LOGINชาริสามาถึงห้องพักด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ขาสั่นไปหมด รู้สึกขวัญผวาราวกับเจอผี ห้องพักพวกเธอไม่ได้อยู่ชั้นสูงหรูหรา แต่เป็นส่วนที่จัดไว้เพื่อคนที่มาทำงานบนเรือสำราญแต่ดูดีสะดวกสบาย แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้แวะไปขอคีย์การ์ดที่พนักงานต้อนรับเพราะรีบวิ่งมาก่อนมินตรา ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากไปกว่านั้นไหล่บอบบางก็ถูกแตะทำเอาสะดุ้งเฮือก เมื่อหันกลับไปก็เห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทของตน
“มิ้นท์!!”
“ก็มิ้นท์เองน่ะสิ”
“หัวใจจะวาย หายไปไหนมา รู้ไหมว่าริสาโดน...”
ชาริสาอึกอักพูดไม่ออก มองเห็นแววเห็นใจในดวงตาคู่งามของมินตรา ด้านหลังสามสาวรุ่นพี่กำลังก้าวเข้ามาหาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“นั่นแหละ ที่เราต้องคุยกัน”
วิเวียนเป็นคนเอ่ยขึ้นเมื่อทั้งหมดมารวมกันหน้าห้องเธอกับมินตรา
ในห้องพักมีเตียงเดี่ยวใหญ่ ชาริสากับมินตราพักด้วยกัน โดยรุ่นพี่อยู่อีกห้องที่มีสองเตียง ชาริสานั่งกอดเข่าอยู่บนหัวเตียงด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก มีมินตรานั่งอยู่ใกล้ๆ ส่วนคนอื่นๆ เลือกนั่งเก้าสตูห่างออกไปทั้งหมดต่างก็เปลี่ยนเสื้อผ้ากันเรียบร้อยแล้ว
“เราขวัญเสียขนาดนี้หมายความว่ายังไงกัน พี่คิดว่ารู้จักกับเขาซะอีก”
เพียงขวัญบ่นขณะเดียวกันก็ทำหน้าไม่ถูก ภาพที่เห็นชาริสาในอ้อมกอดผู้ชายคนนั้นยังติดตาอยู่เลย
คนที่กำลังตกเป็นจำเลยส่ายหน้าเบะปาก คิดถึงเหตุการณ์นั้นแล้วท้องก็หวิวชอบกล
“ริสากับเขาเรียนที่เดียวกันไม่ใช่เหรอ”
วิเวียนถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เขาแค่เป็นรุ่นพี่ ริสาไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราเรียนที่เดียวกัน”
“นัวเนียซะขนาดนี้เนี่ยนะ”
อาทิตยาโพล่งขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ
“ฉันคิดว่ารู้จักกันมาก่อนแล้วไม่บอกเราซะอีก รู้ไหมว่าอะไรๆ มันจะง่ายขึ้นมากถ้าใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว”
“ซัน”
วิเวียนท้วงเบาๆ แล้วก็หันมาถามย้ำอย่างจริงจัง
“สรุปแล้วไม่ได้รู้จักกันมาก่อนใช่ไหม”
ชาริสาส่ายหน้าให้เพื่อนรุ่นพี่
“ริสาก็ยังแปลกใจที่อยู่ๆ เขาก็...”
เธอเงียบไปแล้วรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนซ่านจนแทบระเบิด หมายความว่าทุกคนเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอแต่ไม่มีใครเข้ามาขัดจังหวะเลยเนี่ยนะ แม้จะไม่ชอบใจแต่เธอก็ไม่กล้าบ่น เพราะทุกคนคือครอบครัวที่เธอรัก ชาริสาเป็นคนขี้เกรงใจมาก เธอเป็นเด็กกำพร้าในสถานอุปถัมป์ของโบสถ์แห่งหนึ่ง มาดามฟรองซัวร์หรือชารอนแม่ของวิเวียนค่อนข้างสนิทสนมกับแม่ชีที่นั่นแล้วเห็นว่าเธอชอบปลูกต้นไม้ดอกไม้ นั่งมองได้ทั้งวัน ท่านซึ่งมีกิจการสวนดอกไม้จึงเอ่ยปากขอเธอ และส่งเสียช่วงที่ต้องเข้าเรียนไฮสคูล เนื่องจากสถานอุปถัมป์มีงบจำกัดทว่าจำนวนเด็กที่ต้องเข้าไฮสคูลเยอะ โดยให้เธอช่วยงานในสวนดอกไม้กับร้านดอกไม้ หญิงสาวจึงทำงานกับมาดามฟรองซัวร์และวิเวียนจนกระทั่งแม่ชีเสียชีวิต มาดามก็รับเธอมาดูแล ชาริสาทั้งสำนึกในบุญคุณของมาดามและชอบที่จะอยู่กับดอกไม้
“แล้วถ้าวีอยากให้ริสารู้จักเขาล่ะ ทำยังไงก็ได้ให้เขามายุ่งวุ่นวายกับริสาตลอดช่วงเวลาที่อยู่บนเรือ”
ชาริสาสบตากับวิเวียนด้วยความอึ้ง ในขณะที่คนอื่นๆ เงียบ มินตราสีหน้าไม่สบายใจอย่างชัดเจน
“มันจำเป็นจริงๆ ริสารู้ใช่ไหม”
คำถามของวิเวียนทำให้เธอได้แต่พยักหน้ารับอย่างจำใจ แม้อยากค้านหัวชนฝา
“แล้วถ้าเขาไม่สนใจเลยล่ะ”
มินตราอดห่วงเพื่อนไม่ได้ ดูก็รู้ว่าชาริสากลัวสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นกับตนแค่ไหน เป็นใครก็ขวัญกระเจิงทั้งนั้น
“ตามนิสัยผู้ชาย แถมผู้ชายเจ้าชู้ โปรไฟล์หรู อีโก้จัดอย่าง เลียม เชสเตอร์ ถ้ายังไม่บรรลุในสิ่งที่ต้องการเขาไม่ยอมถอยแน่”
วิเวียนยืนยันหนักแน่น
“แต่ถ้าจริงๆ แล้วเขาไม่ได้สนใจริสาสักนิด แค่พอดีผ่านมาตอนอารมณ์ขึ้น แถมยังแต่งตัววาบหวิวขนาดนี้เลยอดใจไม่ไหวล่ะ”
เพียงขวัญออกความเห็น
“ถ้าใส่ชุดอย่างกะเด็กกะโปโลอย่างริสาเรียกวาบหวิว พวกเราก็โป๊เปลือยแล้วล่ะ”
อาทิตยาเอ่ยกลั้วหัวเราะ ทำเอาคนอื่นๆ พลอยขำไปด้วย
“นั่นสิ” เพียงขวัญพยักหน้ายอมรับ
“หมอนั่นอยากจะงาบริสาแน่นอน อาจจะสะดุดใจตั้งแต่สมัยเรียนหรือเปล่า”
อาทิตยาบอกเสียงมั่นอกมั่นใจ พวกเธอรู้เกี่ยวกับประวัติเจ้าของที่นี่รวมทั้งคนในครอบครัว เพราะต้องเตรียมพร้อมในสิ่งที่จำเป็นต้องทำบนเรือ
“ไม่หรอก ริสามั่นใจว่าเขาไม่เคยรู้จักริสาแน่ๆ สาวๆ ไฮโซล้อมหน้าล้อมหลังเยอะแยะ เราอยู่กันคนละสาขาด้วย”
“งั้นหมอนี่ก็หื่นกาม”
ยังเป็นอาทิตยาที่ออกความเห็นอีกเช่นเดิม
“หรือเพราะคืนนั้น...”
ภาพแววตาคู่คมที่จ้องตอบเธอบ่อยๆ แวบขึ้นมาในหัว คืนนั้นชาริสาคิดว่าอีกฝ่ายเห็นเธอไม่ชัดจนสามารถจดจำรูปลักษณ์ได้เพราะค่อนข้างมืด
“คืนไหน?”
สี่สาวที่เหลือถามขึ้นพร้อมกันอย่างสงสัย
“คืนที่ริสาไปเลี้ยงสละโสดของเพื่อนช่วงปลายเดือนที่แล้วน่ะ แต่ก็แค่บังเอิญริสามองเขาตอนอยู่กับเพื่อน...”
เธอบอกเสียงเบา กวาดตามองทุกคนนิดเดียวแล้วหลบสายตาลงต่ำ
“แค่มองเนี่ยนะ ทำไมต้องหน้าแดง เขาทำอะไรอยู่กับเพื่อนเราสินะ”
อาทิตยาซักคนแรก เพียงขวัญเองก็สังเกตท่าทางแปลกๆ ของสาวรุ่นน้องอย่างสงสัย
“หน้าแบบนี้แปลว่าชัวร์”
“นี่ไปแอบดูเขาเหรอ บอกมาให้หมดนะริสา”
=====
“ผมรู้คนสวย”เขากระซิบเสียงพร่า ใบหน้าคมขยับมาหาอีกครั้งพร้อมมือหนาเลื่อนมาเกาะกุมอกข้างหนึ่งของเธอเข้าเต็มๆ เพียงขวัญถอยตามสัญชาตณาณทว่าเพราะนอนบนฟูกหนาทำให้ไปไหนไม่ได้ มือบางรีบคว้าข้อมือหนาทันควัน ขณะที่ริมฝีปากได้รูปกระซิบชิดปากเธอ“ผ่อนคลาย เชื่อใจผม”ชายหนุ่มบอกแล้วบดจูบพร้อมกับมือหนาเคล้าคลึงอกอวบสวยเต็มกำมืออย่างแผ่วเบาเพียงขวัญครางฮือในทันที หากก็ยอมปล่อยอีกฝ่ายทำราวกับเป็นเจ้าของมัน ไม่นานอกคู่สวยก็ถูกปากร้อนผ่าวครอบครองสลับไปมาทั้งสองข้าง ทั้งไล้เลียดูดดื่มเหมือนชิมรสอาหารถูกปากจนหญิงสาวหอบกระเส่า เนิ่นนานจนพอใจเอียนจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปยังกางกางขาสั้นของหญิงสาว เขาถอดมันออกโดยไม่จำเป็นต้องถามความสมัครใจจากอีกฝ่าย ร่างอ่อนระทวยไร้แรงต้านราวกับยินยอมพร้อมใจให้เขาพาไปทุกที่ แม้ตอนปลดชั้นในสองชิ้นบนร่างเธอก็ไม่ขัดขืนเอียนขยับมือหนาไปหาสัดส่วนอ่อนไหวโดยไม่ลังเล รับรู้ว่าอีกฝ่ายเกร็งและพยายามจะบิดตัวหนีแต่เขาไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่ มือข้างหนึ่งวางบนอกอวบ พร้อมกับโน้มตัวลงไปจูบเร้าโรมรันร่างหญิงสาวทุกส่วนพร้อมกันทำเอาอีกฝ่ายถึงกับครางกระสับกระส่ายกับความต้องการที่ถูกปลุกให้พุ่งส
‘แผนเริ่มแล้ว’วิเวียนบอกเป็นสัญญาณก่อนจะเลิกการติดต่อ นับจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะไม่มีการแชตกลุ่มเป็นอันขาดจนกว่าจะถึงเวลาประมูลทุกคนจะมาเจอกันที่ห้องของวิเวียนก่อนหน้านี้ทั้งหมดต่างบอกความคืบหน้ากันในกรุ๊ป มีเพียงเพียงขวัญที่เงียบไปทำให้ทุกคนเริ่มกังวลแต่งานสำคัญก็ล้มเลิกไม่ได้ พวกเธอต้องเดินหน้าต่อ ส่วนชาริสานั้นวิเวียนบอกให้ตามไปสมทบกับมินตราที่ห้องเพราะหากปิลันธ์อยู่กับผู้หญิงเขาคงใช้เวลากับเธอพักใหญ่และไม่ออกมาจนกว่าจะถึงเวลาประมูล ถ้าเขาจะไปร่วมงานด้วยขณะกำลังจะเดินไปยังชั้นที่ตัวเองพัก คนกลุ่มใหญ่ที่ยืนรอลิฟต์อยู่ทำให้ชาริสาหลบอยู่ตรงมุมทางเดินก่อน แม้คนกลุ่มนั้นอาจจะจำเธอไม่ได้แต่หญิงสาวไม่ชอบหน้าตาลุงนั่นเพราะฉะนั้นอยู่ในห่างๆ ดีกว่า และเมื่อลิฟต์มาถึงคนส่วนใหญ่ก็ก้าวเข้าไปแต่อีกสองคนกลับแยกออกไปทางอื่น เธอเห็นหนึ่งในนั้นล้วงไปจับบางอย่างในเสื้อสูท ตอนแรกหญิงสาวคิดว่าเป็นปืนแต่เพราะเขาหันเสื้อด้านในมาทางเธอชาริสาจึงรู้ว่ามันคือกล่อง กล่องสีดำที่เขาพยายามใส่ไว้ในที่ที่ปลอดภัยและไม่ให้เป็นที่สังเกต ชาริสากลับมาหลบในมุมเดิมขณะครุ่นคิดว่าควรทำอย่างไรต่อไป‘อย่าไปยุ่งเรื่อง
เพราะเกรงว่าความเลินเล่อของตัวเองที่ลืมคิดถึงกล้องวงจรปิดไปจะทำให้งานพลาดชาริสาจึงรีบกดลิฟต์เพื่อไม่ให้ดูผิดสังเกตถ้าเธอหยุดรออยู่ตรงนี้นานจนเกินไป หญิงสาวคิดว่าหากเกิดอะไรขึ้นจริงต้องมีการตรวจกล้องแน่แม้ชั้นนี้จะไม่ใช่ชั้นของห้องนิรภัยแต่การทำลับๆ ล่อๆ ของเธออาจมีคนสังเกตเห็นขึ้นมาชาริสาพยายามสูดหายใจเข้าปอดให้ลึกพร้อมกับคิดว่าตนควรบอกให้วิเวียนรู้เอาไว้ก่อนเกี่ยวกับปิลันธ์ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ละสายตาจากเขาแต่ตามเขาไม่ได้ต่างหาก ทว่าพอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะพิมพ์ข้อความประตูลิฟต์ก็เปิดออก เธอจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อจะก้าวเข้าไปทว่าคนที่อยู่ข้างในทำให้ใจดวงน้อยร่วงลงไปตาตุ่ม หากก็ยังคงพยายามเก็บสีหน้าไม่ให้แสดงอาการตระหนกเอาไว้ขณะสบตากับอีกฝ่ายแล้วก้าวเข้าไปด้านใน“ชั้นไหนครับ”คนอยู่ก่อนเอ่ยถามอย่างสุภาพบุรุษ“ชั้นสามค่ะ”เมื่อเขากดลิฟต์ให้หญิงสาวก็ยิ้มให้พร้อมเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะก้มลงเปลี่ยนเป็นเข้าแอปโซเชียลดูนั่นนี่วางมาดให้ปกติในยุคสังคมก้มหน้ากระทั่งถึงชั้นของตนจึงก้าวออกมา“ขอให้สนุกนะครับ”หญิงสาวหันกลับไปยิ้มรับและเอ่ยขอบคุณชายในชุดสูทดำ คนที่เธอจำได้ว่าเขายืนอยู่ข้างกายเอียนเสมอ!ร่าง
พื้นที่สำหรับจอดเฮลิคอปเตอร์ถูกเคลียร์เพื่อต้อนรับแขกคนพิเศษของเอียน เชสเตอร์ เมื่อฮ.ลงจอดเรียบร้อย ชายในชุดสูทดำหกคนก็ก้าวลงมาก่อน ตามด้วยชายร่างสูงใหญ่ในชุดเชื้อเชิ้ตสีฟ้าพาสเทลเกงเกงขายาวสีน้ำตาลอ่อน ชายในชุดสูทดำหกคนตั้งแถวยืนฝั่งละสามคน ทำให้ผู้นำที่ดูสง่าผ่าเผยอยู่แล้วยิ่งโดดเด่นเกินใครขึ้นไปอีก แล้วทั้งกลุ่มก็ตรงมาหาคนของเอียนที่ยืนตั้งแถวรอรับ ในขณะที่ฮ.ก็บินขึ้นในทันทีที่คนออกมาในระยะห่างอย่างปลอดภัยแล้ว“ยินดีต้อนรับครับ...ท่าน”ลูยส์เอ่ยอย่างลังเลกับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ใส่ชุดต่างจากทุกคน สายตาหลังแว่นกันแดดสีน้ำตาลเข้มดูคมและกวาดไล่มองหน้าพวกเขาจนครบก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย“เอียน?”“เอ่อ...คุณเอียนเกิดปัญหานิดหน่อย เลยสั่งให้ผมมาต้อนรับแทนแล้วก็ฝากขอประทาน...เอ่อ...และบอกว่าจะมาขอ...เอ่อ...”“อย่ามากพิธีเลย สบายๆ เถอะ ใช่ว่าเพิ่งเจอกันครั้งแรก”“ครับ แล้วคุณเอียนจะขอโทษด้วยตัวเองอีกครั้งครับ”คำพูดเกร็งๆ ในตอนแรกเริ่มติดขัดน้อยลงเมื่ออีกฝ่ายอนุญาต“เอาละ ฉันพักห้องไหนล่ะ พาไปสิ”“ครับ เชิญครับ”ลูยส์ผายมือเชื้อเชิญอย่างนอบน้อม อีกฝ่ายจึงเดินนำโดยมีลูยส์กับเจมส์และคนของ
เธอกำลังมึน...เพียงขวัญคิดขณะพยายามฝืนทำร่างกายให้ดูเหมือนเป็นปกติ หญิงสาวดื่มคอกเทลไปแล้วห้าแก้ว มันมากเกินไปสำหรับคนคออ่อนเช่นเธอ แต่ไม่อาจปฏิเสธหวังหมิงที่สั่งมาให้เพิ่มได้ แม้พยายามจิบช้าที่สุดแล้วแต่ราวกับอีกฝ่ายจ้องมอมเหล้าเธอ เมื่อเห็นคอกเทลของเธอพร่องไปมากกว่าครึ่งแก้วเขาจะสั่งแก้วใหม่เพิ่มทันทีถึงเธอจะบอกว่าเกรงใจแล้วก็ตาม“เพิ่มอีกแก้วไหมครับ”“ไม่แล้วล่ะค่ะ พายเริ่มมึนแล้ว เดี๋ยวเดินกลับห้องไม่ไหว”เพียงขวัญรีบปฏิเสธแล้วอธิบายเพิ่มเมื่อหวังหมิงหันไปยังลูกน้องของตน“อ้าวงั้นเหรอ ต้องขอโทษจริงๆ ผมเองก็ลืมคิดไปว่าคุณอาจจะคอไม่แข็ง วันนี้ผมรู้สึกสดชื่นมากเลย รู้ไหมว่าตั้งแต่ขึ้นมาบนเรือยังไม่มีเคยมีสาวสวยขนาดนี้มานั่งดื่มด้วยสักที”“เอ่อ...”หญิงสาวเหลือบไปทางเอียนอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี ซึ่งอีกฝ่ายก็เบนสายตามายังเธอแวบเดียวแล้วเมินไปราวกับไม่ได้ยินคำพูดหวังหมิงที่เหมือนจะเกี้ยวพาเธอ ทว่าเพียงขวัญมั่นใจว่าเห็นมุมปากเขายิ้มนิดๆ“คุณหวังให้เกียรติพายเกินไปแล้วล่ะค่ะ”เธอพยายามถ่อมตัวพร้อมยิ้มให้ ไม่รู้หรอกว่าดวงตาที่หวานอยู่แล้วของตนนั้นหวานเยิ้มเพียงใด และยิ้มแบบนั้นก็ทำให้มุมปา
สาวหน้าหวานในชุดสบายๆ เสื้อบางสีขาวตัวยาว ยัดปลายด้านหน้าเข้าไปในกางเกงขาสั้นสีขาว ดึงดูดสายตาเอียนได้ทันทีที่เจ้าตัวก้าวเข้ามาในโซนของสระน้ำ เจ้าตัวมีท่าทางราวกำลังมองหาใครอยู่ เธออาจจะมาหาเพื่อนหรือเด็กๆ ที่เล่นด้วยวันนั้น กระทั่งมองมายังจุดที่เขานั่งอยู่หญิงสาวดูนิ่งขึงไปชั่วอึดใจก่อนจะละสายตาแล้วมองไปในทิศทางอื่น นั่นทำให้เอียนขมวดคิ้วนิดๆเธอมีท่าทีราวกับไม่อยากเจอเขา...“อ้าว นั่นสาวสวยที่ตกน้ำวันนั้นนี่นา”น้ำเสียงชื่นมื่นของหวังหมิงทำให้เอียนคอแข็งโดยทันที ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นเธอเหมือนเขา“อาหลี่ไปเชิญคุณผู้หญิงมาหน่อย บอกว่าฉันอยากเลี้ยงปลอบขวัญ”“ครับนาย”คนของหวังหมิงเดินไปแล้วเอียนจึงเอ่ยขึ้น“ไม่น่าเชื่อว่านักธุรกิจที่ใจเย็น วางแผนแยบยลอย่างคุณหวัง จะใจร้อนเรื่องสาวๆ”เขาลองหยั่งเชิงและอีกฝ่ายก็หัวเราะเสียงดัง“เดี๋ยวนี้ชักช้าก็อดกันพอดี ผมมันแก่แล้ว ถ้าไม่รีบตะครุบเหยื่อก็ช้ากว่าพวกหนุ่มๆ หล่อๆ น่ะสิครับ”เอียนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขากำมือแน่นขึ้น แม้สีหน้าจะดูยิ้มนิดๆ ก็ตาม ขณะเดียวกันสาวสวยตัวเล็กทว่าอวบอิ่มก็ก้าวตามคนของหวังหมิงมาด้วยสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด







