อุปนิสัยเช่นนี้หรือองค์ชายองค์อื่นจะเทียบติด?“คิดไม่ถึงจริง ๆ รัชทายาทจะมีความสามารถสูงเช่นนี้? เก็บงำสิบกว่าปี ช่างทำให้พวกเราประหลาดใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแท้ ๆ”“มิน่ารัชทายาทถึงกล้าใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน มีระดับวรรณกรรมเช่นนี้นี่เอง ทำให้พวกเราเลื่อมใสยิ่งแล้ว!”“กลอนคู่ที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ เกรงว่าจะเป็นแบบอย่างการเรียนรู้ที่บรรดาเก้าแคว้นใหญ่แย่งชิงศึกษา คิดไม่ถึงต้าเฉียนเราจะมีสองอัจฉริยะมังกรหลบหงส์อรุณด้านวรรณกรรม ช่างเป็นบุญของต้าเฉียนเราโดยแท้”......ถ้าบอกว่ากลอนหนึ่งวรรคมิอาจสยบใจมวลชนได้ เช่นนั้นวรรคสองนี้ทำให้คนกราบกรานโดยสิ้นเชิง สายตาที่บรรดาขุนนางใหญ่มองฉินอวิ๋นฟานเกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดฟ้ากับดินปัญญาอ่อนที่ชวนให้คนรังเกียจเดียดฉันท์ในสมัยก่อน ตอนนี้กลับกลายเป็นคนที่มีความสามารถและพรสวรรค์ทางวรรณกรรมสูงสุดในใจของพวกเขา “คิดไม่ถึง ระดับวรรณกรรมของน้องเจ็ดจะถึงขั้นที่ไม่เคยมีมาก่อนและจะไม่มีอีก กลอนคู่เช่นนี้ยังต่อได้อย่างคล่องแคล่ว เช่นนั้นชัยชนะรอบนี้ก็ตกเป็นของผู้มีความสามารถแท้จริงแล้ว”องค์ชายรองมองฉินอวิ๋นฟานลึกซึ้งทีหนึ่ง เกิดความรู้สึกที่พูดไม่ออกทันใด
“รัชทายาทมากสามารถด้านวรรณกรรมดังคาด!”เหมียวชิงอีก็เป็นผู้รักกลอนเพลงเป็นชีวิตจิตใจเหมือนกัน ระดับวรรณกรรมที่ฉินอวิ๋นฟานแสดงออกมาทำให้นางชื่นชมนัก แต่ก็ยังติดใจกับการที่เขาใช้พระชายาเป็นสิ่งเดิมพันอยู่ดี“ฮ่องเต้หญิงชมเชยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินอวิ๋นฟานค้อมตัวตอบเล็กน้อยพริบตาเดียวอ่านไปครึ่งก้านธูปแล้ว เหลียงคังจวิ้นยังแต่งวรรคต่อไม่ได้เหมือนเดิม ความหยิ่งผยองในดวงตาเขาสลายไปนานแล้ว แทนที่ด้วยความเศร้าสลดเต็มประดา“หมดเวลาแล้ว การประลองด้านบุ๋นรอบแรกองค์ชายใหญ่แพ้ รัชทายาทชนะ!”องครักษ์หญิงข้างกายเหมียวชิงอีประกาศผลเสียงดัง“องค์ชายใหญ่ ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย ข้ายังไม่อยากตายนะ!”เหลียงคังจวิ้นคุกเข่าลงตุบกับพื้นตรงหน้าองค์ชายใหญ่ กอดต้นขาของเขาแน่น พูดพลางร้องห่มร้องไห้ ขอร้องสุดชีวิต ตื่นกลัวสุดขีด“ช้าก่อน!”ขณะกำลังจะได้บทสรุป องค์ชายใหญ่หรี่ดวงตาทั้งสองพร้อมเอ่ย “หึ น้องเจ็ด เจ้าหลอกใครกัน? กลอนตายก็เอามาหลอกฮ่องเต้หญิงได้? ปั่นหัวเหล่าขุนนางหรือ? เจ้าคิดจะชนะด้วยวิธีการนี้หรือ? ไม่มีทางเสียหรอก”คำพูดเดียวทำให้เหลียงคังจวิ้นได้สติฉับพลัน ตะเกียกตะกายขึ้นมาเอะอะว่า “องค์ชายใ
ไท่ซั่งหวงพอใจกับการแสดงออกของฉินอวิ๋นฟานมาก ระดับวรรณกรรมเช่นนี้ เพียงพอแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและท่วงทำนองแคว้นใหญ่ได้จางเต้าหลินที่เงียบมาตั้งแต่ต้นจนจบ ยามนี้เขากำลังจ้องฉินอวิ๋นฟานด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง เผยอารมณ์เหนือคาดออกมา“บ้าเอ๊ย!”ตอนนี้องค์ชายใหญ่กำลังเดือดดาลสุดขีด สีหน้าเขียวปัด เพื่อชัยชนะรอบนี้ แม้แต่หน้าตาเขายังละทิ้ง พยายามอยู่นานสองนาน ไม่นึกว่าตัวเองนั่นแหละที่เป็นตัวตลกคนนั้นสิ่งที่ทำให้เขาไม่ไม่ถึงยิ่งกว่าคือ ฉินอวิ๋นฟานกลับมีระดับวรรณกรรมน่ากลัวอย่างนี้ บุกจนเขารับมือไม่ทันเลย“องค์ชายใหญ่...”เหลียงคังจวิ้นขาอ่อนล้มพับกับพื้นตรง ๆ ใบหน้าปราศจากสีเลือด ตื่นตระหนกหวาดกลัวที่สุด เช่นคำพูดนั้น แรกเริ่มยโสเพียงใด ตอนนี้อนาถเพียงนั้น “ไสหัวไปซะ!”องค์ชายใหญ่ถีบเหลียงคังจวิ้นออกไป ในดวงตาคือความรังเกียจทั้งหมด มาถึงขั้นนี้แล้ว มากสามารถยังจะมีประโยชน์อันใดอีก? การประลองทุกรอบเกี่ยวพันถึงชะตาในอนาคต หากนั่งบัลลังก์ไม่ได้ทุกอย่างก็คือเพ้อเจ้อแพ้เท่ากับหมดสิ้นคุณค่าใช้สอย เขาไม่อยากเสียงอ่อนขอร้องรักษาชีวิตบัณฑิตอ่อนแอคนหนึ่งในตอนที่กำลังแข่งขันดุเดือดอย่าง
ฉินอวิ๋นฟานสีหน้าสงบ ไม่ลังเลใด ๆ ย่างเท้ามาถึงตรงหน้ามู่หรงจิ่นก่อนจะยิ้มบางเอ่ย “ได้ แต่โทษตายละเว้นได้ โทษเป็นยากจะหลีกหนี”“อะไรนะ? ท่าน ท่านไม่ตรองสักหน่อยก็ตอบตกลงแล้วหรือ”“รัชทายาท ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือไม่? เหลียงคังจวิ้นคือศัตรูของท่านนะ เป็นคนที่ลบหลู่ท่านกับพระชายารัชทายาทต่อหน้าผู้คน ท่านจะละเว้นชีวิตเขาหรือ?”“นี่พระชายารัชทายาทกำลังขอร้องแทนศัตรูของท่านอยู่นะ จะรับปากได้ยังไง?”......ทุกคนต่างประหลาดใจ เมื่อครู่ฉินอวิ๋นฟานยังมีท่าทีต้องเอาชีวิตเหลียงคังจวิ้นให้ได้ ทำไมแค่พระชายารัชทายาทเอ่ยขอคำเดียวก็ตอบตกลงแบบไม่คิดสักนิดแล้วเล่า?“น้องเจ็ด เจ้าบ้าไปแล้วกระมัง? เหลียงคังจวิ้นคือคนที่อยากจะเอาชีวิตเจ้านะ แล้วยังอยากได้ชายาของเจ้าด้วย เจ้าจะปล่อยคนประเภทนี้ไปอย่างนั้นหรือ? เจ้าไม่ควรสั่งสอนชายาของเจ้าต่อหน้าทุกคนหรือ? ทำไมยังรับปากคำขอของนางอีก?”องค์ชายรองดวงหน้าฉงนสนเท่ห์ แล้วยังสงสัยด้วยว่าตัวเองหูฝาก อิสตรีออกสิทธิ์ออกเสียงในราชสำนักได้ที่ไหน? แล้วยังเป็นปรปักษ์กับสามีตัวเองอีก ผู้หญิงประเภทนี้เรียกได้ว่าขาดการอบรมฉินอวิ๋นฟานไม่สนใจการถามอย่างสงสัยของทุกคน ทั
นางจะคิดได้ยังไงว่าฉินอวิ๋นฟานให้ความสำคัญกับนางขนาดนี้ กระทั่งไม่สนใจศักดิ์ศรี การที่รัชทายาททำเช่นนั้น มันทำให้หัวใจนางหวั่นไหวเล็กน้อยทันที“ขอบคุณรัชทายาทที่ละเว้นชีวิต ขอบคุณพระชายารัชทายาทที่ขอร้องให้ ขอบคุณขอรับ!”เหลียงคังจวิ้นตื้นตันใจคุกเข่าโขกศีรษะกับพื้นอย่างบ้าคลั่ง พ้นเคราะห์มาได้ อย่าพูดเลยว่าดีใจแค่ไหน ทว่าคำพูดต่อมาของฉินอวิ๋นฟานกลับทำลายความหวังของเขาอีกครั้ง“ข้าแค่บอกว่าไม่ฆ่าเจ้า ไม่ได้บอกว่าจะปล่อยเจ้าไป เจ้าตื้นตันอะไร...”เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานยิ้มร้าย “ทหาร เอาตัวเหลียงคังจวิ้นไปตอนซะ”“อะไรนะ...”ครั้นได้ยินว่าจะถูกตอน เป้ากางเกงของเหลียงคังจวิ้นเย็นเฉียบทันที ไอเย็นยะเยือกแทรกเข้ากระดูกพุ่งขึ้นสมอง ล้มกองกับพื้นสีหน้าสิ้นหวังอีกหนท่ามกลางสายตาของทุกคน เหลียงคังจวิ้นเฉกเช่นสุนัขตัวหนึ่ง ถูกลากออกไปอย่างไร้อารมณ์ แม้จะเป็นองค์ชายใหญ่ก็ยังทำหน้าเย็นชาสามารถรักษาชีวิตของเหลียงคังจวิ้นได้ มู่หรงจิ่นใช้ความกรุณาและคุณธรรมที่สุดแล้ว ถ้านางยังขอร้องให้เหลียงคังจวิ้นอีก จะไร้มารยาทแล้วจริง ๆ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าฉินอวิ๋นฟานจะรับปากหรือไม่ แต่ไท่ซั่งหวงผู้อยู่สูง
การแข่งขันอยู่ตรงหน้า องค์ชายรองไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย ต่อหน้าพวกเขากำลังชิงสิทธิ์ในการตอบคำถามก่อน แต่ความจริงคือการชิงตำแหน่งในราชสำนักระหว่างพวกเขาสองคน ตอนนี้เขากับองค์ชายใหญ่ยังคงอยู่ในลู่วิ่งเดียวกัน ย่อมไม่ยอมให้องค์ชายใหญ่ข่มได้“ความสามารถหรือ? เจ้าก็เป็นแค่คนที่เคยแพ้ข้า มีสิทธิ์อะไรมาช่วงชิงกับข้า? หลีกไป!”องค์ชายใหญ่พูดเสียดสี“ท่าน... ท่านเองก็เคยแพ้น้องเจ็ดมิใช่หรือ มีสิทธิ์อะไรมาวางมาดต่อหน้าพวกเรา!”ถูกองค์ชายใหญ่ถากถางต่อหน้าสาธารณชน องค์ชายรองบันดาลโทสะ แม้รอบก่อนหน้านี้เขาจะแพ้องค์ชายใหญ่ก็จริง แต่ต่างก็เป็นผู้แพ้เหมือนกัน ยังจะทำตัวเด่นดังอะไร“พอที!”“ที่นี่คือราชสำนัก มิใช่สถานที่ที่ให้พวกเจ้าด่าสาดกัน!”ทั้งสองต่างไม่ลดราวาศอก ถกเถียงไม่จบไม่สิ้น ไท่ซั่งหวงสีหน้าอึมครึม ที่นี่คือราชสำนัก ขุนนางบุ๋นบู๊กำลังดูอยู่ อีกอย่างฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวทางชายแดนตะวันตกก็อยู่ด้วย มีอย่างที่ไหน?“เสด็จปู่!”ครั้นถูกเสด็จปู่ตำหนิ ทั้งสองใบหน้าเปลี่ยนสี รีบค้อมตัวปิดปาก ไม่ต่อล้อต่อเถียงต่อทันทีเหมียวชิงอีมิได้ใส่ใจกับสถานการณ์เช่นนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบ แววตานางอยู่ที่ตัวฉ
“หมื่นลี้เพื่อสิ่งใด ตรวจตรากำแพงเมืองยาว”“ข้าใช่เปี่ยมด้วยสามารถ ล้วนด้วยบรรพบุรุษสร้างสม”“กลศึกรัดกุมแสนหมื่น ล้วนเพื่อปวงประชา”เสียงซึ่งมีน้ำหนักของฉินอวิ๋นฟานเต็มไปด้วยพลัง ครั้นเอ่ยปากก็พาทุกคนเข้าสู่สมรภูมิหมื่นขุนศึกอันยิ่งใหญ่ พาลให้ทุกคนเกิดอารมณ์ตื่นเต้นทั่วตัวครั้นสะบัดพู่กันก็คือลายเส้นอันชดช้อย การจรดพู่กันที่ราวกับเมฆาคล้อยสายน้ำไหลมีพลัง ร่ายรำอยู่บนกระดาษเซวียนจื่ออย่างต่อเนื่อง ประดุจม้วนภาพงามวิจิตร ฝากเลือดร้อนของกษัตริย์และแม่ทัพที่ปกป้องบ้านเมืองแคว้นเว่ยเมื่อกลอนแต่ละวรรคออกมาจากปากของฉินอวิ๋นฟาน ทุกคนเคร่งขรึมให้ความเคารพ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง แต่ฉินอวิ๋นฟานมิได้จบเพียงเท่านี้!“มิกล้าไม่คิดไม่กังวล นอนสุขสมอยู่ในวัง”“พบขุนศึกที่น้ำเหนือ ธงรบหมื่นคัน”“ขุนเขานทีราง ๆ ทอดตามองหญ้าไกล ๆ”“ตีฆ้องหยุดทัพ ลั่นกลองเคลื่อนพล”“พันทหารหมื่นขุนพล ม้าดื่มชลข้างกำแพงยาว”“สารทอัสดงเมฆครึ้ม จันทร์กระจ่างเหนือหอเมือง”“ม้าเร็วห้อตะบึง สงครามปะทุแจ้งเกิด”“ขุนนางพิทักษ์เมืองรายงาน พบข่านลำพัง”“ภูผาฟ้าครามควันสลาย แสงสาดตะวันฉายเหนือนภา”“สันติสุขได้
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”ในแววตาขององค์ชายใหญ่เต็มไปด้วยความทึ่ง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผลงานล้ำเลิศเช่นนี้จะออกมาจากมือของฉินอวิ๋นฟาน? เขาร่ำเรียนวรยุทธ์แต่เล็ก มีฝึกประสบการณ์ในค่ายทหารสามสิบกว่าปี มีกลอนชายแดนอะไรบ้างที่ไม่เคยเห็น?อีกทั้งเขาเป็นคนที่เข้าใจเรื่องสงครามชายแดนมากที่สุดในบรรดาองค์ชาย ภาพห้ำหั่นเช่นนั้นเขารู้ซึ้งดี แต่อย่างไรเขาก็คิดไม่ถึง เขาเตรียมตัวดีอย่างนั้นแล้ว เมื่อต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน กลับสู้ลมผายสุนัขไม่ได้สีหน้าองค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยแย่มากกว่า เดิมการประลองด้านบุ๋นเป็นขอบข่ายที่เขาชำนาญมากที่สุด นึกว่าจะสะกดข่มทุกคนในด้านนี้ได้ เอาชนะแบบสบาย ๆ ไม่คิดว่ามาถึงก็ถูกเหลียงคังจวิ้นฉีกหน้าและคิดไม่ถึงว่านี่ยังไม่ใช่เรื่องที่อนาถที่สุด ฉินอวิ๋นฟานแซงหน้ากะทันหัน กลับเอาชนะเหลียงคังจวิ้นอัจฉริยะอันดับหนึ่งได้ในเสี้ยววินาที ทั้งยังมีระดับพรสวรรค์พู่กันสูงยิ่งนิราศม้าดื่มน้ำข้างกำแพงยาวหนึ่งบท! ทำให้ทุกคนหุบปากสนิทใครจะกล้าสงสัยทักษะด้านวรรณกรรมของฉินอวิ๋นฟาน? ถ้าเขาสร้างผลงานสุดยอดแห่งยุคขึ้นมาอีกบทจะทำอย่างไร? นั่นมิใช่ฉีกหน้าหรือ? ดูท่าคนที่สามารถเอาชน