คณะนิเทศศาสตร์ เอกศิลปการแสดง
"สวัสดี..." ฉันสะดุ้งเมื่อมีเสียงทุ้มๆ ดังขึ้นข้างตัว ผู้ชายสูงโปร่งหน้าตาดีกำลังยืนยิ้มให้ฉันจนตาหยี "..คะ? " "ขอนั่งด้วยคนนะ เปิดเทอมวันแรกไม่มีเพื่อนน่ะ" "อ่อ ได้เลย" "เราชื่อจัสมิน ยินดีที่ได้เรียนเอกเดียวกันนะ" "เราชื่อข้าวเหนียว ยินดีเช่นกัน" "เสียดายเนอะ ที่นี่ไม่มีรับน้องเหมือนมหาวิทยาลัยอื่น เราคงจะสนิทกับเพื่อนยากเลยทีนี้" "ไม่หรอกถ้าเรียนด้วยกันยังไงก็สนิทกันอยู่แล้ว" "นั้นสิ ฮ่าๆ " วันนี้ทั้งวันฉันแทบจะไม่มีเพื่อนใหม่เลยนอกจะจัสมินแต่ละคนในเอกดูเป็นลูกคุณหนูไฮโซใช้กระเป๋าแพง ๆ ต่างจากฉันที่มีฐานะธรรมดา แม่ฉันเป็นนักเดินทางท่องเที่ยวแล้วเขียนลงบล็อก ส่วนมากก็ไม่ได้กลับบ้านละฉันก็เป็นลูกคนเดียวเลยไม่รู้วิธีทำความรู้จักคนอื่นเลยยังโชคดีที่มีจัสมินไม่อย่างนั้นฉันคงหาเพื่อนได้ยากแน่ๆ "เลิกเรียนแล้วข้าวจะไปไหนต่อเหรอ" "เอิ่มม...คงกลับเลย" "ให้เราไปส่งไหม? " "ไม่เป็นไร ขอบคุณมาก" "โอเค งั้นพรุ่งนี้เจอกัน" ฉันโบกมือให้จัสมินแล้วเดินมุ่งหน้าไปที่เรือนกระจก ฉันอยากรู้ว่าช่วงเวลาใกล้ค่ำแบบนี้พวกผีเสื้อยังจะผสมเกสรดอกไม้กันอยู่หรือเปล่า ฉันน่ะชอบพวกดอกไม้และผีเสื้อมากแต่ฉันดันเป็นคนปลูกอะไรไม่ขึ้นปลูกอะไรก็ตายไปหมด "...เงียบจัง" มองในเรือนกระจกในเวลานี้ยังคงดูสวยอยู่มากเพิ่มมาคือมีไฟสีส้มส่องแสงอยู่ตรงกลางเรือนกระจกให้เดาคงเป็นมุมโต๊ะนั่งผ่อนคลายแน่ๆ แค่จินตนาการว่าได้นั่งจิบชากลางสวนดอกไม้นานชนิดมีผีเสื้อหลากสีบินไปมาอวดปีกสวยมันต้องรู้สึกดีมากแน่ เลย "มาทำอะไรอีก..." "เฮือก! " ฉันสะดุ้ง เมื่ออยู่ๆ มีเสียงเข้มดังขึ้นข้างหู นี่มันอีตาพี่คนเมื่อเช้านิ เขามาทำไมดึกขนาดนี้ไม่กลับบ้านอีก "ทำไมไม่กลับบ้านอีกพรุ่งนี้ไม่เรียนหรือไง" "แล้วพี่ละมาทำไม" "กลับได้ละ..." เขาไม่ตอบแต่จับเข้าที่ข้อมือของฉันแล้วลากให้ออกห่างเรือนกระจก โดยไม่ฟังเสียงโวยวายของฉันเลยเขาจะทำอะไรไม่ดีกับฉันหรือเปล่า ○~○ "จะพาไปไหน" "..." "ปล่อย! " ฉันพยายามดึงแขนตัวเองออกมาแต่เหมือนเจ้าตัวไม่รู้สึกอะไรเลย เอาวะ ออกแรงที่เดียว! "ปล่อย! โอ๊ย! " "...=_=" ฉันออกแรงสะบัดมือเขาอยู่ๆ ข้อเท้าเจ้ากรรมก็มาพลิกจนฉันล้มลง ส่วนตัวต้นเหตุกลับยืนมองฉันนิ่งๆ "นี่! ใครใช้ให้มาลากคนไม่รู้จักกันแบบนี้ห๊ะ! " "เธอเองมากกว่า นี่ฉันพูดไปแล้วนะว่าอย่ามาที่นี่อีก..." เขากดเสียงลงต่ำจนน่ากลัว แล้วอยู่ๆ ก็ก้มมาช้อนตัวฉันขึ้น "เฮ้ๆ ทำอะไรเนี่ย! " "อย่าดิ้น...เจ็บอีกฉันไม่รับผิดชอบแล้วนะแล้วก็ช่วยเงียบๆ ฉันรำคาญ" สายตาคมกริบนั้นจ้องฉันอย่างดุๆ เขาน่ากลัวชะมัดเวลาดุแบบนี้ ฉันได้แต่เงียบตลอดทางเขาพาฉันมายังมินิมาร์ทข้างทางและสั่งให้ฉันห้ามลุกไปไหนจนกว่าเขาจะซื้อของเสร็จ "หิวจัง...=_=" "กินสะ บ้านอยู่ไหน" เขาส่งขนมปังให้แล้วล้มตัวลงจับเบาๆ ที่ข้อเท้าฉัน อย่าบอกว่าเขากำลังจะนวดให้ฉันนะ โหคนที่ดูดุๆ ไม่น่ามีมุมนี้เลย "มะ ไม่ต้อง ฉันกลับไปทำที่บ้าน" "กินไปละเงียบ รำคาญ" "งะ... " เขานวดข้อเท้าฉันด้วยยาแล้วค่อยๆ พันมันด้วยผ้าสีไข่สำหรับแก้ปวด ก่อนจะเช็กดูความเรียบร้อยของผ้าดูก็รู้ว่าเขาคงเป็นคนที่ละเอียดและเจ้าระเบียบแน่นอน "บ้านเธออยู่ไหน" "อ่อ แถวนี้แหละ...งั้นฉันกลับแล้วนะขอบคุณมาก" ฉันลุกยืนและพยายามเดินกลับบ้านด้วยตัวเองจริงๆ บ้านฉันอยู่แถวมหาวิทยาลัยนี่เองเลยไม่จำเป็นต้องใช้รถ ปรือ! "หวอ! " ตัวฉันถูกช้อนขึ้นสูงจากคนเมื่อครู่ฉันได้แต่มองหน้าเขาที่ตอนนี้มีแสงสีส้มของหลอดไฟสาดกระทบหน้าหล่อๆ นั้น ทำไมถึงได้หล่อขนาดนี้นะ "มีทางแยกเลี้ยวหรือตรงไป" "ส่งแค่นี้ก็ได้ฉันเดินไหว" "เลี้ยว...หรือ...ตรงไป" "เอิ่มตรงไป" เขาอุ้มฉันมาถึงหน้าบ้านแล้วยังสั่งให้ฉันไขกุญแจเพื่อให้เขาได้อุ้มฉันเข้าไปส่งถึงข้างในซึ่งแน่นอนว่าไม่ ใครจะบ้าให้ผู้ชายที่รู้จักกันแค่วันเดียวเข้าบ้านกันถึงหน้าตาเขาจะบ่งบอกชัดเจนว่าไม่ชอบฉันก็เถอะ "เปิด..." "บ้าหรือไงใครจะให้คนที่ไม่รู้จักเข้าบ้าน ปล่อยฉันลง" "เปิด...ประตู" เอาอีกแล้วเขาใช้เสียงนี้บังคับฉันอีกแล้วแต่ไม่รู้เหมือนกันทำไมมือฉันกลับดึงกุญแจบ้านออกมาให้เขาง่ายๆ โถ่ ยัยข้าวเหนียว "ฉันส่งเธอที่โซฟานะ" "ค่ะ" "ฉันหวังว่าพรุ่งนี้เธอจะไม่ได้เจอเธอที่เรือนกระจกอีก" เขาพูดแล้วเดินออกไป 1 วันต่อมา ฉันบอกเธอแล้วว่าอย่ามาอีก ฉ่า~ วันที่ 2 อย่ามาอีก ฉ่า 1 อาทิตย์ต่อมา ฉ่าๆ ฉ่าาาา~ เอาเป็นว่าทุกเย็นเวลาที่เขาเห็นฉันมาแอบนั่งดูผีเสื้อที่นี่เขาจะใช้สายยางฉีดน้ำใส่ฉันทุกวันแต่วันนี้คงไม่ได้เปียกเพราะอยู่ๆ จัสมินก็ลากฉันมาห้างเป็นเพื่อนเพราะเขาต้องมารอรับพี่สาวแล้วจะพาฉันกลับไปส่งบ้านโดยมีข้อเสนอจะเลี้ยงข้าวฉันแทน ไม่ได้เห็นแก่กินนะแต่อยู่คนเดียวก็ต้องประหยัด แฮ่ๆ "นี่จัสมินนายจะเล่นเกมชนะฉันเอาโล่ใช่ไหมอ่อนให้บ้างก็ได้" "บอกแล้วไงให้เรียกจัสเฉยๆ ไม่ชอบจัสมินอีกอย่างนะเธอชนะฉันไปสองรอบแล้ว ฉันยอมไม่ได้" "นายนี่นะ แล้วตกลงพี่สาวนายอยู่ไหนละ" "แปปนะ อ่อนั้นไง" ฉันมองตามมือของจัสมิน พบว่าภาพผู้หญิงสาวสวยกับผู้ชายรูปร่างคุ้นตากำลังมองมาที่เรา นั้นมันตาพี่ที่ในเรือนกระจก เขาคบกับพี่สาวจัสมินเองเหรอแล้วทำไมหน้าเขาถึงได้ดูเบื่อขนาดนั้น "เย้ พี่ฉันกวักมือเรียกจะไปไหม" "ดูเหมือนแฟนพี่นายกับพี่นายจะทะเลาะกันอยู่มันจะดีเหรอ" "ฮ่าๆ บ้านั้นไม่ใช่แฟนพี่ฉันวันนี้พวกเขาแค่มาดูตัวตามที่ผู้ใหญ่เขาสั่งน่ะ ไปกันเถอะ" "ดะ เดี๋ยว! " จัสมินลากฉันเดินเข้าไปร่วมโต๊ะกับทั้งสองคนจนได้แล้วฉันควรทำหน้ายังไงเนี่ย :ฟอร์น ก่อนหน้านั้น ผมนั่งรอคู่นัดดูตัวมาได้หนึ่งชม.เต็ม น่าเบื่อจริงๆ ยัยคุณหนูพวกนี้ถ้าไม่ติดว่าคุณอาสั่งมาผมคงไม่เอาเวลามาทิ้งกับเรื่องแบบนี้แน่ "ขอโทษนะคะ..." =_= ผมเงยหน้ามองตามเสียงภาพตรงหน้าคือสาวลูกครึ่งผมบลอนด์ใส่ชุดเดรสสีน้ำเงินเข้มแต่งหน้าเหมือนจะไปเล่นงิ้วปากแดงอย่างกับกินเลือดคนมา ที่ช้าเพราะเรื่องพวกนี้สินะ เหอะ! ...ไร้สาระ "เชิญนั่ง..." "คะ? ..." "จะนั่งไหม ไม่นั่งผมจะได้กลับ=_=" "อ่อ ค่ะ ขอโทษที่มาช้านะคะ" "ผมไม่ได้สนอยู่แล้ว เจอกันแล้วพอใจหรือยังจะได้กลับ เสียเวลา" "เอิ่ม... ฉันชื่อโรสค่ะ แล้วนี่คุณฟอร์นทานอะไรหรือยังค่ะ" "ครับ" ผมตอบตัดบททำให้คนตรงหน้าขมวดคิ้วทำหน้าไม่พอใจจนเห็นได้ชัด แต่ผมก็ไม่สนใจเบี่ยงหน้ามองไปทางโซนเกมของห้าง "นั่นมัน..." ภาพที่ผมเห็นคือยัยเด็กดื้อที่ชอบไปโผล่ที่เรือนกระจกกำลังหัวเราะสนุกสนานอยู่กับผู้ชายลูกครึ่งคนหนึ่งซึ่งตอนนี้นายนั้นกำลังโบกมือมาทางผมกับโรสทำให้ยัยเด็กนั้นหันมามองผมแบบอึ้งๆ บังเอิญจริงๆ "นั้นน้องชายโรสเองค่ะ เขามารอรับโรสกลับพร้อมกันน่ะค่ะ แต่..ผู้หญิงคนนั้นโรสไม่เคยเห็นมาก่อนเลย" "..." หมายความว่าสองคนนี้ไม่ได้เป็นแฟนกัน อย่าบอกน่ะว่าเปิดเทอมไม่นานมากับผู้ชายแล้วเหรอเนี่ย เลือกคนรวยสะด้วยอ่อยเก่งจริงๆ ยัยเด็กแก่แดด "ฟอร์นค่ะ ...ฟอร์นค่ะ" "ว่า..." "เอิ่ม คือโรสเห็นคุณมองผู้หญิงคนนั้นสักพักแล้ว" "เรียกเขามา..." "คะ? " "เรียกน้องคุณมานั่งร่วมโต๊ะกับเราสิ" ผมยิ้มมุมปากเมื่อโรสกวักมือเรียกน้องชายและยัยเด็กนั้นให้มาร่วมโต๊ะกับเราโดยดี ผมอยากรู้นักว่ายัยเด็กนั้นจะปากเก่งต่อหน้าผู้ชายหรือเปล่า "สวัสดีครับพี่ฟอร์น พี่โรสนี่ข้าวเหนียวเพื่อนของผม" เพื่อน...เพื่อนที่ไหนมาเที่ยวกันสองคน =_= "ข้าวเหนียว นี่พี่ฟอร์น เป็นคู่ดูตัวพี่สาวเรา และพี่โรสพี่สาวเราเอง" ยัยข้าวไหว้โรสแล้วยิ้มให้ก่อนที่จะหันมาไหว้ผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหอะ! หน้าตากวนประสาทชะมัด "เชิญนั่งสิวันนี้ผมเลี้ยงเอง" ผมบอกแล้วจ้องหน้าข้าวให้เลือกนั่งข้างผมแต่เธอกลับเดินไปนั่งข้างโรสแทน ยัยนี่ดีแต่ทำอะไรขัดคำสั่งผมสะทุกอย่างแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกโมโหจริงๆ ตลอดเวลาที่เรานั่งทานข้าวกันเสร็จผมคอยดูท่าทางของยัยข้าวเป็นพักๆ แต่เด็กนั้นก็พยายามทำเหมือนไม่เห็นผมตลอดเวลาไม่ว่าผมจะจ้องเธอแค่ไหนก็ตาม เด็กคนนี้แปลกสะจริงตอนอยู่ที่เรือนกระจกก็พยายามจะเข้าหาผม แต่พอมาอยู่กันแบบนี้กับทำเหมือนไม่รู้จัก จะเอายังไงกันแน่นะ? หลังจากทานเสร็จเราทั้งสี่คนก็เดินมาที่โรงรถ ผมคิดว่าผมมีเรื่องต้องคุยกับเด็กนี่สะหน่อยทำตัวติดผู้ชายแบบนี้ปีหน้าคงไม่ได้ทุนอีกหรอก เกรดก็คงไม่ถึงแน่ๆ "ข้าวเดี๋ยวเราไปส่งพี่ที่บ้านแล้วกลับไปส่งนะ" "ไม่ต้องให้ข้าวไปกับผม ข้าวขึ้นรถฉันมีเรื่องจะคุย" โรสกับจัสมินนิ่งไปคงไม่คิดว่าผมกับข้าวรู้จักกันมาก่อนส่วนยัยตัวแสบกับมองผมอย่างไม่พอใจ คงไม่พอใจที่ผมทำแบบนี้เพราะกลัวเสียคะแนนสินะ ดี! เพราะผมจะทำให้เธอไม่เหลือสักคะแนนเลย "เอิ่ม...โรสว่าคุณไปส่งโรสแล้วให้น้องชายโรสไปส่งเพื่อนเขาดีกว่านะคะ" "ไม่...ผมบอกแล้วว่ามีเรื่องต้องคุยกับเด็กนี่" "แต่...." "ข้าว ...ขึ้น...รถ" ผมตวัดสายตาดุๆ ไปมองยัยตัวเเสบ เธอมีท่าที่กลัวผมนิดหน่อยและยอมเดินขึ้นรถผมโดยดี ผมรู้จุดอ่อนของยัยนี้ตั้งแต่วันแรกที่เจอแล้ว เธอกลัวสายตาของผมไงละ กลัวถูกผมดุมากงั้นผมจะดุจนไม่กล้าทำนิสัยอ่อยผู้ชายอีกเลย "จบเรื่องนะ แยก! " "แต่.." ผมไม่สนเสียงโรสแล้วรีบขับรถหนีออกมา ตลอดทางยัยข้าวนั่งนิ่งเงียบจนผมทนไม่ไหวเป็นฝ่ายพูดออกมาแทน "เปิดเทอมไม่นานได้อ่อยผู้ชายได้แล้วเก่งดีนิ" "ฉันไม่ได้อ่อย นั้นน่ะเพื่อนฉัน" "แล้วทำไมมาด้วยกันสองคน..." "แล้วทำไมฉันต้องบอกพี่ด้วยล่ะนี่มันเรื่องส่วนตัวแล้วพี่จะมาดุอะไรฉันอีก วันนี้ฉันก็ไม่ได้ไปกวนที่เรือนกระจกสักหน่อย" "ที่ไม่ไปนี่เพราะมาเล่นเกมกับผู้ชายเนี่ยนะ! " "แล้วทำไมต้องขึ้นเสียงด้วยละ! " นั้นสิ... ผมเองก็ลืมตัวทำไมผมต้องหงุดหงิดด้วยละแค่ยัยเด็กนี่ไม่โผล่ไปที่เรือนกระจกตามเวลาเดิมของทุกวันละมันก็ไม่ผิดที่เธอจะไปกับผู้ชายคนไหน แต่มาอ่อยผมแล้วไปอ่อยคนอื่นนี่มันจับปลาสองมือเกินไปหรือเปล่า! "ฉันสั่ง ห้ามไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่นอีก..." "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่ด้วยทำไมฉันต้องทำตาม พี่ไม่ได้มีสิทธิ์ในชีวิตฉันสักหน่อย" "ถ้าเธออยากออกจากไฮฮาน่าก็ไม่ต้องทำตามคำสั่งฉัน จำไว้ฉันใหญ่พอที่จะเอาเธอออกจากไฮฮาน่าได้ทุกเมื่อ เอาโทรศัพท์เธอมา...." ผมกดเสียงลงต่ำแล้วใช้มือข้างหนึ่งที่ไม่ได้จับพวงมาลัยดึงโทรศัพท์ออกจากมือเธอ แล้วกดโทรเข้ามือถือตัวเอง ก่อนจะส่งมันคืนให้เธอ "ถ้าเธอไม่รับโทรศัพท์ฉัน ฉันจะหักคะแนนความประพฤติ สายละ 5คะแนน ถ้าฉันเรียกแล้วไม่มาให้ทันเวลาจะหัก 10 คะแนน" "ห๊าาา! อะไรเนี่ยพี่เป็นลูกอาจารย์ฝ่ายปกครองหรือยังไงถึงจะทำได้ขนาดนั้น" "ฉันมีอำนาจมากกว่าอาจารย์ฝ่ายปกครองสะอีก" ฉิงงง~ ผมตวัดสายตาไปจ้องคนตัวเล็ก เธอทำหน้าตางงๆ แต่ผมคิดว่าเธอคงไม่กล้าเสี่ยงแน่ ผมขับรถมาจอดเทียบหน้าประตูบ้านยัยข้าวดูเหมือนยัยนี่จะอยู่คนเดียวเพราะบ้านดูเงียบมากแต่จากประวัติที่ผมอ่านมายัยนี่มีแม่นิ "ปลดล็อกประตูให้ฉันด้วยค่ะ" "เธออยู่บ้านคนเดียวเหรอ? " "ก็ไม่ทุกครั้งแม่ฉันทำงานต่างจังหวัด บางทีก็ต่างประเทศแม่ฉันเขียนคอลัมน์ท่องเที่ยวน่ะ ปลดล็อกประตูให้หน่อยสิ" "แม่เธอจะกลับมาวันไหน? " "ไม่รู้สิ รอบนี้แม่ไม่ได้บอกไว้ทำไมพี่ถามเยอะจังปกติเจอหน้าจะไล่ฉันไปไกลๆ วันนี้กินยาผิดเหรอ"เธอทำหน้างงแล้วยื่นหน้ามาใกล้ผมอย่างจับผิด สายตาของผมเผลอจ้องไปที่ริมฝีปากอวบอิ่มอย่างอดเสียไม่ได้ "อะ เอิ่ม พรุ่งนี้ฉันจะมากินข้าวเย็นทำกับข้าวไว้ด้วย" "ห๊า เดี๋ยวๆ อะไรอีกเนี่ยเดี๋ยวให้กลับด้วยเดี๋ยวให้รับโทรศัพท์นี่ยังจะมากินข้าวบ้านฉันอีกนี่มันบ้าชัดๆ หรือพี่เป็นห่วงฉัน..." ห่วง? ผมรู้จักคำนั้นที่ไหนละ ผมแค่คิดว่าเด็กคนนี้ต้องการคนดูแลเท่านั้นแถมยังเป็นเพชรน้ำดีของไฮฮาน่า เธอเป็นผู้หญิงอยู่คนเดียวแบบนี้มันอันตราย "ฉันแค่จะดูความประพฤติของเด็กทุนอันดับหนึ่งเพื่อรายงานอาของฉันที่เป็นเจ้าของไฮฮาน่าเท่านั้น" " ○~○¡ ที่แท้... พี่เป็นหลานเจ้าของมาหาวิทยาลัยนี่เอง...ถึงว่าจะหักคะแนนฉัน" "พูดมากลงได้แล้ว" ผมพูดตัดบทแล้วรีบขับรถหนีเธอออกมาเพราะกลัวว่าเธอจะซักไซ้อะไรมากขึ้นอีก ทำไมผมต้องทำไมถึงรู้สึกดีที่ยัยนั้นทำตามคำสั่งด้วยนะ ผมคงกินยาผิดจริงๆ แน่ วันนี้: จัส“อ้าว ข้าวทำไมเมื่อคืนไม่กลับมานอนนี่ละ”จัสเอ่ยถามทั้งที่ความจริงรู้อยู่แก่ใจ จะเรียกว่าเขาอยากแซวก็ว่าได้….สองคนนั้นต่างคนต่างวิ่งหนีกันไปมาเป็นเด็กทั้งที่ในใจก็รักกันและไม่ว่าเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อคืนจัสก็เชื่อว่าเพื่อนของเขาคงเต็มใจเพราะไม่อย่างนั้นป่านนี้คงร้องได้ตาบวมปูดมาแล้วแต่นี่กลับยิ้มอย่างมีความสุขจนอดแซวเสียไม่ได้“เอิ่ม….ข้าวไปนอนบ้านมาน่ะ”“อ่ออออออ”“อ่อ อะไร พูดมาก”“ตรงคออ่าปิดดีๆ หน่อย”จัสแซว เมื่อหญิงสาวได้ยินก็รีบดึงผมมาปิดทันทีก่อนจะวิ่งหนีไปด้วยความเขินอาย ….ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงรู้สึกแย่มากที่เห็นข้าวเป็นของคนอื่นแต่ตอนนี้ระหว่างเขากับเธอมีแค่คำว่าเพื่อนอย่างแท้จริง เขาน่ะรู้จักดีทั้งข้าวเหนียวและฟอร์น ทั้งคู่ต่างมั่นคงอาจจะมีบางช่วงที่ต่างคนต่างมีคนเข้ามาแต่สุดท้ายทั้งคู่ก็เลือกที่จะรอมาเจอกันอีกครั้ง“พี่จัส พี่ข้าวเป็นอะไรอาวิ่งหน้าแดงไปเชียว แกล้งพี่เขาเหรอ”“เห็นผมเป็นคนแบบไหนครับคุณน้ำใส”จัสพูดประชดลูกน้องสาว ก่อนจะมองเห็นว่าเธอไม่ได้สนใจตัวเขาเท่าไหร่เอาแต่สนใจโทรศัพท์จนเขาแอบหงุดหงิด“พิมพ์คุยกับใครนักหนา ถามแล้วก็ไม่ตั้งใจรอคำตอบ”“เอ้า ผ
วันรุ่งขึ้นฟอร์นอาสาที่จะมาส่งข้าวเหนียวเองถึงที่ทำงาน แม้สาวเจ้าจะไม่เต็มใจแต่ต้องจำยอมแต่เพราะเธอร้องขอให้เรื่องราวของพวกเขายังคงเป็นความลับแม้แต่เพื่อนสนิทอย่างจัสมินเองก็บอกไม่ได้ ซึ่งชายหนุ่มก็ตกลงเพียงแค่หญิงสาวจะต้องไม่ขัดใจเขาตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน...."หอมฉันก่อนลงจากรถด้วยสิ"ระหว่างที่เธอกำลังจะเปิดประตูรถเจ้าของร่างสูงก็เอื้อมมือมาคว้าข้อมือเล็กของเธอไว้แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ "ไม่ รีบแล้วเดี๋ยวคนเห็น""จะเป็นไรไปเมียจ๋า"ชายหนุ่มดึงเมียรักเข้าไปใกล้ก่อนจะซุกหน้าลงบนซอกคอขาวแล้วจูบเบาๆ ตามรอยที่เขาสร้างไว้เมื่อคืนอย่างหยอกล้อ"อย่าทำเพิ่มนะ แค่นี้ก็กลัวคนอื่นเห็นจะแย่แล้ว""งั้นอย่าขัดใจสิ....อืมม"ดวงตาประกายเจ้าเล่ห์จ้องเข้ามายังดวงตากลมอย่างออดอ้อนจนหญิงสาวใจเต้นแรงฟอด "พอใจแล้วใช่ไหมคะ"เธอหอมแก้มตามที่ชายหนุ่มบอกก่อนจะปิดประตูใส่แล้วแอบเดินเข้าในออฟฟิศอย่างเงียบๆ แต่มันน่าแปลกเธอคิดว่าความรู้สึกระหว่างเธอกับเขาจะลงเอ่ยด้วยการตื่นเช้ามาแล้วเธอจะเกลียดเขา เปล่าเลยเธอกลับรู้สึกดีที่ได้นอนใต้อ้อมกอดนั้นเสียอย่างนั้นมันช่างอบอุ่นจนเธอไม่อยากจะลุกขึ้นมาด้วยซ้ำ แต่เธอยังค
"ตืด ตืด"อือ"ตืด ตืด"เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกสองร่างที่กำลังเปลือยเปล่าให้ตื่นจากหลับใหล หญิงสาวเอื้อมมือไปคว้ามันมาแล้วกดรับทันทีโดยยังไม่ทันได้ดูชื่อเจ้าของเบอร์"สวัสดีค่ะ"(ข้าว คุณสะดวกมาทานข้าวกับผมไหมพอดีผมส่งข้อความไปคุณไม่ตอบเลยโทรมา คุณไม่ว่าอะไรนะครับ)"ไม่ว่าค่ะ เอาอย่างนี้ไหมคะ เป็นพรุ่งนี้เที่ยงได้ไหมคะ....พอดีวันนี้ข้าวยุ่งๆ ค่ะ"(ได้ครับ ผมจะไปรับคุณนะ)"ได้ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ"ตืดคุณธีนั้นเองที่ยังคงโทรมาทวงสัญญา แน่นอนว่าเธอจะต้องทำตามสัญญาแต่วันนี้คงไม่สะดวก"ไม่บอกมันไปละ ว่านอนกับผัวอยู่"เสียงงัวเงียดังขึ้นข้างกายหญิงสาวส่งสายตาเย็นชาไปให้คนพูด เพราะรู้สึกผิดหวังในตัวเขาเป็นอย่างมากเรื่องแบบนี้ควรเต็มใจทั้งสองฝ่ายสิชายหนุ่มที่ไม่เห็นหญิงสาวตอบอะไรกลับมาก็รับรู้ได้ว่า เธอคงเกลียดเขาเข้าแล้ว....แต่ใครสนละยังไงสะเขาก็จะเอาเธอมาเป็นเมียให้ได้อยู่ดี ชายหนุ่มไม่รอช้าดึงเธอที่กำลังนั่งพิมพ์อะไรสักอย่างในมือถือเข้ามากอดก่อนที่สายตาจะสะดุดเข้ากับชื่อของปลายทางข้อความนั้น"....ทำไมเธอต้องคุยกับมันนอกเวลางาน""....แล้วเกี่ยวอะไรกับคนนิสัยไม่ดีแบบคุณ""ฉันถามว่าทำไม ต้อง
ฟอร์นอุ้มหญิงสาวพาดบ่าอย่างง่ายดายเธอทั้งดิ้นทั้งกรีดร้องแต่กลับไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือเธอเลยสักคน เขาพาตัวเธอตรงเข้ามายังด้านหน้าฟร้อนของโรงแรมแค่เพียงยื่นมือออกไปพนักงานก็วางกุญแจดอกหนึ่งให้เขาโดยไม่สอบถามสักคำ และที่ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเพราะโรงแรมแห่งนี้เขาเป็นเจ้าของนั้นเองมีแค่เพียงเสียงซุบซิบไล่ตามหลังเท่านั้นเมื่อถึงยังห้องส่วนตัวฟอร์นก็จัดการล็อกประตูแล้วปลดพันธนาการด้านบนของตัวเองออกจนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อล่ำ ก่อนจะเดินเข้าไปกระชากตัวหญิงสาวจนเธอเซมาชนแผงอกกว้าง เขาผลักเธอลงบนโซฟาก่อนจะตามมาด้วยร่างหนาคร่อมเธอไว้ไม่ให้สามารถขยับได้“อย่ามาทำอะไรต่ำๆ นะ”“อ่อยเก่งไม่เคยเปลี่ยนแบบเธอ ฉันคงปล่อยไปไม่ได้อีกแล้วล่ะ!“ฉันไม่ได้ทำอะไร ผิดนะ อีกอย่างถ้ามีคนสนใจฉันมันก็เป็นเรื่องปกติแล้วมันไม่ใช่ของคุณ”“ท้าทายไม่เลิกเลยสินะ”“อย่านะ!”ใบหน้าคมก้มตัวลงมามอบจูบที่แสนเร่าร้อนเป็นบทเรียนให้คนปากเก่งตรงหน้า มือเรียวหนาลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังขาวอย่างเร้าอารมณ์ หญิงสาวได้แต่ใช้มือที่โดนมัดทั้งจิกทั้งตีจนเกิดรอยแดงเลือดซึมแต่นั้นยังไม่สามารถหยุดการกระทำที่เกิดจากความหึงหวงนี้ได้ ยิ่งสมองของชา
วันต่อมาการประชุมถูกจัดขึ้นสมาชิกครบครันทั้งทีมงานกล้อง ฉาก ทีมจัดหาสถานที่ ยกเว้นเพียงแต่นายแบบที่ฟอร์นต้องการ ความเงียบถูกปกคลุมไปทั่วห้องและทุกคนต่างมองมายังหญิงสาวที่รับปากเขาไปอย่างดิบดี เมื่อคืนเธอได้ส่งรายละเอียดงานไปยังผู้จัดการส่วนตัวดาราดังแล้วแต่ยังไม่ได้รับคำตอบยืนยัน เธอจึงต้องโทรหาตัวช่วยอย่างคุณธีและเขารับปากว่าจะช่วยแต่คุณธีก็ช่างเหลือเกินเขาขอให้เธอยืนยันข้อเสนอการนัดทานข้าวและการที่เธอต้องไปเป็นนางแบบให้เขาได้มั่นใจก่อน เขาถึงจะยอมช่วยเธอ และแน่นอนเธอตกลง....“ผมว่า วันนี้เราคงต้องยกเลิกสัญญากันแล้วละ ใช่ไหมคุณข้าว”ฟอร์สองแง่สองง่ามเท้าคางส่งสายตาทะเล้นมาแกล้งปั่นอารมณ์ร้อนของหญิงสาว ยิ่งเขาเห็นเธอร้อนรนเขาก็ยิ่งมั่นใจว่าในใจเธอตอนนี้มีแต่ความไม่มั่นใจ แน่นอนละ….นอกจากเขาแล้วผู้ชายหน้าไหนจะช่วยเธอได้อย่างเต็มใจกันละ“พี่ใจเย็นก่อนสิ ผมเชื่อว่าเขามาได้แน่นอน” จัสพูดอย่างมั่นใจ“เอาละฉันจะยอมเปลี่ยนสัญญาถ้าคุณข้าวยอมขอโทษและยอมมาช่วยงานฉันตลอดโปรเจกต์นี้”“ถ้าคุณเดลไม่สามารถมาได้ฉันยินดีขอโทษอย่างเต็มใจค่ะ แต่เรื่องที่ฉันต้องไปช่วยงานคุณฉันขอปฏิเสธแน่นอนค่ะ เพราะฉั
ฟอร์นแอบตามทั้งคู่มายังห้องอาหารญี่ปุ่นและจัดการจองห้องที่ติดกันเพื่อแอบฟังแต่ยิ่งแอบฟังก็ยิ่งหงุดหงิดสองคนนั้นแต่พูดคุยเรื่องอดีตและหัวเราะคึกคักกันอย่างสนุกสนาน ทำให้ฟอร์นรู้ว่าแท้จริงแล้วธีเคยเข้าไปเป็นวิทยากรที่คณะของข้าวเหนียวและข้าวเหนียวก็เป็นหัวกะทิของวิชานี้ทำให้ตัวธีประทับใจในตัวข้าวเหนียวมาก“อ่อ ที่ข้าวบอกว่าอยากให้ผมช่วยคือเรื่องอะไรครับ”“ข้าวจำได้ว่าคุณธีรู้เคยลงรูปคู่กับคุณเดลพระเอกที่กำลังมีชื่อเสียงตอนนี้น่ะคะ”“อ่อ เดล เขาเป็นเพื่อนผมเองช่วงนี้สาวๆ กำลังติดใจในผลงานและความหล่อของมัน ผมเลยเกาะกระแสสักหน่อยจะได้ไม่ต้องโสดแบบนี้”น้ำเสียงทิ้งท้ายทำให้หญิงสาวรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้าแอบหยอดคำหวานใส่เธอสะแล้วแบบนั้นไม่ใช่เป้าหมายในงานนี้ของเธอ“ข้าวอยากให้คุณเดเพราะมาเป็นนายแบบเครื่องเพชรสำหรับผู้ชายของไฮฮาน่าที่กำลังจะเปิดตัวนี้ค่ะ คุณธีพอจะช่วยข้าวได้ไหมคะ”หญิงสาวส่งลูกอ้อนให้คนแต่งหน้าไปหนึ่งยกทำเอาคนตรงหน้าแอบยิ้มอย่างเขินอาย ใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะเนื่องด้วยประทับใจในตัวของคนตรงหน้าด้านความสามารถอยู่แล้วแถมก่อนออกมาฟอร์นที่ถือว่าเป็นประธานรุ่นใหม่ไฟแรงดูท่าทีห่วงหญิงสาว