“ข้าไม่ได้แตะต้องสตรีขี้ขลาดตาขาวผู้นั้นแม้แต่ปลายเล็บ นางทะเล่อทะล่าเข้ามาเจอเหมยซินกำลังบีบนวดให้ข้า แล้วนางก็เป็นลมล้มพับไปเอง”
“นางคงไม่รู้จักวิธีปรนนิบัติบุรุษเพศกระมัง” ซ่งเหยียนหมิงเห็นภาพ เนื่องจากกระบวนการบีบนวดของตำหนักไป๋อวี้นั้นไม่ธรรมดา
“นางอายุสิบห้าแล้ว แต่ผอมแห้งราวกับเด็กอายุสิบสอง”
“ดอกไม้ที่ขาดน้ำ มิอาจเบ่งบาน” ซ่งเหยียนหมิงพูดสัพยอก ก่อนจะยกจอกสุราดื่มจนหมดจอก
ซ่งหยวนซีมีรสนิยมเป็นเลิศ ทุกสิ่งที่เขาครอบครองต้องผ่านการเลือกเฟ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบกระทั่งบ่าวไพร่นางกำนัลในวังไป๋อวี้ยังคัดสรรค์รูปร่างหน้าตา พระชายาและพระสนมทุกนางล้วนเป็นสุดยอดโฉมสะคราญ และมีเรือนร่างงามสะพรั่งเต็มเปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์แห่งสตรีเพศ ยกเว้น... พระชายาน้อยหลี่น่า นางคือความอัปยศ ที่เขาได้มาเพราะตำแหน่งทางการเมือง!
เวลาบ่ายคล้อย ขันทีฉางเจ๋อเดินประคองถาดป้ายหัวเขียว เข้ามาภายในตำหนักหนิงเฉิงอย่างนอบน้อม
“กระหม่อมนำป้ายหัวเขียว มาให้ไท่จื่อเลือกพระสนมชายาที่จะถวายงานคืนนี้พะย่ะค่ะ” ฉางเจ๋อกล่าวเสียงเบา
“ให้อี๋ชินอ๋องเลือกแทนข้า”
ซ่งหยวนซียิ้มให้ญาติผู้น้องอย่างมีความหมาย ไม่ต้องพูดให้เปลืองน้ำลาย เขากับซ่งเหยียนหมิงรู้ใจกันดียิ่งกว่าฝาแฝดร่วมครรภ์มารดา หลังจากทั้งคู่ดื่มเมรัยจนเมามายได้ที่ เลือดลมในกายก็ไหลไปรวมกันอยู่ที่ความเป็นบุรุษเพศ
ซ่งเหยียนหมิงกวาดตามองป้ายชื่อสาวงามบนถาดทองคำ พลางทำท่าครุ่นคิด... สิบสองนารีที่เขาไม่เคยลิ้มรสสวาทเห็นจะมีเพียงแค่พระชายาหลี่น่า นอกนั้นก็วัวเคยค้าม้าเคยขี่
ยามนี้อารมณ์หนุ่มว้าวุ่นเกินระงับยับยั้ง สตรีที่สามารถรองรับความปรารถนาอันบ้าระห่ำของพวกเขา จะต้องเป็นหญิงร่านราคะที่สุดในพระราชวังไป๋อวี้
“ข้าเลือกพระสนมหลี่รี่” อี๋ชินอ๋องปรายตามองไปที่ป้ายหัวเขียวอันสุดท้าย
“กระหม่อม น้อมรับพระบัญชา” ขันทีฉางเจ๋อถวายความเคารพแล้วก้าวถอยหลังออกไปอย่างสำรวม
“ดูท่าทางเจ้าจะชื่นชอบพี่น้องสกุลหลี่เป็นพิเศษ” ซ่งหยวนซีสัพยอก
พระสนมหลี่รี่คือพี่สาวต่างมารดาของพระชายาน้อยหลี่น่า ทว่ามารดาของหลี่รี่เป็นเพียงนางกำนัลผู้ติดตามอี้กุ้ยเฟยมารดาของหลี่น่า เมื่อหลี่รี่มีอายุครบสิบเจ็ดปี รูปโฉมอันงดงามของนางโดดเด่นจนเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่วใต้หล้า ครึ่งปีที่แล้วหลี่รี่จึงได้รับเลือกให้เป็นสตรีบรรณาการที่แคว้นฉงเยว่นำมาเป็นของกำนัลให้กับแคว้นซ่งเยว่
“อาจเป็นได้” ซ่งเหยียนหมิงยอมรับคำกล่าวหาอย่างไม่สะทกสะท้าน
ตอนนี้เขาไม่อยากสิ้นเปลืองอารมณ์ต่อล้อต่อเถียงกับซ่งหยวนซี เพราะอยากเก็บอารมณ์เอาไว้ใช้กับเรื่องที่สำเริงสำราญมากกว่า
ครั้นสองชายฉกรรจ์บุกมาเยือนตำหนักพร้อมกัน สัญชาตญาณเพศเมียของหลี่รี่พลันตื่นตะลึงพรึงเพริด นางรู้ทันทีว่าราตรีนี้จะต้องรับศึกหนัก!
ทว่า... หลี่รี่กลับยิ้มแย้มยินดี บนผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาลไร้ที่สิ้นสุดแห่งนี้ ไม่มีสตรีนางใดโชคดีเทียมเท่า หญิงสาวที่ได้ผ่านค่ำคืนร้อนหนาวร่วมกับสองยอดบุรุษ ซึ่งถูกกล่าวขวัญว่าเป็น กงจื่ออันดับหนึ่งและอันดับสองในใต้หล้า
พระสนมคนงามถวายการต้อนรับพวกเขาด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ยามขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างอวบอัดอรชรอ่อนพริ้วเหมือนต้นอ้อลู่ลม เนินนมที่อวบล้นขอบรัดทรวงดีดสะท้อนน่าจับต้อง ยามพูดคุยมองสบตากับชายหนุ่มทั้งสอง ดวงตาคู่งามเป็นประกายแพรวพราวเต็มไปด้วยจริตมารยา ท่วงท่าเย้ายวนยั่วยุให้เพศผู้เกิดกำหนัดปรารถนาในตัวนางผู้ร่านสวาท
“เราสามคนต้องการความเป็นส่วนตัว พวกเจ้าออกไปได้แล้ว” ซ่งหยวนซีสะบัดแขนเสื้อไล่ขันทีและบ่าวไพร่นางกำนัล
เมื่อหนึ่งหญิงสองชายได้อยู่ร่วมกัน ความรัญจวนพลันครอบงำบรรยากาศภายในห้อง หลี่รี่กลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ
ลีน่าตกใจจนแทบจะเป็นลม เมื่อจู่ๆ ม่านผ้าดิบถูกคนด้านนอกเปิดเข้ามาอย่างพรวดพราด ขณะที่อี๋ชินอ๋องกำลังอุ้มนางแหวกว่ายอยู่ในธารน้ำตกด้วยเรือนร่างที่ไร้อาภรณ์ สายตาหวงแหนที่มองมาทำให้หญิงสาวรู้สึกกระดาก จนต้องขืนกายออกจากวงแขนแข็งแรงที่โอบกอด“ท่านมาเร็วกว่าที่คิด”ซ่งเหยียนหมิงเอ่ยทักทายญาติผู้พี่อย่างไม่รู้สึกร้อนหนาว“ยังมีอีกหลายสิ่งที่ข้าทำได้เร็วกว่านี้” ซ่งหยวนซีถอดเสื้อผ้าออกจากร่างอย่างว่องไง ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ล้อนจ้อนจะเดินลงไปในธารน้ำตก และว่ายน้ำไปแย่งเอาพระสนมตัวน้อยกลับคืนมา“เหยียนหมิงรังแกเจ้าไปกี่ครั้ง” เขาถามนาง น้ำเสียงหงุดหงิด“ครั้งเดียวเพคะ” เธอไม่กล้าสบตากับชายหนุ่มซ่งหยวนซีไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็ไม่พูดพร่ำสิ่งใดให้เป็นการเสียเวลาอีก เขาอุ้มร่างอรชรเดินไปท
ลีน่าถูกเขาเคี่ยวกรำอย่างหนัก เธอสุดจะกลั้นเสียงร้องครวญคราง ร่างอรชรบิดเร่าแอ่นระแน้ด้วยความสยิวทรมาน สาสมใจคนเจ้าเล่ห์“อาา... ข้างในของเจ้าเหมือนสวรรค์ ช่าง... ดี... ดีเหลือเกิน” ซ่งเหยียนหมิงใช้ฝ่ามือใหญ่โอบอุ้มสะโพกผายกลมกลึงเอาไว้ เขาโก่งบั้นท้ายและยกร่างบางขึ้น ก่อนจะกดนางลงพร้อมกับกระแทกกระทั้นแก่นกายแกร่งชูชันใส่ความสาว“อ่ะ! หม่อมฉัน... มะ ไม่ไหวแล้ว อ๊าา...”นางเว้าวอนอย่างน่าสงสาร น้ำเสียงครวญครางกระเส่าสะอื้น ใบหน้างามแดงเรื่อราวกับมีพิษไข้ หากไม่อาจจะหยุดยั้งเรือนกายแกร่งที่เคลื่อนไหวราวกับบ้าคลั่งซ่งเหยียนหมิงประคองสะโพกผายกลมกลึงวางเกยบนขอบบ่อน้ำแร่ร้อน แล้วดันท่อนขาเพรียวสะล้างของนางพับขึ้น ระดับความสูงพอเหมาะช่วยหนุนเนินโหนกอวบอูมลอยเด่นจนเห็นชัดถนัดใจ แววตาของชายหนุ่มเป็นประกายวาวโรจน์ราวกับจะล
ร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคือเรือนกายเปลือยเปล่าของซ่งเหยียนหมิง และไม่ใช่เรื่องง่ายที่ลีน่าจะทำใจให้เคยชินกับความบ้าระห่ำเหนือการคาดเดาของเขา“เจ้าอายจนหน้าแดงไปหมดแล้ว” น้ำเสียงกระเซ้าเย้าแหย่ เขาจับข้อเท้าของนางแยกออกจากกัน แล้วพิศมองเนื้อในความสาวความร้อนทำให้ผิวบอบบางบริเวณนั้นแดงก่ำและดูยิ่งโป๊เปลือยชวนให้ขัดเขิน เมื่อตกอยู่สภาพที่ถูกมองเห็นแบบชัดเจนถึงรูขุมขนขนาดนี้แล้ว ทำให้หัวใจเต้นแรงจนแทบกระเด็นออกมานอกทรวงอก“พอแล้วเพคะ อย่าจ้องหม่อมฉันแบบนั้น” ลีน่าเอาฝ่ามือปิดบังของสงวนแววตาของซ่งเหยียนหมิงเกือบลุกเป็นไฟ เขาอยากเอาตัวตนที่เหยียดขยายจนแข็งชูชันชำแรกเข้าไปในความสาวสดรัดรึงของนางแทบใจจะขาด แต่ทั้งคู่เพิ่งขึ้นมาจากบ่อน้ำแร่ร้อน หากลงไม้ลงมืออย่างบุ่มบ่ามเขาจะทำให้หลี่น่าเจ็บ“ข้าอยากดื่มน้ำหวานในตัวเจ้า” ซ่งเหยียนหมิงดึงมือเรียวเล็กออกจากเนินเนื้ออวบอูม แล้วก้ม
ซ่งหยวนซีไม่มีความคิดจะเปิดโอกาสให้ซ่งเหยียนหมิงไปพรอดรักกับหลี่น่าสองต่อสอง ท่ามกลางแมกไม้ทัศนียภาพอันงดงามเหมือนสวรรค์เช่นนั้น“ท่านมีฏีกาสำคัญที่ต้องตรวจสอบมิใช่รึ” ซ่งเหยียนหมิงมีสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์เธอรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที ดูท่าทางเรื่องนี้คงยากที่ใครสักคนจะยอมแพ้ ลีน่าซึ่งเป็นคนกลางจนปัญญาจะจัดการกับพวกเขาคนใดคนหนึ่ง“หม่อมฉันขอเดินทางล่วงหน้าไปก่อน ไท่จื่อกับอี๋ชินอ๋องตกลงกันเรียบร้อยแล้วค่อยตามไปทีหลังจะดีกว่าเพคะ” พระสนมตัวน้อยกล่าวตัดสินอย่างเฉียบขาดพลันมีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นสองหนุ่มกับหนึ่งสาวหันมองสบตากัน คล้ายต่างคนต่างมีคำถาม ปกติจะไม่มีใครกล้าบังอาจเข้ามาขัดจังหวะที่ทั้งส
จูเยี่ยนตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อครู่ที่นางเปิดประตูห้องบรรทมของพระชายาหลี่รี่เข้าไปแล้วเห็นภาพบัดสีบนเตียง ยิ่งไปกว่านั้น... ชายชู้ที่นายหญิงนอนเปลือยกายกอดก่ายแนบชิด คือองค์ชายเยว่หัว รัชทายาทแห่งแคว้นตงเยว่ภาพที่ได้เห็นทำให้จูเยี่ยนนึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายในอดีต ยี่สิบปีก่อน... ทหารของแคว้นตงเยว่ลักลอบข้ามเขตชายแดนของแคว้นฉงเยว่เข้ามารุกรานชาวบ้าน ครอบครัวของจูเยี่ยนถูกทหารตงเยว่สังหารอย่างโหดเหี้ยม พวกมันจับนางไปที่ค่าย รุมย่ำยีนางจนสลบและโยนทิ้งลงไปในแม่น้ำ เพราะพวกมันคิดว่านางตายแล้ว แต่โชคดีมารดาของหลี่รี่บังเอิญได้พบร่างของจูเยี่ยนที่ลอยมาติดอยู่ท่าน้ำหลังบ้านและได้ช่วยชีวิตจูเยี่ยนเอาไว้ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา จูเยี่ยนถวายการรับใช้สองแม่ลูกด้วยความซื่อสัตย์ภักดี และไม่เคยขัดคำสั่งพวกนาง แม้ว่าพวกนางจะสั่งให้จูเยี่ยนทำเรื่องที่เลวทรามต่ำช้าเพียงใด หรือจะโขกสับเยี่ยงทาส จูเยี่ยนยกย่องเทิดทูนพวกนางสองแม่ลูกประหน
“ข้าก็อยาก...เจ้า แทบจะทนไม่ไหวแล้ว”เยว่หัวขยับนอนท่าถนัด เรือนกายหนาหอบหายใจด้วยอารมณ์พิศวาสรุนแรง สายตาเร่าร้อนจ้องมองสัดส่วนวัยสาวด้วยความหื่นกระหาย เขายกร่างเปลือยเปล่าควบคร่อมเหนือหน้าตัก ดุนดันปลายองคชาติเสียบคาไว้ที่กลีบสวาทของนาง แล้วกดสะโพกผายกระแทกลงมาแรงๆ “อ๊าาา!!!” หลี่รี่ร้องครางเสียงแหลม เมื่อท่อนเนื้อเขื่องแข็งเสียบแทงเข้ามาความสาวจนจุกเสียด ปลายทวนของเยว่หัวหยั่งเข้าไปถึงส่วนลึกของนาง ความใหญ่ยาวของเขาทำให้นางอึดอัดจนต้องอ้าปากระบายลมหายใจ“หลี่รี่ ...เจ้ายอดเยี่ยมที่สุด อาาา...”เยว่หัวสูดปากครางด้วยความสยิว ชายหนุ่มเกร็งบั้นท้ายหมุนคว้านภายในความสาว เข้าไปสัมผัสจุดกระสันที่ซ่อนเร้น แล้วจ้วงแทงเข้าออกในตัวนางอย่างบ้าคลั่ง“องค์ชาย! องค์ชาย!” โฉมสะคราญร่ำร้องขอความเมตตา