ทานอาหารเย็นแล้วธาดาไปส่งพิชชากับลูกแฝดกลับบ้านของเธอ แล้วกลับมาคุยกับบิดามารดาที่บ้าน
“ยังไงนะเรา อยู่ๆ ทำไมไปสนิทกับหนูพราวได้” มารดาถามลูกชายทันทีที่เขากลับมาถึงบ้าน
“ก็ไม่มีอะไรครับ ผมว่าเขาก็น่ารักดี ปากจัดดี” ธาดายิ้มเมื่อเห็นพ่อแม่ทำหน้าตกใจ เขาหัวเราะก่อนจะกล่าวแก้
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่พราวเป็นคนตรง คิดอะไรก็พูด เลยดูน่าคบหาดี” ถึงไม่มีเรื่องของณพิชย์และพิชนันท์เข้ามา ธาดาคิดว่าเขาก็คงสนใจพิชชาอยู่ดีถ้ามีโอกาสได้พบกันก่อนหน้านี้
“ถ้าลูกจริงจังก็ดี”
คุณเธียรพูดบ้าง ทั้งที่ชายสูงวัยรู้จักลูกชายตนเองดีว่าธาดาไม่มีนิสัยคบใครไปเรื่อย เรียกว่าที่ผ่านมาเขาไม่คบใครฉันท์คนรักเลยก็ว่าได้ กรณีพิชชาถ้าไม่มีเรื่องหลานเข้ามาธาดาก็คงไม่มีโอกาสได้รู้จักเธอเช่นกัน
“ครับพ่อ” ธาดารับคำสั้นๆ
“แล้วลูกทำยังไง หนูพราวถึงยอมจะมาค้างบ้านเรา” เรื่องนี้ที่นางสงสัยมาก พิชชาเองดูไม่น่าจะไว้ใจธาดาเร็วขนาดนี้แต่นางก็ต้องยิ่งสงสัยเมื่อลูกชายคนเดียวหัวเราะอีก
“พราวเขาคิดว่าผมเป็นเกย์ครับแม่ เขาเลยไม่คิดอะไรถ้าจะมาค้าง”
ผู้สูงวัยทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนที่คุณเกตุวดีจะพูดออกมา
“ความจริงก็คงไม่ใช่แค่หนูพราวที่คิด พ่อแม่เองก็เคยแอบสงสัย”
“แม่ครับ...” ธาดาลากเสียง เรื่องนี้เขาไม่คิดว่ามารดาจะพลอยเป็นไปด้วย
“ก็จริงไหมล่ะ เราเล่นไม่สนใจใครเลยแม่แนะนำลูกเพื่อนสวยๆ ให้ก็ไม่เคยเปิดใจ” นางค้อนบุตรชาย
“ก็ผมจะไปเจอใครล่ะแม่ วันๆ ก็ทำแต่งานเห็นแต่ตัวเลขกับแผนการลงทุน” ครอบครัวของเขาทำธุรกิจธนาคาร ธาดาเพิ่งขึ้นเป็นซีอีโอของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งเมื่อปีก่อน นั่นยิ่งทำให้เขาคร่ำเคร่งกับแผนการดำเนินงานมากขึ้นกว่าปกติ
และจากอาชีพของเขา ทำให้ชายหนุ่มค่อนข้างระวังในการคบหาใคร เพราะคนที่เข้าหาเขามักจะมีอะไรแอบแฝงด้านผลประโยชน์เสมอ ยิ่งเขาโสดก็เหมือนเป็นเป้าหมายมากขึ้น
“เรื่องจดทะเบียนรับรองบุตรของเด็กๆ ไปถึงไหนแล้ว” คุณเธียรเปลี่ยนเรื่อง
“ก็น่าจะอีกสักเดือนมั้งครับ เรื่องทางศาลจะเรียบร้อย” ธาดาคะเนเวลาที่ช้าสุด
“พ่อว่ามันมีอีกวิธีนะที่เร็วกว่านั้น”
“ครับ” ชายหนุ่มมองหน้าพ่อ เขาพูดขึ้นมาเอง “อย่าบอกนะว่าพ่อหมายถึงการจดทะเบียนสมรส”
ชายสูงวัยพยักหน้า
“ใช่ ไหนๆ ก็จะเปิดใจคบหากัน พ่อว่าทางนี้น่าจะดีที่สุด หนูพราวเองก็ได้รักษาผลประโยชน์ให้ลูก พ่อว่าถ้าน้องเขาคิดจะไม่แต่งงานกับใครอื่นจริงๆ เรื่องนี้เราน่าจะคุยกับเขาได้”
“ผมว่ามันจะเร็วไปรึเปล่า ไม่อยากให้พราวคิดว่าผมมัดมือชกหรือไปหลอกเขามากไป” เขาทำหน้าไม่เห็นด้วย
“แม่เป็นผู้หญิง แม่เข้าใจคนที่เป็นแม่เหมือนกัน วันศุกร์นี้แม่จะคุยกับพราวเอง ลูกไม่ต้องทำอะไรนอกจากเป็นเพื่อนน้องไปก่อนพลางๆ แล้วรอ ห้ามทำรุ่มร่ามกับน้องนะ” นางกำชับลูกชาย
ธาดาทำหน้าปั้นยาก เขาเองแค่คิดเล่นๆ ว่าพิชชาเข้าใจผิดก็ดีเธอจะได้ไม่เกร็งเวลาอยู่ใกล้เขา แต่นี่ดูว่าแม่เขาจะจริงจังเรื่องนี้มากกว่าตัวเขาเองอีก
“แล้วเป็นเพื่อนนี่เป็นยังไงล่ะคุณ” คุณเธียรถามภรรยา เขาเองก็ไม่เข้าใจพอกัน
“แหม... เป็นเพื่อนกับผู้หญิงก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ นอกจากเสริมสวยผู้ชายเดี๋ยวนี้ก็มีทำนะคะไม่ได้แปลกเลย คุยเรื่องผู้ชายในซีรี่ย์ สามีทิพย์หรือไม่ก็ดูดวง ตาใหญ่ก็ไปศึกษาเรื่องพวกนี้ไว้คุยกับน้องบ้างแล้วกัน” นางเกตุวดีพูด สามีหัวเราะลั่นแต่ลูกชายส่ายหน้าไปมาเหมือนพ่อแม่พูดเรื่องไร้สาระ
ไปกันใหญ่แล้ว แม่เขาเล่นใหญ่กว่าพิชชาอีก ชายหนุ่มคิดและเขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ทำตามที่มารดาบอก
################
เย็นวันศุกร์มาถึงธาดาไปรับพิชชาและลูกที่บ้าน แม้เธอจะบอกว่าขับรถไปเองได้
“ให้ผมมารับดีแล้ว เผื่อผมจะช่วยยกของอะไร”
“ฉันไม่ได้ย้ายบ้านนะคะคุณใหญ่” เธอหัวเราะ
เขามาถึงหลังเลิกงาน วันนี้ชายหนุ่มไม่ได้ไปรับเด็กๆ จากโรงเรียนเพราะเขาต้องอยู่เคลียร์งานที่ค้างจนเสร็จ
“พ่อมาแล้ว” ณพิชย์วิ่งออกจากบ้าน เด็กชายจำเสียงรถของบิดาได้
ธาดาผลักประตูรั้วเข้ามา ชายหนุ่มรับร่างลูกชายที่โถมตัวเข้าหา
“ว่าไงลูก คิดถึงพ่อไหมครับ”
“พุทคิดถึงพ่อมาก แพรวก็คิดถึง แม่ก็ด้วย” เด็กชายพูดเสียงใส ธาดายิ้มเมื่อได้ยินคำว่าแม่ก็คิดถึง
“เก็บของเสร็จรึยังครับ” ชายหนุ่มเดินขึ้นบ้าน พิชนันท์กำลังลงมาจากชั้นบนพอดี
“พ่อขา... แม่พ่อมาแล้วค่ะ” เด็กหญิงทักและหันไปเรียกมารดาที่อยู่ข้างบน
“แม่อยู่ข้างบนเหรอลูก”
“ค่ะพ่อ แม่เก็บของอยู่” พิชนันท์ตอบ
“งั้นพ่อขึ้นไปช่วยแม่ ลูกสองคนอย่าวิ่งออกไปนอกบ้านนะครับ” ธาดาบอกเมื่อเด็กๆ รับปากและเห็นพี่เลี้ยงเด็กเดินเข้ามาชายหนุ่มจึงถือวิสาสะขึ้นไปชั้นบน
“พราวเสร็จรึยังครับ”
พิชชาสะดุ้ง เธอหันมามองคนที่ยืนหน้าประตู
“มาแล้วเหรอคะ จะเสร็จแล้วค่ะ” เธอเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าหมดแล้ว
“คุณยังไม่ได้แต่งตัวเหรอ งั้นผมลงไปข้างล่างก่อนมีอะไรให้ช่วยถือไหม” เธอยังอยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำ ชายหนุ่มจึงคิดว่าไม่เหมาะถ้าเขาจะอยู่ตรงนี้
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณใหญ่มาก็ดีมาช่วยดูหน่อยว่าพราวใส่ชุดนี้ดีไหม” เธอเปิดตู้เสื้อผ้าพยักหน้าเรียกเขาเข้าไปในห้อง ธาดากลืนน้ำลายเมื่อเธอทำเหมือนว่าเขาเป็นเพื่อนผู้หญิงจริงๆ
“ชุดไหน” อืม.. เสียงยังไม่สั่น ใช้ได้อยู่ เขานึกชมตัวเองในใจ
“นี่ค่ะ” พิชชายื่นมือผ่านหน้าเขาไปหยิบชุดที่อยู่ด้านในสุด กลิ่นหอมจากตัวเธอโชยมารวยรินแต่เขายังยืนนิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไร
พิชชาหยิบเสื้อปาดไหล่แขนตุ๊กตาเอวจั๊มสีน้ำตาลกับกางเกงขาสามส่วนสีเดียวกันให้เขาดู
“ก็ดีนะ น่ารักดี” แต่ไม่ใส่อะไรเลยน่าจะน่ารักกว่า ธาดาคิดในใจ
“โอเคค่ะ คุณใหญ่อย่าเพิ่งลงไปนะ รอพราวสองนาที” เธอรวบชุดที่เลือกวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
พิชชาใช้เวลาสองนาทีจริงๆ ในการสวมเสื้อผ้า เธอออกมาในชุดที่เปิดไหล่ให้เห็นผิวผ่องที่ก้มทีก็ทำชายหนุ่มใจสั่น ธาดานึกด่าตัวเองเขาเจอคนสวยมาก็มาก ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครเลย
หญิงสาวเปิดลิ้นชักหยิบกล่องเครื่องประดับออกมา เธอเลือกสร้อยทองคำขาวเส้นเล็กๆ มีจี้รูปหัวใจเป็นไพลินเม็ดเดี่ยวน้ำงามขนาดกำลังน่ารัก
“รบกวนคุณใหญ่ใส่สร้อยให้พราวหน่อยค่ะ เสื้อตัวนี้คอโล่งไปไม่สวย” เธอรวบผมยาวไปทางนึงเพื่อให้เขาทำงานสะดวก
ธาดาจำใจก้าวเท้าไปหาเธอพยายามไม่มองผิวเนื้อนอกร่มผ้าของพิชชา เขารับสร้อยมาโน้มตัวไปเกี่ยวตะขอที่ด้านหลัง หางตาเห็นลาดไหล่เนียน เขาจึงพยายามหันหน้าไปทางอื่นมันจึงไม่ลงล็อกสักที
“คุณใหญ่เร็วๆ สิคะ พราวเมื่อยแล้วนะ” เขากระพริบตาเพิ่งสังเกตุว่าเธอแทนตัวเองชื่อเล่น แต่ใจเขาหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเธอเกาะต้นแขนเขาแน่น เขารีบจัดการสร้อยในมือจนเรียบร้อยแล้วผละตัวออกห่าง
“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มร่าเริง
“ให้ผมช่วยยกอะไรไหม” ธาดาเสไปคุยเรื่องอื่น
“กระเป๋านี่ก็ไม่มีอะไรแล้วค่ะ นอกจากตัวพราวนี่ล่ะจะยกลงไปข้างล่างไหมคะ” เธอหัวเราะคิก เห็นเขาส่ายศีรษะไปมาแล้วยกของเดินนำไปข้างล่าง
พิชชามองตามหลังร่างสูงที่รีบเดินห่างไปพลางนึกในใจ
'ท่าทางคุณใหญ่จะเป็นจริงๆ ขนาดนี้ยังไม่หวั่นไหวอะไรเลย น่าสงสารจังเลย'
เธอคิดด้วยความเห็นใจเขาพลางก้มลงมองตัวเอง หญิงสาวแน่ใจว่ารูปโฉมตัวเองไม่มีอะไรน้อยหน้ากว่าสาวสวยคนไหน ธาดายังไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิดเดียว
เธอก้าวลงอ่างนั่งลงกับพื้นอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ เอนศีรษะพิงขอบอ่างที่บุด้วยเบาะอ่อนนุ่ม ธาดาตามลงมาขัดแขนให้เธอจนทั่วสองข้าง“ต่อไปอันนี้พราวทำเองนะ แล้วล้างออกได้เลยผมจะไปรอข้างนอก” ธาดาทำท่าจะลุกขึ้นแต่เธอเรียกไว้“เดี๋ยวค่ะคุณใหญ่ ขัดหลังให้พราวด้วย พราวทำเองไม่ถึง” หญิงสาวนั่งหันหลังให้เขาเธอปลดปมผ้าขนหนูลงจนเห็นแผ่นหลังเรียบเนียน“จะดีเหรอพราว ผมว่าผิวด้านหลังก็ดีอยู่แล้วนะ ไม่ต้องขัดก็ได้มั้ง” ชายหนุ่มเริ่มคอแห้งกลืนน้ำลายลำบาก“ไม่ได้ค่ะ ทำแล้วก็ทำให้หมด” เธอยืนยัน เขาจึงต้องเริ่มลงเกลือไปทั่วแผ่นหลังเปลือย ธาดาพยายามไม่มองไปทางด้านหน้า ที่ถึงจะมีผ้าขนหนูปิดไว้แต่มันก็ยังล่อตาล่อใจชายหนุ่มแบบเขาเหลือเกิน เขาแข็งใจลงเกลือจนทั่วแล้วรีบลุกออกจากอ่างอย่างรวดเร็ว“พราวล้างตัวได้เลย เสร็จแล้วเรียกผม”ธาดาเดินเร็วๆ ออกมานอกห้อง เขาถอนใจอย่างโล่งอกเจตนาเขาแค่อยากทำความสนิทสนมกับเธอ ยังไม่ได้คิดจะทำเรื่องก้าวล่วงมากกว่านั้น'หรือว่าคืนนี้จะพอแค่นี้ดี' เขาถามตัวเองแต่ขาไม่ขยับออกไปไหน สิบนาทีต่อมาพิชชาส่งเสียงเรียก“คุณใหญ่คะ เรียบร้อยแล้วค่ะเราทำอะไรกันต่อดี” นั่นสิทำอะไรต
พิชชาตามลงมาที่ชั้นล่างตอนนั้นธาดาขนของขึ้นรถหมดแล้ว พิชนันท์และณพิชย์กำลังรอเธอเพื่อจะขึ้นรถท่าทางทั้งคู่ตื่นเต้นมาก“พาเด็กๆ ขึ้นรถเลยก็ได้ค่ะ” เธอรับโทรศัพท์จากพี่สาวไปด้วย สำรวจบ้านไปด้วยว่าลืมอะไรหรือเปล่า พิชชาฟังพิมาลาพูดจากนั้นสีหน้าที่สดชื่นเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยจนธาดาสังเกตุเห็น“เราไม่ไปนะพิม ถ้าพิมอยากไปก็ไปกับพี่อัทแต่เราไม่” เธอพูดแล้วนิ่งฟังปลายสาย สีหน้าพิชชายิ่งนิ่งเฉยมากขึ้น“บอกพวกเขาว่าอย่ามายุ่งกับลูกเรา ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวเรากับลูกจะเปลี่ยนนามสกุลไปใช้นามสกุลแม่ก็ได้ มันไม่ใช่ปัญหาหรอก”พิชชาคุยต่ออีกสองนาทีเธอจึงวางสาย หญิงสาวสั่งงานแม่บ้านและเดินตามออกมา คู่แฝดขึ้นรถเรียบร้อยส่วนธาดากำลังยืนรอเธออยู่“มีอะไรรึเปล่าพราว” ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถาม“ไม่มีอะไรค่ะ” พิชชาปฏิเสธแต่เธอเห็นความไม่เชื่อบนใบหน้าเขา ธาดาเปิดประตูรถให้เธอขึ้น“เดี๋ยวค่อยไปคุยกันที่บ้านคุณก็ได้ค่ะ”ธาดาพยักหน้าเขาปิดประตูรถก่อนจะอ้อมไปอีกฝั่ง วันนี้ชายหนุ่มขับรถเองเพราะเขาให้เลขาไปทำธุระอื่นก่อนเลิกงานการจราจรติดขัดทำให้กว่าจะถึงบ้านเสขสุรักษ์ก็เกือบค่ำ พิชชาปลุกลูกที่หลับไปพักใหญ่ ในขณะท
ทานอาหารเย็นแล้วธาดาไปส่งพิชชากับลูกแฝดกลับบ้านของเธอ แล้วกลับมาคุยกับบิดามารดาที่บ้าน“ยังไงนะเรา อยู่ๆ ทำไมไปสนิทกับหนูพราวได้” มารดาถามลูกชายทันทีที่เขากลับมาถึงบ้าน“ก็ไม่มีอะไรครับ ผมว่าเขาก็น่ารักดี ปากจัดดี” ธาดายิ้มเมื่อเห็นพ่อแม่ทำหน้าตกใจ เขาหัวเราะก่อนจะกล่าวแก้“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่พราวเป็นคนตรง คิดอะไรก็พูด เลยดูน่าคบหาดี” ถึงไม่มีเรื่องของณพิชย์และพิชนันท์เข้ามา ธาดาคิดว่าเขาก็คงสนใจพิชชาอยู่ดีถ้ามีโอกาสได้พบกันก่อนหน้านี้“ถ้าลูกจริงจังก็ดี”คุณเธียรพูดบ้าง ทั้งที่ชายสูงวัยรู้จักลูกชายตนเองดีว่าธาดาไม่มีนิสัยคบใครไปเรื่อย เรียกว่าที่ผ่านมาเขาไม่คบใครฉันท์คนรักเลยก็ว่าได้ กรณีพิชชาถ้าไม่มีเรื่องหลานเข้ามาธาดาก็คงไม่มีโอกาสได้รู้จักเธอเช่นกัน“ครับพ่อ” ธาดารับคำสั้นๆ“แล้วลูกทำยังไง หนูพราวถึงยอมจะมาค้างบ้านเรา” เรื่องนี้ที่นางสงสัยมาก พิชชาเองดูไม่น่าจะไว้ใจธาดาเร็วขนาดนี้แต่นางก็ต้องยิ่งสงสัยเมื่อลูกชายคนเดียวหัวเราะอีก“พราวเขาคิดว่าผมเป็นเกย์ครับแม่ เขาเลยไม่คิดอะไรถ้าจะมาค้าง” ผู้สูงวัยทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนที่คุณเกตุวดีจะพูดออกมา“ความจริงก็คงไม่
ชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้วทุกคนได้ลงมารับประทานอาหารเช้าที่ศูนย์อาหารและกลับไปเก็บเต๊นท์รวมถึงสัมภาระต่างๆ ขึ้นรถเพื่อออกจากอุทยานแห่งชาติในตอนสายๆ ฌานแนะนำให้ไปเที่ยวสถานที่ใกล้เคียงในระแวกนั้นคือฟาร์มเห็ด สวนผักและไร่สตรอเบอรี่และไร่องุ่นที่คู่แฝดชอบมาก พิชชาซื้อผลผลิตจากไร่ที่ไปเยี่ยมชมไปฝากบิดามารดาของธาดา“ชุดนี้ฉันฝากให้คุณพ่อคุณแม่คุณด้วยนะคะคุณใหญ่” เธอแยกของเป็นสองชุดวางบนรถในตอนที่เขาช่วยเธอยกกลับมาที่รถ“คุณเอาไปให้ท่านเองสิ จะฝากผมทำไม” “ก็กว่าฉันจะไปบ้านคุณก็เสาร์หน้า ผักกับองุ่นจะเน่าก่อน” พิชชาตอบ“บ้านผมไปได้แค่วันเสาร์เหรอ เย็นนี้ไปถึงกรุงเทพฯ แวะบ้านผมก่อนหรือไปพรุ่งนี้ก็ได้ ถ้าไม่อยากไปเองเดี๋ยวผมไปรับลูกจากโรงเรียนแล้วไปกัน” หญิงสาวนิ่งคิด “คุณไม่ต้องไปรับเด็กๆ ทุกวันก็ได้ค่ะ ฉันเกรงใจ” เด็กอนุบาลเลิกเรียนก่อนบ่ายสาม หากเขาไปรับทุกวันธาดาต้องเสียเวลาทำงานไม่น้อยกว่าวันละสามสี่ชั่วโมง“ลูกถามเรื่องทำไมพ่อแม่ไม่อยู่บ้านเดียวกัน ผมไม่อยากให้เด็กๆ สงสัยอะไรมากกว่านี้” “เด็กๆ ก็ถามไปตามประสาค่ะ เดี๋ยวแกก็ลืมเรื่องนี้เป็นความผิดของฉันเอง คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึก
“ไม่ต้องหรอกลูกมันยุ่งไป ผัดมาม่าเอาไว้แม่ไปกินที่บ้านได้” หญิงสาวรีบบอกลูกแต่ณพิชย์ทำหน้าไม่เห็นด้วย“แต่พุทอยากกินด้วยนี่ฮะแม่”“ตกลงใครอยากกิน แม่หรือพุท” ธาดาถามยิ้มๆ เด็กชายก้มหน้าเขินเมื่อถูกจับได้ เขาแอบมองเห็นพิชนันท์ยักคิ้วให้ณพิชย์จึงแลบลิ้นใส่เป็นการตอบแทน“เดี๋ยวฉันทำเองก็ได้ค่ะคุณใหญ่” พิชชาเดินมาใกล้เตาแก็สน้ำในกากำลังเดือดปุดๆ เธอใช้กรรไกรตัดซองโอวัลตินเทใส่ถ้วย“พุทหยิบถุงขยะมาให้แม่หน่อยครับ” เธอออกคำสั่งกับลูกชาย หญิงสาวต้องการสอนให้ลูกรู้จักความรับผิดชอบในการมาเที่ยว“ต้องเอาถุงขยะมาใส่ด้วยเหรอแม่ แล้วจะทิ้งที่ไหนคะ” พิชนันท์มองไปรอบๆ เธอไม่เห็นถังขยะเลย“เก็บลงไปทิ้งข้างล่างไงลูก มาเที่ยวแล้วต้องไม่ทิ้งขยะไว้บนนี้โดยเฉพาะพวกถุงพลาสติก” ธาดาเป็นฝ่ายอธิบาย“อ๋อ เดี๋ยวมดขึ้นใช่ไหมคะพ่อ” “ก็ด้วย แต่สำคัญกว่าคือพวกพลาสติกมันไม่ย่อยครับ เราทิ้งไว้ถ้ามีสัตว์ป่ามากินมันก็จะตายเพราะมีพลาสติกในท้อง” คู่แฝดฟังแล้วพยักหน้ารับ ธาดาเทน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่สำเร็จรูป และถ้วยโอวัลตินจนครบทุกถ้วย เขาเห็นพิมาลาและอัทธกานต์เดินกลับมาพอดีทั้งสองแวะคุยที่หน้าเต็นท์“ทานอะไรไหม
กางเต๊นท์แล้วทั้งหมดไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติ ฌานติดต่อทำเรื่องจองรถไปส่องสัตว์เขาเลือกรอบหนึ่งทุ่มตรงโดยที่จองแบบเหมาคัน ส่วนพิชชาพาเด็กๆ เดินดูนิทรรศการภายในศูนย์ที่แนะนำสัตว์ป่าแต่ละชนิด“เรียบร้อยครับ เราไปเดินเที่ยวกันตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติไหม” ฌานถาม “ไกลไหมคะ เด็กๆ จะเดินไหวไหม” พิมาลา“หนึ่งจุดสองกิโลก็ไม่ไกลมากนะพิม ถ้าพุทแพรวเมื่อยก็อุ้มกลับก็ได้” อัทธกานต์อ่านรายละเอียดของเส้นทางการศึกษาธรรมชาติที่มีจุดเริ่มต้นที่ด้านหลังของศูนย์บริการทั้งหมดเริ่มเดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เป็นทางเดินที่ถูกทำไว้แล้วอย่างดี เดินง่าย วิวสวย จุดถ่ายรูปมีตลอดทาง ณพิชย์และพิชนันท์ต่างตื่นเต้นกับสิ่งที่พบเห็นระหว่างทาง“หู๊ว.......สวยจังค่ะ” พิชนันท์พูดในระหว่างที่อยู่บนสะพานข้ามลำธาร ธาดาอุ้มสาวน้อยขึ้นมาเพื่อให้ดูวิวได้ถนัด ส่วนณพิชย์เป็นหน้าที่ของฌานเขาให้เด็กชายขี่คอทำให้แฝดน้องสนุกมากกว่าใครพิชชาเดินคู่กับพิมาลาโดยมีอัทธกานต์รั้งท้าย สองสาวเดินไปคุยกันไปเบาๆ“คุณใหญ่เขาดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งรู้ว่ามีลูกเลยนะพราว” พิมาลาสังเกตุเห็นอะไรหลายอย่างที่ชายหนุ