เช้าวันต่อมา
"กริ๊ง กริ๊ง~" เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือที่ตั้งอัตโนมัติดังขึ้น ร่างบางสะลึมสะลือ ใช้มือควานหาตามเสียงนั้น เมื่อหยิบได้ก็เลื่อนปิดและหลับต่อ "เฮือก" ร่างบางสะดุ้งตื่นและรีบหยิบมือถือมาเปิดดูเวลาก็พบว่า ตอนนี้8โมงนิดๆแล้ว เวลาเข้างานของเธอคือ9โมงเช้า "ว้าย! สายแน่ๆ ...ไม่น่าหลับต่อเลยเรา" ร่างบางรีบลุกออกจากเตียงแล้วทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ เธอรีบทำเวลามาก ยิ่งรีบก็เหมือนยิ่งช้า ก่อนจะออกจากห้องเธอหยิบขวดน้ำหอมมาเพื่อที่จะฉีด แต่ดันทำหลุดมือเสียได้ "เพล้ง" เสียงน้ำหอมตกแตก "แง~ ไอ้มือบ้า" ร่างบางตีมือตัวเอง ก่อนจะรีบทำความสะอาด เธอกลัวว่าถ้าทิ้งไว้แล้วเลิกงานค่อยกลับมาทำ เธอจะลืม ตอนนั้นเธอคงจะเผลอเหยียบมันแน่ๆ "อ๊ะ!" ร่างบางสะดุ้ง เมื่อหยิบโดนเศษแก้ว เลือดตรงนิ้วชี้ไหลยาวเป็นทาง "รู้งี้เก็บตอนเย็นดีกว่า" ร่างบางส่ายหัวเบาๆ จากนั้นจึงรีบล้างมือแล้วเอาพลาสเตอร์มาพันแผล แล้วรีบวิ่งออกจากห้อง โชคดีที่หอพักที่เธอเช่าอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าประมาณ5นาทีเท่านั้น เธอสามารถนั่งรถไฟฟ้าไปยังที่ทำงานของเธอได้เลยโดยเดินต่ออีกนิดหน่อย "แฮ่กๆ" ร่างบางพาตัวเองมายืนหอบหายใจอยู่หน้าลิฟต์ หลังจากที่ไปแสกนใบหน้าเข้างานแล้ว โชคดีที่เธอมาทันเวลาเข้างานพอดี 9โมงตรงเป๊ะ "มาสายอีกแล้วเหรอ...กล้วยหอม" เสียงเข้มงวดของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น ร่างบางสะดุ้งก่อนจะหันไปยิ้มแหยๆ "สวัสดีค่ะพี่พร" เธอหันไปไหว้หญิงสาวผู้นั้น เขาเป็นหัวหน้างานของเธอ พี่พรเป็นผู้หญิงอายุประมาณ50ปี เป็นคนผิวคล้ำนิดๆ ผมหยักศก ใบหน้าดุ สูงใกล้เคียงกับเธอ "อย่ามัวยืนอยู่ รีบไปทำงานได้แล้ว" พี่พรพูดเสียงดุ "ค่ะ" ร่างบางตอบรับ พลางนึกในใจว่าปีนึงเธอมาสายแค่1-2ครั้งเอง เพราะเธอกลัวจะโดนหักเงินค่าสายนาทีละ100บาท สำหรับเธอแล้วโหดเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน 100บาทนี่กินได้2มื้อเลยนะ ดังนั้นถ้าไม่มาตรงเวลาเธอก็จะมาก่อนสัก5-10นาทีก่อนเข้างาน ร่างบางขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น7 ซึ่งเป็นแผนกของกฎหมาย เธอเดินไปยังที่นั่งของเธอแล้วเริ่มทำงานทันที เธอเรียนจบปริญญาตรีด้านนิติศาสตร์ ตอนจบใหม่ๆ เธอยังไม่มีประสบการณ์หางานก็ไม่ค่อยได้ พอดีกับที่ว่าคนรู้จักของเธอเคยทำงานอยู่ที่นี่ จึงรู้ว่าตำแหน่งธุรการของกฎหมายว่าง เธอจึงมาสมัครแล้วได้ที่นี่ เธอจึงทำมาตั้งแต่ตอนนั้น "กล้วยหอม!" เสียงของพี่พรเรียกเธออย่างเข้มงวด "คะ?" ร่างบางสะดุ้ง แล้วรีบเดินไปทางด้านหลัง ซึ่งเป็นที่นั่งของพี่พรหัวหน้าเธอ "พี่บอกให้เอาเรื่องนี้ไปส่ง ทำไมยังวางอยู่บนโต๊ะพี่!" พี่พรถลึงตาใส่และชี้เอกสารซองสีน้ำตาล "พี่บอกหนูตอนไหนคะ?" ร่างบางทำหน้างง "ยังจะมาย้อนถามอีก!" พี่พรพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ก่อนจะโยนซองเอกสารใส่ฉัน แล้วพูดต่อว่า "พี่บอกเมื่อวานตอนเย็นไง" ร่างบางก้มไปหยิบเอกสาร แล้วทำหน้าครุ่นคิด คิดแล้วคิดอีก คิดไปคิดมาก็ยังงง เมื่อวานพี่พรลาช่วงบ่าย เก็บของออกไปตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้วก็ไม่ได้กลับมาอีก แล้วจะบอกเธอได้ยังไงล่ะ "เมื่อวานพี่ลาบ่ายนะคะ" ฉันพูดออกไป เหมือนพี่พรจะนึกได้ เลยมองหน้าฉันพร้อมทำมือไล่แล้วพูดว่า "กลับไปทำงานได้แล้ว" ร่างบางมานั่งที่โต๊ะทำงานตัวเองพลางทำหน้าเซ็งๆ โดนด่าทั้งๆที่ไม่ผิดอีกแล้ว จากนั้นจึงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วทำงานต่อจนกระทั่งเลิกงาน ช่วงเย็น ร่างบางไปเดินเล่นที่ห้าง ซึ่งหากจากที่ทำงานประมาณ2-3สถานี ห้างขนาดใหญ่เป็นแหล่งของวัยรุ่นกับวัยทำงาน เธอเดินเล่นในห้างเสร็จก็เดินออกมาซื้อของกินหน้าห้าง ในขณะที่เดินๆอยู่ เธอก็เจอคนคุ้นเคย ไม่ใช่ใครที่ไหน แฟนหนุ่มของเธอนั่นเอง ในขณะที่กำลังเธอยิ้มกว้างและกำลังจะวิ่งไปหาเขาที่ยืนหันหลังซื้อของอยู่ เธอก็ต้องหยุดชะงักทันที เพราะมีผู้หญิงคนหนึ่งจูงมือเด็กผู้หญิงอายุราวๆ 5ขวบ เดินเข้ามาหาเขา ร่างบางที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล พอจะได้ยินบทสนทนา "คุณพ่อคะ หนูอยากได้ตุ๊กตา ซื้อให้หนูหน่อยสิคะ" เด็กหญิงจับมือเขาพร้อมกับทำเสียงออดอ้อน จากนั้นจึงชี้ไปยังร้านตุ๊กตา "ได้สิครับ เจ้าหญิงของพ่อ" เขาตอบพร้อมกับย่อตัวไปอุ้มเด็กผู้หญิงคนนั้น ส่วนมืออีกข้างก็จับมือผู้หญิงคนนั้นแล้วเดินจากไป "ฮึก..." เธอยืนหน้าชา ตัวชาอยู่ตรงนั้น ขาแข้งสั่นจนแทบจะทรุด มันจุกจนบอกไม่ถูก เธอค่อยๆ พาร่างที่แทบจะไร้สติของเธอไปนั่งพักตรงบริเวณม้านั่งหน้าห้องน้ำ เธอนั่งนิ่งๆ อยู่สักครู่ ก่อนน้ำตาจะไหลรินเป็นสาย "ฮึก..." เธอกลั้นสะอื้น แล้วเช็ดน้ำตา จากนั้นจึงเป่าลมออกจากปากแล้วตบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ ทำอยู่อย่างนั้นสักพักก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง เธอเดินออกจากบริเวณหน้าห้องน้ำ เพื่อที่จะกลับบ้าน "แม่คะ..." เสียงเด็กผู้หญิงพูดคุยเจื้อยแจ้ว ฉันมองภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ยิ้มอย่างขมขื่น พวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกครอบครัวสุขสันต์ พวกเราเดินสวนกันเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ชั่วขณะหนึ่งฉันสบตากับเขา เขาทำหน้าตื่นตกใจแต่ก็หายไปในพริบตา หนึ่งปีกว่าๆ สำหรับฉันและเขา'พี่ภูมิ' ผู้ชายที่อ่อนโยน ผู้ชายใจดี ผู้ชายอบอุ่น ผู้ชายคนที่เป็นรักแรกของฉัน ผู้ชายที่เคยบอกว่ารักฉัน ผู้ชายที่เคยบอกว่าเราจะใช้ชิวิตด้วยกัน สุดท้ายแล้วก็สลายไปราวกับสายลม ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันไม่เคยรู้เลยว่าเขามีเมียมีลูกแล้ว ไม่แม้แต่จะคิดเสียด้วยซ้ำ "ผู้ชายเฮงซวย" ร่างบางเอ่ยเบาๆ เธอก็รู้ว่าเขาได้ยินเพราะเขาชะงัก เธอเดินห่างจากเขาไปเรื่อยๆ และล้วงมือถือในกระเป๋ามาโทรหาใครบางคน เมื่อปลายสายรับ เธอก็กรอกเสียงทันที"เจ้คาริสา" "ว่าไงไอ้กล้วยหอม" "เจ้ว่างไหม" ฉันถามเสียงสั่น "เฮ้ย...แกเป็นไรอ่ะ" เจ้พูดด้วยความตกใจ "เจ้...ฮือๆ ...หนูไม่ไหว" ฉันปล่อยโฮ "แกอยู่ไหน เดี๋ยวเจ้ไปหา" เจ้พูดอย่างร้อนใจ "ฮึกๆ...ตอนนี้หนูอยู่ห้าง...ฮือๆ...มาเจอกันที่...หอพักหนูนะเจ้" "แกรีบกลับห้อง เดี๋ยวเจ้รีบไป" "โอเคเจ้" ฉันกลั้นสะอื้นแล้วเช็ดน้ำตาลวกๆ จากนั้นจึงรีบกลับห้องทันทีช่วงบ่ายวันต่อมาฉันตื่นมาด้วยความรู้สึกสุขล้นหัวใจในรอบหลายเดือน มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก จนไม่รู้จะบรรยายยังไง คนที่คิดว่าตายไปแล้วกลับมีชีวิตใหม่อีกครั้ง และครั้งนี้พวกเราจะรักและดูแลกันให้ดีที่สุด"พี่ครับ ตื่นมาอาบน้ำ กินข้าวได้แล้ว" เขานุ่งผ้าขนหนูเดินออกจากห้องน้ำ แล้วเดินมาหาฉัน"เพิ่งตื่นเหมือนกันเหรอ" ฉันเงยหน้าถามเขา"ใช่ครับ" เขายิ้ม แล้วก้มลงมาจุ๊บที่ริมฝีปากฉันเบาๆ"หวานเกิน" ฉันบอกเขาแล้วยิ้มกว้าง"ผมก็หวานแบบนี้อยู่แล้วนะ""ตรงไหนวะ มีแต่กวนตีนสิไม่ว่า" ฉันเบะปากใส่เขา"ถึงจะกวนตีน แต่ก็มีคนแถวนี้ตกหลุมรักนะ" เขาหัวเราะ"ชิ" ฉันสะบัดหน้าใส่เขา เขาหัวเราะ แล้วกอดฉันไว้"พี่""ว่า""แต่งงานกันไหม""ห๊ะ" ฉันมองสายตาเขาด้วยความตกใจ เล่นขอกันแบบนี้เลยเหรอ ไม่มีความโรแมนติกใดๆ เลย=_="พวกเราเสียเวลามามากพอแล้ว""ได้สิ""งั้นไปจดทะเบียนสมรสกันวันนี้เลยนะ""รีบเกิน""รีบสิ...ป่ะ งั้นพี่ไปอาบน้ำได้แล้ว" เขาดึงฉันให้ลุกขึ้นมา"โอเค" ฉันตอบรับแล้วเดินเข้าห้องน้ำประมาณหนึ่งชั่วโมง เราสองคนก็ออกจากบ้านเพื่อไปจดทะเบียนสมรส พอจดทะเบียนสมรสเสร็จก็ไปนั่งกินข้าวในร้านอาหารเพื่อฉลอง
"โอ๊ย เดินไวจัง" ฉันบ่นพร้อมกับหอบหายใจ เนื่องจากต้องเร่งฝีเท้าตามเขาให้ทัน เพราะเขาเดินไวมาก รู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่ตรงลานจอดรถวีไอพีแล้ว"นี่คุณ!" ฉันตะโกนเรียกผู้ชายคนนั้นที่กำลังหันหลังเปิดประตูรถ"..." เขาชะงักนิดหน่อย แล้วหันหน้ามามองหน้าฉัน"ชเวย์!" ฉันยืนอึ้ง อ้าปากค้าง ตาโตเท่าไข่ห่าน"ครับ" เขายิ้มกว้าง"นะ...นี่...แกตายไปแล้ว...ไม่ใช่เหรอ" ฉันถามเสียงสั่น น้ำตาไหลริน ความรู้สึกต่างๆ ปนเปกันไปหมด"ใช่""นะ...นี่แกเป็นผีเหรอ...หรือฉันกำลังฝันไป" ฉันพูดจบก็หยิกแขนตัวเอง แต่พอมันเจ็บ ฉันจึงรู้ว่านี่คือความจริงไม่ใช่ความฝัน"ผมไม่ได้เป็นผีแล้วพี่ก็ไม่ได้ฝันไป...ผมยังมีชีวิตอยู่จริงๆ" เขาพูดพร้อมก้าวเดินมาหาฉัน"แล้วที่บอกว่าตายไปแล้วนี่มันยังไง""ผมตายไปแล้วในฐานะ ชเวย์ เอนส์เวิร์ธ""หมายความยังไง""หมายความว่า...ต่อไปนี้ผมจะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับตระกูลเอนส์เวิร์ธอีก""หมายความว่าทั้งหมดมันเป็นแผนของแกเหรอ?""พี่อย่าเพิ่งโกรธ ผมอธิบายได้""พูดมา""พี่...ที่ผมทำแบบนี้ เพราะผมอยากจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับพี่""แล้วตระกูลเอนส์เวิร์ธล่ะ""ตระกูลเอนส์เวิร์ธมีไอ้ชาลีดูแลแล้ว""แล้ว
ครึ่งชั่วโมงต่อมาฉันกับเจ้คาริสายืนอยู่ที่หน้าหลุมศพของชเวย์ ที่เป็นแค่ป้ายสลักชื่อว่า'ชเวย์ เอนส์เวิร์ธ' ส่วนด้านหน้ามีดอกไม้วางอยู่"ชเวย์...ฮึก" ฉันทรุดตัวลงพร้อมกับร้องไห้ มืออีกข้างยื่นไปลูบแท่นหลุมศพของเขา ภาพความทรงจำต่างๆ ไหลในเข้ามาในสมองฉันร้องไห้ พูดพร่ำเพ้ออยู่คนเดียวนานมาก จนฟ้าที่เคยสว่างกลับกลายเป็นมืด"ชเวย์...พี่มาส่งแกได้แค่นี้นะ...และพี่จะเก็บแกไว้ในใจพี่ตลอดไป...พี่รักแกนะ" ฉันบอกลาเขาครั้งสุดท้าย ก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยมีเจ้คาริสาประคองอยู่ด้านข้าง"แกไหวใช่ไหม" เจ้คาริสาถามฉัน"ไหวเจ้" ฉันตอบเจ้คาริสา แล้วจ้องมองหลุมศพของเขาราวกับจะสลักไว้ในใจ ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้เจ้คาริสา แล้วพวกเราก็เดินออกจากที่นี่"คุณกล้วยหอม ขอคุยด้วยหน่อยสิ" คุณคิดส์ที่เป็นลูกน้องของชเวย์ มายืนดักฉันไว้ ฉันกับเจ้คาริสาหันมามองหน้ากันทันที เพราะรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ"มีอะไรก็คุยกันตรงนี้ได้เลยค่ะ" ฉันตอบ เขาจึงเหลืบมองเจ้คาริสา แล้วเดินนำไปยังลานจอดรถ ซึ่งฉันกับเจ้คาริสาก็เดินตามไป"ระวังตัวด้วยนะ" เจ้คาริสากระซิบบอกฉัน ฉันพยักหน้า พวกเรากระชับมือที่จับซึ่งกันและกันคุณคิดส์หยุดเดินแล้วยืนพิ
เมื่อมาถึงโรงแรม เจ้คาริสารีบพาฉันเข้าห้อง แล้วปลอบใจฉันที่ร้องไห้ไม่หยุด"เจ้ไม่ได้คิดเลย ว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ นึกว่าไอ้ชเวย์เป็นแค่ผู้ชายเลวๆ คนหนึ่ง" เจ้คาริสาถอนหายใจ"หนูสับสนไปหมดแล้วเจ้ ไม่รู้ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไงกันแน่""แก...แกอยากเจอไอ้ชเวย์ไหม" เจ้คาริสาถาม"อยาก..หนูอยากเจอเขา" ฉันพยักหน้ารัวๆ"งั้นเราก็ลุยกันเลย เจ้พร้อมไปกับแก""ได้เจ้ ขอบคุณมากนะ" ฉันปาดน้ำตา แล้วเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ ก่อนจะหยิบมือถือมาส่งข้อความและโทรหาเขา แต่ก็ไม่มีการตอบรับใดๆ"เจ้ว่าเราบุกไปถึงเกาะxxxเลยไหม ยังไงก็มีคนรู้จักชเวย์อยู่แล้ว""งั้นไปเถอะเจ้" ฉันรับคำ จากนั้นเราสองคนก็เรียกรถไปยังเกาะที่เป็นจุดหมายปลายทาง ซึ่งห่างจากที่นี่ประมาณสองชั่วโมงกว่า"จอดตรงนี้นะ รถยนต์เข้าไปไม่ได้แล้ว" คนขับบอกพวกเรา ฉันกับเจ้หันมามองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าให้คนขับแล้วลงจากรถ"ทำไมมันดูเงียบๆ วะแก" เจ้คาริสาพูดพลางมองซ้ายขวา ซึ่งมีคนอยู่บางตา แทบจะนับคนได้ และแต่ละคนสวมใส่เสื้อสีดำ"นั่นสิเจ้" ฉันตอบรับ รู้สึกว่าที่นี่มันอึมครึมยังไงก็ไม่รู้"ไปกันเถอะ" เจ้คาริสาพูด แล้วจูงมือฉันเดินตรงไปยังคฤหาสน์ บอดี้
ช่วงสายวันต่อมาพวกเราตื่นมาอาบน้ำ แต่งตัว เก็บของ เช็คเอาท์แล้วออกไปกินข้าว ส่วนชเวย์น่าจะกลับไปตั้งแต่เมื่อคืนหลังจากกินข้าวเสร็จ ก็ไปเที่ยวกันอีก2-3ที่ แล้วกลับกรุงเทพฯ ตอนแยกกันซูพรีมร้องไห้ ไม่อยากกลับพวกพี่ๆ เลยต้องปลอบกันใหญ่"ไอ้กล้วยหอม" พี่เอวเรียกฉัน ตอนนี้เราอยู่ในรถกันสองคน เนื่องจากพี่เอวทยอยส่งทีละคนๆ แล้ว"ว่าไงพี่""ไม่ได้อยากเผือกนะ แต่เอ็งกับไอ้ชเวย์มันมากกว่าคำว่าพี่น้องใช่ไหม""...""นั่น...เงียบเลย""ก็..." "ที่เอ็งคุยกับมันเมื่อคืนอ่ะ พี่ได้ยินนะ" "จริงอ่ะ" ฉันทำหน้าตาตกใจ "เออสิ...แต่คนอื่นน่าจะไม่ได้ยินหรอก แต่ละคนเมาขนาดนั้น" "ค่อยยังชั่ว" ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก "แต่พี่ว่ามันคงไม่มาเจอเอ็งแล้วแหละ" "ก็ดีแล้วนี่นา" "ก็ถ้าเอ็งทำใจได้ก็ดี" "พี่หมายความว่าไงเนี่ย" "เมื่อคืนมันมาคุยกับพี่" "คุยว่า?" "มันไม่ให้บอกอ่ะ" "อ้าว...แล้วพี่จะพูดเพื่อ?" ฉันกรอกตามองบน "ก็พี่จะเล่าในฐานะที่เอ็งเป็นน้องสาวพี่" "ว่า" "เรื่องที่มันโดนบังคับแต่งงานเป็นเรื่องจริง" "หนูก็บอกไปแล้ว จริงไม่จริงแล้วยังไง แต่งไปแล้วนี่" "น่าจะแต่งเพราะเป็นสัญญาอะไรสักอย่างนี่แหละ"
หนึ่งเดือนต่อมา"ตื่นเต้นจังเลย" เสียงแหลมใสของซูพรีมดังขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง คนอื่นๆ จึงยิ้มตามแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรในวันนี้แก๊งเรานัดกันมาเที่ยวทะเล และพักบ้านพูลวิลล่า ไม่รู้ว่าพี่เอวได้ส่วนลดบ้านพักมาจากไหนลดไปตั้ง70% จึงทำให้ทุกคนตอบตกลงอย่างรวดเร็ว"บ้านสวยมาก ไฮโซสุดๆ" ซูพรีมกระโดดโลดเต้น ส่วนเจ้คาริสากับพี่พิธาก็พยักหน้าเห็นด้วย"สวยจริง เลือกดีมากเลยพี่" ฉันบอกพี่เอว แล้วเดินสำรวจบ้าน ซึ่งหน้าบ้านเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยต้นไม้ บ้านพักมี2ชั้นแบ่งเป็นสัดส่วน ข้าวของเครื่องใช้ครบครัน"เลือกห้องนอนกัน" เจ้คาริสาพูด แล้วออกความเห็นว่าให้เป่ายิ้งฉุบ ซึ่งคนที่ได้เลือกคนแรกพี่เอว เจ้คาริสา ซูพรีม พี่พิธา และก็ฉันตามลำดับ"เลือกห้องชั้นล่างแล้วกัน ขี้เกียจเดิน" พี่เอวเลือก"เอาห้องใหญ่ชั้นสอง ตรงข้างบันได" เจ้คาริสาเลือก"หนูเอาห้องเล็กชั้นสอง" ซูพรีมเลือก"งั้นเลือกห้องนอนข้างล่างเหมือนกัน" พี่พิธาเลือก"งั้นห้องใหญ่ห้องสุดท้ายก็เป็นของหนู" ฉันเลือก"ตามนั้น" เจ้คาริสาตอบ จากนั้นพวกเราสามคน ฉัน เจ้คาริสา และซูพรีม จึงขนกระเป๋าขึ้นไปชั้นสอง และเข้าห้องของตัวเองประมาณสิบนา