เมื่อคำตอบถูกเฉลยแล้ว ปริญก็นั่งทานข้าวเงียบๆแม้ว่าอาหารจะอร่อยถูกปากทุกอย่างก็ตาม แต่ตอนนี้ในหัวเขากำลังคิดประมวลผลถึงเรื่องที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในชีวิตเขาขณะนี้
หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า ว่าที่เจ้าสาวของเขาที่ผู้เป็นย่าต้องการอยากจะให้เขาแต่งงานด้วย ถามว่าสวยมั้ย ใบหน้ารูปไข่ชวนมอง สองแก้มแดง ริมฝีปากอมชมพูระเรื่อ บวกกับดวงตากลมโต จมูกโด่งสวยได้รูปแถมยังมีลักยิ้มที่แก้มบุ๋มทั้งสองข้าง ถ้าให้พูดกันตามตรงก็คงจัดว่าเป็นผู้หญิงที่ถ้าผู้ชายเห็นก็คงอยากมองจนเหลียวหลังคนหนึ่ง
แต่!! การที่เราจะรู้สึกดีกับใครสักคนจนถึงขั้นอยากใช้ชีวิตด้วยหรือจนถึงขั้นคิดไปถึงเรื่องแต่งงานนั้นมันก็ต้องใช้เวลา ไม่ใช่เจอหน้ากันแล้วจะให้มาแต่งงานอยู่ด้วยกันเลยมันคงเป็นไปไม่ได้ ยิ่งตอนนี้เขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว อยู่ดีๆผู้เป็นย่าจะมาบอกให้เขาไปแต่งงานกับผู้หญิงที่พึ่งเจอหน้ากัน มันจะเป็นไปได้อย่างไร
"อิ่มแล้วหรอลูก ปริ้น" คุณย่าบัวหลันถามหลานชายดูเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มวางรวบช้อนและซ้อมเข้าด้วยกันแล้วยกแก้วน้ำดื่มตาม
"ครับคุณย่า"
"แล้วตกลงเรื่องที่เราพึ่งคุยกัน ปริ้นตกลงว่ายังไง" แม้ว่าจะเป็นห่วงความรู้สึกของหลานชาย แต่เพื่ออนาคตของหลาน ผู้เป็นย่าจึงต้องตัดใจถามออกไปอย่างเด็ดขาด
"คือ ผมขอเวลาหน่อยแล้วจะให้คำตอบคุณย่าอีกทีก็แล้วกันนะครับ"
"ได้ แต่ก็อย่านานนะ พ่อเลี้ยงภูชัยยิ่งเเวะมาหาย่าวันเว้นวันอยู่" คุณย่าบัวหลันรับคำและแอบเอ่ยคำขู่ขึ้นมาอย่างลอยๆ
"คุณย่าครับ คืออันที่จริงปริ้นก็ไม่ได้เดินดูไร่ส้มของคุณย่านานแล้ว คุณย่าจะว่าอะไรมั้ยครับถ้าผมจะขอให้พายพาเดินไปชมสวนหน่อย" ปริญเอ่ยถามผู้เป็นย่าก่อนจะหันไปมองยังหญิงสาวที่เวลานี้นั่งส่งยิ้มหวานมาให้เขาราวกับว่ากำลังจะประกวดนางงาม
"ได้สิลูก ให้พายพาไปดีแล้ว ปริ้นกับน้องจะได้รู้จักกันมากขึ้น พายพาพี่เขาไปหน่อยนะลูก"
"ได้ค่ะย่าบัว" พนิดาหันมายิ้มตอบรับหญิงสูงวัยก่อนจะมองไปยังใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มแล้วจึงส่งยิ้มให้เขา แต่ก็ได้รับเพียงแค่รอยยิ้มจางๆกลับมาเท่านั้น
พนิดาพาปริญเดินลงจากเรือน จากนั้นทั้งสองจึงเดินตรงไปด้านหน้าซึ่งเป็นทางเดินเล็กๆตัดเข้าสู่สวนส้มสายน้ำผึ้งขนาดใหญ่ ระหว่างทางพนิดายังคงพูดจาเจื้อยแจ้วด้วยบุคลิกเป็นคนสนุกสนานสดใสตามวัย หากแต่คนที่กำลังเดินตามเธอนั้นกลับไม่ได้สนใจในเนื้อหาสาระที่เธอกำลังพูดอยู่เลย กลับกันเขากำลังคิดหาทางว่าจะจัดการกับเรื่องการยกเลิกการเเต่งงานอย่างไรดี
"พาย พี่ถามอะไรหน่อยสิ" พนิดาหยุดหันมามองตามเสียงเรียก ดวงตากลมโตจ้องมองมาที่เขาอย่างสงสัยแม้ว่าบนริมฝีปากงามจะยังคงมีรอยยิ้มบางๆหลงเหลืออยู่
"คะ"
"เรื่องที่คุณย่าจะให้เราสองคนแต่งงานกัน พายคิดว่ายังไง" ปริญถามคำถามที่ตนอยากจะรู้ออกไปทันทีโดยไม่ได้สนใจถามถึงความเป็นมาของหญิงสาวตรงหน้าว่าเป็นมาจากไหน
"พายแล้วแต่ย่าบัวค่ะ"
"แล้วแต่คุณย่า งั้นหมายความว่าถ้าคุณสั่งให้เราไปแต่งงานกับใคร เราก็จะไปอย่างนั้นหรอ" ปริญได้ฟังคำตอบก็ยังไม่อยากจะเชื่อหูว่าหญิงสาวที่ดูค่อนข้างจะมั่นใจในตัวเองตรงหน้าจะยอมให้ใครมาบงการชีวิตได้
"ค่ะ ชีวิตพายมีแค่ย่าบัวคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้พายได้มีชีวิตอย่างทุกวันนี้ได้ ต่อให้ย่าบัวสั่งให้ทำอะไรพายก็เต็มใจที่จะทำค่ะ"พนิดาหันมาตอบปริญด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"อะไรนะ แน่ใจหรือเปล่าที่พูดออก นี่มันไม่นิยายไปหน่อยหรอ สมัยไหนแล้ว เรียนก็จบตั้งเมืองนอกเมืองนามา พี่ว่าพายน่าจะมีความคิดที่เป็นของตัวเองมากกว่านี้นะ" สีหน้าและน้ำเสียงของปริญเริ่มตึงๆเมื่อรู้ว่าคนที่ตนจะต้องแต่งงานด้วยนั้นไม่ได้มีความคิดว่าจะต่อต้านการแต่งงานในครั้งนี้เลย
"ที่พี่ปริ้นพูดแบบนี้ งั้นก็หมายความว่าพี่ปริ้นไม่ได้อยากที่จะแต่งงานกับพายสินะคะ"
"ใช่ พี่ไม่ได้อยากแต่งงาน" พนิดาหน้าเจื่อนลงเมื่อเห็นว่าปริญมีสีหน้าท่าทางที่จริงจังว่าเขาไม่ได้เห็นด้วยกับการแต่งงานในครั้งนี้
"มันไม่ใช่ว่าพายไม่ดีหรือว่าอะไรหรอกนะ แต่พี่มีคนที่พี่ชอบอยู่แล้ว พี่แค่อยากจะได้ที่ดินของคุณย่ามาทำโฮมสเตย์ แต่คุณย่ากลับมาบังคับให้พี่แต่งงานกับพาย แบบนี้มันเรียกว่าคลุมถุงชนชัดๆ"
"ก็ถ้าพี่ปริ้นไม่อยากแต่งงาน ทำไมไม่บอกกับย่าบัวไปตรงๆล่ะคะ จะมัวมาพูดกับพายแบบนี้ทำไม"พนิดาเริ่มตึงขึ้นมาบ้าง
"นี่เราคิดจริงๆหรอว่าพี่ยังไม่ได้ลอง หรือถ้าลองแล้วพายคิดว่าคุณย่าจะยอมจริงๆหรือเปล่า ถ้าทุกอย่างมันง่ายขนาดนั้นพี่คงไม่ต้องมายืนคุยกับเราเพื่อหาทางแก้แบบนี้หรอก" ปริญยืนเท้าสะเอวมองดวงหน้าหวานอย่างพินิจพิเคราะห์และแอบประเมินท่าทีเธอดูว่าเธอจะยอมตกลงที่จะช่วยเขาได้หรือเปล่า
"ในเมื่อตอนนี้พายก็รู้แล้วว่าพี่คิดยังไง พี่อยากจะขอร้องให้พายช่วยไปกล่อมคุณย่าให้หน่อยว่าพายก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับพี่เหมือนกัน"
"ขอโทษนะคะพี่ปริ้น แต่พายคงทำแบบนั้นให้พี่ไม่ได้หรอกค่ะ" พนิดาพูดเสียงอ่อน
"งั้นก็หมายความว่าพายยังคงยืนยันที่จะอยากแต่งงานกับพี่สินะ" ปริญเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีกระดับเมื่อได้ยินคำตอบที่ดูท่าแล้วเขาคงจะไม่สามารถเกลี้ยกล่อมคนตรงหน้าให้ยอมช่วยได้
"ทั้งๆที่รู้ว่าพี่มีคนที่ชอบอยู่แล้ว ทั้งๆที่รู้ว่าพี่ไม่ได้อยากแต่งงานด้วย แต่เธอก็ยังยืนยันจะแต่งงานกับผู้ชายคนที่เขาไม่ได้ต้องการเธอเนี่ยนะ บ้าไปแล้วหรือเปล่า" ยิ่งพูดปริญก็ยิ่งหัวเสียจนสรรพนามในการเรียกฝ่ายตรงข้ามนั้นเริ่มจะเปลี่ยนไป
"โอเคค่ะ ตอนนี้พายทราบแล้วค่ะว่าพี่ปริ้นไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับพาย และการที่เราจะต้องแต่งงานกับใครสักคนมันก็เป็นเรื่องใหญ่ แต่พายต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะที่ไม่สามารถทำตามความต้องการของพี่ได้ ย่าบัวอยากให้พายแต่งงานกับพี่ พายก็ต้องแต่งค่ะ พายไม่อยากทำให้ย่าบัวผิดหวังหรือว่าเสียใจ" พนิดาเองก็เริ่มซีเรียส หน้าหวานๆที่มักจะมีรอยยิ้มประดับอยู่เสมอเวลานี้บึ้งตึงขึ้นมาทันที
"ฮึ นี่เธอกำลังจะบอกว่าเธอเป็นเด็กดียอมเชื่อฟังตามที่คุณย่าบอกทุกอย่างอย่างงั้นหรอ"ปริญแค่นยิ้ม
"ย่าบัวเป็นผู้มีพระคุณสำหรับพายค่ะ ถ้าไม่มีย่าบัวพายก็คงจะไม่มีวันนี้ ยังไงพายก็ต้องตอบแทนพระคุณย่าบัว"
"ฮึ ตอบแทนหรอ แต่ฉันว่าจริงๆแล้วเธออาจจะคิดการไกลหวังที่จะฮุบสมบัติของคุณย่ามากกว่าล่ะมั้งถึงได้ยอมที่จะแต่งงาน ใครจะไปรู้ "
"ไม่จริง พายไม่เคยคิดแบบนั้น"
"หรือไม่ เธอก็เห็นว่าฉันหล่อ เลยอยากที่จะจับฉัน"ท่าทางยียวนกวนประสาทบวกกับรอยยิ้มเยาะของเขาทำเอาพนิดาต้องกัดฟัน
"ใช่ค่ะพี่ปริ้นหล่อ แต่เรื่องที่พี่บอกว่าพายอยากจะจับพี่อันนั้นพายว่าพี่หลงตัวเองเสียมากกว่านะคะ พายไม่เคยมีความคิดแบบนั้น หน้าพี่พายก็ไม่เคยเห็น แล้วถ้าการแต่งงานครั้งนี้มันทำให้พี่จะเป็นจะตาย พี่ก็ไปพูดกับย่าบัวเองเถอะค่ะ อย่ามาพูดกับพายให้เสียเวลาเลย เพราะว่าพายคงช่วยอะไรพี่ไม่ได้ขอโทษอีกครั้งนะคะ"
พูดจบพนิดาก็เดินสะบัดตูดหายเข้าไปในสวน ปล่อยทิ้งให้ปริญยืนเตะลมเตะหญ้าอย่างหงุดหงิดเพราะว่าไม่สามารถทำอะไรได้
"ปัดโธ่โว้ย เด็กบ้า"
สามเดือนผ่านไป จากหญิงสาวที่รูปร่างงดงามสมส่วน เวลานี้พนิดาเริ่มมีหน้าท้องนูนๆน้อยๆยื่นออกมาให้เห็นบ้างแล้ว หลังจากที่พนิดาบอกว่าตนเองประจำเดือนขาดไปอาทิตย์กว่าๆ ปริญก็ไม่รอช้าที่จะขอร้องกึ่งบังคับพนิดาให้ไปตรวจวัดการตั้งครรภ์ทันที และผลที่ออกมาก็เป็นไปตามคาด พนิดาตั้งครรภ์จริงๆ ปริญดีใจกระโดดโลดเต้นเป็นการใหญ่ ทั้งโทรบอกบิดามารดา ผู้เป็นย่าและพี่ชาย ทุกคนต่างก็แสดงความยินดีกับเขาและพนิดาด้วยมีเพียงก็แต่พนิดาที่ทำหน้าจ๋อย ไม่ใช่ว่าเธอไม่ดีใจที่ได้มีปริญน้อยมาอยู่ในพุง หากแต่เธอเสียดายโอกาสที่จะได้เอาคืนสามีตัวแสบด้วยเสียมากกว่า แผนการทั้งหมดที่เธอวางเอาไว้เป็นอันต้องจบลงรวมถึงเรื่องการหย่าขาดจากปริญด้วยจะไม่มีการหย่าใดๆอีก นี่คือคำพูดประกาศิตจากคุณย่าบัวหลัน จากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันบอกว่าจะตามใจเธอในการแก้เผ็ดเอาคืนปริญเรื่องหย่า แต่พอได้รู้ว่าเธอกำลังท้อง แผนการทุกอย่างก็เป็นอันว่าต้องยกเลิกหมด จะไม่มีการหย่าและการแก้เผ็ดใครใดๆทั้งสิ้น เพราะคุณย่าบัวหลันกลัวว่ามันจะมีผลกระทบกับความรู้สึกของเหลนตัวน้อยๆในพุงของเธอ และจากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันยังอยู่ข้างเธอ เวลานี้กลับย้ายข้างไปอยู่
หลังจากที่พนิดายังคงยืนยันคำเดิมว่ายังไงก็จะขอหย่าอย่างไม่มีข้อแม้ ตั้งแต่เมื่อวานปริญก็หายออกไปจากบ้านเต็มๆหนึ่งวันโดยที่เขาไม่ได้โทรบอกและพนิดาเองก็ไม่ได้โทรตาม เขาน้อยใจเธอรู้ แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่วิธีเดียวที่จะทำให้ปริญได้รู้เสียบ้างว่าอะไรบางอย่างบางครั้งก็ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ และถึงแม้ว่าลึกๆในใจจะเป็นห่วงเขาแค่ไหน แต่เธอก็ยังคงพยายามข่มใจเอาไว้ มีเพียงแค่ก่อนนอนที่เธอเลือกที่จะส่งข้อความไปย้ำกับเขาอีกรอบว่าพรุ่งนี้เวลาสิบโมงเช้าเธอและเขามีนัดกันที่ที่ว่าการอำเภอ แม้ว่าข้อความที่พนิดาส่งไปนั้นปริญจะไม่ได้เปิดอ่านแต่อย่างไรเสียเธอก็คิดว่าเขาคงจะต้องเห็นมันอย่างแน่นอน"นี่ตกลงเจ้าปริ้นมันจะมาถึงกี่โมงกี่ยามกัน" คุณย่าบัวหลันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูในขณะที่นั่งรออยู่ในรถเมื่อพาพนิดามาถึงและยังไม่มีวี่แววว่าพ่อหลานชายตัวดีจะยอมโผล่หัวมาสักที"คิดว่าน่าจะกำลังมาหรือเปล่าครับคุณย่า ปกติเจ้าปริ้นมันก็เป็นคนตรงต่อเวลาอยู่นะครับ" "ไอ้มาตรงเวลาน่ะย่าไม่ค่อยจะห่วงหรอก ห่วงก็แต่ว่ามันจะไม่มามากกว่า คนอย่างเจ้าปริ้นน่ะถ้าอยากได้อะไรมันก็จะเอาให้ได้ แล้วถ้าไม่อยากจะเสียอะไรมันก็จะดื้อรั้นดันทุ
"อีกสองวันเราไปเจอกันที่อำเภอนะคะ พี่ปริ้นไม่ติดอะไรใช่มั้ย" พนิดาเอ่ยปากถามขึ้นทันทีที่ปริญเดินกลับเข้าบ้านมา ช่วงนี้ปริญมักจะทำตัวให้ยุ่งเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าแทบจะไม่ค่อยอยู่บ้านเลยก็ว่าได้ โดยให้เหตุผลว่าเขาต้องไปคอยคุมงานตรวจงาน ไหนจะเรื่องรายละเอียดต่างๆของโฮมสเตย์ที่ตอนนี้ได้เริ่มต้นลงมือแล้วเนื่องจากว่าผู้เป็นย่ายอมยกที่ดินผืนนั้นให้ก่อนเวลาตามกำหนดวันนี้ก็เช่นกันปริญออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าโดยเขียนเพียงโน๊ตข้อความสั้นๆบอกพนิดาไว้ว่าต้องไปคุยรายละเอียดิพิ่มเติมกับอิทธิพล แต่พอเขากลับเข้าบ้านมาเท่านั้นเธอก็พูดถึงมันขึ้นมาอีกจนได้ และเขาก็จะยืนยันคำตอบเดิมเช่นกันว่าเขาจะไม่มีทางหย่ากับเธอเด็ดขาด"ติด""คะ?""พี่ไม่หย่า""ทำไมคะ ในเมื่อตอนแรกพี่เองเป็นคนต้องการแบบนั้น""พายอยากรู้จริงๆใช่มั้ย ก็ได้พี่จะบอก ที่ตอนนั้นพี่อยากจะหย่าก็เพราะว่าพี่ยังไม่ได้รักพายไง แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว พี่รักพายและพี่ก็จะไม่ยอมหย่าเด็ดขาดพายรู้เอาไว้ได้เลย" ปริญพูดคำว่ารักออกมาตรงๆ เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าพอเขาบอกความรู้สึกของเขาออกไปแล้วพนิดายังคงจะอยากหย่ากับเขาอีกมั้ย"มะ..หมายค
ช่วงนี้สติสตังของปริญมักจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเสียเท่าไหร่ ยิ่งวันเวลาใกล้เข้ามาทุกทีอาการร้อนรนเป็นหนูติดจั่นของเขาก็ยิ่งแสดงออกมาให้ทุกคนเห็นมากขึ้น"อาทิตย์หน้านี้แกก็จะได้กลับไปเป็นโสดอีกครั้งหนึ่งแล้ว คงดีใจมากเลยสินะถึงได้วิ่งพล่านแบบนี้""คุณย่าครับ คือว่าผม..""ย่านัดคุณกรให้เรียบร้อยแล้ว เข้าไปถึงก็เซ็นหย่าได้เลยจะได้จบๆ"คุณย่าบัวหลันพูดไปพร้อมกับช่อดอกไม้ที่ค่อยๆถูกเรียงปักลงในแจกันอย่างสวยงาม"ผมไม่หย่าครับ""อะไรนะ นี่ย่าฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า""ผมไม่อยากหย่าแล้วครับคุณย่า คุณย่าช่วยพูดกับพายให้หน่อย อย่ายอมให้พายหย่ากับผมนะครับ" ปริญตัดสินใจมาหาผู้เป็นย่าวันนี้ก็เพราะหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือเรื่องที่ยังคงเป็นปัญหาคาใจเขาอยู่ แม้ว่าคืนนั้นทั้งเขาและเธอต่างมอบทั้งความสุขกายสุขใจให้กันไปมากเพียงใด หากแต่พอเช้ามาพนิดาก็ยังคงที่จะยืนยันคำเดิมว่าต้องการหย่า"อะไรของแกกันแน่เจ้าปริ้น ทีตอนแต่งก็โวยวายไม่อยากแต่ง ทีตอนนี้ถึงเวลาจะได้กลับไปเป็นอิสระอีกครั้งตามที่แกอยาก กลับจะมาไม่ยอมหย่าเสียอย่างงั้น" จากใบหน้าของผู้เป็นย่าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามธรรมชาติอยู่แล้วเวลานี้ยิ่
หลังจากตั้งแต่กลับมาจากไปปฏิบัติธรรมมาครั้งนั้นพนิดาก็ขอแยกห้องนอนกับเขาอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าเขาจะขอเคลียร์ขออธิบายยังไงเธอก็ไม่ต้องการที่จะรับฟังอะไรใดๆจากเขาอีกและขอร้องว่าให้เขาและเธอนั้นต่างคนต่างอยู่นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ปริญไม่เข้าใจ จนกระทั่งผ่านมาจนถึงวันนี้เขาเองยังยิ่งไม่เข้าใจไปอีกว่าการที่เพียงแค่เขาไม่ตอบข้อความเธอแค่เพียงครั้งเดียวนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดที่ว่าทำให้เธอเลิกชอบเขาและเลือกที่จะยุติความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอเอาไว้เพียงเท่านี้เลยหรือ มิหนำซ้ำผู้เป็นย่าของเขาเองก็ยังเห็นดีเห็นงามกับการที่พนิดาและเขาจะต้องหย่าขาดกันในครั้งนี้ด้วยทั้งๆที่ท่านเองเป็นคนบังคับให้เขาและพนิดาต้องมาแต่งงานกัน คุณย่าบัวหลัน : ดีแล้วพายลูก เดี๋ยวพอพายหย่าขาดจากเจ้าปริ้นแล้ว ย่าก็จะได้เชียร์พายกับท่านนายอำเภอต่อเลยพนิดา : พายว่าอย่าเลยดีกว่าค่ะย่าบัว พายสงสารคุณกรน่ะค่ะถ้าต้องมีแฟนที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วแบบพาย ขอแค่ให้พายยังได้เป็นลูกหลานย่าบัวเหมือนเดิมแบบนี้ดีกว่าค่ะคุณย่าบัวหลัน :โถๆ สมัยนี้ไม่มีใครเขาถือกันแล้วลูก ไม่ต้องไปคิดมาก หรือไม่ก็ถ้าพายยังอยากจะเป็นหลานสะใภ้ย่าอ
"เพราะแบบนี้ใช่มั้ยพายถึงได้อยากหย่ากับพี่นัก" ภาพบรรยากาศภายในร้านอาหารที่เธอกำลังนั่งอยู่กับอิทธิพลถูกถ่ายเอาไว้และตอนนี้มันได้ปรากฎอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของปริญเรียบร้อย"พี่ปริ้นหมายความว่ายังไงคะ แล้วนี่พี่ไปเอารูปพวกนี้มาจากไหน""พี่จะได้รูปมาจากไหนมันไม่สำคัญหรอก แต่ความจริงก็คือที่พายอยากหย่ากับพี่ก็เพราะว่าจะได้ไปคบกับไอ้อิทใช่หรือเปล่า""พายว่าพี่อย่าดึงคนอื่นมาเกี่ยวข้องดีกว่านะคะ พายไม่เข้าใจว่าพี่จะหาเหตุผลล้านแปดมาต่อว่าพายทำไม ในเมื่อมันก็เป็นความต้องการของพี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าต้องการหย่า และนี่ไงคะ มันใกล้ถึงเวลานั้นแล้ว เวลาที่พี่รอคอยมาตลอด"ปริญได้แต่ยืนนิ่งเงียบเพราะว่าพูดไม่ออก เวลานี้เขาจะบอกเธออย่างไรดีว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอมันเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ได้ต้องการหย่า แต่สำหรับพนิดาคงจะไม่ใช่ เธอคงต้องการที่จะหย่ากับเขาแล้วกลับไปหาใครสักคนที่เธอชอบอย่างเช่น ปุณภพ หรือไม่ก็ใครสักคนที่ชอบเธออย่าง อิทธิพล ใช่สิ เธอมีตัวเลือก และตัวเขาเองก็ประกาศเอาไว้ปาวๆว่าไม่เลือกเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คิดแล้วก็ได้แต่สมน้ำหน้าตัวเอง"ถึงกับต้องมาหากูนี่มีเรื่องอะไรวะ" อิทธ