พอสองย่าหลานได้ทักทายพูดคุยกันพอหอมปากหอมคอแล้วฝ่ายผู้เป็นย่าก็ไม่รอช้า เลือกที่จะเข้าประเด็นถามถึงเรื่องที่ทำให้พ่อหลานตัวดีต้องถ่อมาถึงที่นี่ทันที
"ตกลงว่ายังไงเรื่องที่ย่าเสนอไป"
"โถ่คุณย่าครับ มันไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆหรอครับ" ปริญทำหน้าหงอยลงทันควันราวกับเด็กที่ผู้ใหญ่ไม่ยอมตามใจเรื่องของเล่น
"ไม่มี วิธีที่ย่าเสนอไปคือวิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำให้แกได้ที่ดินผืนนั้นไปครอง ถ้าไม่ แกก็อด แล้วย่าก็จะขายมันให้กับพ่อเลี้ยงภูชัยที่อยู่ไร่ติดๆกันด้วย เห็นเขาก็ว่าอยากได้ไปทำรีสอร์ทเพราะว่าตรงนั้นมันวิวดีมีลำธารไหลผ่าน" พอได้ยินดังนั้นปริญก็ยิ่งตกใจจนอ้าปากค้างรีบกระเถิบชิดเข้ามาใกล้ก่อนจะเข้าไปกอดแขนผู้เป็นย่าเอาไว้
"ไม่ได้นะครับคุณย่า ที่ตรงนั้นปริ้นอยากได้มาตั้งนานแล้ว คุณย่าจะมาขายให้คนอื่นตัดหน้าแบบนี้ไม่ได้นะครับ" ปริญอ้อนเสียงอ่อน
"ถ้าอย่างงั้นแกก็ต้องยอมแต่งงานกับคนที่ย่าหาให้อย่างไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น เพราะถ้าแกทำได้ ที่ดินก็จะเป็นของแกทันที แต่ถ้าไม่...แกก็คงรู้นะว่ามันจะเป็นอย่างไร"หญิงชรายื่นคำขาดในขณะที่สีหน้าปริญนั้นดูราวกับว่าลำบากใจนักหนา แม้แต่ผู้เป็นย่าซึ่งเป็นคนยื่นข้อเสนอเองเห็นแล้วก็ยังไม่สบายใจตามจนต้องค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ๆก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบที่ต้นแขนผู้เป็นหลานชายเพื่อหวังจะได้ปลอบประโลม
"ปริ้นลูก แกน่ะอายุอานามก็ย่างเข้าสามสิบแล้ว จะอยู่เป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมาทำไมกัน แม่เราเขาก็เป็นห่วงอยากให้แกน่ะเป็นฝั่งเป็นฝา กลัวว่าจะไม่ยอมลงเอยกับใครหรือหาเมียดีๆที่คอยดูแลแกกับลูกแกไม่ได้"
"แต่ปริ้นก็มีคนที่ปริ้นชอบอยู่แล้วนะครับคุณย่า แล้วตอนนี้ทุกอย่างก็กำลังไปได้ด้วยดี แต่แล้วอยู่ดีๆคุณย่าก็จะมาบังคับให้ปริ้นแต่งงานกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ มันไม่ดูเป็นการคลุมถุงชนไปหน่อยหรอครับยุคสมัยนี้แล้ว"
"ฮึ คนที่แกคบอยู่ แม่ดารานั่นน่ะหรอ ย่าไม่เห็นว่าแม่นั่นจะมีอะไรดีตรงไหนเลย คิดดูดีๆนะ เกิดตกแต่งกันไปในอนาคตใครจะมาดูแลหลานดูแลเหลนย่า แกคิดจริงๆหรอว่าแม่ดารานั่นจะมาคอยนั่งทำกับข้าวกับปลาให้แกกิน คอยดูแลลูกๆของแกได้ ย่าไม่เชื่อ" ว่าแล้วหญิงชราก็ค้อนขวับเข้าให้กับพ่อหลานชายอีกหนึ่งที
"แหมคุณย่าก็อย่าพึ่งคิดไปไกลสิครับ เท่าที่ผมรู้จักมา ญดาเป็นคนน่ารักมากๆ แล้วคุณย่าเองก็ยังไม่เคยเจอญดาเลย แบบนี้มันจะไม่เป็นการด่วนตัดสินเธอไปหน่อยหรอครับคุณย่า"
"ไม่คิดไกลไม่ได้หรอกตาปริ้น ย่าแก่ขนาดนี้แล้วก็อยากจะเห็นคนที่จะมาคอยดูแลหลานย่าได้ ส่วนแม่ดารานั่นบอกตามตรงนะว่าย่ามองปราดเดียวก็รู้ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว" หญิงชราลากเน้นเสียงยาวแถมยังคงทำหน้างอนๆเมื่อเห็นว่าหลานชายยังไม่ยอมคล้อยตามสิ่งที่ตนพูด
"ถ้าอย่างงั้นแล้วคุณย่าแน่ใจได้ยังไงครับว่าคนที่คุณย่าอยากจะให้ผมแต่งงานด้วยจะสามารถดูแลผมได้ตามอย่างที่คุณย่าหวังไว้" พอได้ยินแบบนี้ใบหน้าของหญิงชราค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา
"ย่ามั่นใจว่าคนที่ย่าหาให้จะสามารถทำให้ปริ้นของย่ามีความสุขได้ ย่าให้เวลาหนึ่งปีถ้าเขายังทำให้แกมีความสุขไม่ได้ ถึงเวลานั้นก็ต่างคนต่างไป แยกย้าย จบ โอเคมั้ยล่ะ" คุณย่าบัวหลันสรุปจบเรื่องให้หลานชายฟัง แม้ปริญจะไม่ได้พูดตอบอะไรออกไป แต่ก็เป็นอันเข้าใจกันได้ว่าเขาคงจะไม่มีทางเลือกอื่น
"แล้วตกลงผู้หญิงที่คุณย่าจะให้มาแต่งงานกับปริ้นคือใครล่ะครับ"
"เดี๋ยวแกก็จะได้เห็น" หญิงชรายิ้มออกมาด้วยท่าทางที่ดูประหนึ่งว่าจะภาคภูมิใจในตัวว่าที่หลานสะใภ้เสียเหลือเกิน
"อ่ะ แก้วคำยกสำรับอาหารออกมานั่นละ ไปลูกไปกินข้าวกินปลามาๆ" คุณย่าบัวหลันค่อยลุกขึ้นยืนเพื่อจะเดินไปยังโต๊ะอาหารโดยมีปริญประครองไว้ไม่ห่าง สองย่าหลานเดินตรงไปยังโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ซี่งวางตั้งอยู่อีกฝั่งชานของตัวเรือน
บนโต๊ะอาหารนั้นวางเรียงรายไปด้วยกับข้าวหลายอย่างซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอาหารพื้นบ้านของทางภาคเหนือทั้งนั้น ปริญมองดูก็ยิ้มออกมาทันทีเมื่อเห็นรายการอาหารจานโปรดที่จะว่าไปเขาเองก็ไม่ได้กินมานานแล้ว
"หืม น้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว จอผักกาด มีแต่ของชอบปริ้นทั้งนั้นเลยครับคุณย่า แถมไม่ได้กินมานานแล้วด้วย วันนี้คงจะต้องขอเบิลข้าวสักสองจานแล้วล่ะครับ"
"ก็เอาสิ วันนี้แม่ครัวของย่าเขาตั้งใจทำเต็มที่เลยล่ะ"
"ขอบคุณนะครับน้าแก้วที่ทำอาหารน่ากินๆมาเสียเยอะแยะเลย" ปริญหันไปยิ้มให้และขอบคุณแก้วคำ
"ไม่ใช่น้าหรอกค่ะที่ทำ แต่เป็นแม่ครัวของคุณย่าต่างหากล่ะคะคุณปริ้น คุณย่าท่านพึ่งได้ตัวมาค่ะ" แก้วคำรีบปฏิเสธทันทีเมื่อเห็นว่าปริญกำลังจะเข้าใจผิด
"อ้าว ไม่ใช่น้าแก้วหรอกหรือครับ" ปริญยังคงทำหน้างงงวยว่าเดี๋ยวนี้ย่าของเขาถึงขนาดต้องจ้างแม่ครัวพิเศษเพิ่มเลยหรือ และในขณะที่ปริญกำลังประมวลผลทางความคิดยังไม่ทันจะเสร็จดีก็ต้องหันไปมองตามเสียงเรียกของผู้เป็นย่าเสียก่อน
"อ้าวนั่นไง มาแล้วแม่ครัวของย่า มาพายมานั่งลงข้างย่านี่สิลูก" เมื่อหันไปมองตามทิศทางที่ผู้เป็นย่าบอก ปริญก็พบเข้ากับหญิงสาวหน้าหวานที่เขาจำได้ว่าเธอกำล้งทำอาหารอยู่ในครัวกับเด็กหญิงตัวน้อยเมื่อสักครู่ที่ผ่านมานั่นเอง
พนิดาพอเห็นหญิงชราร้องเรียกก็เดินยิ้มร่าออกมาก่อนจะนั่งลงไปทางฝั่งซ้ายมือของท่าน เพราะฝั่งขวามือนั้นมีปริญนั่งอยู่ พอเห็นว่าทั้งสองคนอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว หญิงชราซึ่งเป็นประมุขของที่นี่จึงได้ถือโอกาสแนะนำทั้งสองคนให้ได้รู้จักกัน
"พายรู้จักแต่พี่ปุณใช่มั้ยลูก นี่พี่ปริ้น ไหว้พี่เขาสิ"
"สวัสดีค่ะพี่ปริ้น" พนิดายิ้มหวานก่อนจะยกมือไหว้ชายหนุ่มตรงหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ดวงตากลมโตของเธอเวลายิ้มทำให้บรรยากาศรอบข้างดูสดใสตามไปด้วย
"สวัสดีครับ" ปริญรับไหว้หญิงสาวตรงหน้า ในใจชักจะเริ่มสงสัยตะหงิดๆเมื่อย่าของเขาเริ่มที่จะบรรยายสรรพคุณของแม่ครัวคนนี้เพิ่มเรื่อยๆ
"พายทำอาหารเก่งนะปริ้น อร่อยทุกอย่างเลย งานบ้านงานเรือนก็เก่ง แถมยังพึ่งจบปริญญาโทจากออสเตรเลียมาอีก สวยครบเก่งในคนเดียวแบบนี้หายากนะย่าว่า"ย่าบัวหลันตักกับข้าวใส่จานให้หลานชายทีละอย่างสองอย่าง ปริญค่อยๆตักอาหารขึ้นมาชิมทีละอย่างจนครบและพบว่ามันก็อร่อยทุกอย่างจริงๆ
"เป็นยังไงจอผักกาดของพายรสชาติถูกปากมั้ย"
"อร่อยครับ" ปริญบอกผู้เป็นย่าก่อนจะหันไปยิ้มให้พนิดา ซึ่งเธอเองก็ทำหน้ารอลุ้นเพื่อรอฟังคำตอบและพอได้ยินแล้วจึงยิ้มแก้มปริจนเห็นถึงลักยิ้มบุ๋มๆน่ารักทั้งสองข้าง
"พี่ปริ้นชอบอาหารที่พายทำจริงๆหรอคะ งั้นเอาไว้วันหลังพายจะทำให้ทานบ่อยๆนะคะ" พนิดาพูดอย่างกระตือรือร้น
"ถึงทำบ่อยพี่ก็คงไม่ได้ทานหรอกครับ เพราะปกติพี่อยู่ที่กรุงเทพ นานๆถึงจะได้แวะมาหาคุณย่าสักที"
"แต่อีกหน่อยถ้าพี่ปริ้นก็ต้องย้ายมาอยู่ที่นี่แล้วนี่คะ" พนิดาแย้งเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มปฏิเสธ ส่วนด้านปริญเองก็นึกแปลกใจว่าทำไมหญิงสาวตรงหน้าจึงรู้เรื่องการแต่งงานของเขา
"ทำไมพายถึงบอกว่าพี่จะต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ล่ะ"
"ก็ต่อไปพี่ปริ้นก็ต้องแต่งงาน แล้วก็ต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ไงคะ"
"แล้วทำไมพายถึงรู้เรื่องนี้" ปริญถามกลับออกไปอย่างงงๆราวกับว่าลืมตัว
"ก็เพราะว่าพายคือคนที่จะมาเป็นเจ้าสาวของแกน่ะสิตาปริ้น" และในที่สุดย่าบัวหลันก็เฉลยคำตอบที่เขาสงสัยออกมา
สามเดือนผ่านไป จากหญิงสาวที่รูปร่างงดงามสมส่วน เวลานี้พนิดาเริ่มมีหน้าท้องนูนๆน้อยๆยื่นออกมาให้เห็นบ้างแล้ว หลังจากที่พนิดาบอกว่าตนเองประจำเดือนขาดไปอาทิตย์กว่าๆ ปริญก็ไม่รอช้าที่จะขอร้องกึ่งบังคับพนิดาให้ไปตรวจวัดการตั้งครรภ์ทันที และผลที่ออกมาก็เป็นไปตามคาด พนิดาตั้งครรภ์จริงๆ ปริญดีใจกระโดดโลดเต้นเป็นการใหญ่ ทั้งโทรบอกบิดามารดา ผู้เป็นย่าและพี่ชาย ทุกคนต่างก็แสดงความยินดีกับเขาและพนิดาด้วยมีเพียงก็แต่พนิดาที่ทำหน้าจ๋อย ไม่ใช่ว่าเธอไม่ดีใจที่ได้มีปริญน้อยมาอยู่ในพุง หากแต่เธอเสียดายโอกาสที่จะได้เอาคืนสามีตัวแสบด้วยเสียมากกว่า แผนการทั้งหมดที่เธอวางเอาไว้เป็นอันต้องจบลงรวมถึงเรื่องการหย่าขาดจากปริญด้วยจะไม่มีการหย่าใดๆอีก นี่คือคำพูดประกาศิตจากคุณย่าบัวหลัน จากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันบอกว่าจะตามใจเธอในการแก้เผ็ดเอาคืนปริญเรื่องหย่า แต่พอได้รู้ว่าเธอกำลังท้อง แผนการทุกอย่างก็เป็นอันว่าต้องยกเลิกหมด จะไม่มีการหย่าและการแก้เผ็ดใครใดๆทั้งสิ้น เพราะคุณย่าบัวหลันกลัวว่ามันจะมีผลกระทบกับความรู้สึกของเหลนตัวน้อยๆในพุงของเธอ และจากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันยังอยู่ข้างเธอ เวลานี้กลับย้ายข้างไปอยู่
หลังจากที่พนิดายังคงยืนยันคำเดิมว่ายังไงก็จะขอหย่าอย่างไม่มีข้อแม้ ตั้งแต่เมื่อวานปริญก็หายออกไปจากบ้านเต็มๆหนึ่งวันโดยที่เขาไม่ได้โทรบอกและพนิดาเองก็ไม่ได้โทรตาม เขาน้อยใจเธอรู้ แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่วิธีเดียวที่จะทำให้ปริญได้รู้เสียบ้างว่าอะไรบางอย่างบางครั้งก็ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ และถึงแม้ว่าลึกๆในใจจะเป็นห่วงเขาแค่ไหน แต่เธอก็ยังคงพยายามข่มใจเอาไว้ มีเพียงแค่ก่อนนอนที่เธอเลือกที่จะส่งข้อความไปย้ำกับเขาอีกรอบว่าพรุ่งนี้เวลาสิบโมงเช้าเธอและเขามีนัดกันที่ที่ว่าการอำเภอ แม้ว่าข้อความที่พนิดาส่งไปนั้นปริญจะไม่ได้เปิดอ่านแต่อย่างไรเสียเธอก็คิดว่าเขาคงจะต้องเห็นมันอย่างแน่นอน"นี่ตกลงเจ้าปริ้นมันจะมาถึงกี่โมงกี่ยามกัน" คุณย่าบัวหลันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูในขณะที่นั่งรออยู่ในรถเมื่อพาพนิดามาถึงและยังไม่มีวี่แววว่าพ่อหลานชายตัวดีจะยอมโผล่หัวมาสักที"คิดว่าน่าจะกำลังมาหรือเปล่าครับคุณย่า ปกติเจ้าปริ้นมันก็เป็นคนตรงต่อเวลาอยู่นะครับ" "ไอ้มาตรงเวลาน่ะย่าไม่ค่อยจะห่วงหรอก ห่วงก็แต่ว่ามันจะไม่มามากกว่า คนอย่างเจ้าปริ้นน่ะถ้าอยากได้อะไรมันก็จะเอาให้ได้ แล้วถ้าไม่อยากจะเสียอะไรมันก็จะดื้อรั้นดันทุ
"อีกสองวันเราไปเจอกันที่อำเภอนะคะ พี่ปริ้นไม่ติดอะไรใช่มั้ย" พนิดาเอ่ยปากถามขึ้นทันทีที่ปริญเดินกลับเข้าบ้านมา ช่วงนี้ปริญมักจะทำตัวให้ยุ่งเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าแทบจะไม่ค่อยอยู่บ้านเลยก็ว่าได้ โดยให้เหตุผลว่าเขาต้องไปคอยคุมงานตรวจงาน ไหนจะเรื่องรายละเอียดต่างๆของโฮมสเตย์ที่ตอนนี้ได้เริ่มต้นลงมือแล้วเนื่องจากว่าผู้เป็นย่ายอมยกที่ดินผืนนั้นให้ก่อนเวลาตามกำหนดวันนี้ก็เช่นกันปริญออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าโดยเขียนเพียงโน๊ตข้อความสั้นๆบอกพนิดาไว้ว่าต้องไปคุยรายละเอียดิพิ่มเติมกับอิทธิพล แต่พอเขากลับเข้าบ้านมาเท่านั้นเธอก็พูดถึงมันขึ้นมาอีกจนได้ และเขาก็จะยืนยันคำตอบเดิมเช่นกันว่าเขาจะไม่มีทางหย่ากับเธอเด็ดขาด"ติด""คะ?""พี่ไม่หย่า""ทำไมคะ ในเมื่อตอนแรกพี่เองเป็นคนต้องการแบบนั้น""พายอยากรู้จริงๆใช่มั้ย ก็ได้พี่จะบอก ที่ตอนนั้นพี่อยากจะหย่าก็เพราะว่าพี่ยังไม่ได้รักพายไง แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว พี่รักพายและพี่ก็จะไม่ยอมหย่าเด็ดขาดพายรู้เอาไว้ได้เลย" ปริญพูดคำว่ารักออกมาตรงๆ เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าพอเขาบอกความรู้สึกของเขาออกไปแล้วพนิดายังคงจะอยากหย่ากับเขาอีกมั้ย"มะ..หมายค
ช่วงนี้สติสตังของปริญมักจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเสียเท่าไหร่ ยิ่งวันเวลาใกล้เข้ามาทุกทีอาการร้อนรนเป็นหนูติดจั่นของเขาก็ยิ่งแสดงออกมาให้ทุกคนเห็นมากขึ้น"อาทิตย์หน้านี้แกก็จะได้กลับไปเป็นโสดอีกครั้งหนึ่งแล้ว คงดีใจมากเลยสินะถึงได้วิ่งพล่านแบบนี้""คุณย่าครับ คือว่าผม..""ย่านัดคุณกรให้เรียบร้อยแล้ว เข้าไปถึงก็เซ็นหย่าได้เลยจะได้จบๆ"คุณย่าบัวหลันพูดไปพร้อมกับช่อดอกไม้ที่ค่อยๆถูกเรียงปักลงในแจกันอย่างสวยงาม"ผมไม่หย่าครับ""อะไรนะ นี่ย่าฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า""ผมไม่อยากหย่าแล้วครับคุณย่า คุณย่าช่วยพูดกับพายให้หน่อย อย่ายอมให้พายหย่ากับผมนะครับ" ปริญตัดสินใจมาหาผู้เป็นย่าวันนี้ก็เพราะหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือเรื่องที่ยังคงเป็นปัญหาคาใจเขาอยู่ แม้ว่าคืนนั้นทั้งเขาและเธอต่างมอบทั้งความสุขกายสุขใจให้กันไปมากเพียงใด หากแต่พอเช้ามาพนิดาก็ยังคงที่จะยืนยันคำเดิมว่าต้องการหย่า"อะไรของแกกันแน่เจ้าปริ้น ทีตอนแต่งก็โวยวายไม่อยากแต่ง ทีตอนนี้ถึงเวลาจะได้กลับไปเป็นอิสระอีกครั้งตามที่แกอยาก กลับจะมาไม่ยอมหย่าเสียอย่างงั้น" จากใบหน้าของผู้เป็นย่าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามธรรมชาติอยู่แล้วเวลานี้ยิ่
หลังจากตั้งแต่กลับมาจากไปปฏิบัติธรรมมาครั้งนั้นพนิดาก็ขอแยกห้องนอนกับเขาอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าเขาจะขอเคลียร์ขออธิบายยังไงเธอก็ไม่ต้องการที่จะรับฟังอะไรใดๆจากเขาอีกและขอร้องว่าให้เขาและเธอนั้นต่างคนต่างอยู่นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ปริญไม่เข้าใจ จนกระทั่งผ่านมาจนถึงวันนี้เขาเองยังยิ่งไม่เข้าใจไปอีกว่าการที่เพียงแค่เขาไม่ตอบข้อความเธอแค่เพียงครั้งเดียวนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดที่ว่าทำให้เธอเลิกชอบเขาและเลือกที่จะยุติความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอเอาไว้เพียงเท่านี้เลยหรือ มิหนำซ้ำผู้เป็นย่าของเขาเองก็ยังเห็นดีเห็นงามกับการที่พนิดาและเขาจะต้องหย่าขาดกันในครั้งนี้ด้วยทั้งๆที่ท่านเองเป็นคนบังคับให้เขาและพนิดาต้องมาแต่งงานกัน คุณย่าบัวหลัน : ดีแล้วพายลูก เดี๋ยวพอพายหย่าขาดจากเจ้าปริ้นแล้ว ย่าก็จะได้เชียร์พายกับท่านนายอำเภอต่อเลยพนิดา : พายว่าอย่าเลยดีกว่าค่ะย่าบัว พายสงสารคุณกรน่ะค่ะถ้าต้องมีแฟนที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วแบบพาย ขอแค่ให้พายยังได้เป็นลูกหลานย่าบัวเหมือนเดิมแบบนี้ดีกว่าค่ะคุณย่าบัวหลัน :โถๆ สมัยนี้ไม่มีใครเขาถือกันแล้วลูก ไม่ต้องไปคิดมาก หรือไม่ก็ถ้าพายยังอยากจะเป็นหลานสะใภ้ย่าอ
"เพราะแบบนี้ใช่มั้ยพายถึงได้อยากหย่ากับพี่นัก" ภาพบรรยากาศภายในร้านอาหารที่เธอกำลังนั่งอยู่กับอิทธิพลถูกถ่ายเอาไว้และตอนนี้มันได้ปรากฎอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของปริญเรียบร้อย"พี่ปริ้นหมายความว่ายังไงคะ แล้วนี่พี่ไปเอารูปพวกนี้มาจากไหน""พี่จะได้รูปมาจากไหนมันไม่สำคัญหรอก แต่ความจริงก็คือที่พายอยากหย่ากับพี่ก็เพราะว่าจะได้ไปคบกับไอ้อิทใช่หรือเปล่า""พายว่าพี่อย่าดึงคนอื่นมาเกี่ยวข้องดีกว่านะคะ พายไม่เข้าใจว่าพี่จะหาเหตุผลล้านแปดมาต่อว่าพายทำไม ในเมื่อมันก็เป็นความต้องการของพี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าต้องการหย่า และนี่ไงคะ มันใกล้ถึงเวลานั้นแล้ว เวลาที่พี่รอคอยมาตลอด"ปริญได้แต่ยืนนิ่งเงียบเพราะว่าพูดไม่ออก เวลานี้เขาจะบอกเธออย่างไรดีว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอมันเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ได้ต้องการหย่า แต่สำหรับพนิดาคงจะไม่ใช่ เธอคงต้องการที่จะหย่ากับเขาแล้วกลับไปหาใครสักคนที่เธอชอบอย่างเช่น ปุณภพ หรือไม่ก็ใครสักคนที่ชอบเธออย่าง อิทธิพล ใช่สิ เธอมีตัวเลือก และตัวเขาเองก็ประกาศเอาไว้ปาวๆว่าไม่เลือกเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คิดแล้วก็ได้แต่สมน้ำหน้าตัวเอง"ถึงกับต้องมาหากูนี่มีเรื่องอะไรวะ" อิทธ