LOGINกลิ่นข้าวสวยหอมกรุ่นกับผัดกะเพราหมูสับร้อน ๆ ถูกวางลงบนโต๊ะกินข้าวอย่างพิถีพิถัน
เมษาเดินมาพร้อมจานใบเล็กในมือ แยกใส่ไข่ดาวที่ทอดใหม่—ไข่แดงยังเยิ้มสวยน่ากิน วางประกบไว้ข้างจานของคีตะ
“เชิญค่ะ คุณผู้ชาย~”
เธอยิ้มบาง ๆ ทำเสียงล้อเลียนนิด ๆ ขณะเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งฝั่งตรงข้าม
คีตะมองจานข้าว ก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ
“หน้าตาดีกว่าที่คิดแฮะ...”
“หืม? ข้าวกะเพราน่ะเหรอคะ?”
“เปล่า...” เขาวางช้อนในมือแล้วเอนตัวพิงพนักพิงเล็กน้อย
“…หมายถึงแม่ครัวน่ะ”
เมษาชะงักมือขณะกำลังจะตักข้าวให้ตัวเอง หัวใจเธอเต้น “ตึก” ขึ้นอีกครั้ง
แต่คีตะกลับหันกลับมาก้มหน้ากินข้าวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
‘ฮะ...แกล้งเรารึเปล่าเนี่ย’
‘หรือเขาแค่พูดไปงั้น ๆ ...หัวใจมันเต้นแรงเลยยัยเมษา’
“อ๊ะ…ไข่แดงไม่สุกนะคะ ระวังแตกใส่เสื้อนะ” เมษารีบเปลี่ยนเรื่อง
แต่คีตะกลับตักไข่แดงขึ้นมาทั้งคำ แล้วใส่ปากเฉย ๆ
“อืม...ไม่เลว”
‘คำชมสั้น ๆ ของเขา...มันทำไมถึงเหมือนรางวัลใหญ่ขนาดนี้เนี่ย?’
เมษายิ้มเขิน ๆ หัวเราะเบา ๆ แล้วตักข้าวของตัวเองบ้าง แต่มือกลับสั่นนิด ๆ จนเกือบทำช้อนหล่น
คีตะเงยหน้ามามอง ก่อนพูดอย่างไม่ทันคิด
“กินดี ๆ หน่อยสิ เดี๋ยวหกหมดหรอก”
“ก็…หนูตื่นเต้นอ่ะ”
“ที่ทำข้าวกะเพราน่ะเหรอ?” เขาหัวเราะเบา ๆ
“เปล่าซะหน่อย...”
เธอเม้มปากแล้วก้มหน้ากินข้าวเงียบ ๆ ไม่พูดอะไรต่อ ทิ้งบรรยากาศในห้องให้มีเพียงเสียงช้อนกระทบจานและทีวีที่เปิดคลอเบา ๆ
หลังจากจัดการล้างจานและเช็ดครัวจนสะอาดเอี่ยม เมษาก็เดินออกมาจากห้องครัวด้วยความรู้สึกอิ่มท้องและอุ่นใจเล็ก ๆ
เธอเห็นคีตะกำลังนั่งเอนหลังอยู่บนโซฟา มือถือคอนโทรลเลอร์อยู่ในมือ ข้างตัวมีเครื่องเกมคอนโซลสีดำวางอยู่
“ว่างยัง?” เขาหันมาถาม ขณะเลื่อนหมอนอิงให้เป็นที่ว่างข้างตัว
“ทำไมเหรอคะ?” เธอเดินเข้าไปใกล้ แล้วหย่อนตัวลงนั่งข้าง ๆ ด้วยความเกร็งนิด ๆ กลิ่นสบู่จากตัวเขายังอวลจาง ๆ เพราะเพิ่งอาบน้ำเมื่อหัวค่ำ
“มา ลองเล่นเกมนี้ดู” เขายื่นจอยเกมอีกอันให้
“ไม่ยาก แค่ต้องช่วยกันทำอาหารให้ทันในเวลา”
“โอ้...เหมือนเกมทำครัวใช่มั้ยคะ?” เมษายิ้มตื่นเต้น
“อืม เกมชื่อ OverChef ต้องวางแผนกับเพื่อนร่วมทีมดี ๆ ไม่งั้นครัวจะวุ่นวายมาก”
“เหมือนชีวิตจริงเลยค่ะ...” เธอหัวเราะแห้ง ๆ
“เมื่อกี้หนูยังเกือบทำไข่ดาวไหม้อยู่เลย”
“แต่รอดนี่” เขาหันมายิ้มให้ ก่อนจะกดเริ่มเกม
—🎮 ตะหลิวแห่งความรัก (?) เริ่มหมุนแล้ว—
เสียงดนตรีจากเกมเริ่มดังขึ้น พร้อมกับภาพตัวละครกุ๊กน้อยสองตัววิ่งวุ่นอยู่ในครัว เมษาต้องสับผักในเกม ส่วนคีตะต้องส่งวัตถุดิบและล้างจาน
“พี่คีตะ! จานล้นแล้วววว~” เมษาร้องลั่น
“เธอสับผักช้าเองงงง”
“ก็หนูไม่เคยเล่นนี่นา ฮืออออ~”
“งั้นมานี่ เดี๋ยวสอนให้”
คีตะเอนตัวมาใกล้ ก้มหน้ามาดูปุ่มบนจอยในมือเธอ จากระยะประชิดจนเส้นผมของเขาเกือบเฉียดแก้มเมษา
หัวใจเธอกระตุกวูบ...กลิ่นสบู่และอุณหภูมิร่างกายอุ่น ๆ ของเขาใกล้จนหายใจติดขัด มือเธอแทบจะกดปุ่มผิดเพราะสมองมันสั่งงานไม่ทัน
“นี่...ถ้าจะเขินขนาดนั้น เดี๋ยวก็โดนไฟในเกมคลอกหรอก”
“บ้า! ใครเขินกันคะ!” เธอสะบัดหน้าหนี
“ก็หน้าแดงขนาดนั้น...”
“มันร้อนจากเกม! ไม่ใช่เพราะพี่!”
คีตะหลุดหัวเราะในลำคอ ขณะตัวละครในเกมของเมษาทำอาหารไหม้ เสียงไซเรนเตือนดังลั่นจอ...และทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
ไม่นานนัก เมษาก็เริ่มชินกับจอยเกมในมือจนสามารถโยนแฮมเบอร์เกอร์ใส่จานได้ทันเวลา ส่วนคีตะเองก็ตั้งใจส่งวัตถุดิบให้เธอไม่ขาดสาย
“เร็ว ๆๆๆ ไฟไหม้แล้ววว~”
“อย่ากรี๊ดสิ! มันแค่เกม!”
“แต่ลูกค้าจะโกรธแล้วนะพี่คีตะะะ!”
ทั้งสองหัวเราะออกมาพร้อมกัน เสียงของเมษาสดใสราวกับระฆังเงินยามค่ำคืน ส่วนคีตะก็มองเธอด้วยแววตาอ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว
แต่แล้ว...เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังแทรกขึ้นมา หน้าจอสว่างวาบขึ้น พร้อมชื่อบนหน้าจอที่คุ้นเคย
📞 “มีนา”
คีตะชะงัก สีหน้าและแววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ
“ขอหยุดแป๊บนะ มีสายเข้า”
เขาวางจอย แล้วลุกเดินออกไปทางระเบียง ทิ้งให้เมษานั่งอยู่ตามลำพังบนโซฟา
เธอมองแผ่นหลังของเขาที่ค่อย ๆ ห่างออกไป เสียงในเกมยังคงเล่นต่อ...แต่หัวใจของเธอกลับเงียบไปชั่วคราว
มีนา...ชื่อของผู้หญิงที่เธอไม่เคยได้ยิน...แต่เซ้นส์ของผู้หญิงมันบอกว่า ไม่น่าจะเป็นแค่เพื่อนธรรมดา
แม้ไม่อยากคิดมาก แต่ก็ห้ามไม่ได้เลย...
เวลาผ่านไปหลายนาที เสียงทีวียังคงดังกลบความเงียบ แต่ร่างบางที่เพิ่งหัวเราะไม่กี่นาทีก่อน...กลับเอนตัวพิงหมอนนุ่ม ๆ และค่อย ๆ หลับตาลงเพราะความอ่อนล้า
…
เมื่อคีตะกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นอีกครั้ง พร้อมสีหน้าเรียบเฉย
สิ่งแรกที่เขาเห็นคือ…ร่างของเมษาที่หลับไปแล้วบนโซฟา ตัวเอนข้าง หน้าผากชนหมอนอิง เส้นผมยาวปรกแก้มนิด ๆ
เขายืนมองอยู่เงียบ ๆ หลายวินาที ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วก้มตัวลง
“หลับง่ายจริง...” เขาพึมพำ ยิ้มมุมปาก
แขนแข็งแรงค่อย ๆ สอดใต้ข้อพับขาและแผ่นหลังของเธอ แล้วอุ้มร่างบางขึ้นอย่างเบามือ
น้ำหนักของเธอเบากว่าที่คิด และอุณหภูมิจากผิวกายอุ่น ๆ ของเธอก็ทำให้เขาหัวใจสั่นวาบอย่างไม่รู้ตัว
“จะหลับที่ไหนไม่หลับ มาหลับตรงนี้”
เสียงกระซิบดังข้างหูเธอ แต่เมษายังไม่รู้ตัว
คีตะเดินอย่างระมัดระวังไปที่ห้องของเมษา เปิดประตูเข้าไป...และค่อย ๆ วางเธอลงบนเตียงสีขาวสะอาด เขาจัดผ้าห่มให้เธอ แล้วหยุดมองหน้าเธออีกครู่หนึ่ง
ใบหน้าเธอยามหลับ…เหมือนแมวน้อยที่ไว้ใจเขาจนยอมวางใจให้ดูแล
เขายกมือขึ้น ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลูบเรือนผมนุ่มเบา ๆ แล้วกระซิบอีกคำหนึ่งก่อนลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องเธอไป
“ฝันดีนะ...แม่บ้านตัวจิ๋ว”
...
ช่วงเวลาหลายสัปดาห์ก่อนวันแข่งผ่านไปเร็วจนน่าแปลกใจ—
การฝึกซ้อมของทีมบาส R.C.U. ดำเนินไปอย่างเข้มข้นทุกเย็น วันจันทร์ถึงพฤหัสบดี ท่ามกลางเสียงรองเท้ายางเสียดพื้นและลูกบาสที่กระทบห่วงดัง “ปั๊ก!” อยู่เสมอ
คีตะในฐานะตำแหน่ง Shooting Guard ยังคงโดดเด่นในสนาม
ไม่ว่าจะเป็นสปีด การอ่านเกม หรือช็อตยิงสามแต้มที่แม่นยำจนโค้ชยังพยักหน้าพอใจ
ในอีกฟากหนึ่งของสนาม—
บริเวณข้างสแตนด์เชียร์ ห่างกันเพียงไม่กี่เมตร...ร่างเล็ก ๆ ในชุดซ้อมเชียร์ลีดเดอร์กำลังฝึกเต้นอย่างมุ่งมั่น
เมษา ที่แม้จะเข้าเป็นลีดเดอร์หน้าใหม่ แต่ท่าเต้นของเธอทั้งเป๊ะทั้งน่ารักจนพี่เชอรี่ยังเอ่ยปากชม
บรรยากาศเย็นย่ำที่เคยว่างเปล่าของสนาม R.C.U.
กลับเต็มไปด้วยชีวิตชีวา—ทั้งเสียงเป่านกหวีดจากโค้ช เสียงเพลงเกาหลีจังหวะคึกคักจากลำโพงของทีมเชียร์ และเสียงหัวเราะของเหล่านักศึกษาที่พร้อมใจกันเพื่อการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น
...
จนกระทั่ง—
วันที่ 30 กันยายน
วันแข่งขันบาสเกตบอลรอบแรกของมหาวิทยาลัยรอยัลคราวน์ (R.C.U)
สนามแข่งกลางแจ้งในงาน R.C.U. Fresh Cup ที่จัดโดยสโมสรนักศึกษากีฬา ได้รับการตกแต่งอย่างอลังการด้วยแบนเนอร์สีมหา’ ลัย และทีมถ่ายทอดสดออนไลน์จากคณะนิเทศฯ ก็พร้อมประจำตำแหน่ง
คู่แรกที่ลงสนามคือ: R.C.U. VS SUT
หรือ “ซูเทอนอฟา เทคโนเวอร์ซิตี้ (Suternova TechnoVersity)” ฉายา “พายุสีเงินแห่งแดนใต้”
หนึ่งในคู่แข่งที่ขึ้นชื่อเรื่องความเร็วและเกมรุกเฉียบขาด
คีตะในชุดแข่งหมายเลข 7 ยืนอยู่ตรงขอบสนาม ดึงผ้ารัดข้อมือแน่นอีกครั้ง แววตาของเขานิ่งเฉียบ ราวกับตั้งใจจะ ‘ลุย’ เต็มที่—
ขณะเดียวกัน...เสียงกลองและเสียงเชียร์ของลีดเดอร์ก็ดังขึ้นจากอีกฝั่งของสแตนด์
เมษาในชุดเชียร์ลีดเดอร์ประจำทีม ยืนประจำตำแหน่งด้านหน้า
เธอกวาดตามองหา...และทันทีที่เห็นเขาในสนาม
ภาพเมื่อคืนผุดขึ้นมาอีกครั้งในหัว...
“พรุ่งนี้ สู้ ๆ นะคะ” เมษาว่า พร้อมยิ้มบาง ๆ แต่แววตามีความกังวลเล็กน้อย
“เป็นอะไร?”
“...กลัวพี่จะไม่เห็นหนูตอนอยู่ข้างสนาม”
เธอว่าเบา ๆ ตาโตหลุบต่ำ
“เพราะมันจะมีคนเยอะมากเลย...”
คีตะยิ้มเอ็นดู หัวเราะเบา ๆ
“โธ่เอ๊ย แค่นั้นเอง”
“ไม่แค่นั้นนะคะ!” เมษาทักท้วงทันที
แก้มยุ้ยป่องน้อย ๆ อย่างน่าหยิก แววตาจริงจังอย่างคนที่ ‘คิดมาแล้ว’
“หนูรู้ละ—จะทำท่าอะไรที่พี่เห็นแน่นอนเลย!”
คีตะเลิกคิ้ว “หืม?”
เมษาขยับตัวลุกขึ้นยืนตรงหน้าเขา ยกมือสองข้างขึ้นเหนือหัว ก่อนจะใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้แตะกันเป็นวงกลม ทำเป็นรูปหัวใจ แล้วชูขึ้นกลางอากาศ
“ท่านี้!” เธอพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจเต็มร้อย
“เห็นชัดแน่นอน ไม่มีใครทำด้วย~!”
คีตะกลั้นขำไว้แทบไม่อยู่
“เธอจะทำ...วงแหวนบนหัวเหรอ?”
เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ พร้อมส่ายหน้า
“ไม่กลัวคนอื่นมองเหรอ ยัยจิ๋ว”
เมษาย่นจมูกนิด ๆ
“หนูไม่สนคนอื่น หนูอยากให้พี่เห็น!”
คีตะนิ่งไปชั่วอึดใจ แล้วหัวเราะอีกครั้ง
“เออ ๆ งั้นฉันจะทำแบบนี้”
คีตะพูดจบ ก็เอานิ้วจับติ่งหูข้างซ้าย
“มันแปลว่า ฉันเห็นเธอ”
เมษากลั้นยิ้มไม่อยู่…
และต่อมา เธอก็ยกมือขึ้นเหนือหัว ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ทำเป็นวงกลม หัวใจของเธอลอยอยู่กลางอากาศอีกครั้ง—เหมือนสัญญาที่ให้ไว้กันสองคน
...และเขาเห็น
คีตะหัวเราะเบา ๆ พลางส่ายหน้านิด ๆ แล้วก็ยกมือขึ้น ใช้ปลายนิ้วจับที่ติ่งหูซ้าย สัญลักษณ์ที่รู้กันแค่สองคน
เมษายิ้มแก้มแทบปริ หัวใจเต้นแรง หน้าร้อนผ่าว
“การแข่งขันคู่แรกกำลังจะเริ่มขึ้น! R.C. Hawks จากฝั่งตะวันออก! ปะทะกับ SUT Blaze มหาวิทยาลัยด้านวิศวกรรมสุดแกร่งจากแดนใต้!”
เสียงประกาศดังก้องพร้อมเสียงนกหวีดเริ่มเกมก็ดังขึ้น...
สัปดาห์ที่ 6 ของการตั้งครรภ์เมษายังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นแค่ช่วงนี้…ข้าวมันไก่ที่เคยกินแล้วฟินตอนดึก กลับกลายเป็นศัตรูของชีวิต ข้าวต้มปลาเจ้าประจำที่เคยคลั่งไคล้ ตอนนี้แค่ได้กลิ่นก็แทบอ้วกแต่สิ่งที่เธอรู้แน่ ๆ คือ…เธอกำลังจะมีลูก และ “คุณพ่อเด็ก” ก็คือสามีสุดหล่อผู้คลั่งรักที่เพิ่งรู้ข่าวนี้ไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว18.47 น.เสียงประตูคอนโดดัง “แกร๊ก”“เมียครับ!!! ลูกพี่กินอะไรได้บ้าง!! พี่ซื้อของมาเป็นสิบถุง!!!”คีตะ โชติธาดาคนเดิม เพิ่มเติมคือระดับความเห่อเกินหนึ่งพันเปอร์เซ็นต์ในมือเขาถือทั้งซุปปลาแบบออร์แกนิก ขิงแก่สดจากเชียงราย น้ำมะพร้าวไม่แช่เย็น ผ้าคลุมไหล่สำหรับหญิงตั้งครรภ์และ…หนังสือชื่อ ‘เข้าใจเมียท้องใน 60 นาที’ ที่เปิดอ่านค้างไว้ตรงหน้าแรก“พี่คีตะคะ…” เมษาถอนใจเฮือก“แค่หนูบอกว่าอาเจียนตอนเช้า พี่ก็ไปเหมาโซเชียลเหรอคะ?”“ก็…ก็พี่กลัวเมียเหนื่อยไงคะ แล้วก็ลูกพี่…ก็แสบตั้งแต่ยังไม่ออกมา!”คีตะวางของลง ก่อนจะพุ่งมาทรุดตัวนั่งข้างเธอบนโซฟา เอามือทาบท้องเธอเบา ๆ ทั้งที่ตอนนี้ยังไม่เห็นพุงแม้แต่นิด“อยากให้พี่ทำอะไรมั้ยครับ? อยากกินอะไรเป็นพิเศษ? น้ำแข็งจากขั้วโลก? ท
3 ปีต่อมา…แม้กรุงเทพฯ ยังจมอยู่ในวังวนเดิม ๆ ของการจราจรที่เหมือนภาพซ้ำทุกเช้าเย็น แต่ชีวิตของคีตะเปลี่ยนไปไกลราวฟ้ากับเหวจากเมื่อสามปีก่อนจากอดีตหนุ่มวิศวกรรมเครื่องกลที่ชีวิตผูกติดกับเครื่องจักร น้ำมันเครื่อง และซอฟต์แวร์ควบคุมอัตโนมัติวันนี้เขานั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำในห้องประชุมกระจกชั้นบนสุดของสำนักงานใหญ่ อาริกาโตะ กรุ๊ป—บริษัทเทคโนโลยีระดับอินเตอร์ที่กำลังเติบโตเร็วเหมือนติดจรวดในมือของเขามีทั้งดีลระดับพันล้าน หุ้นใหญ่ในมือ และแผนระดมทุนรอบใหม่ที่เหล่านักลงทุนต่างเฝ้ารอแต่ในสมองของเขา...มีเพียงคำถามเดียวที่วนซ้ำอยู่ทุกวัน‘เมียกูกินข้าวยังวะ’ไม่ว่าในแต่ละวันจะมีตารางงานแน่นขนาดไหน ต่อให้เลขาฯ ต้องคุกเข่ากราบขอให้เลื่อนนัดด่วนกับนักลงทุนต่างชาติคีตะก็จะส่ายหน้า...แล้วพูดเสียงนิ่งว่า“ผมห้ามมีนัดหลังหกโมงเย็นเด็ดขาด”‘สิ่งศักดิ์สิทธิ์’ ประจำตัวผู้บริหารใหญ่นี้คือกฎเหล็กข้อเดียวที่ใครก็ห้ามล้ำเส้นเพราะนั่นคือเวลาที่เขาจะรีบกลับคอนโดหรูย่านสุขุมวิท...กลับไปหาเมียที่ทั้งน่ารัก แสบ และเป็นแม่บ้านที่เขาหลงรักยิ่งกว่ากำไรรายไตรมาสวันนี้ก็เช่นกัน...เสียง ‘ติ๊ด’ จากปร
เสียงแสงแดดกลางฤดูหนาวทาบทอผ่านสนามหญ้ากว้างของมหาวิทยาลัย R.C.U. กลิ่นดอกไม้ปนกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ท่ามกลางเสียงชัตเตอร์มือถือที่ดังระรัวจากบรรดาเพื่อน ญาติ พี่น้องที่แห่มาร่วมแสดงความยินดีในวันสำเร็จการศึกษาเมษาในชุดครุยปักตราประจำคณะเดินออกจากหอประชุม พร้อมรอยยิ้มสดใสทันทีที่เห็นคนสำคัญ“คุณแม่! คุณพ่อ!”เธอวิ่งเข้าไปกอดคุณแม่ปาริฉัตรแน่น ส่วนท่านทูตดิลกก็ส่งยิ้มอย่างภูมิใจพลางเอื้อมมาลูบผมลูกสาวเบา ๆ“ลูกสาวพ่อเรียนจบแล้วนะ”“สวยที่สุดในรุ่นเลยค่ะ ลูกแม่!”ด้านหลังยังมีอีกสองคนที่ยิ้มอย่างภูมิใจไม่แพ้กัน — คุณธนา และคุณแม่อัญญาของคีตะ ทั้งคู่ยืนถือของขวัญกล่องเล็ก ๆ พร้อมดอกไม้ช่อโตที่เตรียมมาให้เธอเช่นกัน“ยินดีด้วยนะจ๊ะ หนูเมษา”“ขอบคุณค่ะ คุณอา คุณน้า” เมษายิ้มแก้มแทบปริ ก่อนจะรับของขวัญจากทั้งคู่“แล้ว...พี่คีตะล่ะคะ?” หญิงสาวหันมองไปรอบตัวทุกคนมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนแอบอมยิ้ม“หาพี่เหรอ?”เสียงทุ้มคุ้นหูทำเอาเมษาหันขวับไปทันทีคีตะมาในเสื้อเชิ้ตพอดีตัว กางเกงสแลค หล่อเนี้ยบจนทำเอาเมษาถึงกับตาพร่า แต่สิ่งที่ทำให้เธอใจเต้นกลับไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ —มันคือสายตาที่
“คิดอะไรอยู่ หืม~?”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นด้านหลัง ทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมอง แล้วต้องกลั้นหายใจเล็กน้อยคีตะในชุดลำลองเสื้อกล้ามสีเข้มกับกางเกงผ้าสบาย ๆ ผมเปียกนิดหน่อยจากการอาบน้ำ มือข้างหนึ่งถือแก้วน้ำเย็น อีกข้างถือผ้าขนหนูเขาเดินเข้ามาหาช้า ๆ แล้วนั่งลงข้างเธอ พลางยื่นผ้ามาคลุมศีรษะเธอไว้เบา ๆ ก่อนวางแก้วไว้ข้างตัว“ผมยังไม่แห้งดีเลย เดี๋ยวไม่สบาย” เสียงนุ่มนวลเต็มไปด้วยความอ่อนโยน และค่อย ๆ เช็ดผมให้เธอ“อื้อออ~ ไม่ต้องเช็ดแรงก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหัวหนูหายหมด” เมษาบ่นอุบ แต่เสียงกลับแผ่วลงเรื่อย ๆคีตะหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหยุดเช็ด แล้วโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ดวงตาคมนิ่งลึกสะท้อนแสงจันทร์ และเธอรู้สึกได้ว่า ลมหายใจของเขาอยู่ใกล้เพียงปลายนิ้ว“พะ...พี่คีตะ...”“หืม?” คีตะเลื่อนมือมาจับปลายคางเธอเบา ๆ“คือ...” เมษาตาโต หน้าแดงซ่านไม่ทันได้พูดอะไร ริมฝีปากของเขาก็โน้มลงมาแตะกับริมฝีปากของเธอเบา ๆ จูบแรกนั้นนุ่มนวล...อบอุ่น...แฝงความทะนุถนอมแต่ในวินาทีถัดมา รสจูบนั้นกลับค่อย ๆ ลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆปลายลิ้นร้อนแตะที่กลีบปากเธอ ก่อนจะค่อย ๆ ดุนดันให้เธอเปิดรับสัมผัสที่เร่าร้อนยิ่งกว
หลังจากคีตะเรียนจบคุณพ่อธนาไม่รอช้า…กดดันให้ลูกชายคนเดียวเข้าไปช่วยงานในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวทันที“จะออกแบบเครื่องยนต์ หุ่นยนต์ หรืออะไร พ่อไม่ว่า แต่ช่วยทำโปรเจกต์กับแผนกเทคโนโลยีในเครือเราซักอาทิตย์สองอาทิตย์ก่อน ได้มั้ยลูก!”เสียงของคุณพ่อยังดังก้องในหัวเขาแต่คีตะในเสื้อฮู้ดสีเทา กับกางเกงวอร์มเรียบ ๆ กลับนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน ยกโน้ตบุ๊กขึ้นบนตัก เปิดแบบจำลองหุ่นยนต์ต้นแบบที่เขาออกแบบเอง —โครงสร้างเครื่องกลซับซ้อนแต่สมบูรณ์แบบจนเหมือนสิ่งมีชีวิตจริง‘ถ้ามีเวลาอีกซักหน่อย...โปรเจกต์นี้ต้องสำเร็จแน่’เขาคิดในใจ ก่อนเสียงใส ๆ ที่คุ้นเคยจะดังขึ้นจากประตู“พี่คีตะขา~ หนูเอาน้ำมะพร้าวมาฝาก~”เสียงหวานนั่นทำให้เขาชะงัก เงยหน้าขึ้น — และทันทีที่เห็นคนตรงหน้า ความเครียดทั้งวันก็ละลายหายไปในพริบตาเมษาในชุดเสื้อยืดโอเวอร์ไซส์สีขาวกับกางเกงขาสั้นเหนือเข่า เดินยิ้มหวานถือแก้วที่มีน้ำมะพร้าวเย็น ๆ กับถุงใส่ขนมที่เธอซื้อมาฝากตั้งแต่สอบปลายภาคเสร็จ พ่อและแม่ของเธอก็ต้องกลับไปประจำสถานทูตอังกฤษเหมือนเคย และเพราะไม่อยากให้เธออยู่บ้านคนเดียว — เมษาจึงกลับมาอยู่บ้านโชติธาดาอีกครั้งแล
วันเวลาผ่านไปจนเมษาและคีตะเข้าสู่ปิดเทอมอีกครั้ง และครั้งนี้พ่อและแม่ของเมษาลางานกลับมาเพื่อใช้เวลาอยู่กับลูกสาวที่เมืองไทย ทำให้เมษาต้องกลับไปอยู่ที่บ้านของเธอชั่วคราวแต่เมื่อท่านทูตดิลกรู้ว่าคีตะกับเมษาคบกัน ท่านทูตก็เปลี่ยนบุคลิกกลายเป็นคุณพ่อโหมดหวงลูกสาวทันทีวันนี้...คีตะมีภารกิจ เขาตั้งใจมาขออนุญาตท่านทูตดิลกเพื่อพาเมษาไปเที่ยวด้วยกัน สำหรับ ‘เดทแรก’ ของทั้งคู่ในฐานะ ‘แฟน’บรรยากาศบ้าน ‘ไทระ’ ในย่านเงียบสงบของกรุงเทพฯ ร่มรื่นด้วยเงาต้นไม้ใหญ่และกลิ่นชาเขียวจากสวนญี่ปุ่นที่อยู่ข้างตัวบ้าน แสงแดดอ่อนของช่วงบ่ายส่องลอดใบไผ่รำไร — สะท้อนลงบนกระดานหมากรุกไม้สักกลางโต๊ะหินทรงสี่เหลี่ยม“นั่งสิ”เสียงทุ้มทรงอำนาจแต่สุภาพของท่านทูตดิลกดังขึ้นชัดเจน ขณะเขานั่งไขว่ห้างใต้ร่มกันสาดผ้าเช็ดหน้าสีขาวพับอย่างเรียบกริบวางไว้บนตัก ข้างตัวคือชาร้อนและคุกกี้จากลอนดอนที่ลูกสาวสุดรักสุดหวงจัดเตรียมไว้ให้คีตะในชุดเสื้อเชิ้ตสีครีมเรียบกับกางเกงสแล็กยืนอยู่ตรงหน้า — ข้างกายเขาคือเมษาที่ทำท่าจะเอ่ยปาก แต่ก็ถูกสายตาปรามเบา ๆ จากคุณแม่ปาริฉัตร ที่ยืนพิงประตูกอดอกราวกับกำลังดูซีรีส์เกาหลีด้วยสีหน้าสนุก







