เข้าสู่ระบบบ่ายแก่ ๆ ของวันพุธ แสงแดดอ่อนส่องลอดใบไม้ เข้าปะทะสนามบาสกลางแจ้งของมหา’ ลัย R.C.U.
เสียงรองเท้าผ้าใบเสียดสีกับพื้นสนามเป็นจังหวะเดียวกับเสียงลูกบาสกระทบพื้น... ทั้งหมดเป็นฉากหลังของการซ้อมทีมบาสที่กำลังคึกคัก
ด้านข้างสนาม — เป็นพื้นที่ของทีมเชียร์ลีดเดอร์ ที่กำลังซ้อมท่าเต้นสำหรับแมตช์ใหญ่ของปี
“ห้า...หก...เจ็ด...แปด!”
เสียงพี่เชอรี่ตะโกนบอกจังหวะ
เมษาอยู่ในแถวหน้า ขยับท่าเต้นเป๊ะทุกจังหวะ แขนเรียวเหยียดตรง สะโพกโยกอย่างมั่นใจ ท่ามกลางเสียงชมจากรุ่นพี่ในทีม
“ยิ้มแบบนั้น...คู่แข่งแพ้หมดแน่ ๆ”
พี่เชอรี่กระซิบกับพิมเพื่อนรักที่ยืนดูอยู่ไม่ห่าง
“ดีสิ ทีมบาส R.C.U เราจะได้ชนะ”
🏀ฝั่งสนามบาส
“โยนเข้า! เอ้า! ซ้าย!!”
คีตะกำลังเทรนรุ่นน้องในทีมอย่างจริงจัง เสื้อซ้อมสีกรมท่าเปียกชื้นด้วยเหงื่อ กล้ามแขนแน่นขยับอย่างแข็งแรงทุกจังหวะของการเลี้ยงบอล
“มึง ๆๆๆๆ”
เสียงภูผาตะโกนเรียกเพื่อนอย่างตื่นเต้น
“ดูตรงนั้นดิ ๆๆ!”
คีตะหันไป...และชะงักไปครู่หนึ่ง
ในสายตาของเขาตอนนี้ — เมษากำลังเต้นท่าโคเวอร์เพลงเกาหลีอย่างคล่องแคล่ว เสื้อซ้อมครอปสีขาวสะอาดโชว์เอวบาง มัดผมหางม้ารวบสูง เหงื่อเล็ก ๆ บนหน้าผากสะท้อนแสงอาทิตย์จนดูแปลกตา
สายตาคมจ้องนิ่งโดยไม่รู้ตัว...นานกว่าที่ควร
“พี่คีตะ พี่ต้องซ้อมบาสใช่มั้ยคะ หนูคงไม่ได้กลับด้วยนะคะ”
เสียงหวานวันนั้น...กลับมาดังก้องในหัว
ตอนนั้นเขาไม่ได้ถามว่าทำไม เพราะคิดว่า เธออาจมีกิจกรรมกับเพื่อน ๆ
แต่ตอนนี้...เขารู้แล้ว
“ที่แท้...ก็เป็นลีดนี่เอง”
“…เด็กบ๊อง” เขาพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง
“น้องเมษา แม่ง...เต้นพริ้ว เอวบาง สวยชิหาย~” ภูผาตาโต มีความชื่นชมในตัวเมษาสูงสุด
คีตะไม่ได้ตอบ...แต่สายตายังมองอยู่
ทันทีที่เมษาหันมาเห็นคีตะ เธอก็ยิ้มหวาน พร้อมโบกมือเล็ก ๆ ส่งไปให้ ใบหน้าหวานแดงระเรื่อเพราะแดดและการซ้อมเต้น...หรืออายก็ไม่รู้
คีตะพยักหน้าเล็กน้อยแทนคำทักทาย แต่มุมปากกลับยกขึ้นแบบที่ไม่ค่อยมีใครเห็นบ่อย
“น้องเมษา สู้ ๆ นะคร้าบ~” ภูผาตะโกนเสียงดัง ส่วนเมษาได้แต่ส่งยิ้มเขิน ๆ มาให้
“ไปซ้อม!” คีตะล็อคคอเพื่อนแล้วลากเข้าไปในสนามบาสทันที
...
แสงสีทองของยามเย็นทาบลงบนถนนหน้าบ้าน
คีตะขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าบ้านพอดีกับที่รถเก๋งคันหนึ่งค่อย ๆ เลี้ยวเข้าซอยมา แล้วจอดที่หน้าบ้าน
รถของพริ้มนั่นเอง — และเมษาก็โบกมือลาเพื่อนก่อนจะลงจากรถอย่างร่าเริง
“อ้าว พี่คีตะ~ เพิ่งถึงบ้านเหรอคะ?”
เสียงใสทักขึ้น ขณะเธอเดินเข้ามาหาเขาที่กำลังถอดหมวกกันน็อกอยู่
คีตะเงยหน้าขึ้นนิดหน่อย
“อืม…พริ้มมาส่งเหรอ?”
“ใช่ค่ะ พอดีหนูซ้อมลีดเสร็จแล้ว พริ้มก็เลยอาสามาส่ง” เมษายิ้มให้ แล้วก็เอียงคอถามต่อ
“ว่าแต่...พี่ซ้อมหนักมากเลยเหรอคะวันนี้?”
“เหมือนเดิมแหละ วันจันทร์ถึงพฤหัส ซ้อมทุกวัน ส่วนศุกร์โค้ชให้พัก วันแข่งจริงน่าจะปลายเดือน”
“จริงเหรอคะ! งั้นหนูจะเตรียมเชียร์ให้สุดใจเลย~” เธอยิ้มกว้างแล้วหยิบมือถือขึ้น
“พี่คีตะคะ...หนูขอตารางซ้อมหน่อยได้มั้ย”
คีตะพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนหยิบมือถือส่งไฟล์ตารางให้เธอผ่านแอปแชท
เสียง ติ๊ง! ดังขึ้นในโทรศัพท์เมษาทันทีที่เขากดส่ง
“ขอบคุณค่า~” เมษายิ้มแล้วกดเซฟไว้ทันที
“หนูจะตั้งเตือนไว้เลยว่า ‘เวลาเลิกเรียนพี่คีตะ + เวลาซ้อมพี่คีตะ’ !”
“เอาไว้ทำไม?” คีตะเลิกคิ้ว
“เอาไว้ตามติดพี่ไงคะ~”
เมษาทำหน้าทะเล้น แล้ววิ่งดุ๊กดิ๊กเข้าบ้าน ทิ้งให้คีตะมองตามด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
‘เด็กบ๊อง...’
เขาคิดในใจ ขณะเดินตามเข้าบ้าน พร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นแรงน้อย ๆ แบบไม่รู้ตัว
หลังจากกลับถึงบ้าน คีตะและเมษาก็แยกย้ายกันขึ้นชั้นบนไปอาบน้ำตามปกติ
เสียงน้ำจากห้องน้ำด้านนอกดังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่คีตะจะเดินลงมาข้างล่างในชุดเสื้อยืดลำลองสีเข้มกับกางเกงผ้าสบาย ๆ เขาสะบัดผมที่เปียกหมาดเล็กน้อย พลางหยิบผ้าขนหนูซับเบา ๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น
ทีวีจอใหญ่เปิดเสียงพอประมาณ เป็นรายการข่าวกีฬาที่เขาไม่ได้ตั้งใจดูนัก เพราะมีหนังสือเรียนวิชาคำนวณวางเปิดค้างอยู่บนตัก — สายตาคมไล่ไปตามตัวอักษรเงียบ ๆ ท่ามกลางบรรยากาศแสนสบายของบ้านในช่วงค่ำ
ด้านบน เมษาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ เดินลงบันไดมาพร้อมกลิ่นหอมสะอาดของแชมพูผลไม้ ผมยาวสีน้ำตาลอ่อนถูกรวบไว้ลวก ๆ ด้วยกิ๊บตัวเล็ก เธอสวมเสื้อยืดโอเวอร์ไซส์ลายแมวน้อยกับกางเกงขาสั้นน่ารัก สีพาสเทลเข้ากับบุคลิกใส ๆ อย่างลงตัว
เธอเดินตรงไปยังห้องครัวตั้งใจจะหาน้ำเย็นดื่ม แต่แล้วสายตาก็สะดุดเข้ากับแผ่นโพสอิทสีชมพูอ่อน ที่แปะอยู่ตรงตู้เย็นอย่างเด่นชัด
‘พ่อกับแม่ออกไปงานเลี้ยง กลับดึกนะจ๊ะ หาอะไรกินเองนะ :) ’
เมษาเอียงคออ่านโพสอิท พลางยิ้มบาง ๆ
มือเรียวยกแผ่นกระดาษโน้ตขึ้นมาดู ก่อนจะหันไปมองทางห้องนั่งเล่นที่มีเสียงทีวีเบา ๆ ดังอยู่
สายตาของเธอฉายแววขี้เล่น ซุกซนปนเจ้าเล่ห์เล็กน้อย
‘โอกาสอยู่สองต่อสองแบบนี้...ใช่ว่าจะมีบ่อยนัก’
เธอหยิบผ้ากันเปื้อนที่แขวนอยู่ข้างตู้เย็นขึ้นมาผูกไว้กับเอว แล้วเดินไปหยุดตรงกรอบประตูห้องนั่งเล่น
“พี่คีตะคะ~ เย็นนี้ทานอะไรดีคะ?”
เสียงใสทำให้ชายหนุ่มที่กำลังอ่านหนังสือเงยหน้าขึ้น ดวงตาคมสบเข้ากับดวงตากลมโตของเธอที่ยืนพิงขอบประตูครัวพร้อมผ้ากันเปื้อนลายแมวน้อย
“หืม?”
“หนูจะทำข้าวเย็นให้ค่ะ อยากกินอะไรดีคะ?” เธอยิ้มหวานพลางโบกไม้พายอันเล็กในมือเล่น
คีตะเลิกคิ้วเล็กน้อย
“ทำเป็นด้วยเหรอ?”
“โห...ดูถูกกันชัด ๆ นะคะเนี่ย” เมษาทำเสียงงอนนิด ๆ
“แค่อาหารง่าย ๆ อย่างไข่เจียว ผัดกะเพรา หรือแกงจืด หนูทำได้หมดแหละ!”
คีตะหัวเราะในลำคอเบา ๆ พร้อมพยักหน้า
“งั้น...ขอเป็นกะเพราหมูสับไข่ดาวก็แล้วกัน”
“รับแซ่บ!”
เมษาตอบพลางทำท่ารับออเดอร์แบบน่ารัก ก่อนจะหมุนตัวเข้าครัวไปอย่างกระตือรือร้น
ไม่กี่นาทีต่อมา กลิ่นหอมของกระเทียมเจียวและใบกะเพราก็ลอยฟุ้งไปทั่วบ้าน
คีตะที่ตั้งใจจะก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ…กลับหยิบมือถือขึ้นมาแอบถ่ายภาพด้านหลังของเมษาไว้เงียบ ๆ
‘ผูกผ้ากันเปื้อนแบบนั้น…’
‘ดูเหมือนแม่บ้านตัวจิ๋วเลยแฮะ’
เขายิ้มมุมปาก ก่อนส่งภาพแนบข้อความไปในแชทส่วนตัวของภูผา
🏀คีตะ: ‘มีแม่บ้านตัวเล็กทำข้าวเย็นให้กินเฉย...’
ไม่ถึงสิบวินาที
เสียงแจ้งเตือน ‘ติ๊งๆๆ’ จากภูผาก็รัวกลับมาอย่างดุเดือด
📱ภูผา: ‘เห้ยยยยยย! นี่มันโคตรน่าร้ากก!’
📱ภูผา: ‘กูจะไปกินด้วย!! เดี๋ยวนี้เลย!!!’
🏀คีตะ: ‘ไม่ต้องมา พอดีสำหรับ 2 คน’
📱ภูผา: ‘หึ้ยยยย ไอ้คนเห็นแก่ตัว! ไม่แบ่งเพื่อนรึไงวะ!?’
🏀คีตะ: ‘เออ ไม่แบ่ง พูดมาก’
ภูผาส่งสติ๊กเกอร์ ‘กัดผ้าเช็ดหน้า’ มารัว ๆ จนคีตะหลุดหัวเราะในลำคอเบา ๆ
จากนั้นก็กดล็อกหน้าจอ วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ แล้วหันกลับไปมองแม่ครัวตัวน้อยในครัว ที่กำลังตั้งอกตั้งใจพลิกหมูในกระทะอย่างขะมักเขม้น ริมฝีปากสีชมพูเม้มเล็ก ๆ …จนทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
เสียงฉ่าเบา ๆ จากกระทะทำให้บรรยากาศดูอบอุ่น คีตะที่ตอนแรกตั้งใจจะนั่งอ่านหนังสือไปเรื่อย ๆ กลับวางเล่มลงบนโต๊ะ แล้วลุกขึ้นเดินเข้ามาในครัวอย่างเงียบเชียบ
“ต้องช่วยอะไรมั้ย?”
เสียงทุ้มดังขึ้นจากข้างหลังเธอแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง
เมษาสะดุ้งเล็กน้อย แผ่นหลังตรงทันที ร่างกายร้อนผ่าวขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุทั้งที่ไอความร้อนจากกระทะก็ยังไม่ถึงจุดเดือด
เธอเหลือบตามองเขา—คีตะในเสื้อยืดสีเข้มกับกางเกงผ้าลำลองยืนพิงขอบเคาน์เตอร์อยู่ไม่ห่าง ท่าทีของเขาดูสบาย ๆ แต่กลับทำให้เธอรู้สึกใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก
“มะ...ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูจัดการได้หมดเลย”
เธอรีบตอบเสียงใส พลางหันกลับไปคนหมูในกระทะต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แน่ใจเหรอ? ไข่ดาวนี่ทอดยากนะ ต้องให้พี่ช่วยมั้ย?”
“แค่ไข่ดาวเอง หนูไม่พลาดหรอกค่ะ!”
เสียงตอบยังคงสดใส แต่ใบหูเล็ก ๆ ของเธอกลับเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ
คีตะหัวเราะเบา ๆ เขาโน้มตัวลงมาหยิบจานเปล่าจากชั้นวางข้าง ๆ โดยที่แขนเกือบเฉียดไหล่เธอ—จังหวะนั้นหัวใจของเมษาเต้นถี่ขึ้นวูบหนึ่ง
“งั้นช่วยหยิบจานก็แล้วกัน”
เขากระซิบใกล้หูเธอ พร้อมวางจานลงข้างเตา
เมษาเม้มปากแน่น ห้ามตัวเองไม่ให้หน้าแดงมากไปกว่านี้ เธอรวบรวมสมาธิกลับไปที่ไข่ดาวในกระทะ แล้วเปลี่ยนเรื่องทันที
“พี่คีตะไปนั่งรอที่โต๊ะดีกว่าค่ะ เดี๋ยวหนูเสิร์ฟให้~”
คีตะยิ้มมุมปาก ขณะหมุนตัวกลับไปยังโต๊ะอาหาร ทิ้งท้ายด้วยประโยคหนึ่งที่ทำเอาเธอเกือบทำไข่ดาวไหม้
“รู้มั้ย...เสียงเรียก ‘พี่คีตะ’ ของเราน่ะ...มันฟังแล้ว...น่ารักดี”
‘น่ารัก...?’
คำสั้น ๆ คำนั้นวนอยู่ในหัวเธอซ้ำ ๆ
เมษากัดริมฝีปากล่างแน่น พยายามไม่ให้ตัวเองกรี๊ดออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ มือที่ถือตะหลิวแทบจะสั่น…ไม่ใช่เพราะกลัวไข่ดาวไหม้ แต่กลัวหัวใจจะเต้นแรงไปมากกว่านี้ต่างหาก
‘ใจเย็น ๆ เมษา...เขาอาจแค่พูดเล่น...’
‘อย่าคิดเข้าข้างตัวเองสิ’
แม้จะเตือนตัวเองแค่ไหน แต่รอยยิ้มเล็ก ๆ ก็ยังหลุดขึ้นตรงมุมปากอย่างห้ามไม่อยู่
‘...ก็ชอบอะ’
‘จะทำไงได้ ในเมื่อเสียงของเขา มันช่างละลายหัวใจเราทุกครั้งจริง ๆ’
สัปดาห์ที่ 6 ของการตั้งครรภ์เมษายังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นแค่ช่วงนี้…ข้าวมันไก่ที่เคยกินแล้วฟินตอนดึก กลับกลายเป็นศัตรูของชีวิต ข้าวต้มปลาเจ้าประจำที่เคยคลั่งไคล้ ตอนนี้แค่ได้กลิ่นก็แทบอ้วกแต่สิ่งที่เธอรู้แน่ ๆ คือ…เธอกำลังจะมีลูก และ “คุณพ่อเด็ก” ก็คือสามีสุดหล่อผู้คลั่งรักที่เพิ่งรู้ข่าวนี้ไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว18.47 น.เสียงประตูคอนโดดัง “แกร๊ก”“เมียครับ!!! ลูกพี่กินอะไรได้บ้าง!! พี่ซื้อของมาเป็นสิบถุง!!!”คีตะ โชติธาดาคนเดิม เพิ่มเติมคือระดับความเห่อเกินหนึ่งพันเปอร์เซ็นต์ในมือเขาถือทั้งซุปปลาแบบออร์แกนิก ขิงแก่สดจากเชียงราย น้ำมะพร้าวไม่แช่เย็น ผ้าคลุมไหล่สำหรับหญิงตั้งครรภ์และ…หนังสือชื่อ ‘เข้าใจเมียท้องใน 60 นาที’ ที่เปิดอ่านค้างไว้ตรงหน้าแรก“พี่คีตะคะ…” เมษาถอนใจเฮือก“แค่หนูบอกว่าอาเจียนตอนเช้า พี่ก็ไปเหมาโซเชียลเหรอคะ?”“ก็…ก็พี่กลัวเมียเหนื่อยไงคะ แล้วก็ลูกพี่…ก็แสบตั้งแต่ยังไม่ออกมา!”คีตะวางของลง ก่อนจะพุ่งมาทรุดตัวนั่งข้างเธอบนโซฟา เอามือทาบท้องเธอเบา ๆ ทั้งที่ตอนนี้ยังไม่เห็นพุงแม้แต่นิด“อยากให้พี่ทำอะไรมั้ยครับ? อยากกินอะไรเป็นพิเศษ? น้ำแข็งจากขั้วโลก? ท
3 ปีต่อมา…แม้กรุงเทพฯ ยังจมอยู่ในวังวนเดิม ๆ ของการจราจรที่เหมือนภาพซ้ำทุกเช้าเย็น แต่ชีวิตของคีตะเปลี่ยนไปไกลราวฟ้ากับเหวจากเมื่อสามปีก่อนจากอดีตหนุ่มวิศวกรรมเครื่องกลที่ชีวิตผูกติดกับเครื่องจักร น้ำมันเครื่อง และซอฟต์แวร์ควบคุมอัตโนมัติวันนี้เขานั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำในห้องประชุมกระจกชั้นบนสุดของสำนักงานใหญ่ อาริกาโตะ กรุ๊ป—บริษัทเทคโนโลยีระดับอินเตอร์ที่กำลังเติบโตเร็วเหมือนติดจรวดในมือของเขามีทั้งดีลระดับพันล้าน หุ้นใหญ่ในมือ และแผนระดมทุนรอบใหม่ที่เหล่านักลงทุนต่างเฝ้ารอแต่ในสมองของเขา...มีเพียงคำถามเดียวที่วนซ้ำอยู่ทุกวัน‘เมียกูกินข้าวยังวะ’ไม่ว่าในแต่ละวันจะมีตารางงานแน่นขนาดไหน ต่อให้เลขาฯ ต้องคุกเข่ากราบขอให้เลื่อนนัดด่วนกับนักลงทุนต่างชาติคีตะก็จะส่ายหน้า...แล้วพูดเสียงนิ่งว่า“ผมห้ามมีนัดหลังหกโมงเย็นเด็ดขาด”‘สิ่งศักดิ์สิทธิ์’ ประจำตัวผู้บริหารใหญ่นี้คือกฎเหล็กข้อเดียวที่ใครก็ห้ามล้ำเส้นเพราะนั่นคือเวลาที่เขาจะรีบกลับคอนโดหรูย่านสุขุมวิท...กลับไปหาเมียที่ทั้งน่ารัก แสบ และเป็นแม่บ้านที่เขาหลงรักยิ่งกว่ากำไรรายไตรมาสวันนี้ก็เช่นกัน...เสียง ‘ติ๊ด’ จากปร
เสียงแสงแดดกลางฤดูหนาวทาบทอผ่านสนามหญ้ากว้างของมหาวิทยาลัย R.C.U. กลิ่นดอกไม้ปนกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ท่ามกลางเสียงชัตเตอร์มือถือที่ดังระรัวจากบรรดาเพื่อน ญาติ พี่น้องที่แห่มาร่วมแสดงความยินดีในวันสำเร็จการศึกษาเมษาในชุดครุยปักตราประจำคณะเดินออกจากหอประชุม พร้อมรอยยิ้มสดใสทันทีที่เห็นคนสำคัญ“คุณแม่! คุณพ่อ!”เธอวิ่งเข้าไปกอดคุณแม่ปาริฉัตรแน่น ส่วนท่านทูตดิลกก็ส่งยิ้มอย่างภูมิใจพลางเอื้อมมาลูบผมลูกสาวเบา ๆ“ลูกสาวพ่อเรียนจบแล้วนะ”“สวยที่สุดในรุ่นเลยค่ะ ลูกแม่!”ด้านหลังยังมีอีกสองคนที่ยิ้มอย่างภูมิใจไม่แพ้กัน — คุณธนา และคุณแม่อัญญาของคีตะ ทั้งคู่ยืนถือของขวัญกล่องเล็ก ๆ พร้อมดอกไม้ช่อโตที่เตรียมมาให้เธอเช่นกัน“ยินดีด้วยนะจ๊ะ หนูเมษา”“ขอบคุณค่ะ คุณอา คุณน้า” เมษายิ้มแก้มแทบปริ ก่อนจะรับของขวัญจากทั้งคู่“แล้ว...พี่คีตะล่ะคะ?” หญิงสาวหันมองไปรอบตัวทุกคนมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนแอบอมยิ้ม“หาพี่เหรอ?”เสียงทุ้มคุ้นหูทำเอาเมษาหันขวับไปทันทีคีตะมาในเสื้อเชิ้ตพอดีตัว กางเกงสแลค หล่อเนี้ยบจนทำเอาเมษาถึงกับตาพร่า แต่สิ่งที่ทำให้เธอใจเต้นกลับไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ —มันคือสายตาที่
“คิดอะไรอยู่ หืม~?”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นด้านหลัง ทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมอง แล้วต้องกลั้นหายใจเล็กน้อยคีตะในชุดลำลองเสื้อกล้ามสีเข้มกับกางเกงผ้าสบาย ๆ ผมเปียกนิดหน่อยจากการอาบน้ำ มือข้างหนึ่งถือแก้วน้ำเย็น อีกข้างถือผ้าขนหนูเขาเดินเข้ามาหาช้า ๆ แล้วนั่งลงข้างเธอ พลางยื่นผ้ามาคลุมศีรษะเธอไว้เบา ๆ ก่อนวางแก้วไว้ข้างตัว“ผมยังไม่แห้งดีเลย เดี๋ยวไม่สบาย” เสียงนุ่มนวลเต็มไปด้วยความอ่อนโยน และค่อย ๆ เช็ดผมให้เธอ“อื้อออ~ ไม่ต้องเช็ดแรงก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหัวหนูหายหมด” เมษาบ่นอุบ แต่เสียงกลับแผ่วลงเรื่อย ๆคีตะหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหยุดเช็ด แล้วโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ดวงตาคมนิ่งลึกสะท้อนแสงจันทร์ และเธอรู้สึกได้ว่า ลมหายใจของเขาอยู่ใกล้เพียงปลายนิ้ว“พะ...พี่คีตะ...”“หืม?” คีตะเลื่อนมือมาจับปลายคางเธอเบา ๆ“คือ...” เมษาตาโต หน้าแดงซ่านไม่ทันได้พูดอะไร ริมฝีปากของเขาก็โน้มลงมาแตะกับริมฝีปากของเธอเบา ๆ จูบแรกนั้นนุ่มนวล...อบอุ่น...แฝงความทะนุถนอมแต่ในวินาทีถัดมา รสจูบนั้นกลับค่อย ๆ ลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆปลายลิ้นร้อนแตะที่กลีบปากเธอ ก่อนจะค่อย ๆ ดุนดันให้เธอเปิดรับสัมผัสที่เร่าร้อนยิ่งกว
หลังจากคีตะเรียนจบคุณพ่อธนาไม่รอช้า…กดดันให้ลูกชายคนเดียวเข้าไปช่วยงานในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวทันที“จะออกแบบเครื่องยนต์ หุ่นยนต์ หรืออะไร พ่อไม่ว่า แต่ช่วยทำโปรเจกต์กับแผนกเทคโนโลยีในเครือเราซักอาทิตย์สองอาทิตย์ก่อน ได้มั้ยลูก!”เสียงของคุณพ่อยังดังก้องในหัวเขาแต่คีตะในเสื้อฮู้ดสีเทา กับกางเกงวอร์มเรียบ ๆ กลับนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน ยกโน้ตบุ๊กขึ้นบนตัก เปิดแบบจำลองหุ่นยนต์ต้นแบบที่เขาออกแบบเอง —โครงสร้างเครื่องกลซับซ้อนแต่สมบูรณ์แบบจนเหมือนสิ่งมีชีวิตจริง‘ถ้ามีเวลาอีกซักหน่อย...โปรเจกต์นี้ต้องสำเร็จแน่’เขาคิดในใจ ก่อนเสียงใส ๆ ที่คุ้นเคยจะดังขึ้นจากประตู“พี่คีตะขา~ หนูเอาน้ำมะพร้าวมาฝาก~”เสียงหวานนั่นทำให้เขาชะงัก เงยหน้าขึ้น — และทันทีที่เห็นคนตรงหน้า ความเครียดทั้งวันก็ละลายหายไปในพริบตาเมษาในชุดเสื้อยืดโอเวอร์ไซส์สีขาวกับกางเกงขาสั้นเหนือเข่า เดินยิ้มหวานถือแก้วที่มีน้ำมะพร้าวเย็น ๆ กับถุงใส่ขนมที่เธอซื้อมาฝากตั้งแต่สอบปลายภาคเสร็จ พ่อและแม่ของเธอก็ต้องกลับไปประจำสถานทูตอังกฤษเหมือนเคย และเพราะไม่อยากให้เธออยู่บ้านคนเดียว — เมษาจึงกลับมาอยู่บ้านโชติธาดาอีกครั้งแล
วันเวลาผ่านไปจนเมษาและคีตะเข้าสู่ปิดเทอมอีกครั้ง และครั้งนี้พ่อและแม่ของเมษาลางานกลับมาเพื่อใช้เวลาอยู่กับลูกสาวที่เมืองไทย ทำให้เมษาต้องกลับไปอยู่ที่บ้านของเธอชั่วคราวแต่เมื่อท่านทูตดิลกรู้ว่าคีตะกับเมษาคบกัน ท่านทูตก็เปลี่ยนบุคลิกกลายเป็นคุณพ่อโหมดหวงลูกสาวทันทีวันนี้...คีตะมีภารกิจ เขาตั้งใจมาขออนุญาตท่านทูตดิลกเพื่อพาเมษาไปเที่ยวด้วยกัน สำหรับ ‘เดทแรก’ ของทั้งคู่ในฐานะ ‘แฟน’บรรยากาศบ้าน ‘ไทระ’ ในย่านเงียบสงบของกรุงเทพฯ ร่มรื่นด้วยเงาต้นไม้ใหญ่และกลิ่นชาเขียวจากสวนญี่ปุ่นที่อยู่ข้างตัวบ้าน แสงแดดอ่อนของช่วงบ่ายส่องลอดใบไผ่รำไร — สะท้อนลงบนกระดานหมากรุกไม้สักกลางโต๊ะหินทรงสี่เหลี่ยม“นั่งสิ”เสียงทุ้มทรงอำนาจแต่สุภาพของท่านทูตดิลกดังขึ้นชัดเจน ขณะเขานั่งไขว่ห้างใต้ร่มกันสาดผ้าเช็ดหน้าสีขาวพับอย่างเรียบกริบวางไว้บนตัก ข้างตัวคือชาร้อนและคุกกี้จากลอนดอนที่ลูกสาวสุดรักสุดหวงจัดเตรียมไว้ให้คีตะในชุดเสื้อเชิ้ตสีครีมเรียบกับกางเกงสแล็กยืนอยู่ตรงหน้า — ข้างกายเขาคือเมษาที่ทำท่าจะเอ่ยปาก แต่ก็ถูกสายตาปรามเบา ๆ จากคุณแม่ปาริฉัตร ที่ยืนพิงประตูกอดอกราวกับกำลังดูซีรีส์เกาหลีด้วยสีหน้าสนุก







