เรื่องราวความรัก กับความลับที่วุ่นวาย คนขี้หึงอย่างฟอร์นกลับต้องมาหลงรักเด็กน้อยเสน่ห์เเรงอย่างข้าวเหนียว วันเวลาผ่านไปเมื่อความรู้สึกที่มีมันช่างน่าอึดอัดเธอกลับเลือกที่จะหนีความรู้สึก
View More: ม.6
“ฉันเกลียดเธอยัยข้าวฉันเกลียด กรื๊ด!! ” ครีมตั้งท่าจะเข้ามาทำร้ายฉันแต่เพื่อนๆ ในห้องช่วยกันจับแขนเธอไว้ได้ก่อนครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่เพื่อนรักของฉัน...จะเข้ามาทำร้ายฉันเพียงเพราะเชื่อคำพูดบ้าๆ จากผู้ชายคนนั้น “ไม่นะ...ครีม ฉันไม่ได้ชอบซันจริงๆ ” “แต่เขาบอกว่าเธอหักหลังฉัน ฉันหลงเชื่อว่าเธอพยายามห่างซันเพื่อฉันแต่เปล่าเลย เธอแค่ทำแบบนั้นเพื่อปกปิดฉัน เธอมันเลว! เธอคบกับซันแต่ทำไมต้องทำเหมือนเธอเกลียดเขา” “ฉันไม่เคยชอบซัน! ” “หน้าด้าน!! ” “อย่าทำข้าวนะ!! ” เสียงของซันตัวต้นเรื่องดังขึ้นทำให้ครีมหยุดชะงัก ซันรีบเดินเข้ามาจับไหล่ฉันหน้าตาตื่นเขาคงเพิ่งรู้เรื่องว่าครีมโมโหกับคำพูดโกหกของเขาแค่ไหน คำโกหกพวกนั้น!! เพี้ยะ!! “ขะ ข้าว...” ฉันตบเข้าที่หน้าซันเต็มแรงให้มันสาสมกับที่เขาทำให้ฉันกับเพื่อนต้องผิดใจกันทำไมเขาต้องมาชอบฉันทั้งที่รู้ว่าครีมเพื่อนสนิทของฉันก็ชอบเขามาก แล้วยังคำโกหกบ้าๆ นี่อีก “ฉันเคยบอกกับนายแล้วว่าฉันเกลียดนาย ฉันไม่เข้าใจนะว่าสิ่งที่นายทำมันเพื่ออะไรกันแน่แต่ในเมื่อฉันไล่นาย นายไม่ไป ฉันไปเองฉันจะไปเอง!! ” “อยู่ไหนนะ...” ฉันนั่งจ้องหน้าคอมพิวเตอร์มาเป็นเวลาสามชั่วโมงได้เพราะฉันกำลังดูผลประกาศผู้มีสิทธิ์เข้าเรียนของมหาวิทยาลัย ชื่อดังอย่างไฮฮาน่าที่ฉันไปสอบและหวังเอามากๆ ว่าฉันจะเป็นหนึ่งในเด็กปีหนึ่งของที่นี่ กึกๆ กึกๆ “ลำดับที่สามร้อยสี่สิบสาม...น.ส. รัตติณา โยธากัณฑ์...ห้อง B ทะ ทุน หนึ่งปี! ฉะ ฉันนี่ กรื๊ดดด!!! ” ฉันกรีดร้องอย่างดีใจ โอววว! ในที่สุดฉันก็ได้เรียนที่นี่มหาวิทยาลัยสุดหรูที่มีแต่เด็กไฮโซและเด็กเรียน น่าตื่นเต้นอะไรเช่นนี้คิดดูสิเด็กหน้าตาบ้านๆ ฐานะปานกลางแบบ ‘ข้าวเหนียว’คนนี้ สามารถสอบเข้าไฮฮาน่าได้ พูดไปแล้วฉันนี่เก่งไม่เบาเลยนะอุตส่าห์สอบชิงทุนได้แต่น่าเสียดายเพราะปีเพราะที่นี่จะให้ทุนปีต่อปีเท่านั้น แต่เอาเถอะแค่ได้เหยียบยังเป็นบุญเลย “แม่...โทรบอกแม่ดีกว่า” ฉันไม่ต้องเดาเลยว่าแม่จะดีใจแค่ไหนถ้าฉันได้ไฮฮาน่ามันเป็นเหมือนฝันอย่างหนึ่งของฉันที่ตั้งใจว่าจะเข้าให้ได้ แม่ฉันเองก็สนับสนุนเต็มที่ถึงแม้บ้านเราจะไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนับแต่แม่ก็พูดกับฉันเสมอว่า ขอแค่ฉันทำได้ทุกอย่างแม่ให้ได้...ถึงแม่จะพูดแบบนั้นฉันเองก็ยังแอบกังวลเรื่องเงินแต่ตอนนี้คงไม่ต้องกังวลอะไรแล้วละ ^_^ ตืดๆ ตืด! (ไงลูกรัก) “แม่ๆ ข้าวทำความฝันตัวเองสำเร็จแล้วนะแม่ดีใจไหม” (ความฝัน...เรื่องไฮฮาน่าใช่ไหม บอกแม่ที! ใจแม่เต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว) “ใช่แล้วแม่ เอกศิลปการเเสดงด้วยนะแม่! ส่วนเรื่องเงิน...” (อย่าห่วงเลยลูกแม่หาให้หนูได้อยู่แล้วไม่ว่าค่าเทอมจะเยอะแค่ไหน เพื่อฝันของเจ้าหญิงน้อยแม่ทำได้) ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแม่ของฉันไม่เคยเลยที่ท้อขอแค่ให้ฉันได้ทำในสิ่งที่ฉันชอบ เพราะท่านไม่ค่อยมีเวลาให้ฉันด้วยละมั้งท่านถึงอยากให้ฉันมีความสุขกับทุกๆ เรื่องที่ทำ ฉันเองยอมรับว่าช่วงแรกที่พ่อของฉันเสียไปฉันรู้สึกเหมือนชีวิตขาดหายไปเกือบครึ่งฉันกลายเป็นเด็กดื้อเอาแต่ใจหนีเรียนทำตัวแย่มากเพียงเพราะคิดว่าตัวเองเป็นเด็กไม่มีพ่อจนลืมนึกไปว่าก็ยังมีแม่อยู่ทั้งคน คนที่คอยเป็นห่วงคนที่ฉันเคยเอาแต่ขอเงินเที่ยวเล่นไปวันๆ คนที่ฉันชอบโกหกเพื่อหนีเที่ยวแต่เชื่อเถอะ...ทุกครั้งที่เราโกหกแม่รู้ทุกอย่างแต่แม่แค่ไม่อยากให้ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในกรอบอยากให้ทำตัวสบายๆ แม่ไม่เคยสนว่าแต่ละเทอมจะได้เกรดเท่าไหร่ แม่ไม่เคยถามว่าทำไมเกรดตกทำไม่สอบไม่ผ่านท่านพูดปลอบใจฉันทุกครั้งว่าสู้ต่อไป เพราะคำพูดทุกคำพูดของแม่ที่คอยให้กำลังใจสอนให้ฉันคิด...คิดว่าทำไมช่วงเวลาที่ผ่านมาฉันเกเรกับคนที่ให้อภัยฉันได้ทุกเมื่ออย่างคนที่ฉันเรียกว่า ‘แม่’จนในที่สุดฉันก็โตพอที่จะคิดเป็นว่าฉันควรทำให้แม่ภูมิใจได้แล้ว “แม่ค่ะ ข้าวมีอะไรจะบอกอีกอย่างค่ะ” (ว่าไงละค่ะ พูดเพราะเชียวอยากได้ของฝากอะไรละเดี๋ยวแม่กลับไปจะซื้อไปฝากอีกแค่สองวันแม่ก็จะกลับแล้ว) “ข้าวได้ทุนแม่” (ว่าไงนะ??) “ข้าว...บอกว่า ข้าวได้ทุนแม่ เท่ากับแม่ไม่ต้องจ่ายค่าเทอม” (กรื๊ดดด! ลูกแม่เก่งที่สุดเลยอยากกลับจากดูงานเร็วๆ อยากกอดเป็นรางวัลให้ลูกคนสวยคนเดียวของแม่) “แค่แม่ภูมิใจในลูกคนนี้ก็พอแล้ว อ่อ! แม่ไม่ทำงานเหรอทำไมวันนี้คุยได้นานเชียว” ฉันแอบพูดเตือนสติแม่ท่านคงดีใจจนลืมการลืมงานไปแล้วแน่ๆ แม่ฉันต้องไปต่างประเทศกับบริษัทค่อนข้างบ่อยเพื่อดูงาน...ท่านทำงานเกี่ยวกับพวกหนังสือท่องเที่ยวอะไรประมาณนั้น เวลาว่างก็ไม่ค่อยมีไปทีก็อาจจะหลายวันแต่ฉันกลับไม่รู้สึกน้อยใจเพราะรู้ว่าแม่ทำงานหนักขนาดนั้นเพราะฉัน (แม่ลืมไปเลย รักลูกนะแม่จะซื้อของไปฝากนะคนดี สู้ๆ โอ๊ะ! เปิดเทอมอีกสองอาทิตย์ใช่ไหมแม่จะต้องไปส่งลูกให้ได้เลย) “ไม่เป็นไรน่าแม่” (ไม่ได้แม่อยากไป งั้นแค่นี้ก่อนนะลูกแม่ทำงานก่อนนะ รักลูกจ้ะ) “รักแม่มากๆ ด้วย บายๆ ” ฉันกดวางสายแม่ด้วยหัวใจที่พองโต ฉันทำให้แม่ดีใจมากที่สุดในรอบหลายพี่ฉันขอสัญญากับตัวเองเลยว่าฉันจะต้องจบจากที่นี่และเป็นเด็กดีกับแม่ทดแทนสิ่งที่ฉันเคยทำไว้ทั้งหมด สู้นะข้าวเหนียว!! 08:00 ณ มหาวิทยาลัยไฮฮาน่า “วันนี้แล้วสินะ ที่ฉันจะได้เรียนที่นี่”ฉันมองป้ายหน้ามหาวิทยาลัยที่ถูกสร้างจากหินอ่อนชั้นดีอย่างภูมิใจ ที่นี่มีแต่ลูกคุณหนูหัวดี ตอนนี้เด็กธรรมดาอย่างเธอจะได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่แล้วนะข้าวเหนียว “แม่ค่ะ” ฉันเอ่ยเรียกแม่ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาความรู้สึกที่ได้ทำอะไรเพื่อใครสักคนแบบนี้...ฉันแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่อนึกถึงวันเวลาที่ผ่านมาที่เคยทำผิดหรือทำร้ายจิตใจคนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อฉันขนาดนี้ ฉันมันแย่จริงๆ “หนูเป็นอะไรไปลูก ไม่สบายหรือเปล่าหรือว่าตื่นเต้น? ” “แม่ค่ะ ช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่เราเสียพ่อไปข้าวทำตัวไม่ดีเลยข้าวขอโทษ...แม่ให้อภัยข้าวนะทุกเรื่องเลยนะ” “ข้าว...”แม่เอื้อมมือมาลูบผมฉันเบาๆ เพียงเท่านี้น้ำตาเจ้ากรรมที่สะกดไว้ก็ไหลออกมาสะดื้อๆ สายตาอ่อนโยนที่แม่ส่งมาทำให้รู้คำตอบเป็นอย่างดี “แม่มีเราแค่คนเดียวถูกไหม...” “ค่ะ...” “ไม่มีครั้งไหนที่แม่จะไม่รู้ไม่เห็น แต่แม่รู้ว่าวันหนึ่งถ้าลูกเล่นสนุกกับการใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นหนูจะเข้าใจทุกอย่างได้โดยที่แม่ไม่ต้องบอกหรือสอนหนูไปสะทุกเรื่องเพราะแม่รู้ว่าลูกของแม่เป็นยังไง แม่รู้ดีที่สุด ^_^” “ขอบคุณค่ะแม่” ฉันโผล่กอดแม่ด้วยน้ำตาทั้งรู้สึกดีใจที่แม่ไม่เคยโกรธฉันเลยไม่ว่าจะเรื่องไหน ฉันเคยคิดว่าท่านบ้างานจนไม่สนใจลูกฉันคิดแบบนั้นลงไปได้ยังไงทั้งๆ ที่แม่ก็เป็นคนเดียวที่อยู่เคียงข้างฉันเสมอ ในเมื่อแม่เองก็เสียสละแรงกายเพื่อหาเงินเลี้ยงดูฉันเพียงคนเดียวถึงขนาดนี้ถึงเวลาที่ฉันจะตอบแทนท่านนับจากนี้เป็นต้นไป “ไปเรียนเถอะลูกเดี๋ยวสายเอานะ” “T_T” “อย่าร้องไห้สิคะ จำคำแม่ไว้ไม่ว่าเรื่องอะไรอย่าร้องไห้โดยไม่จำเป็นเพราะเราจะกลายเป็นคนอ่อนแอในที่สุดแล้วจะแพ้ทุกอย่าง เข้มแข็งเพื่อแม่และตัวเองนะลูกรัก” “ค่ะ แม่ข้าวเหนียวจะเข้มแข็ง” “ดีแล้วลูก” “ไปก่อนนะแม่ขับรถไปทำงานดีๆ นะ” “จ้า ตั้งใจนะ” ฉันโบกมือลาแม่ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยพลังเหมือนได้รับการชาร์จแบต “ฉันต้องเริ่มมันแล้ว!”ฉันบอกตัวเองเบาๆ แล้วเดินมุ่งหน้าเข้าไปยังตัวอาคารอย่างมุ่งมั่นฉันจะไม่ยอมท้อไม่ยอมถอยกลับอะไรทั้งนั้น! : แม่ข้าวเหนียว “ให้ตายเถอะ! ฉันเป็นห่วงลูกชะมัดห่วงจนไม่อยากจะไปทำงานอยู่แล้ว” ผู้เป็นแม่จอดรถเทียบข้างถนนแล้วคิดไม่ตก เด็กคนนั้นไม่เคยเจอสังคมไฮโซลูกคุณหนูแบบนี้มาก่อนเธอจะรู้ไหมว่ามันโหดร้ายแค่ไหน ถึงข้าวเหนียวจะเป็นคนดื้อแต่เด็กคนนี้ก็มองโลกในแง่ดีมาโดยตลอด เธอกังวลว่าลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอจะรับมือพวกนั้นได้ไหมในตอนแรกเธอยอมรับว่าแปลกใจมากที่อยู่ๆ ข้าวเหนียวก็บอกว่าอยากเข้าไฮฮาน่าให้ได้ เธอตั้งใจอ่านหนังสืออย่างหนักตั้งใจเรียนไม่เกเรจนในที่สุดเธอก็ทำได้ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังได้ชื่อว่าเป็นเด็กทุนอีกต่างหาก แต่ด้วยคำว่าเด็กทุนนี่ละที่ทำให้คนเป็นแม่อย่างเธอยิ่งห่วงพวกคนรวยเขาจะยอมเป็นเพื่อนกับเด็กธรรมดาฐานะกลางๆ อย่างข้าวเหนียวไหมพวกนั้นจะแกล้งลูกสาวเธอหรือเปล่าถึงลูกสาวเธอจะไม่ใช่เด็กที่เรียบร้อยกลับกันข้าวเหนียวเป็นเด็กที่รักความยุติธรรมมากเธอจึงไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบได้ง่ายๆ ข้าวเหนียวเองก็มีข้อเสียเด็กนั้นใจดีแต่กลับกลัวการที่จะต้องมีเพื่อน...เธอยังจำได้ดีวันที่เธอกลับบ้านมาแล้วเจอลูกสาวนั่งร้องไห้อย่างจะเป็นจะตายเพราะเสียใจที่อยู่ดีๆ ก็โดนเพื่อนใส่ร้ายว่าเธอไปแย่งคนรักของเพื่อนสนิทเพราะผู้ชายคนนั้นชอบในตัวข้าวเหนียวเพียงครั้งนั้นครั้งเดียวก็เกินพอที่เธอเห็นน้ำตาลูก คนเป็นแม่เจ็บยิ่งกว่าเด็กคนนี้อ่อนไหวง่าย เฮ้อ... ขอให้ข้าวเหนียวเจอแต่คนดีๆ ด้วยเถอะ: จัส“อ้าว ข้าวทำไมเมื่อคืนไม่กลับมานอนนี่ละ”จัสเอ่ยถามทั้งที่ความจริงรู้อยู่แก่ใจ จะเรียกว่าเขาอยากแซวก็ว่าได้….สองคนนั้นต่างคนต่างวิ่งหนีกันไปมาเป็นเด็กทั้งที่ในใจก็รักกันและไม่ว่าเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อคืนจัสก็เชื่อว่าเพื่อนของเขาคงเต็มใจเพราะไม่อย่างนั้นป่านนี้คงร้องได้ตาบวมปูดมาแล้วแต่นี่กลับยิ้มอย่างมีความสุขจนอดแซวเสียไม่ได้“เอิ่ม….ข้าวไปนอนบ้านมาน่ะ”“อ่ออออออ”“อ่อ อะไร พูดมาก”“ตรงคออ่าปิดดีๆ หน่อย”จัสแซว เมื่อหญิงสาวได้ยินก็รีบดึงผมมาปิดทันทีก่อนจะวิ่งหนีไปด้วยความเขินอาย ….ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงรู้สึกแย่มากที่เห็นข้าวเป็นของคนอื่นแต่ตอนนี้ระหว่างเขากับเธอมีแค่คำว่าเพื่อนอย่างแท้จริง เขาน่ะรู้จักดีทั้งข้าวเหนียวและฟอร์น ทั้งคู่ต่างมั่นคงอาจจะมีบางช่วงที่ต่างคนต่างมีคนเข้ามาแต่สุดท้ายทั้งคู่ก็เลือกที่จะรอมาเจอกันอีกครั้ง“พี่จัส พี่ข้าวเป็นอะไรอาวิ่งหน้าแดงไปเชียว แกล้งพี่เขาเหรอ”“เห็นผมเป็นคนแบบไหนครับคุณน้ำใส”จัสพูดประชดลูกน้องสาว ก่อนจะมองเห็นว่าเธอไม่ได้สนใจตัวเขาเท่าไหร่เอาแต่สนใจโทรศัพท์จนเขาแอบหงุดหงิด“พิมพ์คุยกับใครนักหนา ถามแล้วก็ไม่ตั้งใจรอคำตอบ”“เอ้า ผ
วันรุ่งขึ้นฟอร์นอาสาที่จะมาส่งข้าวเหนียวเองถึงที่ทำงาน แม้สาวเจ้าจะไม่เต็มใจแต่ต้องจำยอมแต่เพราะเธอร้องขอให้เรื่องราวของพวกเขายังคงเป็นความลับแม้แต่เพื่อนสนิทอย่างจัสมินเองก็บอกไม่ได้ ซึ่งชายหนุ่มก็ตกลงเพียงแค่หญิงสาวจะต้องไม่ขัดใจเขาตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน...."หอมฉันก่อนลงจากรถด้วยสิ"ระหว่างที่เธอกำลังจะเปิดประตูรถเจ้าของร่างสูงก็เอื้อมมือมาคว้าข้อมือเล็กของเธอไว้แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ "ไม่ รีบแล้วเดี๋ยวคนเห็น""จะเป็นไรไปเมียจ๋า"ชายหนุ่มดึงเมียรักเข้าไปใกล้ก่อนจะซุกหน้าลงบนซอกคอขาวแล้วจูบเบาๆ ตามรอยที่เขาสร้างไว้เมื่อคืนอย่างหยอกล้อ"อย่าทำเพิ่มนะ แค่นี้ก็กลัวคนอื่นเห็นจะแย่แล้ว""งั้นอย่าขัดใจสิ....อืมม"ดวงตาประกายเจ้าเล่ห์จ้องเข้ามายังดวงตากลมอย่างออดอ้อนจนหญิงสาวใจเต้นแรงฟอด "พอใจแล้วใช่ไหมคะ"เธอหอมแก้มตามที่ชายหนุ่มบอกก่อนจะปิดประตูใส่แล้วแอบเดินเข้าในออฟฟิศอย่างเงียบๆ แต่มันน่าแปลกเธอคิดว่าความรู้สึกระหว่างเธอกับเขาจะลงเอ่ยด้วยการตื่นเช้ามาแล้วเธอจะเกลียดเขา เปล่าเลยเธอกลับรู้สึกดีที่ได้นอนใต้อ้อมกอดนั้นเสียอย่างนั้นมันช่างอบอุ่นจนเธอไม่อยากจะลุกขึ้นมาด้วยซ้ำ แต่เธอยังค
"ตืด ตืด"อือ"ตืด ตืด"เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกสองร่างที่กำลังเปลือยเปล่าให้ตื่นจากหลับใหล หญิงสาวเอื้อมมือไปคว้ามันมาแล้วกดรับทันทีโดยยังไม่ทันได้ดูชื่อเจ้าของเบอร์"สวัสดีค่ะ"(ข้าว คุณสะดวกมาทานข้าวกับผมไหมพอดีผมส่งข้อความไปคุณไม่ตอบเลยโทรมา คุณไม่ว่าอะไรนะครับ)"ไม่ว่าค่ะ เอาอย่างนี้ไหมคะ เป็นพรุ่งนี้เที่ยงได้ไหมคะ....พอดีวันนี้ข้าวยุ่งๆ ค่ะ"(ได้ครับ ผมจะไปรับคุณนะ)"ได้ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ"ตืดคุณธีนั้นเองที่ยังคงโทรมาทวงสัญญา แน่นอนว่าเธอจะต้องทำตามสัญญาแต่วันนี้คงไม่สะดวก"ไม่บอกมันไปละ ว่านอนกับผัวอยู่"เสียงงัวเงียดังขึ้นข้างกายหญิงสาวส่งสายตาเย็นชาไปให้คนพูด เพราะรู้สึกผิดหวังในตัวเขาเป็นอย่างมากเรื่องแบบนี้ควรเต็มใจทั้งสองฝ่ายสิชายหนุ่มที่ไม่เห็นหญิงสาวตอบอะไรกลับมาก็รับรู้ได้ว่า เธอคงเกลียดเขาเข้าแล้ว....แต่ใครสนละยังไงสะเขาก็จะเอาเธอมาเป็นเมียให้ได้อยู่ดี ชายหนุ่มไม่รอช้าดึงเธอที่กำลังนั่งพิมพ์อะไรสักอย่างในมือถือเข้ามากอดก่อนที่สายตาจะสะดุดเข้ากับชื่อของปลายทางข้อความนั้น"....ทำไมเธอต้องคุยกับมันนอกเวลางาน""....แล้วเกี่ยวอะไรกับคนนิสัยไม่ดีแบบคุณ""ฉันถามว่าทำไม ต้อง
ฟอร์นอุ้มหญิงสาวพาดบ่าอย่างง่ายดายเธอทั้งดิ้นทั้งกรีดร้องแต่กลับไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือเธอเลยสักคน เขาพาตัวเธอตรงเข้ามายังด้านหน้าฟร้อนของโรงแรมแค่เพียงยื่นมือออกไปพนักงานก็วางกุญแจดอกหนึ่งให้เขาโดยไม่สอบถามสักคำ และที่ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเพราะโรงแรมแห่งนี้เขาเป็นเจ้าของนั้นเองมีแค่เพียงเสียงซุบซิบไล่ตามหลังเท่านั้นเมื่อถึงยังห้องส่วนตัวฟอร์นก็จัดการล็อกประตูแล้วปลดพันธนาการด้านบนของตัวเองออกจนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อล่ำ ก่อนจะเดินเข้าไปกระชากตัวหญิงสาวจนเธอเซมาชนแผงอกกว้าง เขาผลักเธอลงบนโซฟาก่อนจะตามมาด้วยร่างหนาคร่อมเธอไว้ไม่ให้สามารถขยับได้“อย่ามาทำอะไรต่ำๆ นะ”“อ่อยเก่งไม่เคยเปลี่ยนแบบเธอ ฉันคงปล่อยไปไม่ได้อีกแล้วล่ะ!“ฉันไม่ได้ทำอะไร ผิดนะ อีกอย่างถ้ามีคนสนใจฉันมันก็เป็นเรื่องปกติแล้วมันไม่ใช่ของคุณ”“ท้าทายไม่เลิกเลยสินะ”“อย่านะ!”ใบหน้าคมก้มตัวลงมามอบจูบที่แสนเร่าร้อนเป็นบทเรียนให้คนปากเก่งตรงหน้า มือเรียวหนาลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังขาวอย่างเร้าอารมณ์ หญิงสาวได้แต่ใช้มือที่โดนมัดทั้งจิกทั้งตีจนเกิดรอยแดงเลือดซึมแต่นั้นยังไม่สามารถหยุดการกระทำที่เกิดจากความหึงหวงนี้ได้ ยิ่งสมองของชา
วันต่อมาการประชุมถูกจัดขึ้นสมาชิกครบครันทั้งทีมงานกล้อง ฉาก ทีมจัดหาสถานที่ ยกเว้นเพียงแต่นายแบบที่ฟอร์นต้องการ ความเงียบถูกปกคลุมไปทั่วห้องและทุกคนต่างมองมายังหญิงสาวที่รับปากเขาไปอย่างดิบดี เมื่อคืนเธอได้ส่งรายละเอียดงานไปยังผู้จัดการส่วนตัวดาราดังแล้วแต่ยังไม่ได้รับคำตอบยืนยัน เธอจึงต้องโทรหาตัวช่วยอย่างคุณธีและเขารับปากว่าจะช่วยแต่คุณธีก็ช่างเหลือเกินเขาขอให้เธอยืนยันข้อเสนอการนัดทานข้าวและการที่เธอต้องไปเป็นนางแบบให้เขาได้มั่นใจก่อน เขาถึงจะยอมช่วยเธอ และแน่นอนเธอตกลง....“ผมว่า วันนี้เราคงต้องยกเลิกสัญญากันแล้วละ ใช่ไหมคุณข้าว”ฟอร์สองแง่สองง่ามเท้าคางส่งสายตาทะเล้นมาแกล้งปั่นอารมณ์ร้อนของหญิงสาว ยิ่งเขาเห็นเธอร้อนรนเขาก็ยิ่งมั่นใจว่าในใจเธอตอนนี้มีแต่ความไม่มั่นใจ แน่นอนละ….นอกจากเขาแล้วผู้ชายหน้าไหนจะช่วยเธอได้อย่างเต็มใจกันละ“พี่ใจเย็นก่อนสิ ผมเชื่อว่าเขามาได้แน่นอน” จัสพูดอย่างมั่นใจ“เอาละฉันจะยอมเปลี่ยนสัญญาถ้าคุณข้าวยอมขอโทษและยอมมาช่วยงานฉันตลอดโปรเจกต์นี้”“ถ้าคุณเดลไม่สามารถมาได้ฉันยินดีขอโทษอย่างเต็มใจค่ะ แต่เรื่องที่ฉันต้องไปช่วยงานคุณฉันขอปฏิเสธแน่นอนค่ะ เพราะฉั
ฟอร์นแอบตามทั้งคู่มายังห้องอาหารญี่ปุ่นและจัดการจองห้องที่ติดกันเพื่อแอบฟังแต่ยิ่งแอบฟังก็ยิ่งหงุดหงิดสองคนนั้นแต่พูดคุยเรื่องอดีตและหัวเราะคึกคักกันอย่างสนุกสนาน ทำให้ฟอร์นรู้ว่าแท้จริงแล้วธีเคยเข้าไปเป็นวิทยากรที่คณะของข้าวเหนียวและข้าวเหนียวก็เป็นหัวกะทิของวิชานี้ทำให้ตัวธีประทับใจในตัวข้าวเหนียวมาก“อ่อ ที่ข้าวบอกว่าอยากให้ผมช่วยคือเรื่องอะไรครับ”“ข้าวจำได้ว่าคุณธีรู้เคยลงรูปคู่กับคุณเดลพระเอกที่กำลังมีชื่อเสียงตอนนี้น่ะคะ”“อ่อ เดล เขาเป็นเพื่อนผมเองช่วงนี้สาวๆ กำลังติดใจในผลงานและความหล่อของมัน ผมเลยเกาะกระแสสักหน่อยจะได้ไม่ต้องโสดแบบนี้”น้ำเสียงทิ้งท้ายทำให้หญิงสาวรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้าแอบหยอดคำหวานใส่เธอสะแล้วแบบนั้นไม่ใช่เป้าหมายในงานนี้ของเธอ“ข้าวอยากให้คุณเดเพราะมาเป็นนายแบบเครื่องเพชรสำหรับผู้ชายของไฮฮาน่าที่กำลังจะเปิดตัวนี้ค่ะ คุณธีพอจะช่วยข้าวได้ไหมคะ”หญิงสาวส่งลูกอ้อนให้คนแต่งหน้าไปหนึ่งยกทำเอาคนตรงหน้าแอบยิ้มอย่างเขินอาย ใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะเนื่องด้วยประทับใจในตัวของคนตรงหน้าด้านความสามารถอยู่แล้วแถมก่อนออกมาฟอร์นที่ถือว่าเป็นประธานรุ่นใหม่ไฟแรงดูท่าทีห่วงหญิงสาว
Comments