตว์ป่ามากินมันก็จะตายเพราะมีพลาสติกในท้อง” คู่แฝดฟังแล้วพยักหน้ารับ ธาดาเทน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่สำเร็จรูป และถ้วยโอวัลตินจนครบทุกถ้วย เขาเห็นพิมาลาและอัทธกานต์เดินกลับมาพอดีทั้งสองแวะคุยที่หน้าเต็นท์“ทานอะไรไหม
กางเต๊นท์แล้วทั้งหมดไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติ ฌานติดต่อทำเรื่องจองรถไปส่องสัตว์เขาเลือกรอบหนึ่งทุ่มตรงโดยที่จองแบบเหมาคัน ส่วนพิชชาพาเด็กๆ เดินดูนิทรรศการภายในศูนย์ที่แนะนำสัตว์ป่าแต่ละชนิด“เรียบร้อยครับ เราไปเดินเที่ยวกันตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติไหม” ฌานถาม “ไกลไหมคะ เด็กๆ จะเดินไหวไหม” พิมาลา“หนึ่งจุดสองกิโลก็ไม่ไกลมากนะพิม ถ้าพุทแพรวเมื่อยก็อุ้มกลับก็ได้” อัทธกานต์อ่านรายละเอียดของเส้นทางการศึกษาธรรมชาติที่มีจุดเริ่มต้นที่ด้านหลังของศูนย์บริการทั้งหมดเริ่มเดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เป็นทางเดินที่ถูกทำไว้แล้วอย่างดี เดินง่าย วิวสวย จุดถ่ายรูปมีตลอดทาง ณพิชย์และพิชนันท์ต่างตื่นเต้นกับสิ่งที่พบเห็นระหว่างทาง“หู๊ว.......สวยจังค่ะ” พิชนันท์พูดในระหว่างที่อยู่บนสะพานข้ามลำธาร ธาดาอุ้มสาวน้อยขึ้นมาเพื่อให้ดูวิวได้ถนัด ส่วนณพิชย์เป็นหน้าที่ของฌานเขาให้เด็กชายขี่คอทำให้แฝดน้องสนุกมากกว่าใครพิชชาเดินคู่กับพิมาลาโดยมีอัทธกานต์รั้งท้าย สองสาวเดินไปคุยกันไปเบาๆ“คุณใหญ่เขาดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งรู้ว่ามีลูกเลยนะพราว” พิมาลาสังเกตุเห็นอะไรหลายอย่างที่ชายหนุ