Mag-log in@บริษัท BWA
“นี่ก็เลยเวลานัดมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมยังไม่มา” สายหมอกบ่นพึมพำกับตัวเอง เมื่อมองเวลาที่ข้อมือจากนาฬิกาแบรนด์ดังของเขา
ติ๊ด!
“คุณเลขาครับ...นักบินที่จะมาสัมภาษณ์ยังไม่มาอีกเหรอครับ” ว่าแล้วก็กดต่อสายหาเลขาหน้าห้อง
[อะ...เอ่อ...มาแล้วนะคะ...แต่ไม่รู้ว่าทำไมยังไม่เข้าไปสัมภาษณ์อีก]
“งั้นช่วยเร่งหน่อยได้ไหมครับ ถ้างั้นก็ตัดสิทธิ์ไปเลย แค่เวลายังรักษาไม่ได้จะเอาอะไรมารับผิดชอบชีวิตลูกเรือและผู้โดยสารบนเครื่อง” พูดจบก็วางหูไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!
แต่เพียงไม่นานหลังจากที่วางสาย เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น และพอเขาตอบรับ ประตูก็ถูกผลักเข้ามา พร้อมกับสาวสวยร่างเล็กเจ้าของใบหน้ารูปไข่ เครื่องหน้างดงามดูดึงดูดและมีเสน่ห์ ความสวยของเธอมันไม่ได้ทำให้เขาอึ้งอย่างที่เข้าใจ เพราะทันทีที่ดวงตาคู่คมนั้นสบประสานไปกับดวงตาคู่สวยของเธอ โลกทั้งใบก็หยุดหมุน พร้อมกับเสียงรอบกายที่เงียบสงัดลง
ใบหน้าชาวาบ หัวใจที่นิ่งราวกับสายน้ำที่ไร้ลมพัดก็พลันสั่นไหวขึ้นมาในทันที ไม่เพียงแค่เขา เธอเองก็เช่นกัน ไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่มาสัมภาษณ์เธอจะเป็นเขา รักแรกและรักเดียวของเธอ อยากจะเข้าไปกอดแทบตาย แต่เมื่อคิดถึงในสิ่งที่ตัวเองเคยทำร้ายจิตใจเขาในวันนั้น ก็ต้องบอกตัวเองให้หยุดเอาไว้เพราะมันเกินจะให้อภัยได้จริงๆ
เธอรีบดึงตัวเองกลับมาก่อนที่เธอจะกระแอม ดึงสติของเขาเช่นกัน พร้อมกับทำตัวเหมือนกับว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ซึ่งท่าทีที่ห่างเหินกันนั้น มันทำให้สายหมอกรู้สึกหงุดหงิด ก่อนจะแสร้งตีหน้านิ่ง และเย็นชา มองเธอที่ค่อยๆ เดินมานั่งตรงหน้าด้วยหัวใจที่สั่นระรัว แต่ก็พยายามเก็บอาการของตัวเองเอาไว้ ในใจก็สะกดตัวเองว่าเธอคือผู้หญิงใจร้ายที่เคยทิ้งไป อย่าได้ใจอ่อนเด็ดขาด!!
“แค่เวลายังสาย แล้วจะรับผิดชอบชีวิตของลูกเรือและผู้โดยสารยังไงไหวครับคุณ” เอ่ยถามด้วยเสียงเรียบนิ่งไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ แม้จะแสดงท่าทีเฉยชา ทว่าในใจกลับร้อนรุ่มดั่งมีใครมาสุมไฟอยู่ในนั้น
“ขอโทษค่ะ คือ...เกิดเรื่องวุ่นๆ นิดหน่อย...คือก่อนหน้านี้มีคนเป็นลมที่หน้าลิฟต์...ฉันเลยพาไปส่งโรงพยาบาลค่ะ...เลยทำให้มาสาย” ก้มหน้าแล้วอธิบายให้เขาได้เข้าใจเธอ จริงอยู่ว่างานนี้ก็สำคัญสำหรับเธอ แต่ชีวิตคน หากเธอยืนดูนิ่งๆ ก็คงจะดูไร้ความเมตตาต่อมนุษย์ด้วยกัน เธอไม่อาจทนดูคนล้มไปต่อหน้าต่อตาได้หรอก
“ผมไม่สนหรอกครับว่าคุณจะเจออะไรมาระหว่างทาง แต่นัดก็ต้องเป็นนัด เมื่อผิดนัดก็แปลว่าไร้ความรับผิดชอบ” แม้ว่าเหตุผลของเธอจะฟังขึ้น แต่เขาไม่คิดจะฟัง แถมยังพยายามโทษเธออีก จนคนตัวเล็กต้องช้อนตามองด้วยท่าทีผิดหวัง
เด็กหนุ่มอ่อนโยน น่ารักคนที่เธอรู้จักไปไหนแล้ว คนที่เคยฟังเหตุผลก่อนตัดสิน ทำไมถึงได้กลายเป็นคนไม่สนโลกแบบนี้ล่ะ กาลเวลาเปลี่ยน ใจคนย่อมเปลี่ยนไปแล้วสินะ แค่คิดก็ใจหายวูบแล้ว
“แล้ว...จะเริ่มสัมภาษณ์ได้หรือยังคะ”
“ไม่รับครับ...เชิญออกไปเลย” ตวัดสายตาที่หยาบคาย แล้วไล่เธอด้วยคำพูดที่ดูสุภาพ
“ตะ...แต่คุณยังไม่สัมภาษณ์ฉันเลย คุณจะมาตัดสินคุณภาพของฉันเพียงเพราะฉันมาสายไม่ได้นะคะ แล้วฉันก็บอกไปแล้วว่ามาสายเพราะอะไร อีกอย่างที่ฉันช่วยก็คนในบริษัทของคุณ ขอร้องละค่ะ งานนี้มันสำคัญกับฉันมาก อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาตัดสินเรื่องงานของฉัน”
“หึหึ...อ๋อ...เรารู้จักกันด้วยเหรอครับ...ทำไมถึงได้ทำเป็นรู้ดีจัง...” ยกยิ้มเย้ยหยันแล้วเอ่ยถามด้วยความเย็นชา
“หมอก!!”
“รู้จักกันจริงๆ ด้วยแฮะ...แต่ไม่ต้องใช้ความเป็นแฟนเก่าไต่เต้าเข้ามาเป็นนักบินที่นี่นะครับ...บอกเลยว่าที่นี่คัดกรองคนด้วยความสามารถ ไม่มีเส้นสายสู่ประตูแห่งความสำเร็จ”
“หมอกช่วยแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวด้วย” เธอกล่าวด้วยความจริงจัง หวังให้เขาตัดสินความสามารถของเธอ ที่ไม่เอาความแค้นส่วนตัวเข้ามายุ่งเกี่ยว แต่ดูเหมือนว่าคนคุ้นเคยตรงหน้าเธอจะไม่แยกแยะเอาเสียเลย
“สิรภพครับ ช่วยเรียกผมว่าคุณ...” เน้นคำว่าคุณใส่หน้าเธอ เพื่อตอกย้ำความห่างเหินให้เธอได้รู้สึกเจ็บปวดบ้าง “คุณสิรภพ!”
ฟึ่ด!!
“ค่ะ...คุณสิรภพ” สูดหายใจเข้าปอด เพื่อดับอารมณ์ร้อนในกายเธอ ก่อนที่จะพูดชื่อเต็มของเขาตามที่เขาบอก
“หึ...ถ้าคุณเจอผู้โดยสารที่เรียกร้องคุณเยอะเกินไป และหยาบคายกับคุณ คุณจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร” แค่นหัวเราะออกมาในลำคอ ก่อนที่จะเอ่ยถามคำถามที่เขาควรจะสัมภาษณ์ ในเมื่ออยากได้งานก็จัดไปเลย ดูสิว่าคนไม่มีประสบการณ์ในการบินแบบเธอจะตอบยังไง
“รับมือด้วยความสุภาพ สงบ อดทน และเป็นมืออาชีพที่สุด เพื่อเป็นภาพลักษณ์ที่ดีให้สายการบินค่ะ” เธอตอบด้วยความมั่นใจ ก็นับว่ารักษาภาพพจน์และเห็นแก่หน้าตาสายการบินเป็นหลัก นับว่าตอบได้ดี ชัดถ้อยชัดคำและดูมั่นใจดี
“บอกประโยชน์ในการดำเนินงานตามSOP”
“เพื่อดำเนินงานที่คล่องตัวและลดข้อผิดพลาด เพื่อปฏิบัติตามระเบียบและเพื่อความปลอดภัยและเพื่อการสื่อสารประสานงานระหว่างบินอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ”
พยักหน้ากับคำตอบที่ดูชัดถ้อยชัดคำและฉะฉาน เรียกได้ว่าทำการบ้านมาดี แต่บทสัมภาษณ์มันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่ง เพราะสุดท้ายแล้ว ก็ต้องไปทดสอบความถนัดและฝึกปฏิบัติจริงก่อนขึ้นบินอยู่ดี
“คำถามสุดท้าย...” ถามไปหลายต่อหลายคำถาม ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นพร้อมกับจ้องหน้าเธอนิ่ง ดวงตาคมกริบที่มองลึกเข้าไปในแววตาของเธอมันล้วนหลากหลายความหมาย จนทำให้คนถูกจ้องนึกหวั่นกับคำถามนั้น ก่อนหน้านี้ไม่ใช่แค่คำถามสองคำถาม เขาเองก็ถามจี้เธอหลายคำถามอยู่เหมือนกัน แต่สุดท้ายเธอก็ตอบได้หมด “กลับมาทำไม?” เงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นมา
คำถามที่ไม่ได้เกี่ยวกับบทสัมภาษณ์เลยแม้แต่น้อย และมันทำให้เธอลำบากใจที่จะตอบ เธอเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน
“พี่ไม่ได้กลับมาหาหมอก”
“อ้อ...เข้าใจแล้ว” กระตุกยิ้มนึกขันกับคำตอบของเธอที่ดูไร้เยื่อใยกับเขาแวบหนึ่ง หัวใจแกร่งชาวาบ ก่อนที่จะขบกรามจนขึ้นสัน หวังสงบสติอารมณ์ของตัวเองที่มันพร้อมจะปะทุออกมาทุกเมื่อเอาไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งที่แสนเย็นชานั้น
“ถ้าสัมภาษณ์เสร็จแล้ว ก็ช่วยเซ็นอนุมัติให้พี่ด้วย”
“อยากให้เซ็นเหรอ?...” เลิกคิ้วแล้วมองหน้าคนตัวเล็กตรงหน้า ก่อนจะพูดต่อ “ทำให้หมอกพอใจก่อนสิ” จ้องหน้าคนตรงข้ามนิ่ง แล้วยกยิ้มร้ายอย่างเหนือชั้น ในเมื่องานนี้สำคัญกับเธอมาก แปลว่าเธอก็ต้องยอมเขาสิ
“อย่ามาทำตัวเป็นเด็กแบบนี้ ช่วยแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวด้วย” เอ่ยตอบด้วยท่าทีแข็งๆ จนอยากจะกำราบให้เธอก้มหัวให้เขาจนได้
ที่ทิ้งไป ไม่คิดจะสำนึกผิดเลยหรือไง อยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้แล้ว ใจคอสัมภาษณ์เสร็จก็จะทิ้งกันไปอีกใช่ไหม ร่างสูงคิด
“มีผัวใหม่แล้วหรือยังครับ”
“หมอก!!”
“นี่ก็เป็นคำถาม กำลังสัมภาษณ์อยู่ เพราะงั้นก็ช่วยตอบด้วยครับ” กดเสียงต่ำแล้วรอคอยคำตอบ ในใจก็ลุ้นอยู่เหมือนกันว่าตลอด6ปีที่ผ่านมานี้ จะลืมเขาแล้วมีรักครั้งใหม่แล้วหรือยัง
“มีหรือไม่มีแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการเซ็นไม่ทราบ”
“อ้ออีกอย่างที่พี่ยังไม่รู้ เป็นนักบินเขาไม่เลือดร้อนหรอกนะ พี่ช่วยมีสติในการตอบด้วย ขนาดอารมณ์ตัวเองยังระงับไม่ได้ อยู่บนเครื่องจะไปใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา ลูกเรือและผู้โดยสารเกิดอันตรายขึ้นมาจะแย่เอานะครับ”
“ขอโทษ...แต่คำถามนี้...พี่ไม่จำเป็นต้องตอบ...เพราะมีหรือไม่มีไม่ได้เกี่ยวกับการทำงาน...มีหรือไม่มีไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง” เธอพยายามตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูเย็นที่สุดอย่างที่เขาต้องการ
“มีสิครับ เกิดเครื่องบินตกขึ้นมา จะได้รู้ว่าใครที่จะได้รับเงินชดเชยหลังการตาย” ไม่ว่ายังไงเขาก็พยายามต้อนให้เธอตอบให้ได้ ต้องรู้ให้ได้ว่าเธอมีรักครั้งใหม่แล้วหรือยัง
“ไม่มีค่ะ” ตอบตามจริงแบบส่งๆ ไป หวังว่าเขาคงจะพอใจ และเซ็นให้เธอสักที
“แต่ผมมีแล้วนะ” ราวกับฟ้าผ่าลงกลางใจเมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้น นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะรีบปั้นหน้ายิ้ม
“อ๋อ...ค่ะ...ยินดีด้วยนะคะ...จบการสัมภาษณ์แล้วหรือยังคะ”
“ยัง!” กดเสียงต่ำอย่างไม่พอใจ จะมาแสดงความยินดีทำบ้าอะไร นี่กำลังทำให้เจ็บปวดอยู่ ร่างสูงคิด
“เดือนหน้า...หมอกจะแต่งงาน...ในฐานะแฟนเก่า...เชิญด้วยนะครับ” เป็นอีกประโยคที่ทำเธอใจชา ตอนแรกคิดว่าแค่แฟน นี่จะแต่งงานแล้วหรอกเหรอ
แต่ก็ดี คนดีๆ แบบเขาก็คู่ควรกับรักดีๆ น่ะถูกแล้ว ส่วนเธอเองก็ทำได้แค่แสดงความยินดีกับเขาก็แค่นั้น
“ยินดีด้วยค่ะ” มือหนากำหมัดอยู่ที่ใต้โต๊ะเพื่อระบายความโกรธที่มันสุมอยู่ในอก ทำไมยิ่งทำให้เธอเจ็บ กลับกลายเป็นเขาเจ็บเสียเอง ท่าทีเรียบนิ่งไม่หวั่นไหวต่อคำพูดของเขาเลยเนี่ยนะ ห่างกันไป6ปี ไร้เยื่อใยขนาดนี้เลยเหรอ ไม่มีความรู้สึกอะไรแวบเข้ามาบ้างเลยหรือไง
“ไม่คิดจะถามหน่อยเหรอว่าใคร คบกันเมื่อไหร่ เจอกันที่ไหน”
“ไม่...มันเป็นเรื่องส่วนตัวของหมอก พี่เป็นคนอื่น...ไม่จำเป็นต้องรู้” แม้ด้านในจะบอบช้ำแค่ไหนก็ต้องไม่ไหวติงต่อคำพูดของเขาให้เห็น เดี๋ยวจะหาว่าอาลัยอาวรณ์ ทั้งที่เธอเป็นคนทิ้งเขาไปเอง
“ก็ดี...”
“แล้ว...จะเซ็นให้พี่ได้หรือยัง”
“ขอคิดดูก่อน...ไว้เซ็นแล้วจะติดต่อกลับไป”
“งะ...งั้น...พี่ขอตัวกลับก่อนนะ”
ยังไม่ทันที่เขาจะตอบ ร่างเล็กลุกพรวดแล้ววิ่งออกจากห้องไป และทันทีที่ประตูห้องเขาปิดลง ดวงตาก็เริ่มร้อนผ่าว พร้อมกับน้ำใสๆ ที่เอ่อล้นออกมาบังทัศนียภาพตรงหน้าจนมันเบลอไปหมด และในไม่ช้ามันก็ไหลอาบแก้มออกมา ความรู้สึกที่เก็บเอาไว้เมื่อครู่พังทลายลงมาในเวลาต่อมา
“อึก...ยินดีด้วยนะหมอก...” พูดกับตัวเองพร้อมกับสองขาที่ก้าวเดินออกไปเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ในขณะที่คนในห้องก็ทุบโต๊ะ ด้วยความหัวร้อนจนเสียงดังปัง หงุดหงิดที่ไม่ว่าเขาจะพูดจี้ใจดำเธอแค่ไหน เธอก็ไม่รู้สึกอะไรกับเขาเลย อุตส่าห์ทำใจได้แล้วเชียว กลับมาให้เห็นอีกทำไม!! แค่เพียงเห็นหน้า ก็อยากจะพุ่งเข้าไปกอดแล้ว จะเอาปัญญาไหนไปมีแฟนใหม่กับแต่งงานวะ
ปึ้ง!!
“โธ่โว้ย!!”
พรึ่บ!!
มือหนาปัดข้าวของบนโต๊ะกระจุยกระจายเกลื่อนพื้น ตามด้วยน้ำใสๆ ที่ไหลออกมาจากตา ทั้งโมโห ทั้งเสียใจ ทั้งอาลัยอาวรณ์ ตลอด6ปีเขาผ่านความคิดถึงมาอย่างยากลำบาก ทุกคืนต้องกอดเจ้าแมวนอนถึงจะนอนหลับ
ในขณะที่อีกคนกลับตัดใจไปจากเขาง่ายๆ ไม่คิดที่จะมีความรู้สึกรักหลงเหลืออยู่ในใจนั้นบ้างเลยหรือไง หึงเขาสักนิดสิ ถามเขาสักนิดสิ ทำไมถึงไม่ถาม หรืออธิบายอะไรก็ได้ที่ทำให้เขาสบายใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าทำไมถึงถูกบอกเลิก เธอทิ้งเขาไว้กับแมวอ้วนๆ โดยที่ไม่คิดจะบอกเหตุผลกับเขาเลยด้วยซ้ำ
“ใบชา...เธอจะต้องเจ็บปวดเหมือนอย่างที่ฉันเจ็บ...” พูดขึ้นกับตัวเอง พร้อมกับไฟแค้นที่มันปะทุเข้ามาแทนที่ความน้อยใจและเสียใจ
ด้านใบชา...หมับ!“มี๊!” เด็กน้อยวัย5ขวบในชุดนักเรียนวิ่งมากอดแม่ด้วยความตื่นเต้น ที่เห็นแม่มาหาที่บ้าน พร้อมกับคุกกี้รสโปรดในมือสองกล่อง“หืม...หอมจังเลย...กำลังจะไปโรงเรียนเหรอครับ...” กอดและหอมลูกชายด้วยความดีใจไม่แพ้กัน“ครับมี๊...แต่มี๊มาพอดีเลย...วันนี้ไปส่งน้องเวย์ได้ไหมครับ”“ได้อยู่แล้วครับ...นี่ครับ...มี๊ทำคุกกี้มาฝากด้วย”“เย่ เวย์ชอบกินคุกกี้ของมี๊ที่สุดเลย” ว่าแล้วก็ผละกอดออกแล้วหยิบคุกกี้ที่เธอทำให้มาถือไว้ ตามด้วยเปิดกล่องและฉีกซองกินอย่างเอร็ดอร่อย“อร่อยไหมครับ”“อร่อยที่สุดในโลกเลยครับ” เอ่ยชมพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความสุข รอยยิ้มที่เธอมักจะได้เห็นจากเขาบ่อยๆ เวลาที่เธอทำให้เขากินสายหมอกเป็นคนที่ชอบกินคุกกี้มาก และยิ่งเมื่อได้ลิ้มรสที่เธอทำให้ เขาก็ยิ่งไม่กินของใครเลย ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาจะยังกินอยู่หรือเปล่า จะเจอคุกกี้ที่ถูกใจและทำให้มีความสุขได้ไหม หรือเกลียดเธอจนเลิกชอบไปแล้ว“อุ๊ย...สายแล้ว...งั้นไปโรงเรียนกันนะครับ”“ครับ...คุณยาย...เวย์ฝากคุกกี้ด้วยนะครับ..ห้ามให้ใครกินของเวย์นะครับ” เอ่ยสั่งเอาไว้ ดูสิขนาดนิสัยขี้หวงของยังเหมือนกันเลย เรียกได้ว่าเหมือนเขาแทบจะทุก
@Bibleคอนโดมิเนียมก๊อก ก๊อก ก๊อก!“อ๊ะ...เฮีย...มาเร็วจังเลยค่ะ...รอดาวก่อนนะคะ...ดาวยังแต่งตัวไม่เสร็จเลย...เฮียเล่นกับนมสดไปก่อนนะคะ”“ครับ งั้นเดี๋ยวเฮีย...ออกไปเดินเล่นหน้าห้องนะ กลัวนมสดฉี่ในห้องหนู” พูดจบก็ปลดสายจูง แล้วปล่อยให้นมสดเดินเล่นอยู่ที่หน้าห้อง และแปลก เพราะอยู่ๆ เจ้านมสดก็วิ่งไปที่ห้องของเธอพร้อมกับพยายามตะกุยประตูห้องของเธอ ราวกับรู้ว่านั่นคือกลิ่นเจ้านายเก่าของมันสายหมอกยืนมองด้วยสายตาเรียบนิ่ง และเพียงไม่นานเจ้าของห้องก็เปิดประตูออกมา“อ๊ะ...เจ้าเหมียว...เอ๋...เหมือนนม...” ใบชาก้มลงเตรียมจะจับเจ้าแมว พร้อมกับรู้สึกคุ้นเคยกับแมวอ้วนตรงหน้า แต่พอมองไปที่อีกฝั่งของฟากคอนโด ก็เห็นว่าสายหมอกกำลังเดินดุ่มๆ มาทางนี้ ซึ่งชัดเจนว่าเจ้าแมวอ้วนตัวนี้คือแมวที่เธอซื้อมาก่อนที่จะเลิกกับเขา“อย่าแตะต้องลูกหมอก” เสียงดุดันเอ่ยขึ้น จนร่างเล็กชะงักไม่จับตามที่เขาสั่ง ทว่าเมื่อเธอหยัดตัว และลุกขึ้น เจ้าแมวอ้วนนั่นก็วิ่งปรู๊ดเข้าห้องของเธอทันที“อ๊ะ...นมสด!!” เมื่อเห็นว่าเจ้าแมวอ้วนขนปุกปุยสีขาววิ่งปรู๊ดเข้าไปในห้องนอนแถมยังกระโดดขึ้นเตียงเอาหน้าไถไปมาเพื่อปล่อยกลิ่นไปทั่วห้อง ราวก
@Bibleคอนโดมิเนียม“น้องสาวเฮีย โตเป็นสาวแล้ว ได้แยกออกมาอยู่คอนโดส่วนตัวแล้วสินะ” สายหมอกเอ่ยขึ้น ขณะที่ช่วยน้องสาวจัดแจงของใช้ที่ซื้อมา“กว่าพ่อจะยอมให้ดาวออกมาอยู่ คุณแม่ขอให้แทบตาย”“ก็คุณพ่อหวงหนูนี่นา อืม...ที่เหลือจัดการเองนะ...เดี๋ยวเฮียต้องกลับแล้ว”“โอเคค่ะ” ตอบรับพร้อมกับรอยยิ้มกว้างๆ“อ๊ะ...จริงสิ...คุกกี้ที่ดาวสั่งให้เฮียกินหมดหรือยัง”“ใกล้หมดแล้ว อย่าลืมสั่งให้เฮียอีกนะ”“ได้เลยค่ะ แต่รอนานหน่อยนะคะ ร้านนี้กดสั่งยาก ของหมดไว ว่าแต่ทำไมเฮียถึงชอบกินร้านนี้นัก” ถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะเธอเคยสั่งร้านอื่นมาให้แทนแล้ว แต่สายหมอกก็ไม่ถูกใจ“เคยมีคนทำให้กิน”“ใครคะ...”“เป็นเด็กเป็นเล็ก...ไม่ต้องรู้หรอก...เฮียไปนะ”“โอเคค่ะ หวังว่าจะไม่ใช่แม่ของนมสดนะ” ตอบกลับไปไม่วายแอบแซวเบาๆ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ สายหมอกก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร รีบออกจากห้องของน้องสาวไปทว่า...จังหวะที่เขากำลังจะเดินไปที่ลิฟต์ประตูห้องสุดท้ายของอีกฝั่งของคอนโดกลับเปิดออก พร้อมกับเจ้าของร่างเล็กที่แสนคุ้นเคยเดินออกโดยที่ในมือมีถุงขยะอยู่จึ่ก!!เธอและเขาชะงักมองหน้ากันเพียงครู่ จนสุดท้ายใบชาก็เป็นฝ่ายหลบตา แล้วเดิน
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะลูก สัมภาษณ์ไม่ผ่านเหรอ” บัวเอ่ยถามลูกสาว เมื่อสังเกตเห็นใบหน้าสวยนั้นดูไม่สู้ดีนัก เธอรู้ว่างานนี้สำคัญกับลูกสาวมากแค่ไหน กว่าจะพยายามมาถึงขนาดนี้ต้องผ่านความกดดันอะไรมาบ้าง“ไม่เชิงค่ะแม่...ละ...แล้ว...รันเวย์ละคะ”“ไปกับหม่อน...”“อ๋อ...ลืมไปเลยค่ะ...” ยิ้มแห้งๆ แล้วพูดเสียงแผ่วกับตัวเอง เมื่อลืมไปเลยว่าน้าชายอย่างใบหม่อนเป็นคนมารับไปเที่ยวแต่ก็ดีแล้วที่ตอนนี้ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่อยู่ เพราะถ้าอยู่เวลานี้ เธอคงอดที่จะร้องไห้ไม่ได้แน่ๆ ก็ลูกชายของเธอ หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ แถมนิสัยและความชอบก็ยังเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน ถึงอย่างนั้นก็เถอะอย่างน้อยๆ ลูกก็คือตัวแทนของเขา แม้ว่าวันนี้จะรู้ข่าวคราว ว่าเขากำลังจะแต่งงาน ก็แอบเจ็บจี๊ดอยู่เหมือนกันแฮะ“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”“แม่คะ...วันนี้ชาไปเจอเขามา” เม้มปากเป็นเส้นตรง ด้วยความลำบากใจเล็กน้อย“เขาไหน? พ่อของรันเวย์เหรอ” พยักหน้าตอบผู้เป็นแม่ พยายามสะกดกั้นความรู้สึกที่โหยหาและคิดถึงเอาไว้ตลอดเวลาที่เธอเลิกกับเขาไป ไม่มีวันไหนไม่คิดถึงเขาเลย หลายครั้งหลายครา ที่มีหนุ่มๆ มาขายขนมจีบ ทั้งที่รู้ว่าเธอมีลูกติด เธ
@บริษัท BWA“นี่ก็เลยเวลานัดมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมยังไม่มา” สายหมอกบ่นพึมพำกับตัวเอง เมื่อมองเวลาที่ข้อมือจากนาฬิกาแบรนด์ดังของเขาติ๊ด!“คุณเลขาครับ...นักบินที่จะมาสัมภาษณ์ยังไม่มาอีกเหรอครับ” ว่าแล้วก็กดต่อสายหาเลขาหน้าห้อง[อะ...เอ่อ...มาแล้วนะคะ...แต่ไม่รู้ว่าทำไมยังไม่เข้าไปสัมภาษณ์อีก]“งั้นช่วยเร่งหน่อยได้ไหมครับ ถ้างั้นก็ตัดสิทธิ์ไปเลย แค่เวลายังรักษาไม่ได้จะเอาอะไรมารับผิดชอบชีวิตลูกเรือและผู้โดยสารบนเครื่อง” พูดจบก็วางหูไปก๊อก ก๊อก ก๊อก!!แต่เพียงไม่นานหลังจากที่วางสาย เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น และพอเขาตอบรับ ประตูก็ถูกผลักเข้ามา พร้อมกับสาวสวยร่างเล็กเจ้าของใบหน้ารูปไข่ เครื่องหน้างดงามดูดึงดูดและมีเสน่ห์ ความสวยของเธอมันไม่ได้ทำให้เขาอึ้งอย่างที่เข้าใจ เพราะทันทีที่ดวงตาคู่คมนั้นสบประสานไปกับดวงตาคู่สวยของเธอ โลกทั้งใบก็หยุดหมุน พร้อมกับเสียงรอบกายที่เงียบสงัดลงใบหน้าชาวาบ หัวใจที่นิ่งราวกับสายน้ำที่ไร้ลมพัดก็พลันสั่นไหวขึ้นมาในทันที ไม่เพียงแค่เขา เธอเองก็เช่นกัน ไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่มาสัมภาษณ์เธอจะเป็นเขา รักแรกและรักเดียวของเธอ อยากจะเข้าไปกอดแทบตาย แต่เมื่อคิ
คนหนึ่งทิ้งเเมวไว้เป็นตัวเเทนของเธอแต่เขาไม่รู้เลยว่าเขาฝากตัวเเทนรักไว้ในท้องของเธอด้วยเขาดูแมวต่างหน้าทุกครั้งที่คิดถึงเธอแต่เธอต้องดูลูกต่างหน้า และคิดถึงเขาทุกครั้งเพราะลูกโคตรจะเหมือนเขาเลยทั้งคู่เลิกกันทั้งที่ยังรักโดยที่เธอเป็นคนบอกเลิกเองซึ่งเขาไม่เคยรู้เลยว่าเหตุผลที่เธอขอจบความสัมพันธ์คืออะไรจนกระทั่ง...วันที่เธอกลับมาเพื่อมาสัมภาษณ์งานในสายการบินของเขาและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งสองคนต้องสานสัมพันธ์รักกันอีกครั้งโดยมีแมวและลูกชายเป็นสื่อกลางในความรักครั้งนี้แฝ่บๆๆๆ ครืด แฝ่บๆๆ ครืดเสียงสตาร์ทรถคันหรู ที่พยายามสตาร์ทครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่ากลับไม่มีทีท่าว่าจะติดเลย ทุกครั้งที่เหมือนจะติด ก็ต้องดับเช่นเดิม สุดท้ายร่างสูงจึงจำต้องล้มเลิกความพยายาม แล้วหยิบสัมภาระที่สำคัญออกจากรถ โดยไม่ลืมหยิบขนมสุดโปรดอย่างคุกกี้บราวน์นี่บราวน์ชูการ์ติดมือไปด้วย“ฮัลโหล...ไอ้พาย...มึงออกจากมหาลัยยัง” ยกโทรศัพท์แล้วต่อสายหาแฝดพี่อย่างพะพาย[ออกมาแล้ว มีอะไร]“เออๆ ช่างเถอะ...แค่นี้แหละ” เมื่อได้คำตอบก็รีบกดตัดสายไป จากนั้นก็เดินไปรอรถเมล์ ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่เขาอยู่มาก







