หลังจากที่คิดแล้วว่าไม่มีทางที่จะปฏิเสธผู้เป็นย่าหรือว่าคิดหาหนทางอื่นที่จะทำให้เขาได้ที่ดินตรงนั้นมาโดยไม่ต้องแต่งงานไม่ได้ ปริญจึงต้องแบกหน้าขมึงตึงไปเชียงใหม่ ไม่แน่ว่าถ้าเขาได้มาพูดคุยกับผู้เป็นย่าด้วยตัวเอง บางทีมันอาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือให้มันง่ายขึ้นมาได้บ้าง
ขายาวๆก้าวขึ้นบันไดไม้สักขัดเงาไปทีละขั้น บ้านไม้สักทองขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ขึ้นไปด้านบนเป็นระเบียงรับแขกขนาดกว้างขวางซึ่งวิวทิวทัศน์ด้านหน้าคือไร่ส้มสายน้ำผึ้งที่ทอดตัวยาวออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา
ปริญเคยอยู่อาศัยที่นี่ในตอนเด็กๆ แต่พอตั้งแต่มารดาขอเลิกรากับบิดาไปเพราะทนความเจ้าชู้ไม่ไหว เขาและพี่ชายจึงถูกมารดาพาไปอยู่บ้านที่กรุงเทพตั้งแต่นั้นมา ซึ่งในขณะนั้นปุณภพมีอายุเพียงแค่เก้าขวบและตัวเขาเองพึ่งจะเจ็ดขวบ และตั้งแต่นั้นเขาและพี่ชายก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสที่จะได้มาที่นี่อีกสักเท่าไหร่นัก ด้วยเหตุผลที่ว่ามารดาไม่อยากที่จะมาเจอหน้าอดีตสามีให้เจ็บช้ำน้ำใจ จะมีเพียงก็แต่ผู้เป็นย่าที่มักจะลงไปเยี่ยมหาเขาและพี่ชายอยู่เสมอ ด้วยความที่ว่ายังรักและเอ็นดูอดีตสะใภ้คนนี้และคิดถึงหลานๆ จนบางครั้งก็ลงไปอยู่ด้วยเป็นเดือนๆจึงทำให้เขานั้นสนิทกับผู้เป็นย่ามาเรื่อยๆ
แต่พอตั้งแต่โตมา ย่าของเขาอายุมากขึ้น ทำให้การเดินทางนั้นลำบาก จึงไม่ค่อยสะดวกที่จะแวะเวียนไปมาเหมือนเมื่อก่อน กลับเป็นมารดาของเขาเองที่ต้องเป็นฝ่ายพาหลานๆขึ้นไปหา เพราะเมื่อเวลาผ่านไปหลายปี ฝ่ายมารดาของเขาบอกว่าได้ปล่อยวางกับเรื่องของอดีตสามีได้แล้ว และต่อให้ต้องเจอหน้ากันก็คงไม่ได้รู้สึกอะไรอีก มีก็แต่ฝ่ายบิดาที่ผู้เป็นย่าเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่มารดาของเขาหอบพวกตนหนีไป ฝ่ายบิดาก็เสียใจหนัก จนมาคิดได้และบอกว่าจะขอกลับตัวกลับใจเลิกเจ้าชู้ขึ้นมาทันที แถมยังตั้งหน้าตั้งตาเฝ้าคอยตามง้อขอโอกาสจากมารดาเขามาตลอดแต่เขาก็ยังไม่เห็นว่าผู้เป็นมารดานั้นจะมีท่าทียอมใจอ่อนให้
ปริญเดินเข้าไปในตัวบ้านซึ่งดูจะเงียบสนิทเหมือนกับว่าไม่มีใครอยู่ ซึ่งปกติแล้วจะมีน้าแก้วคำคอยอยู่ดูแลบ้านช่องให้ตลอดตั้งแต่ปริญจำความได้ พอเห็นว่าหน้าเรือนไม่มีใคร ปริญจึงเดินผ่านตัวเรือนเข้าไปจนทะลุไปยังอีกฝั่งหนึ่ง แล้วเขาก็ได้ยินว่ามีเสียงคนคุยกันแว่วๆอยู่ในครัว
พอมองผ่านทะลุช่องหน้าต่าง เบื้องหน้าพบว่ามีหญิงสาวอายุรุ่นราวน่าจะสักประมาณยี่สิบกว่าเห็นจะได้ สองมือของเธอกำลังหยิบจับตะหลิวเพื่อผัดปรุงอาหารโดยมีลูกมือตัวเล็กเป็นเด็กหญิงราวสิบเอ็ดสิบสองคอยหยิบส่งสิ่งที่เธอต้องการให้อยู่ข้างๆ
ปริญหยุดอยู่ตรงนั้นเงียบๆ หัวข้อในการสนทนาด้วยภาษาเหนือท้องถิ่นที่เขาเองก็พอจะฟังออกบ้างคือการเป็นผู้หญิงต้องรู้จักเป็นแม่ศรีบ้านแม่ศรีเรือน รู้จักดูแลบ้าน ทำอาหารให้สามีและลูกๆกิน เผื่อว่าวันหนึ่งต้องแต่งงานออกเรือนไป คนที่เป็นสามีในอนาคตจะได้ไม่ผิดหวังและเสียใจที่เลือกมาเเต่งงานกับเรา
"ปี้พายอู้แต้ๆก๋าเจ้า"
"อู้แต้ก่ะ ถ้าตั๋วอยากจะหื้อป้อจายตี้จะมาเป๋นสามีในอนาคตตั๋วภูมิใจ๋ ตั๋วกะจะต้องหัดไว้พ่องเน้อ งานบ้านงานเฮือน บ่าดีจะเสียจื้อเสียงมาถึงแม่ตั๋วเอาได้หนาส้มโอว่าบ่าฮู้จักสอนลูกยะก๋านยะงาน"
"อุ้ยแต้กา อั้นปี้พายจ้วยสอนหื้อน้องตวยเน้อจ้าวปี้ น้องขะอยากยะกับข้าวลำๆหื้อว่าตี้สามีในอนาคตน้องกิ๋นพ่อง ฮิฮิ"
เสียงหัวเราะคิกคักของสองสาวที่ดังออกมาจากในมุมหนึ่งของครัว ทำเอาปริญที่ยืนแอบมองผ่านทางช่องหน้าต่างของบ้านแอบยิ้มไปด้วยโดยไม่รู้ตัว เขาไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงที่กำลังยืนทำกับข้าวอยู่นั้นเป็นใคร แต่ดูๆไปก็ถือว่า..น่ารักดี
ผิวขาวตามแบบฉบับสาวชาวเหนือ ผมสีน้ำตาลอ่อนถูกเกล้าขึ้นไปไว้เป็นมวยสูง สองข้างแก้มเธอมีลักยิ้มบุ๋มประดับอยู่เป็นคู่ดูแล้วชวนมอง กิจกรรมภายในครัวยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆโดยที่เธอไม่ได้รู้เลยว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครบางคนอยู่ จนกระทั่งมีเสียงที่คุ้นเคยดังแว่วมาจากทางหน้าเรือน ปริญจึงหลุดจากภวังค์และยอมละทิ้งสายตาก่อนจะเดินย้อนกลับออกไป
เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่กำลังเดินขึ้นบันไดมา เขาก็รีบเดินเข้าไปหาเพื่อที่จะได้ช่วยถือข้าวของที่ดูเหมือนว่าจะเป็นตระกร้าใส่ผลไม้และอะไรอีกสักสองสามอย่างในมือมาถือเอาไว้เอง
"ว่ายังไงล่ะพ่อตัวดี ยอมขึ้นมาหาย่าแล้วหรอ" คุณย่าบัวหลัน ปีนี้อายุเจ็ดสิบห้าปีพอดี หลังจากที่หลานชายคนเล็กไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ พอกลับมาท่านก็ได้ข่าวว่าพ่อตัวดียังคงทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมา ลอยไปหาคนนั้นทีคนนี้ที ไม่มีทีท่าว่าจะยอมตกลงปลงใจกับใครให้เป็นผู้เป็นคนทั้งๆที่ปีนี้อายุอานามก็ปาเข้าไปสามสิบแล้ว จนอดีตลูกสะใภ้อ่อนใจกลัวว่าจะเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นตามอย่างบิดา
"แหมคุณย่าครับ พูดอย่างกับว่าปริ้นหนีหน้าหายตาไปไหนเสียอย่างงั้น" ปริญเดินเข้าไปกอดหญิงสูงวัยที่เวลานี้สูงเพียงแค่หน้าอกของเขาเท่านั้น เทียบกันกับเมื่อก่อนเขาต้องเป็นฝ่ายเงยหน้ามองผู้เป็นย่าเวลาคุย แต่ทุกวันนี้กลับเป็นท่านเสียเองที่เป็นฝ่ายเงยมองขึ้นมาหาเขา
"แบบนี้ยังไม่เรียกว่าหนีหายไปอีกอย่างงั้นเรอะ ครั้งสุดท้ายที่แกมาหาย่ามันเมื่อไหร่กัน ตั้งแต่เรียนจบกลับมาจนตอนนี้จะครึ่งปีแล้ว" พูดจบคุณย่าบัวหลันก็ค้อนขวับให้หลานชายหนึ่งที
"แหมคุณย่าก็ ช่วงนี้ปริ้นยุ่งๆอยู่นี่ครับ ก็โครงการโฮมสเตย์นั่นแหละ ต้องเตรียมการศึกษาข้อมูลหลายอย่างเลย ปริ้นตั้งใจกับมันมากๆเลยนะครับ อยู่ที่ว่าคุณย่านั่นแหละว่าจะสนับสนุนและเห็นถึงความตั้งใจของหลานชายคนนี้หรือเปล่า" ปริญทำตาปริบๆออดอ้อนอย่างกับเด็กชายตัวน้อยๆของผู้เป็นย่าสมัยก่อน
"อ๋อ ที่โผล่หัวแบกหน้ามาหาย่าได้นี่ก็คงเป็นเรื่องที่ดินล้วนๆเลยสินะ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะว่าอยากจะได้ที่ดิน แกคงไม่แบกหน้ามาหาย่าอย่างงั้นสิ" ว่าแล้วปริญก็ถูกผู้เป็นย่าสะบัดบ๊อบใส่อีกหนึ่งทีก่อนจะเดินตรงไปที่ระเบียงไม้ขนาดยาวที่ใช้เป็นที่นั่งสำหรับชมวิวได้
"คุณย่าบ่นคิดถึงคุณปริ้นทุกวันเลยค่ะ" แก้วคำที่เข้าไปยกน้ำออกมาพอดีพูดสำทับเมื่อหญิงชราเดินไปแล้ว
"น้าแก้วสบายดีนะครับ" ปริญมองตามไปที่ผู้เป็นย่าก่อนจะยิ้มให้หญิงวัยกลางคนที่เขารู้จักและคุ้นเคยดี
"สบายดีค่ะ แล้วนี่ทานอะไรมาหรือยังคะ คุณย่าพึ่งกลับจากไปเยี่ยมเพื่อนในตัวเมืองมาได้ขนมมาเพียบเลยค่ะ เดี๋ยวน้าจะไปจัดใส่จานมาให้" แก้วคำพูดพร้อมกับชูถุงขนมที่อยู่ในมือ
"ยังเลยครับ ลงเครื่องก็ตรงมาเลย"
"งั้นคุณปริ้นไปคุยกับคุณย่าก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวน้าจะยกสำรับกับข้าวออกมา จะได้ทานข้าวเช้ากันพร้อมกับคุณย่าเลย"
"ครับน้าแก้ว"
สามเดือนผ่านไป จากหญิงสาวที่รูปร่างงดงามสมส่วน เวลานี้พนิดาเริ่มมีหน้าท้องนูนๆน้อยๆยื่นออกมาให้เห็นบ้างแล้ว หลังจากที่พนิดาบอกว่าตนเองประจำเดือนขาดไปอาทิตย์กว่าๆ ปริญก็ไม่รอช้าที่จะขอร้องกึ่งบังคับพนิดาให้ไปตรวจวัดการตั้งครรภ์ทันที และผลที่ออกมาก็เป็นไปตามคาด พนิดาตั้งครรภ์จริงๆ ปริญดีใจกระโดดโลดเต้นเป็นการใหญ่ ทั้งโทรบอกบิดามารดา ผู้เป็นย่าและพี่ชาย ทุกคนต่างก็แสดงความยินดีกับเขาและพนิดาด้วยมีเพียงก็แต่พนิดาที่ทำหน้าจ๋อย ไม่ใช่ว่าเธอไม่ดีใจที่ได้มีปริญน้อยมาอยู่ในพุง หากแต่เธอเสียดายโอกาสที่จะได้เอาคืนสามีตัวแสบด้วยเสียมากกว่า แผนการทั้งหมดที่เธอวางเอาไว้เป็นอันต้องจบลงรวมถึงเรื่องการหย่าขาดจากปริญด้วยจะไม่มีการหย่าใดๆอีก นี่คือคำพูดประกาศิตจากคุณย่าบัวหลัน จากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันบอกว่าจะตามใจเธอในการแก้เผ็ดเอาคืนปริญเรื่องหย่า แต่พอได้รู้ว่าเธอกำลังท้อง แผนการทุกอย่างก็เป็นอันว่าต้องยกเลิกหมด จะไม่มีการหย่าและการแก้เผ็ดใครใดๆทั้งสิ้น เพราะคุณย่าบัวหลันกลัวว่ามันจะมีผลกระทบกับความรู้สึกของเหลนตัวน้อยๆในพุงของเธอ และจากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันยังอยู่ข้างเธอ เวลานี้กลับย้ายข้างไปอยู่
หลังจากที่พนิดายังคงยืนยันคำเดิมว่ายังไงก็จะขอหย่าอย่างไม่มีข้อแม้ ตั้งแต่เมื่อวานปริญก็หายออกไปจากบ้านเต็มๆหนึ่งวันโดยที่เขาไม่ได้โทรบอกและพนิดาเองก็ไม่ได้โทรตาม เขาน้อยใจเธอรู้ แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่วิธีเดียวที่จะทำให้ปริญได้รู้เสียบ้างว่าอะไรบางอย่างบางครั้งก็ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ และถึงแม้ว่าลึกๆในใจจะเป็นห่วงเขาแค่ไหน แต่เธอก็ยังคงพยายามข่มใจเอาไว้ มีเพียงแค่ก่อนนอนที่เธอเลือกที่จะส่งข้อความไปย้ำกับเขาอีกรอบว่าพรุ่งนี้เวลาสิบโมงเช้าเธอและเขามีนัดกันที่ที่ว่าการอำเภอ แม้ว่าข้อความที่พนิดาส่งไปนั้นปริญจะไม่ได้เปิดอ่านแต่อย่างไรเสียเธอก็คิดว่าเขาคงจะต้องเห็นมันอย่างแน่นอน"นี่ตกลงเจ้าปริ้นมันจะมาถึงกี่โมงกี่ยามกัน" คุณย่าบัวหลันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูในขณะที่นั่งรออยู่ในรถเมื่อพาพนิดามาถึงและยังไม่มีวี่แววว่าพ่อหลานชายตัวดีจะยอมโผล่หัวมาสักที"คิดว่าน่าจะกำลังมาหรือเปล่าครับคุณย่า ปกติเจ้าปริ้นมันก็เป็นคนตรงต่อเวลาอยู่นะครับ" "ไอ้มาตรงเวลาน่ะย่าไม่ค่อยจะห่วงหรอก ห่วงก็แต่ว่ามันจะไม่มามากกว่า คนอย่างเจ้าปริ้นน่ะถ้าอยากได้อะไรมันก็จะเอาให้ได้ แล้วถ้าไม่อยากจะเสียอะไรมันก็จะดื้อรั้นดันทุ
"อีกสองวันเราไปเจอกันที่อำเภอนะคะ พี่ปริ้นไม่ติดอะไรใช่มั้ย" พนิดาเอ่ยปากถามขึ้นทันทีที่ปริญเดินกลับเข้าบ้านมา ช่วงนี้ปริญมักจะทำตัวให้ยุ่งเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าแทบจะไม่ค่อยอยู่บ้านเลยก็ว่าได้ โดยให้เหตุผลว่าเขาต้องไปคอยคุมงานตรวจงาน ไหนจะเรื่องรายละเอียดต่างๆของโฮมสเตย์ที่ตอนนี้ได้เริ่มต้นลงมือแล้วเนื่องจากว่าผู้เป็นย่ายอมยกที่ดินผืนนั้นให้ก่อนเวลาตามกำหนดวันนี้ก็เช่นกันปริญออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าโดยเขียนเพียงโน๊ตข้อความสั้นๆบอกพนิดาไว้ว่าต้องไปคุยรายละเอียดิพิ่มเติมกับอิทธิพล แต่พอเขากลับเข้าบ้านมาเท่านั้นเธอก็พูดถึงมันขึ้นมาอีกจนได้ และเขาก็จะยืนยันคำตอบเดิมเช่นกันว่าเขาจะไม่มีทางหย่ากับเธอเด็ดขาด"ติด""คะ?""พี่ไม่หย่า""ทำไมคะ ในเมื่อตอนแรกพี่เองเป็นคนต้องการแบบนั้น""พายอยากรู้จริงๆใช่มั้ย ก็ได้พี่จะบอก ที่ตอนนั้นพี่อยากจะหย่าก็เพราะว่าพี่ยังไม่ได้รักพายไง แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว พี่รักพายและพี่ก็จะไม่ยอมหย่าเด็ดขาดพายรู้เอาไว้ได้เลย" ปริญพูดคำว่ารักออกมาตรงๆ เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าพอเขาบอกความรู้สึกของเขาออกไปแล้วพนิดายังคงจะอยากหย่ากับเขาอีกมั้ย"มะ..หมายค
ช่วงนี้สติสตังของปริญมักจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเสียเท่าไหร่ ยิ่งวันเวลาใกล้เข้ามาทุกทีอาการร้อนรนเป็นหนูติดจั่นของเขาก็ยิ่งแสดงออกมาให้ทุกคนเห็นมากขึ้น"อาทิตย์หน้านี้แกก็จะได้กลับไปเป็นโสดอีกครั้งหนึ่งแล้ว คงดีใจมากเลยสินะถึงได้วิ่งพล่านแบบนี้""คุณย่าครับ คือว่าผม..""ย่านัดคุณกรให้เรียบร้อยแล้ว เข้าไปถึงก็เซ็นหย่าได้เลยจะได้จบๆ"คุณย่าบัวหลันพูดไปพร้อมกับช่อดอกไม้ที่ค่อยๆถูกเรียงปักลงในแจกันอย่างสวยงาม"ผมไม่หย่าครับ""อะไรนะ นี่ย่าฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า""ผมไม่อยากหย่าแล้วครับคุณย่า คุณย่าช่วยพูดกับพายให้หน่อย อย่ายอมให้พายหย่ากับผมนะครับ" ปริญตัดสินใจมาหาผู้เป็นย่าวันนี้ก็เพราะหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือเรื่องที่ยังคงเป็นปัญหาคาใจเขาอยู่ แม้ว่าคืนนั้นทั้งเขาและเธอต่างมอบทั้งความสุขกายสุขใจให้กันไปมากเพียงใด หากแต่พอเช้ามาพนิดาก็ยังคงที่จะยืนยันคำเดิมว่าต้องการหย่า"อะไรของแกกันแน่เจ้าปริ้น ทีตอนแต่งก็โวยวายไม่อยากแต่ง ทีตอนนี้ถึงเวลาจะได้กลับไปเป็นอิสระอีกครั้งตามที่แกอยาก กลับจะมาไม่ยอมหย่าเสียอย่างงั้น" จากใบหน้าของผู้เป็นย่าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามธรรมชาติอยู่แล้วเวลานี้ยิ่
หลังจากตั้งแต่กลับมาจากไปปฏิบัติธรรมมาครั้งนั้นพนิดาก็ขอแยกห้องนอนกับเขาอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าเขาจะขอเคลียร์ขออธิบายยังไงเธอก็ไม่ต้องการที่จะรับฟังอะไรใดๆจากเขาอีกและขอร้องว่าให้เขาและเธอนั้นต่างคนต่างอยู่นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ปริญไม่เข้าใจ จนกระทั่งผ่านมาจนถึงวันนี้เขาเองยังยิ่งไม่เข้าใจไปอีกว่าการที่เพียงแค่เขาไม่ตอบข้อความเธอแค่เพียงครั้งเดียวนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดที่ว่าทำให้เธอเลิกชอบเขาและเลือกที่จะยุติความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอเอาไว้เพียงเท่านี้เลยหรือ มิหนำซ้ำผู้เป็นย่าของเขาเองก็ยังเห็นดีเห็นงามกับการที่พนิดาและเขาจะต้องหย่าขาดกันในครั้งนี้ด้วยทั้งๆที่ท่านเองเป็นคนบังคับให้เขาและพนิดาต้องมาแต่งงานกัน คุณย่าบัวหลัน : ดีแล้วพายลูก เดี๋ยวพอพายหย่าขาดจากเจ้าปริ้นแล้ว ย่าก็จะได้เชียร์พายกับท่านนายอำเภอต่อเลยพนิดา : พายว่าอย่าเลยดีกว่าค่ะย่าบัว พายสงสารคุณกรน่ะค่ะถ้าต้องมีแฟนที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วแบบพาย ขอแค่ให้พายยังได้เป็นลูกหลานย่าบัวเหมือนเดิมแบบนี้ดีกว่าค่ะคุณย่าบัวหลัน :โถๆ สมัยนี้ไม่มีใครเขาถือกันแล้วลูก ไม่ต้องไปคิดมาก หรือไม่ก็ถ้าพายยังอยากจะเป็นหลานสะใภ้ย่าอ
"เพราะแบบนี้ใช่มั้ยพายถึงได้อยากหย่ากับพี่นัก" ภาพบรรยากาศภายในร้านอาหารที่เธอกำลังนั่งอยู่กับอิทธิพลถูกถ่ายเอาไว้และตอนนี้มันได้ปรากฎอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของปริญเรียบร้อย"พี่ปริ้นหมายความว่ายังไงคะ แล้วนี่พี่ไปเอารูปพวกนี้มาจากไหน""พี่จะได้รูปมาจากไหนมันไม่สำคัญหรอก แต่ความจริงก็คือที่พายอยากหย่ากับพี่ก็เพราะว่าจะได้ไปคบกับไอ้อิทใช่หรือเปล่า""พายว่าพี่อย่าดึงคนอื่นมาเกี่ยวข้องดีกว่านะคะ พายไม่เข้าใจว่าพี่จะหาเหตุผลล้านแปดมาต่อว่าพายทำไม ในเมื่อมันก็เป็นความต้องการของพี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าต้องการหย่า และนี่ไงคะ มันใกล้ถึงเวลานั้นแล้ว เวลาที่พี่รอคอยมาตลอด"ปริญได้แต่ยืนนิ่งเงียบเพราะว่าพูดไม่ออก เวลานี้เขาจะบอกเธออย่างไรดีว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอมันเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ได้ต้องการหย่า แต่สำหรับพนิดาคงจะไม่ใช่ เธอคงต้องการที่จะหย่ากับเขาแล้วกลับไปหาใครสักคนที่เธอชอบอย่างเช่น ปุณภพ หรือไม่ก็ใครสักคนที่ชอบเธออย่าง อิทธิพล ใช่สิ เธอมีตัวเลือก และตัวเขาเองก็ประกาศเอาไว้ปาวๆว่าไม่เลือกเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คิดแล้วก็ได้แต่สมน้ำหน้าตัวเอง"ถึงกับต้องมาหากูนี่มีเรื่องอะไรวะ" อิทธ