LOGIN💞 “หนูไม่ได้อยากเป็นน้องพี่...หนูอยากเป็นของพี่ต่างหาก” 💞 เมื่อ ลูกสาวมาเฟียผู้หวานซ่อนคม ต้องมาอยู่บ้านเดียวกับ รุ่นพี่วิศวะสุดฮอต ที่เธอแอบรักมาครึ่งชีวิต จากความผูกพันกลายเป็นความรู้สึก ที่ไม่มีใครห้ามหัวใจได้อีกต่อไป…
View Moreเสียงเครื่องยนต์หรูดับลงหน้าบ้านทรงโมเดิร์นสไตล์มินิมอลหลังใหญ่ในย่านใจกลางเมืองหลวง…
คีตะ โชติธาดา เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคมคาย นักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ปี 3 สถาบันดัง ปลดหมวกกันน็อกออกจากศีรษะ ขยี้ผมเล็กน้อยก่อนเดินเข้าบ้านด้วยสีหน้าเหนื่อยล้าเล็กน้อยตามประสาคนเรียนโหด
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเทอม...เขาจะได้พักผ่อนยาว ๆ ตลอดสองเดือนช่วงปิดเทอมเสียที
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้าน กลับได้ยินเสียงหัวเราะของใครบางคน เสียงใส ๆ ที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน… แต่ฟังแล้วทำให้คิ้วเขากระตุกเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
“คีตะ~ กลับมาแล้วเหรอลูก!”
คุณแม่อัญญาเอ่ยเรียก พลางเดินนำเด็กสาวในชุดเดรสสีชมพูที่ดูสดใส และ…หน้าตาคุ้น ๆ แต่อ่อนวัยกว่าเขาเล็กน้อย เดินเข้ามาใกล้
“นี่น้องเมษาไงจ๊ะ… ลูกของคุณดิลกกับปาริฉัตร เพื่อนสนิทพ่อแม่น่ะ”
คีตะปรายตามองเธออย่างสุภาพ — ริมฝีปากยกยิ้มมุมปากนิด ๆ ตามมารยาท…แต่ดวงตาคมเข้มนั้นเฉยชาอย่างสิ้นเชิง
ในขณะที่เขาคิดว่า ‘น้องเมษา’ ก็เป็นแค่เด็กสาวน่ารักคนหนึ่ง—
เธอ…กลับมองว่า...เขาคือเจ้าชายในฝันมาตลอด 10 ปี!
‘พี่คีตะ!! ‘
เมษา ยืนตัวแข็งทื่อ ใบหน้าแดงก่ำ ใจเต้นระรัวเหมือนจะหลุดออกจากอก เธอพยายามสงบนิ่ง พยายามเก็บอาการให้ดูเป็นสาวเรียบร้อยแบบที่อยากให้เขาชอบ
‘อย่าเผลอร้องกรี๊ด...อย่าเผลอวิ่งไปกอดพี่เขา...’
‘พี่เขา...ยังหล่อกระชากใจเหมือนเดิม ไม่สิ ๆ ๆ!!’
‘หล่อมากกว่าเดิม หล่อแบบวัวตายควายล้ม’
ภาพความทรงจำแวบกลับเข้ามา...
เมื่อสิบปีก่อน…เธออายุแค่ 11 ปี
เขาอายุ 14 แต่กลับหล่อจนทำให้เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่เคยลืมได้เลย วันนี้เธออายุ 19 แล้ว และสอบติดมหา’ ลัยเดียวกับเขา—คณะสถาปัตย์!
คีตะยืนกอดอก มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างสงสัยเล็กน้อย
เธอดูสวยแบบใส ๆ ผิวขาวเนียนจัด ใบหน้าเรียวเล็กตาโต—ชุดเดรสสีชมพู ดูสวยใส สะอาดเรียบเนี้ยบ แต่ท่าทางดูกระตือรือร้นผิดปกติ
“เราเคยเจอกันมาก่อนเหรอ?”
เสียงทุ้มต่ำถามอย่างตรงไปตรงมา เมษาเกือบทรุดลงไปกรี๊ดกับพื้น—ไม่ใช่เพราะเขาจำเธอไม่ได้ แต่เพราะเสียงของเขายังทำให้เธอใจเต้นเหมือนตอนเด็กไม่มีผิด
“ก็ตอนงานวันเกิดของหนูไงคะ...” เธอยิ้มหวานแบบที่ซ้อมมาหลายปี
“พี่คียังตัดเค้กวันเกิดให้หนูเลยด้วยค่ะ!”
“ฮะ?” คีตะเลิกคิ้ว
“ตอนนั้นเธอตัวเท่าไอติมแท่งเองมั้ง...”
‘พูดงี้ได้ไงคะพี่คี! เมษาโตแล้ว โตพร้อมจะเป็นเจ้าสาวแล้วด้วยซ้ำ!’
เธอกรีดร้องในใจ แต่อมยิ้มเอาไว้—เพราะนี่แหละ…คือการเริ่มต้นใหม่ของเธอ เมษาจะทำทุกอย่างให้พี่คีตะตกหลุมรัก
ผัวะ!!
“ไอ้ลูกบื้อเอ๊ย!!” เป็นแม่ของเขาที่ตบไหล่เขาอย่างแรงจนแทบไหล่หลุด พร้อมมองเขาคาดโทษ
“หนูเมษาอย่าไปถือสาคีตะเลยนะลูก” คุณอัญญาหันมากล่าวเสียงอ่อน ก่อนจะจับมือนุ่มของเมษาแล้วพาเดินเข้าไปด้านใน
ภายในห้องนั่งเล่น คุณธนา—พ่อของคีตะ กำลังพูดคุยอยู่กับท่านทูตดิลกและคุณปาริฉัตร พ่อแม่ของเมษาอย่างเป็นกันเอง
“ต้องขอบคุณจริง ๆ ที่ให้เมษาได้มาอยู่ด้วยนะครับ” ท่านทูตดิลกกล่าวด้วยความสุภาพ
“เพราะโดนคำสั่งให้ไปประจำอยู่ที่สถานทูตอังกฤษ ผมกับปาริฉัตรก็ห่วงลูกสาวคนเดียวมาก จะให้ไปอยู่คนเดียวก็ใช่ที่”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ” คุณอัญญายิ้ม
“ฉันอยากมีลูกสาวมานานแล้ว หนูเมษาน่ารักจะตาย”
คีตะที่เดินตามเข้ามาในห้องขมวดคิ้ว
“แม่พูดอะไรเนี่ย?” เขาถาม พลางเคี้ยวคุกกี้ที่เพิ่งหยิบมาจากจานในครัว
คุณอัญญาหันมายิ้มบาง ๆ ก่อนจะตอบ
“ตั้งแต่วันนี้ หนูเมษาจะมาอยู่กับเราน่ะสิ ห้องว่างข้าง ๆ ลูกยังไงล่ะ”
!!!
🌸 🌸 🌸
“โว้ยย~ ตื่นเต้นเกินไปแล้ว...” เมษาพึมพำขณะวางกล่องของใช้ลงบนเตียงใหม่ในห้องสีพาสเทลสะอาดตา
แม้จะยังไม่ได้จัดของเข้าที่เรียบร้อยดีนัก แต่เพียงแค่ได้ยืนอยู่ในห้องนี้—ข้างห้องของคีตะ เธอก็รู้สึกเหมือนได้ขึ้นสังเวียนรักที่เตรียมตัวมาอย่างยาวนาน
ย้อนไปก่อนหน้าหนึ่งวัน
“ไม่ค่ะ หนูไม่ไปอังกฤษ” เมษายืนยันเสียงแข็ง
“หนูเพิ่งสอบติดสถาปัตย์ หนูอยากเรียนที่นี่ค่ะ แม่ขา~” เมษาหันไปอ้อนแม่ เพราะรู้ว่าพ่อของเธอไม่ยอมใจอ่อน
“ไม่ได้ ลูกอยู่คนเดียวไม่ได้!”
“แต่หนูโตแล้วนะคะพ่อ หนูดูแลตัวเองได้จริง ๆ”
เสียงเถียงกันไปมาระหว่างพ่อลูกดังก้องทั่วห้องนั่งเล่น ก่อนที่เมษาจะงัดไม้ตายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลปนลูกอ้อนเต็มพิกัด
“งั้น...ให้หนูไปอยู่กับลุงธนากับน้าอัญญาแทนได้มั้ยคะ~?”
“ว่าไงนะ?” ท่านทูตดิลกเลิกคิ้ว
“ก็คุณลุงคุณน้าเป็นเพื่อนสนิทพ่อแม่นี่นา หนูจะได้ไม่เหงาด้วยไง~”
เมษายิ้ม ส่งสายตาหวานใส พลางเอาหน้าถูไถต้นแขนพ่อของเธอ ในขณะที่คุณแม่ปาริฉัตรหรี่ตามองลูกสาวอย่างรู้ทัน
“ให้ลูกไปเถอะค่ะ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าให้อยู่คอนโดคนเดียวจริงไหม?”
“...ก็ได้” ท่านทูตรดิลกยอมอย่างเสียไม่ได้
“ขอบคุณค่ะ คุณพ่อ” เมษายิ้มออกมาอย่างดีใจ ก่อนจะกอดพ่อและหอมแก้มด้วยความรัก
เมษายิ้มออกมาอย่างสมใจ
“เมษา...จะจีบพี่คีตะให้สำเร็จให้ได้เลยคอยดู!” เธอพูดเสียงเบาในลำคอ ขณะค่อย ๆ แกะกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาจัดเรียงลงในตู้
เสื้อผ้าในกระเป๋าล้วนเป็นชุดกระโปรงหวาน ๆ ที่เธอเตรียมไว้เพื่องานนี้โดยเฉพาะ—เพราะถ้าอยากจะให้พี่คีมองแบบคนรัก…เมษาจะต้องเนียนให้สุดและน่ารักให้สุด
เธอเหลือบมองประตูที่กั้นห้องกับห้องข้าง ๆ แล้วหัวใจเต้นแรงอีกครั้ง
‘จากวันนี้ไป...เราอยู่บ้านเดียวกันแล้วนะคะ พี่คี’
🌸
เช้านี้เมษาตื่นเร็วกว่าทุกวัน เพราะมันไม่ใช่เช้าธรรมดา—แต่มันคือเช้าที่เธอได้ตื่นในบ้านหลังเดียวกับ ‘พี่คีตะ’
“วันนี้ต้องสวย! ต้องสดใส! ต้องพร้อมจีบ!”
เธอพึมพำกับตัวเองหน้ากระจกขณะม้วนปลายผมให้เป็นลอนธรรมชาติ
ผิวเนียนใสที่โบกครีมบำรุงตั้งแต่เมื่อคืนดูเปล่งประกาย ชุดอยู่บ้านที่เธอเลือกเป็นเสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้น ดูน่ารักแต่ไม่โป๊จนแม่ดุ
ทุกอย่างถูกเซ็ตมาอย่างดี—แม้จะดูเหมือนลุคอยู่บ้านสบาย ๆ แต่แท้จริงแล้วคือลุคพิฆาตพี่คีตะที่ซุ่มซ้อมมาแล้วนับสิบรอบ
เมษาคว้าผ้าขนหนูพับใหม่ในตะกร้า กะว่าจะเอาไปช่วยคุณน้าอัญญาในครัว แต่ทันใดนั้น...
แกร๊ก...
เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น
เมษาชะงักฝีเท้า เงยหน้าขึ้น—แล้วโลกทั้งใบก็หยุดหมุนไปชั่วขณะ
พี่คีตะ...
ยืนอยู่ตรงหน้าห้องน้ำในสภาพเสื้อยืดตัวเดียวกับกางเกงวอร์มหลวม ๆ หยดน้ำเกาะตามใบหน้าคมคาย ร่วงลงช้า ๆ ตามแนวกราม และลำคอที่เปียกชื้น
เขากำลังล้างหน้า—เสยผมขึ้นอย่างลวก ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับเธอ
ช็อตนั้น...เมษาแทบหยุดหายใจ
ใบหน้าตื่นนอนของพี่คียังดูง่วงนิด ๆ แต่หล่อทะลุน้ำทะลุแสงยามเช้าอย่างกับหลุดออกมาจากโฆษณายาสระผม!
‘พี่คีตะ...ชนะน็อค!!’
แต่เธอไม่มีเวลาจะช็อกนาน เพราะบทของสาวหวานต้องเดินต่อ!
เธอรีบปรับท่าทาง ยืดหลังตรง สะบัดผมเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไปยื่นผ้าขนหนูให้พร้อมกับรอยยิ้มสดใสที่สุดในชีวิต
“พี่คีตะคะ...ผ้าค่ะ”
คีตะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือรับไปแบบงง ๆ
“ขอบใจ” เขาพูดเรียบ ๆ แต่แววตาดูยังไม่ค่อยตื่นเต็มที่
เมษายิ้มหวาน พยายามรักษาสมดุลรอยยิ้มกับเลือดที่กำลังจะพุ่งออกจมูก
‘นิ่งไว้เมษา...นิ่งงงง!’
เธอค้อมหัวเบา ๆ แล้วรีบเดินหนีออกมาด้วยท่าทางสวยงามเหมือนคุณหนู แต่ทันทีที่พ้นระยะสายตาของเขา...
‘กรี๊ดดดดดด~!!!’
เสียงหวีดในใจดังกระหึ่ม
‘นี่มัน...เปิดฉากตอนเช้าอันตรายมาก! หัวใจจะวายตั้งแต่วันแรกแล้วววว ยัยเมษา!!!!’
🌸 🌸 🌸
สัปดาห์ที่ 6 ของการตั้งครรภ์เมษายังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นแค่ช่วงนี้…ข้าวมันไก่ที่เคยกินแล้วฟินตอนดึก กลับกลายเป็นศัตรูของชีวิต ข้าวต้มปลาเจ้าประจำที่เคยคลั่งไคล้ ตอนนี้แค่ได้กลิ่นก็แทบอ้วกแต่สิ่งที่เธอรู้แน่ ๆ คือ…เธอกำลังจะมีลูก และ “คุณพ่อเด็ก” ก็คือสามีสุดหล่อผู้คลั่งรักที่เพิ่งรู้ข่าวนี้ไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว18.47 น.เสียงประตูคอนโดดัง “แกร๊ก”“เมียครับ!!! ลูกพี่กินอะไรได้บ้าง!! พี่ซื้อของมาเป็นสิบถุง!!!”คีตะ โชติธาดาคนเดิม เพิ่มเติมคือระดับความเห่อเกินหนึ่งพันเปอร์เซ็นต์ในมือเขาถือทั้งซุปปลาแบบออร์แกนิก ขิงแก่สดจากเชียงราย น้ำมะพร้าวไม่แช่เย็น ผ้าคลุมไหล่สำหรับหญิงตั้งครรภ์และ…หนังสือชื่อ ‘เข้าใจเมียท้องใน 60 นาที’ ที่เปิดอ่านค้างไว้ตรงหน้าแรก“พี่คีตะคะ…” เมษาถอนใจเฮือก“แค่หนูบอกว่าอาเจียนตอนเช้า พี่ก็ไปเหมาโซเชียลเหรอคะ?”“ก็…ก็พี่กลัวเมียเหนื่อยไงคะ แล้วก็ลูกพี่…ก็แสบตั้งแต่ยังไม่ออกมา!”คีตะวางของลง ก่อนจะพุ่งมาทรุดตัวนั่งข้างเธอบนโซฟา เอามือทาบท้องเธอเบา ๆ ทั้งที่ตอนนี้ยังไม่เห็นพุงแม้แต่นิด“อยากให้พี่ทำอะไรมั้ยครับ? อยากกินอะไรเป็นพิเศษ? น้ำแข็งจากขั้วโลก? ท
3 ปีต่อมา…แม้กรุงเทพฯ ยังจมอยู่ในวังวนเดิม ๆ ของการจราจรที่เหมือนภาพซ้ำทุกเช้าเย็น แต่ชีวิตของคีตะเปลี่ยนไปไกลราวฟ้ากับเหวจากเมื่อสามปีก่อนจากอดีตหนุ่มวิศวกรรมเครื่องกลที่ชีวิตผูกติดกับเครื่องจักร น้ำมันเครื่อง และซอฟต์แวร์ควบคุมอัตโนมัติวันนี้เขานั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำในห้องประชุมกระจกชั้นบนสุดของสำนักงานใหญ่ อาริกาโตะ กรุ๊ป—บริษัทเทคโนโลยีระดับอินเตอร์ที่กำลังเติบโตเร็วเหมือนติดจรวดในมือของเขามีทั้งดีลระดับพันล้าน หุ้นใหญ่ในมือ และแผนระดมทุนรอบใหม่ที่เหล่านักลงทุนต่างเฝ้ารอแต่ในสมองของเขา...มีเพียงคำถามเดียวที่วนซ้ำอยู่ทุกวัน‘เมียกูกินข้าวยังวะ’ไม่ว่าในแต่ละวันจะมีตารางงานแน่นขนาดไหน ต่อให้เลขาฯ ต้องคุกเข่ากราบขอให้เลื่อนนัดด่วนกับนักลงทุนต่างชาติคีตะก็จะส่ายหน้า...แล้วพูดเสียงนิ่งว่า“ผมห้ามมีนัดหลังหกโมงเย็นเด็ดขาด”‘สิ่งศักดิ์สิทธิ์’ ประจำตัวผู้บริหารใหญ่นี้คือกฎเหล็กข้อเดียวที่ใครก็ห้ามล้ำเส้นเพราะนั่นคือเวลาที่เขาจะรีบกลับคอนโดหรูย่านสุขุมวิท...กลับไปหาเมียที่ทั้งน่ารัก แสบ และเป็นแม่บ้านที่เขาหลงรักยิ่งกว่ากำไรรายไตรมาสวันนี้ก็เช่นกัน...เสียง ‘ติ๊ด’ จากปร
เสียงแสงแดดกลางฤดูหนาวทาบทอผ่านสนามหญ้ากว้างของมหาวิทยาลัย R.C.U. กลิ่นดอกไม้ปนกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ท่ามกลางเสียงชัตเตอร์มือถือที่ดังระรัวจากบรรดาเพื่อน ญาติ พี่น้องที่แห่มาร่วมแสดงความยินดีในวันสำเร็จการศึกษาเมษาในชุดครุยปักตราประจำคณะเดินออกจากหอประชุม พร้อมรอยยิ้มสดใสทันทีที่เห็นคนสำคัญ“คุณแม่! คุณพ่อ!”เธอวิ่งเข้าไปกอดคุณแม่ปาริฉัตรแน่น ส่วนท่านทูตดิลกก็ส่งยิ้มอย่างภูมิใจพลางเอื้อมมาลูบผมลูกสาวเบา ๆ“ลูกสาวพ่อเรียนจบแล้วนะ”“สวยที่สุดในรุ่นเลยค่ะ ลูกแม่!”ด้านหลังยังมีอีกสองคนที่ยิ้มอย่างภูมิใจไม่แพ้กัน — คุณธนา และคุณแม่อัญญาของคีตะ ทั้งคู่ยืนถือของขวัญกล่องเล็ก ๆ พร้อมดอกไม้ช่อโตที่เตรียมมาให้เธอเช่นกัน“ยินดีด้วยนะจ๊ะ หนูเมษา”“ขอบคุณค่ะ คุณอา คุณน้า” เมษายิ้มแก้มแทบปริ ก่อนจะรับของขวัญจากทั้งคู่“แล้ว...พี่คีตะล่ะคะ?” หญิงสาวหันมองไปรอบตัวทุกคนมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนแอบอมยิ้ม“หาพี่เหรอ?”เสียงทุ้มคุ้นหูทำเอาเมษาหันขวับไปทันทีคีตะมาในเสื้อเชิ้ตพอดีตัว กางเกงสแลค หล่อเนี้ยบจนทำเอาเมษาถึงกับตาพร่า แต่สิ่งที่ทำให้เธอใจเต้นกลับไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ —มันคือสายตาที่
“คิดอะไรอยู่ หืม~?”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นด้านหลัง ทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมอง แล้วต้องกลั้นหายใจเล็กน้อยคีตะในชุดลำลองเสื้อกล้ามสีเข้มกับกางเกงผ้าสบาย ๆ ผมเปียกนิดหน่อยจากการอาบน้ำ มือข้างหนึ่งถือแก้วน้ำเย็น อีกข้างถือผ้าขนหนูเขาเดินเข้ามาหาช้า ๆ แล้วนั่งลงข้างเธอ พลางยื่นผ้ามาคลุมศีรษะเธอไว้เบา ๆ ก่อนวางแก้วไว้ข้างตัว“ผมยังไม่แห้งดีเลย เดี๋ยวไม่สบาย” เสียงนุ่มนวลเต็มไปด้วยความอ่อนโยน และค่อย ๆ เช็ดผมให้เธอ“อื้อออ~ ไม่ต้องเช็ดแรงก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหัวหนูหายหมด” เมษาบ่นอุบ แต่เสียงกลับแผ่วลงเรื่อย ๆคีตะหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหยุดเช็ด แล้วโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ดวงตาคมนิ่งลึกสะท้อนแสงจันทร์ และเธอรู้สึกได้ว่า ลมหายใจของเขาอยู่ใกล้เพียงปลายนิ้ว“พะ...พี่คีตะ...”“หืม?” คีตะเลื่อนมือมาจับปลายคางเธอเบา ๆ“คือ...” เมษาตาโต หน้าแดงซ่านไม่ทันได้พูดอะไร ริมฝีปากของเขาก็โน้มลงมาแตะกับริมฝีปากของเธอเบา ๆ จูบแรกนั้นนุ่มนวล...อบอุ่น...แฝงความทะนุถนอมแต่ในวินาทีถัดมา รสจูบนั้นกลับค่อย ๆ ลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆปลายลิ้นร้อนแตะที่กลีบปากเธอ ก่อนจะค่อย ๆ ดุนดันให้เธอเปิดรับสัมผัสที่เร่าร้อนยิ่งกว





