“อึก” หลังจากที่พวกเขาเดินมาได้สักระยะ อิงอี้หรานเห็นว่าใต้เท้าหมิงเองดูท่าจะไม่ไหวจึงพาเขานั่งพัก พยุงร่างสูงให้นั่งพิงต้นไม้ริมลำธาร แผ่นอกหนากระเพื่อมหอบหนักถี่กระชั้น ร่างกายคล้ายจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ โดยเฉพาะจุดกลางกายที่โป่งพองจวนปริแตก
“ท่านอดทนอีกนิด ข้าจะช่วยทำแผลให้” อิงอี้หรานนำผ้าเช็ดหน้าที่พกติดกายตลอดชุบน้ำในลำธาร ก่อนที่จะนำมาเช็ดรอบบาดแผล มือเรียวสั่นเทาด้วยไม่รู้จะทำเช่นไรดีในสถานการณ์เช่นนี้
“พระสนม ท่านเดินตามลำธารไปเรื่อยๆ จะพบกับหน่วยลาดตระเวน กระหม่อม…อึก” ใบหน้าหล่อเหลาเบือนหนีดวงหน้างดงามที่อยู่ใกล้เพียงช่วงหนึ่งลมหายใจ ยิ่งนางอยู่ใกล้เขามากเท่าไหร่ ยิ่งกระตุ้นพิษในกายให้ออกฤทธิ์มากเท่านั้น
“ใต้เท้าหมิง ข้าจะทิ้งท่านได้อย่างไร เพราะช่วยข้า ท่านถึงต้องเป็นเช่นนี้” อิงอี้หรานยังคงดื้อดึง มือนุ่มช่วยเช็ดเหงื่อที่ไหลลงตามกรอบหน้าอย่างแผ่วเบา ดวงตาหงส์เงยขึ้นมาสบตาอีกคน เพื่อยืนยันว่านางไม่มีวันทิ้งเขา วินาทีนั้นเองที่ความอดทนของผู้ขึ้นชื่อว่ารูปสลักน้ำแข็งพังทลาย ดวงใจกร้าวแกร่งกระตุกไปหนึ่งจังหวะ ฟางเส้นสุดท้ายกำลังจะขาดลงในไม่ช้า
“หากท่าน…อึก…ไม่ไปจากกระหม่อมตอนนี้ล่ะก็ กระหม่อมเกรงว่าจะทำเรื่องให้พระองค์ต้องเสื่อมเสีย”
“ข้าไม่สนใจ ตอนนี้เพียงต้องการช่วยท่านเท่านั้น” มือเรียวสัมผัสกับใบหน้าคมคร้ามพลางลูบไล้อย่างปลอบประโลม หมิงเจ๋อกัดริมฝีปากจนเลือดไหลออกมาเพื่อให้ความเจ็บปวดช่วยประคองสติ เห็นดังนั้นอิงอี้หรานจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แนบริมฝีปากเข้าด้วยกันเพื่อให้เขาหยุดทำร้ายตัวเอง อกอวบเบียดแนบชิดจนไร้ช่องว่างระหว่างชายหญิง เสียงดูดดึงแลกลิ้นดังขึ้นท่ามกลางความเงียบในป่าลึก
ความร้อนรุ่มที่ปะทุอยู่ในกายครอบงำสติผิดชอบชั่วดีจนสิ้น ริมฝีปากอุ่นเคลื่อนเข้าไปซุกไซร้ซอกคอ กลิ่นหอมอ่อนคล้ายดอกไม้ราวกับยาเสพติดที่อยากสูดดมมิรู้เบื่อ ไม่รู้เมื่อใดที่มือหยาบกร้านดึงชุดคลุมตัวนอกให้หลุดออกจากไหล่บาง เลื่อนลงมาบีบเคล้นอกอวบอย่างเผลอไผล
“อ๊ะ…หมิงเจ๋อ” อิงอี้หรานกดศีรษะของผู้ที่กำลังดูดยอดปทุมถันของนางราวกับทารกดื่มน้ำนมมารดาให้แนบชิดอก ความกระสันซ่านแล่นริ้วจากช่วงบนลงสู่ปลายเท้า แอ่นหน้าอกรับกับใบหน้าหล่อเหลาที่กระหายหิว
ชั่วอึดใจต่อมาร่างขาวนวลไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิดกาย กลีบบุปผาฉ่ำน้ำถูกลิ้นร้อนปาดเลียจนเกิดเสียงน่าอาย ดวงหน้างามพิลาสแดงก่ำด้วยแรงอารมณ์ มิต่างจากบุรุษผู้ซึ่งกำลังหลงมัวเมาไปกับร่างกายงดงามนี้
หมิงเจ๋อถอนลิ้นออกมาจากกลีบบุปผางามแทนที่ด้วยนิ้วเรียวยาว ก่อนที่เขาจะทนไม่ไหว กดลำลึงค์เข้าไปในรูเล็กแคบเมื่ออารมณ์กำหนัดทะยานขึ้นสูง
“อ๊ะ…หมิงเจ๋อ” อิงอี้หรานเกร็งหน้าท้องรับสัมผัสแข็งแกร่งที่ถูกเติมเต็มเข้ามาในร่าง มันทั้งร้อนผ่าวและกร้าวแกร่งมิต่างจากผู้เป็นเจ้าของเลย จังหวะทะยานจ้วงก็องอาจดุดัน
“พระสนม ท่านช่างคับแคบเหลือเกิน” ใต้เท้าหนุ่มกัดกรามกรอด ใบหน้าหล่อเหลาเหยเกเมื่อถูกโพรงนุ่มรัดกลางกายจนแทบขยับเขยื้อนไม่ได้ รสสวาทที่เพิ่งได้สัมผัสเป็นครั้งแรกทำเอาเขาแทบคลั่ง โจนจ้วงเข้าไปในร่างบอบบางอย่างลืมถนอม
สองร่างกอดกระหวัดกันริมลำธาร สายลมเอื่อยเฉื่อยไม่ทำให้กายชายเย็นลงแม้แต่น้อย ร่างกายที่เคยอ่อนแรงกลับมีกำลังวังชาเพิ่มขึ้นราวกับว่านางคือยาถอนพิษ กลืนกินมิให้เหลือเพื่อไปถึงจุดแตกดับ
เนิ่นนานกว่าที่ทุกอย่างจะสงบลง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพิษที่ได้รับหรือเพราะร่างกายอันเย้ายวนแลใบหน้างามล่มเมืองกันแน่ที่ทำให้หมิงเจ๋อขาดสติได้ถึงเพียงนี้
อิงอี้หรานซบใบหน้าลงบนอกแกร่งที่พราวไปด้วยหยาดเหงื่อเจือกลิ่นอายแห่งบุรุษ ชุดคลุมสีดำถูกนำมาคลุมร่างเปลือยเปล่าของพระสนม ดวงตาคมก้มมองคนในอ้อมอกอย่างอ่อนหวาน น้ำเสียงที่เคยเข้มงวดเด็ดขาดอ่อนลงหลายส่วน มือเรียวขาวถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากอย่างนุ่มนวล
“แม้กระหม่อมจะรับผิดชอบกับการกระทำนี้ไม่ได้ แต่กระหม่อมให้สัตย์สาบาน ว่าชาตินี้จะมีท่านเป็นฮูหยินเพียงผู้เดียว”
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ในเมื่อท่านมีสัญญาหมั้นหมายกับพี่เยว่ชิง” อิงอี้หรานช้อนดวงตาขึ้นมองคนที่โอบกอดนางไว้ นัยน์ตากวางเศร้าโศกยิ่งนัก นางได้ทำเรื่องที่ผิดต่อพี่สาวต่างมารดาผู้นั้นเสียแล้ว
“เมื่อกลับไปกระหม่อมจะขอถอนหมั้นพ่ะย่ะค่ะ” หมิงเจ๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับกำลังรายงานเรื่องสำคัญแด่องค์จักรพรรดิ ดวงตาคมมั่นคงดุจขุนเขาที่ไม่ว่าอะไรก็มิอาจสั่นคลอนได้
“เช่นนี้ท่านจะไม่มีปัญหาหรือ” ทั้งปัญหากับคนในตระกูลหมิง ไหนจะคนของตระกูลอิงอีก อิงอี้หรานแสดงสีหน้าเป็นกังวล ซึ่งอีกคนก็พอจะเดาได้ว่านางหมายถึงสิ่งใด
“เรื่องนั้นกระหม่อมคิดไว้แล้ว ปิดคดีนี้ได้ กระหม่อมจะทูลขอรางวัลจากฝ่าบาท เป็นราชโองการถอนหมั้นระหว่างสองตระกูล”
“ท่านไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ ในเมื่อข้าเองก็ไม่ได้ดีพร้อมสำหรับท่าน” อิงอี้หรานก้มหน้าลงด้วยไม่กล้าสบตา นางทำลายความบริสุทธิ์ของเขา ทั้งที่นางเองก็ไม่ใช่สาวพรหมจรรย์ ยังจะมีหน้าอันใดไปเรียกร้องอีก
“อย่ากล่าวเช่นนั้นอีกเลย สำหรับกระหม่อมท่านคือภรรยา แม้ไม่อาจครอบครองได้ แต่ให้กระหม่อมได้ปกป้องท่านเป็นกระหม่อมเองต่างหากที่ไม่คู่ควร” ใช่แล้ว เขาไร้ความสามารถจึงไม่อาจครอบครองนางได้อย่างเปิดเผย ทำได้เพียงหลบซ่อนความสัมพันธ์ต้องห้ามนี้ไว้มิให้ผู้ใดล่วงรู้
เป็นความผิดครั้งแรกในชีวิตที่เขากระทำ ทว่ามันก็เป็นความผิดที่เขายินดีทำ
“หมิงเจ๋อ ขอบใจท่านมาก” น้ำตาแห่งความซาบซึ้ง รินไหลจากดวงตาแดงเรื่อ เขาเป็นสุภาพบุรุษขัดจากภาพลักษณ์เย็นชาภายนอกที่แสดงออกให้คนอื่นเห็น ทว่าประโยคถัดมาก็ทำให้นางอยากถอนคำพูดเสียตอนนี้
“ท่านยังเจ็บอยู่หรือไม่”
อิงอี้หรานก้มหน้าลงอย่างเขินอายพลางส่ายหน้าไปมา นางจึงถูกความแข็งแกร่งที่ยังคงบดเบียดอยู่ไม่ห่างแทรกเข้ามาในร่างอีกครา เสียงกระทบกันของกายเนื้อดังสะท้อนในความเงียบ ร่างบอบบางถูกเคี่ยวกรำอย่างหนักหน่วง จวบจนฟ้ามืดกิจกรรมเริงสวาทจึงได้จบลง
“หยกชิ้นนี้มอบให้ท่าน ชั่วชีวิตนี้มิขอคืน เฉกเช่นหัวใจของกระหม่อมที่ยกให้พระองค์”
หยกสลักรูปวิหคสยายปีกบินท่ามกลางหมู่เมฆถูกมอบให้อิงอี้หราน เป็นการมอบใจสวามิภักดิ์แด่ผู้เป็นภรรยา เป็นดังคำสัญญาจะรักและปกป้อง
ขึ้นตรงต่อองค์จักรพรรดิด้วยหน้าที่
ขึ้นตรงกับอิงอี้หรานด้วยใจภักดิ์
ยาสีเขียวคล้ำที่บรรจุในถ้วยถูกกรอกเข้าไปในริมฝีปากสีซีด ใบหน้างดงามบิดเบี้ยวยามปลายลิ้นรับรสขมปร่า มันกระจายไปทั่วปากก่อนที่จะไหลลงคอ จากร่างกายเย็นเหยียบแปรเปลี่ยนเป็นร้อนรุ่มในไม่กี่ลมหายใจ มันคือยาสูตรใหม่ ที่ถูกหนิงซูเหวินคิดค้นขึ้นมา มีฤทธิ์แรงกว่าเดิมอีกหนึ่งเท่าตัว “องค์ชาย…ได้โปรด หม่อมฉันต้องการมากกว่านี้” สุ่ยชิงบิดตัวไปมาอย่างทรมาน รสสวาทธรรมดาดูเหมือนจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ ความเร่าร้อนรุนแรงต่างหากคือสิ่งที่นางปรารถนา “ดี…ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสความสุขสมเจียนตายเชียวล่ะ” หนิงซูเหวินพอใจยิ่งนัก ยาของเขาให้ผลที่ดีเกินคาด ร่างกายของสุ่ยชิงคงพร้อมสำหรับสิ่งที่ตระเตรียมไว้ให้แล้ว “อ๊ะ…อ้า…องค์ชาย” สุ่ยชิงใช้ดวงตาหยาดเยิ้มมองตามลำลึงค์ร้อนผ่าวที่ถูกเคลื่อนออก โพรงนุ่มกระตุกรัดอากาศให้รู้สึกวูบโหวงในท้อง “ไม่ต้องกังวล อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้ครอบครองมันสมใจแน่” หนิงซูเหวินอุ้มร่างที่กำลังบิดเร่าไปมาด้วยความต้องการไปที่คอกม้า อาชาศึกโตเต็มวัยกำลังกลัดมัน เห็นดังนั้นหนิงเฟยฉีที่ตามมาไม่ห่างจึงอดที่จะถามไม่ได้ “เสด็จพี่ นางจะรับไห
นางกำนัลหายตัวไปอย่างปริศนาเป็นเรื่องที่กำลังโด่งดังในขณะนี้ ซ้ำนางกำนัลที่หายตัวไป ล้วนแต่เป็นผู้มีหน้าตาหมดจรดงดงาม มีคนคาดเดาไปต่างๆนานา บ้างก็ว่าพวกนางถูกลักพาตัวไปโดยผู้มีอำนาจ บ้างก็ว่าพวกนางถูกซื้อตัวไปเป็นนางอุ่นเตียงในราคาสูงลิ่ว บ้างก็ว่าพวกนางหนีตามคนรัก ทว่าความจริงจะเป็นเช่นไรนั้น องค์จักรพรรดินีไม่ได้นิ่งนอนใจ มีคำสั่งให้หน่วยวิหควาโยสืบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน “อึก…ซี๊ด” ร่างบอบบางกระตุกเกร็งขณะที่กลีบบุปผาถูกกดลงให้รับกับลำลึงค์ที่กำลังตั้งแข็ง ดวงตาเหลือกขึ้นด้านบน ขณะที่ลิ้นจุกปาก ความอุ่นร้อนทะลักเข้ามาในโพรงนุ่มก่อนที่นางจะแน่นิ่งไป ไร้ซึ่งสัญญาณชีวิต “พวกท่านทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง…หากเสด็จแม่รู้เข้าจะทำเช่นไร” ร่างที่เพิ่งเสร็จสมนั่งหอบหายใจบนเก้าอี้ แขนขาถูกมัดแน่นหนาทว่ากลางกายกลับสุขสม มองพระเชษฐาทั้งสองด้วยสายตาตำหนิ “อย่ากลัวไปเลยน่า เสด็จแม่ไม่รู้หรอก ก็แค่นางกำนัลตัวเล็กๆหายไปไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด” ‘หนิงเฟยฉี’ ตวัดตามองพระอนุชา เขาคลายเชือกออกหลังจากพอใจ ปล่อยร่างสูงให้เป็นอิสระ “สิ่งที่น่าส
ฤดูพ้นผ่าน กาลเวลาผันเปลี่ยน สิ้นสุดรัชสมัยจักรพรรดิองค์ก่อน อิงอี้หรานก้าวขึ้นเป็นจักรพรรดินี ใช้สกุลเดิมของมารดา แคว้น ‘หลิว’ จึงเปลี่ยนเป็นแคว้น ‘หนิง’ สกุลอิงเป็นตระกูลกบฏเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่ถูกกวาดล้าง ทว่าก็ไร้สิ้นซึ่งอำนาจ “อ๊ะ…ข้ากำลังตั้งท้องอยู่นะ” หนิงอี้หรานรู้สึกตัวตื่นยามที่ช่วงล่างถูกบางอย่างค่อยๆสอดใส่เข้ามาในร่าง มันแข็งกร้าวและร้อนผ่าว ทั้งยังมีขนาดไม่ธรรมดา นางนอนตะแคงในอ้อมแขนที่กำลังโอบกอดไว้อย่างทะนุถนอม มือของเขาลูบไปบนหน้าท้องนูนป่องของนางอย่างแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าลูกน้อยที่กำลังนอนหลับจะตื่น ทั้งที่เขาเองนั่นแหละที่กำลังรบกวนการพักผ่อนของนาง “กระหม่อมจะทำเบาๆ หากท่านง่วงก็นอนเสียเถิด” น้ำเสียงนุ่มละมุนกระซิบชิดริมหู เขาทำอย่างที่พูดเมื่อลำลึงค์ขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้าและนุ่มนวล ถึงกระนั้นใครจะไปหลับลงกันเล่า!! ซือจิ้งประทับริมฝีปากลงบนเส้นไหมหอมกรุ่น สูดดม กลิ่นกายเย้ายวนที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายของจักรพรรดินีเข้าไปเต็มปอด ความเหนื่อยล้าจากการกรำงานหนักในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาถูกความงดงามเบื้องหน้าปัดเป่าไ
“อื้อ…อื้อ” “หม่อมฉันมาหาพระองค์แล้วเพคะ ทรงคิดถึงหม่อมฉันไหมเพคะ” เรียวนิ้วลูบไล้ไปบนกรอบหน้าซีดเซียว ดวงตาหงส์ทอดมองร่างที่เคยสง่างาม ทว่าบัดนี้กลายเป็นเพียงคนพิการ แขนขาด้วนกุดพันไว้ด้วยผ้าสีขาวที่มีเลือดซึมออกมา ร่างถูกมัดไว้บนเตียงในห้องซอมซ่อ ร่างเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยรอยเฆี่ยนตี บางจุดมีแผลพุพองคล้ายถูกเผาไหม้ด้วยเปลวเพลิง “ทรงคิดถึงหม่อมฉันมากนี่เอง” รอยยิ้มงดงามประดับบนใบหน้า นางพยักหน้าคล้ายเข้าใจภาษาที่อีกฝ่ายพูด ภาษาใบ้ของผู้ที่ไม่มีลิ้น!! “หม่อมฉันมีของมาฝากด้วยนะเพคะ” อิงอี้หรานชูห่วงเหล็กที่อยู่ในมือขึ้นมา อีกข้างถือเข็มซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าปกติไว้ เพียงเท่านั้นร่างที่นอนเปลือยกายอยู่เริ่มดิ้นพล่าน ขณะที่ อิงอี้หรานใช้เข็มลนกับเพลิงจากเปลวเทียน “อยู่นิ่งๆ สิเพคะ ถ้าหม่อมฉันพลาดขึ้นมา พระองค์จะเจ็บเอาได้นะ” เข็มร้อนถูกแทงเข้าไปในเนื้ออ่อนท่ามกลางเสียงร้องอื้ออ้าฟังไม่ได้ศัพท์ ทว่ามันอ่อนนุ่มเกินไป เช่นนั้นนางจึงทำให้มันแข็งตัว มือเรียววางเข็มไว้บนโต๊ะข้างเตียง ก่อนที่จะกอบกุม ลำลึ
ร่างโชกเลือดแลไร้ลมหายใจของหลิวจิ้นอันนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ท่ามกลางศพของทหารองครักษ์ที่มีสภาพไม่ต่างกัน “พระสนมเจียวเหม่ยเล่า” หลิวหานเฟิงใช้เท้าเขี่ยร่างพี่ชายต่างมารดาที่เขาชังน้ำหน้ามาตั้งแต่ยังเยาว์ พวกเขาสองคนต่างแย่งชิงทุกสิ่งของกันและกันเสมอมา กระทั่งกลัวว่าเลือดจะเปื้อนรองเท้าจึงชักเท้ากลับ เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่มีโอกาสลุกขึ้นมาอีกแล้ว “หลังจากที่รู้ว่าองค์ชายใหญ่สิ้นพระชนม์ พระนางก็แขวนคอตายตามพ่ะย่ะค่ะ” ซือจิ้งรายงานผู้เป็นนายเสียงเรียบ ดวงตาล้ำลึกไม่ปรากฏคลื่นอารมณ์ใดๆ ทว่าเขาบอกไม่หมด พระสนมเจียวเหม่ยไม่ได้แขวนคอตาย ทว่าถูกจับแขวนคอต่างหากเล่า “แล้วขุนนางพวกนั้นเล่า” ขุนนางที่ว่า คือขุนนางที่ร่วมกันก่อกบฏในครั้งนี้ “ถูกคุมขังอยู่ในคุกใต้ดินทั้งหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ” อวิ้นมู่ซึ่งได้รับหน้าที่จับกุมกบฏรายงานสถานการณ์ ทุกอย่างราบรื่นไปเสียหมด เมื่อมันถูกวางแผนไว้เป็นอย่างดี “ทำได้ดีมาก ข้าจะให้ตำแหน่งที่พวกเจ้าพอใจแน่นอน” รอยยิ้มของผู้ชนะปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาราวรูปสลัก วันที่เขาเฝ้ารอในที่สุดก็มาถึงเสียที
“เสร็จแล้วก็ปล่อยนางเสีย” สุรเสียงเรียบนิ่งดังขึ้นเบื้องหลัง ดวงตาหงส์มองผ่านกระจกสบตากับองค์รัชทายาทที่อยู่ในชุดสีดำลายพยัคฆ์ มือหนาปลดเปลื้องอาภรณ์ออกขณะที่ยังคงมองใบหน้าเย้ายวนที่เพิ่งสุขสม “ท่านมาเร็วกว่าที่ข้าคิด” หลิวหานตงยอมปล่อยร่างงามออกจากอ้อมแขน ลำกายใหญ่ยาวถูกถอนออกมาจากโพรงนุ่มอย่างแสนเสียดาย ลิ้นแลบเลียริมฝีปากอย่างกระหายเมื่อเห็นน้ำที่ตนปล่อยไว้เมื่อครู่ไหลย้อนออกมาทางเดิม อิงอี้หรานก้าวขาสั่นเทาลงจากเก้าอี้ เดินเข้าไปหาร่างองอาจของทายาทมังกรที่วันนี้จะได้เป็นมังกรเต็มตัว นางคุกเข่าลงกับพื้นใช้มือเรียวกอบกุมกลางกายของพระสวามีรูดขึ้นลง ลิ้นเล็กไล้เลียส่วนปลายหัว ก่อนที่จะนำมันเข้าไปในปาก ดูดเม้มจนลำกายร้อนผ่าวแข็งกร้าวคับโพรงปาก “ท่านคงไม่ว่าอะไรนะถ้าข้าจะเข้าไปในตัวนาง ขณะที่นางกำลังใช้ปากปรนเปรอท่าน” หลิวหานตงเห็นดังนั้นจึงอดใจไม่ไหว แม้ว่าเขาเพิ่งจะเสร็จสมไปเมื่อครู่ก็ตามที “หากข้าต้องการ ต่อให้เจ้ายังไม่เสร็จก็ต้องออกมา” ดวงตาคมปรายมองพระอนุชา เป็นการอนุญาตกลายๆ “ข้ามิยอมรับได้ด้วยหรือ”