จากตัวกาลกิณี สู่การเป็นจักรพรรดินี หนทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทว่าเต็มไปด้วยหนามแหลมคมที่คอยทิ่มแทง 'ข้าเคยเป็นเบี้ยหมากในเกมกระดานชิงบัลลังก์ ทว่าวันนี้เบี้ยหมากที่ถูกใช้กลับกลายเป็นจักรพรรดินี กองซากศพและเลือดที่อาบย้อมทุกหย่อมหญ้า ล้วนเป็นข้าที่มีส่วนเกี่ยวข้อง สมกับตำแหน่งกาลกิณีที่พวกเจ้ายัดเยียดให้ข้ายิ่งนัก'
더 보기“เสด็จพี่ เรามาพนันกันดีหรือไม่” บุรุษหนุ่มร่างสูงบนอาชาสีขาวปลอดหันไปพูดกับพระเชษฐาที่ควบขี่อาชาสีดำเดินเคียงข้าง หากแต่แทนที่จะจับจ้องใบหน้าของคู่สนทนา ดวงตาสีรัตติกาลมองลงต่ำยังจุดประสานของสองกาย
สตรีเพียงหนึ่งเดียวเม้มริมฝีปากแน่น เมื่อเจ้าของมันกำลังกลั้นเสียงน่าอายไว้อย่างสุดกำลัง ใบหน้างามซบลงกับ ซอกคออุ่นหลีกหนีความกระดากอาย เมื่อต้องร่วมรักกับ พระสวามีกลางป่าเขา ซ้ำยังเป็นบนหลังอาชาศึก แลมีสายตา อีกคู่มองมาไม่ลดละ
“ว่ามาสิ” น้ำเสียงไม่ยี่หระค่อนไปทางราบเรียบตอบกลับ ดวงตาเย็นชาสบกับพระอนุชาที่เงยขึ้นมามองเพียงชั่วครู่อย่างรู้ทัน
“ผู้ใดขี่ม้าไปถึงลำธารก่อนเป็นผู้ชนะ ขออะไรก็ได้หนึ่งอย่าง” ขณะพูดสายตายังคงจับจ้องกลีบผกาที่ถูกลำกายใหญ่โตบุกทะลวง ราวกับอีกคนจะรับรู้ ยกสะโพกกลมกลึงขึ้นสูงก่อนกดกระแทกลงอย่างแรงตามจังหวะการควบขี่ม้า ซึ่งถูกกระทุ้งให้ออกตัววิ่ง
เป็นการตอบรับคำท้า!!
“อ๊ะ…อ๊ะ…อึก…อ๊ะ” ลำลึงค์ผลุบเข้าออกกลีบบุปผารัวเร็ว นางไม่อาจกลั้นเสียงครางได้อีกต่อไป กายเล็กผวาวาบยามบังเหียนม้าถูกกระตุก สองแขนโอบรอบคออย่างแนบแน่น บดเบียดเต้าอวบเข้าหาอกแกร่งด้วยกลัวว่าจะตกลงไป สองกายเสียดสีตามแรงขยับขึ้นลงผ่านเนื้อผ้าบางเบาที่กั้นขวาง
แต่กลับเหมือนมิมีสิ่งใดขวางกั้น
เสียงครางต่ำในลำคอแว่วเข้าหู ทำให้รู้ว่ามิได้มีเพียงนางที่เสียดเสียวแทบทานทนไม่ไหว เขาเองก็กระสันซ่านจนควบคุมสีหน้านิ่งเรียบได้ยากเช่นกัน
อาชาศึกฮึกเหิมไม่ต่างจากผู้เป็นนาย ทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วพลางหลบหลีกกิ่งไม้ใบไม้ กระโดดข้ามสิ่งกีดขวางเป็นครั้งคราวให้ร่างบางร้องเสียงหลง ยามลำลึงค์สอดลึกสุดความยาว หน้าท้องแบนราบแขม่วเกร็งเมื่อส่วนอ่อนไหวถูก เสียดสีหนัก พานรัดสิ่งที่แทรกอยู่ภายในแน่นยิ่งขึ้น
ยิ่งตอกอัดยิ่งขมิบแน่น
ยิ่งแทรกลึกยิ่งงอตัวด้วยความรู้สึกมากล้น
ใบหน้างดงามส่ายไปมากับลำคอหนา ปากอ้าค้างจนน้ำสีใสไหลยืดออกมา แม้อยากหุบลงมากเพียงใดทำได้เพียงอ้าไว้ระบายความเจ็บจุก และความเสียดเสียวที่แทรกลึกทุกอณูในร่าง
‘แทบขาดใจตายคาอกแกร่ง’ คำนี้คงนิยามความรู้สึกของนางในตอนนี้ได้กระมัง
เมื่อใกล้ถึงจุดหมาย จากเคยวิ่งนำถูกอาชาสีขาวที่ตามติดไม่ห่างตีเสมอ ก่อนนำหน้าไปมิลืมหันมาสบตากับบุรุษซึ่งกำลังสุขสมอย่างสื่อความหมาย
ร่างหนาปลดปล่อยธารอุ่นร้อนเข้ากลีบผกาที่อ้าออกตามขนาดลำลึงค์ รองรับน้ำคาวขุ่นไว้จนหมดทุกหยาดหยดเมื่อกายแกร่งยังไม่ถอดถอน คล้ายอยากถูกความอ่อนนุ่มตอดกระตุกนานเท่าที่จะนานได้
“ท่านแพ้แล้ว” เมื่อมาถึงจุดหมายพบว่าอีกคนรออยู่ก่อนแล้ว ดวงตาวาววับยังคงจับจ้องสตรีท่าทางอ่อนแรงที่ซบอก พระเชษฐา ท่านั่งทับบนหน้าตักหันหน้าเข้าหากันขณะควบอาชาช่างเป็นภาพที่งดงามและหวาดเสียวในเวลาเดียวกัน
ลำคอแห้งผากจนต้องแลบลิ้นออกมาไล้เลียริมฝีปากอย่างกระหายหิว
“อยากได้สิ่งใดก็ว่ามา” องค์ชายสาม ‘หลิวหานเฟิง’ พูดกับพระอนุชาของตน ก่อนคำตอบที่คาดเดาไว้อยู่แล้วจะทำให้มุมปากได้รูปกระตุกยิ้ม ดวงตาเย็นชามีกระแสบางอย่างวาบผ่าน ต่างจากสตรีเพียงหนึ่งเดียวซึ่งเกร็งขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน ทำให้ ลำลึงค์ที่ยังคงมุดอยู่ในร่างถูกบีบรัดจนตื่นตัว กลับมาตั้งผงาดดังเดิม
“พระสนมของท่านอย่างไรเล่า” น้ำเสียงแหบพร่าเจือกระเส่ายามเอ่ยสิ่งที่ปรารถนา แทบจะทานทนมิไหวเมื่อภาพเสพสังวาสของคนทั้งคู่ปลุกอารมณ์กำหนัดแห่งบุรุษ ไม่ต่างอะไรจากการราดน้ำมันบนกองเพลิงให้ลุกโหม
“อ่า…ยังมิพออีกหรือ เช่นนั้นให้น้องชายข้าทำแทนเป็นอย่างไร” นี่ไม่ใช่ประโยคคำถาม และยิ่งมิต้องการคำตอบ หลิวหานเฟิงยกร่างบางขึ้นจากตัก กลีบดอกซึ่งโอบอุ้มลำลึงค์ไว้ค่อยๆ เคลื่อนที่ออกเชื่องช้า คล้ายว่าอีกคนจงใจทำเพื่อให้นางจดจำสัมผัสนี้ไว้
ความรู้สึกที่แท่งอุ่นร้อนเคลื่อนออกจากกลีบผกาแสนคุ้นเคย
หลิวหานเฟิงสบตากับ ‘หลิวหานตง’ ผู้เป็นพระอนุชา เขาแหวกชุดออก เผยให้เห็นลำลึงค์ที่ตั้งตรงราวกับกำลังชูคอออกมาสูดอากาศภายนอก ขนาดของสิ่งนั้นไม่น้อยไปกว่า พระเชษฐาเลย
หลิวหานตงรับสตรีร่างบางมาจากอีกคนที่ส่งให้อย่างทะนุถนอม ราวกับหวงแหนหนักหนา
ทั้งที่ความจริงมิใช่เลย เขาทำราวกับว่านางเป็นสิ่งของที่จะยกให้ใครเล่นสนุกได้ตามอำเภอใจ
นางกลั้นน้ำตาไว้ แม้ภายในแหลกสลายจนนับครั้ง ไม่ถ้วน แต่ไม่ว่ากี่ครั้งที่ถูกกระทำราวกับเป็นสตรีในหอนางโลม หัวใจที่คิดว่าควรจะด้านชากลับเจ็บปวดทุกครั้ง
‘อึก’ ร่างบอบบางถูกจับให้นั่งหันหลังอิงแอบอกแกร่ง เพียงชั่วครู่มือหนากดแผ่นหลังเอนราบลงไปกับแผงคอม้าสีขาวปลอด รั้งเอวบางให้แอ่นบั้นท้ายขาวนวลขึ้นเพื่อสอดแทรกบางสิ่งเข้าไปภายใน
บางสิ่งที่คุ้นเคยหากแต่แสนรังเกียจ เมื่อมันไม่ใช่ของ พระสวามีหากแต่เป็นบุรุษอื่น
“ดีเหลือเกิน” เสียงทุ้มต่ำเจือกระแสพอใจเอ่ยบอก พระเชษฐาที่ยังคงหยุดอาชานิ่งอยู่ด้านข้าง ดวงตาสีเข้มลึกล้ำยากจะคาดเดาอารมณ์ ทอดมองจุดเชื่อมต่อของสองกาย
ใบหน้างดงามเบนหนีไปอีกทาง เจ็บปวดเกินกว่าจะมองหน้าพระสวามี กอดแผงคอม้าสีขาวไว้ราวกับเป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียว ขณะกำลังถูกลำลึงค์ทะลวงเข้าออกรัวเร็วตั้งแต่แรกเริ่ม ราวกับผู้กระทำอดอยากปากแห้งมานาน
ทั้งที่เขาก็แวะเวียนมาร่วมรักกับนางอยู่บ่อยครั้ง
“1” ขณะที่ร่างโยกคลอนอย่างรุนแรง หัวสมองขาวโพลนไม่รับรู้สิ่งใด นอกจากความรู้สึกที่ทำให้วูบวาบไปทั่วท้องน้อย คล้ายว่าจะได้ยินเสียงหลิวหานเฟิงพูดบางสิ่ง
“2” เสียงทุ้มต่ำเข้มขึ้นอีกระดับเมื่อเริ่มนับถึงสอง มือกำบังเหียนม้าแน่นอย่างเตรียมพร้อม หลิวหานตงหันไปสบตากับพระเชษฐา
“3…ไป” ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะสั่นคลอนสอดรับท่อนเนื้อร้อน ดวงตาหงส์หลับลงอย่างยอมรับในชะตากรรม
เป็นของเล่นสองพี่น้องผู้สูงศักดิ์จนสลบไปยามใดมิอาจรับรู้
ยาสีเขียวคล้ำที่บรรจุในถ้วยถูกกรอกเข้าไปในริมฝีปากสีซีด ใบหน้างดงามบิดเบี้ยวยามปลายลิ้นรับรสขมปร่า มันกระจายไปทั่วปากก่อนที่จะไหลลงคอ จากร่างกายเย็นเหยียบแปรเปลี่ยนเป็นร้อนรุ่มในไม่กี่ลมหายใจ มันคือยาสูตรใหม่ ที่ถูกหนิงซูเหวินคิดค้นขึ้นมา มีฤทธิ์แรงกว่าเดิมอีกหนึ่งเท่าตัว “องค์ชาย…ได้โปรด หม่อมฉันต้องการมากกว่านี้” สุ่ยชิงบิดตัวไปมาอย่างทรมาน รสสวาทธรรมดาดูเหมือนจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ ความเร่าร้อนรุนแรงต่างหากคือสิ่งที่นางปรารถนา “ดี…ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสความสุขสมเจียนตายเชียวล่ะ” หนิงซูเหวินพอใจยิ่งนัก ยาของเขาให้ผลที่ดีเกินคาด ร่างกายของสุ่ยชิงคงพร้อมสำหรับสิ่งที่ตระเตรียมไว้ให้แล้ว “อ๊ะ…อ้า…องค์ชาย” สุ่ยชิงใช้ดวงตาหยาดเยิ้มมองตามลำลึงค์ร้อนผ่าวที่ถูกเคลื่อนออก โพรงนุ่มกระตุกรัดอากาศให้รู้สึกวูบโหวงในท้อง “ไม่ต้องกังวล อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้ครอบครองมันสมใจแน่” หนิงซูเหวินอุ้มร่างที่กำลังบิดเร่าไปมาด้วยความต้องการไปที่คอกม้า อาชาศึกโตเต็มวัยกำลังกลัดมัน เห็นดังนั้นหนิงเฟยฉีที่ตามมาไม่ห่างจึงอดที่จะถามไม่ได้ “เสด็จพี่ นางจะรับไห
นางกำนัลหายตัวไปอย่างปริศนาเป็นเรื่องที่กำลังโด่งดังในขณะนี้ ซ้ำนางกำนัลที่หายตัวไป ล้วนแต่เป็นผู้มีหน้าตาหมดจรดงดงาม มีคนคาดเดาไปต่างๆนานา บ้างก็ว่าพวกนางถูกลักพาตัวไปโดยผู้มีอำนาจ บ้างก็ว่าพวกนางถูกซื้อตัวไปเป็นนางอุ่นเตียงในราคาสูงลิ่ว บ้างก็ว่าพวกนางหนีตามคนรัก ทว่าความจริงจะเป็นเช่นไรนั้น องค์จักรพรรดินีไม่ได้นิ่งนอนใจ มีคำสั่งให้หน่วยวิหควาโยสืบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน “อึก…ซี๊ด” ร่างบอบบางกระตุกเกร็งขณะที่กลีบบุปผาถูกกดลงให้รับกับลำลึงค์ที่กำลังตั้งแข็ง ดวงตาเหลือกขึ้นด้านบน ขณะที่ลิ้นจุกปาก ความอุ่นร้อนทะลักเข้ามาในโพรงนุ่มก่อนที่นางจะแน่นิ่งไป ไร้ซึ่งสัญญาณชีวิต “พวกท่านทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง…หากเสด็จแม่รู้เข้าจะทำเช่นไร” ร่างที่เพิ่งเสร็จสมนั่งหอบหายใจบนเก้าอี้ แขนขาถูกมัดแน่นหนาทว่ากลางกายกลับสุขสม มองพระเชษฐาทั้งสองด้วยสายตาตำหนิ “อย่ากลัวไปเลยน่า เสด็จแม่ไม่รู้หรอก ก็แค่นางกำนัลตัวเล็กๆหายไปไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด” ‘หนิงเฟยฉี’ ตวัดตามองพระอนุชา เขาคลายเชือกออกหลังจากพอใจ ปล่อยร่างสูงให้เป็นอิสระ “สิ่งที่น่าส
ฤดูพ้นผ่าน กาลเวลาผันเปลี่ยน สิ้นสุดรัชสมัยจักรพรรดิองค์ก่อน อิงอี้หรานก้าวขึ้นเป็นจักรพรรดินี ใช้สกุลเดิมของมารดา แคว้น ‘หลิว’ จึงเปลี่ยนเป็นแคว้น ‘หนิง’ สกุลอิงเป็นตระกูลกบฏเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่ถูกกวาดล้าง ทว่าก็ไร้สิ้นซึ่งอำนาจ “อ๊ะ…ข้ากำลังตั้งท้องอยู่นะ” หนิงอี้หรานรู้สึกตัวตื่นยามที่ช่วงล่างถูกบางอย่างค่อยๆสอดใส่เข้ามาในร่าง มันแข็งกร้าวและร้อนผ่าว ทั้งยังมีขนาดไม่ธรรมดา นางนอนตะแคงในอ้อมแขนที่กำลังโอบกอดไว้อย่างทะนุถนอม มือของเขาลูบไปบนหน้าท้องนูนป่องของนางอย่างแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าลูกน้อยที่กำลังนอนหลับจะตื่น ทั้งที่เขาเองนั่นแหละที่กำลังรบกวนการพักผ่อนของนาง “กระหม่อมจะทำเบาๆ หากท่านง่วงก็นอนเสียเถิด” น้ำเสียงนุ่มละมุนกระซิบชิดริมหู เขาทำอย่างที่พูดเมื่อลำลึงค์ขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้าและนุ่มนวล ถึงกระนั้นใครจะไปหลับลงกันเล่า!! ซือจิ้งประทับริมฝีปากลงบนเส้นไหมหอมกรุ่น สูดดม กลิ่นกายเย้ายวนที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายของจักรพรรดินีเข้าไปเต็มปอด ความเหนื่อยล้าจากการกรำงานหนักในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาถูกความงดงามเบื้องหน้าปัดเป่าไ
“อื้อ…อื้อ” “หม่อมฉันมาหาพระองค์แล้วเพคะ ทรงคิดถึงหม่อมฉันไหมเพคะ” เรียวนิ้วลูบไล้ไปบนกรอบหน้าซีดเซียว ดวงตาหงส์ทอดมองร่างที่เคยสง่างาม ทว่าบัดนี้กลายเป็นเพียงคนพิการ แขนขาด้วนกุดพันไว้ด้วยผ้าสีขาวที่มีเลือดซึมออกมา ร่างถูกมัดไว้บนเตียงในห้องซอมซ่อ ร่างเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยรอยเฆี่ยนตี บางจุดมีแผลพุพองคล้ายถูกเผาไหม้ด้วยเปลวเพลิง “ทรงคิดถึงหม่อมฉันมากนี่เอง” รอยยิ้มงดงามประดับบนใบหน้า นางพยักหน้าคล้ายเข้าใจภาษาที่อีกฝ่ายพูด ภาษาใบ้ของผู้ที่ไม่มีลิ้น!! “หม่อมฉันมีของมาฝากด้วยนะเพคะ” อิงอี้หรานชูห่วงเหล็กที่อยู่ในมือขึ้นมา อีกข้างถือเข็มซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าปกติไว้ เพียงเท่านั้นร่างที่นอนเปลือยกายอยู่เริ่มดิ้นพล่าน ขณะที่ อิงอี้หรานใช้เข็มลนกับเพลิงจากเปลวเทียน “อยู่นิ่งๆ สิเพคะ ถ้าหม่อมฉันพลาดขึ้นมา พระองค์จะเจ็บเอาได้นะ” เข็มร้อนถูกแทงเข้าไปในเนื้ออ่อนท่ามกลางเสียงร้องอื้ออ้าฟังไม่ได้ศัพท์ ทว่ามันอ่อนนุ่มเกินไป เช่นนั้นนางจึงทำให้มันแข็งตัว มือเรียววางเข็มไว้บนโต๊ะข้างเตียง ก่อนที่จะกอบกุม ลำลึ
ร่างโชกเลือดแลไร้ลมหายใจของหลิวจิ้นอันนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ท่ามกลางศพของทหารองครักษ์ที่มีสภาพไม่ต่างกัน “พระสนมเจียวเหม่ยเล่า” หลิวหานเฟิงใช้เท้าเขี่ยร่างพี่ชายต่างมารดาที่เขาชังน้ำหน้ามาตั้งแต่ยังเยาว์ พวกเขาสองคนต่างแย่งชิงทุกสิ่งของกันและกันเสมอมา กระทั่งกลัวว่าเลือดจะเปื้อนรองเท้าจึงชักเท้ากลับ เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่มีโอกาสลุกขึ้นมาอีกแล้ว “หลังจากที่รู้ว่าองค์ชายใหญ่สิ้นพระชนม์ พระนางก็แขวนคอตายตามพ่ะย่ะค่ะ” ซือจิ้งรายงานผู้เป็นนายเสียงเรียบ ดวงตาล้ำลึกไม่ปรากฏคลื่นอารมณ์ใดๆ ทว่าเขาบอกไม่หมด พระสนมเจียวเหม่ยไม่ได้แขวนคอตาย ทว่าถูกจับแขวนคอต่างหากเล่า “แล้วขุนนางพวกนั้นเล่า” ขุนนางที่ว่า คือขุนนางที่ร่วมกันก่อกบฏในครั้งนี้ “ถูกคุมขังอยู่ในคุกใต้ดินทั้งหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ” อวิ้นมู่ซึ่งได้รับหน้าที่จับกุมกบฏรายงานสถานการณ์ ทุกอย่างราบรื่นไปเสียหมด เมื่อมันถูกวางแผนไว้เป็นอย่างดี “ทำได้ดีมาก ข้าจะให้ตำแหน่งที่พวกเจ้าพอใจแน่นอน” รอยยิ้มของผู้ชนะปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาราวรูปสลัก วันที่เขาเฝ้ารอในที่สุดก็มาถึงเสียที
“เสร็จแล้วก็ปล่อยนางเสีย” สุรเสียงเรียบนิ่งดังขึ้นเบื้องหลัง ดวงตาหงส์มองผ่านกระจกสบตากับองค์รัชทายาทที่อยู่ในชุดสีดำลายพยัคฆ์ มือหนาปลดเปลื้องอาภรณ์ออกขณะที่ยังคงมองใบหน้าเย้ายวนที่เพิ่งสุขสม “ท่านมาเร็วกว่าที่ข้าคิด” หลิวหานตงยอมปล่อยร่างงามออกจากอ้อมแขน ลำกายใหญ่ยาวถูกถอนออกมาจากโพรงนุ่มอย่างแสนเสียดาย ลิ้นแลบเลียริมฝีปากอย่างกระหายเมื่อเห็นน้ำที่ตนปล่อยไว้เมื่อครู่ไหลย้อนออกมาทางเดิม อิงอี้หรานก้าวขาสั่นเทาลงจากเก้าอี้ เดินเข้าไปหาร่างองอาจของทายาทมังกรที่วันนี้จะได้เป็นมังกรเต็มตัว นางคุกเข่าลงกับพื้นใช้มือเรียวกอบกุมกลางกายของพระสวามีรูดขึ้นลง ลิ้นเล็กไล้เลียส่วนปลายหัว ก่อนที่จะนำมันเข้าไปในปาก ดูดเม้มจนลำกายร้อนผ่าวแข็งกร้าวคับโพรงปาก “ท่านคงไม่ว่าอะไรนะถ้าข้าจะเข้าไปในตัวนาง ขณะที่นางกำลังใช้ปากปรนเปรอท่าน” หลิวหานตงเห็นดังนั้นจึงอดใจไม่ไหว แม้ว่าเขาเพิ่งจะเสร็จสมไปเมื่อครู่ก็ตามที “หากข้าต้องการ ต่อให้เจ้ายังไม่เสร็จก็ต้องออกมา” ดวงตาคมปรายมองพระอนุชา เป็นการอนุญาตกลายๆ “ข้ามิยอมรับได้ด้วยหรือ”
댓글