Home / โรแมนติก / ลวงเงารัก / 2...เวลาเกือบเที่ยงคืน (3)

Share

2...เวลาเกือบเที่ยงคืน (3)

Author: rasita_suin
last update Huling Na-update: 2025-07-14 19:12:40

ตติยะพาเอื้อมทรายมาขึ้นรถสปอร์ตยี่ห้อเวลเลโอคันสวยของตนเอง แล้วขับมันเลี้ยวโค้งลงมาตามชั้นต่างๆ เพื่อออกจากตึกสูงใหญ่ที่มีสัญลักษณ์ของเวลเลโลอย่างเร็วและชำนาญ หากแต่คนที่นั่งไม่ได้รู้สึกดีไปด้วยเลยแม้แต่น้อย

“ติว...จะรีบไปไหน ขับช้าๆ ก็ได้”

เหมือนคำพูดของเธอจะทำให้เขารู้ตัวว่าไม่ควรเอาอารมณ์ขุ่นมัวมาใส่ในเวลาขับรถ อีกอย่างคนที่ทำให้เขาไม่พอใจก็ไม่ใช่คนที่นั่งอยู่ข้างตัวในเวลานี้ แต่เป็นผู้ชายที่พยายามส่งสายตาเจ้าชู้ใส่เพื่อนเขาต่างหาก

จากสายตาที่เห็น นายเอนกอาจจะเอ็นดูเอื้อมทรายตามประสาเจ้านายกับลูกน้องจริง เขาจึงพอยกประโยชน์ให้ไปได้ แต่ผู้ชายที่ชื่อชวินไม่ใช่อย่างแน่นอน เป็นผู้ชายด้วยกันทำไมเขาจะดูสายตานั้นไม่ออก นายชวินนั่นชอบเอื้อมทรายแน่ แต่ก็นิ่งและแสดงความสงสัยมาทางเขาแค่เพียงสายตาเท่านั้น ไม่พูดอะไรมาก ส่วนไอ้เจ้าของรถคนนั้นนี่สิ สายตามันกะลิ้มกะเหลี่ยชัดเจน ซ้ำยังทำท่าพูดหว่านล้อมจะไม่ให้เอื้อมทรายมากับเขาอีกด้วย

โธ่...เขาเป็นเพื่อนนะ ยังไงเธอก็ต้องมากับเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนานอย่างเขาแน่ ตัวเองทำเจ้าชู้ไก่แจ้ใส่แบบนั้น คิดหรือว่าเอื้อมทรายจะดูไม่ออก

“ไปรู้จักกับไอ้เจ้าของรถคนนั้นได้ยังไงน่ะแซนด์ ท่าทางไม่น่าไว้วางใจเลย” คิดแล้วก็ถามออกไปทันที

“เขา...เอ่อ เป็นเพื่อนกับคนรู้จักน่ะ เห็นบอกว่ารถที่เพิ่งซื้อมาใหม่มีปัญหา แซนด์ก็เลยบอกให้มาลองปรึกษาคุณเอนก เจ้าของสำนักงานทนายความที่ทำงานอยู่ดู ไม่คิดว่าเขาจะมาวุ่นวายกับเราแบบนี้”

หญิงสาวบอกเสียงอ่อย เข้าใจในเจตนารมณ์ของสมุทรดี

“แล้วนายคนที่ชื่อชวินนั่นไม่ว่าอะไรหรือไง”

“ทำไมพี่ชวินต้องว่าอะไรด้วย”

เอื้อมทรายเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจพร้อมกับหันมามองที่เขา ตติยะเพียงแต่เหลือบมองหญิงสาวเล็กน้อย ก่อนจะมองทางต่อและพูดขึ้น

“อย่าบอกนะว่าดูสายตาเขาไม่ออก”

เพียงเท่านั้นก็ได้ยินเสียงถอนหายใจยาวเหยียดออกมาจากคนตัวเล็ก เธอลดตัวลงพิงพนักเต็มที่พร้อมกับหลับตาลง เหมือนได้กลับมาอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ไว้ใจได้ ไม่จำเป็นต้องระแวดระวังสิ่งใดอีกแล้ว ก่อนจะค่อยๆ ระบายคำพูดออกมา

“พี่ชวินเป็นคนดี เขาช่วยแซนด์ทุกอย่างตั้งแต่สมัยเรียน จนกระทั่งเรียนจบก็พามาทำงานที่สำนักงานทนายความที่เขาเป็นทนายอยู่ แต่...เขาเป็นคนดีเกินไป”

“ดีเกินไป” ชายหนุ่มหลุดขำพรืดออกมา

“ไม่อยากเชื่อเลย ว่าจะได้ยินคำน้ำเน่าพวกนี้หลุดออกจากปากทนายคนเก่งที่แสนจะมั่นใจในตัวเอง”

“แซนด์พูดจริงนะติว พี่ชวินดีเกินไป ไม่เหมาะกับแซนด์ แล้วแซนด์ก็ไม่ได้คิดกับพี่เขาแบบนั้น”

หญิงสาวพยายามอธิบาย แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่ได้ฟังในสิ่งที่เธอพูดเลยสักนิด เพราะเขายังออกความเห็นในแง่มุมของตนเองต่อไป

“มิน่าล่ะ แซนด์ไม่เปิดโอกาสให้เขาแบบนี้นี่เอง หมอนั่นถึงได้หงอ ไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของสักนิด เออ...ว่าแต่ ชวิน พี่รหัสแซนด์น่ะเหรอ”

“อืม...คนนี้แหละ”

“น่าแปลก...ติวเป็นเพื่อนแซนด์มาสี่ปี เขาเป็นพี่รหัสแซนด์อยู่สามปี แต่ติวไม่เคยเห็นหน้าเขาเลย”

“ก็คุณชายติวมัวแต่ควงสาวเที่ยว ไม่เคยเข้าห้องสมุด จะไปเจอพี่ชวินคนที่วันๆ เอาแต่ติวแล้วก็อ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดได้ยังไงล่ะเจ้าคะ”

พอได้พูดคุยกันหลายประโยคมากขึ้น เอื้อมทรายก็เผยความเป็นตัวของตัวเองออกมา กล้าเล่นกล้าแซวชายหนุ่มและพูดตรงๆ ไม่เกร็งเหมือนในช่วงแรกๆ

ความเป็นเพื่อนหลายปีก่อนผูกพันกันมาอย่างไร ขณะนี้ก็ยังคงเป็นอยู่อย่างนั้น ตติยะยิ้มที่มุมปาก รู้สึกเต็มตื้น เมื่อเขายังมีเพื่อนคนนี้อยู่เคียงข้างเหมือนเช่นเคย ความรู้สึกทุกอย่างยังเหมือนเดิม ดีใจยิ่งนักที่ได้เพื่อนรักกลับมา

“ก็ติวมันไม่ใช่พวกหนอนหนังสือนี่นา” เขาบ่นอย่างไม่จริงจังนัก

“จ้า...ไม่ใช่หนอนหนังสือหรอก แต่จบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเนี่ยนะ”

“บอกแล้วไง ว่าคนมันฟลุก” เขายังบอกเธอคำเดิมไม่เปลี่ยน

“นี่แน่ะ!” พูดปุ๊บมือบางก็กระทบเข้าที่ศีรษะของชายหนุ่มปั๊บ

“ก็บอกแล้วไงล่ะ ว่าถ้าเชื่อนาย มีหวังได้ออกลูกเป็นลิงแน่”

คนถูกตบหัวแบบไม่ทันได้รู้เนื้อรู้ตัวชะงักกึก พอดีกับที่รถติดไฟแดง ทำให้เขาหยุดรถแล้วหันมามองหน้าหญิงสาวที่ขณะนี้หน้าซีดไปแล้ว เพราะลืมตัวทำเหมือนสมัยยังเรียนอยู่ ทั้งที่ก็โตๆ กันแล้ว

เขาอาจจะโกรธที่เธอไปลามปามเขาขนาดนั้น เอื้อมทรายคิดอย่างเศร้าๆ แต่แล้วความคิดนั้นก็สะดุด เมื่อหัวของเธอถูกสั่นคลอนจนแทบหลุด เป็นผลจากมือใหญ่ที่ขยี้ลงมาทั้งสองข้างพร้อมกับเสียงหัวเราะทุ้มนุ่มดังขึ้นที่ข้างหู ทำให้เธอต้องใช้มือปัดใบหน้าขาวคมกับมือใหญ่เป็นพัลวันด้วยความรำคาญ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอมแพ้ จึงเกิดการยื้อยุดกันชั่วขณะหนึ่ง

“อย่ามาทำแบบนี้นะ รู้ไหมว่ากว่าจะทำทรงนี้ได้มันใช้เวลานานแค่ไหน”

แม้เธอจะแหวกลับเสียงดัง แต่มือใหญ่ก็ยังขยี้ไม่หยุดจนหญิงสาวหน้าบูดบึ้ง

“โกรธจริงเหรอเนี่ย เดี๋ยวพาไปกินอาหารญี่ปุ่น เอาไหม”

“ไม่ต้องมาถาม เพราะนายต้องชดใช้อยู่แล้ว”

มือเล็กผลักหน้าที่ยื่นมาจนใกล้อย่างกระเซ้าเย้าแหย่ออก แต่คนชอบแกล้งก็ยังขยี้หัวเธอใหม่อีก มือเล็กปัดออก มือใหญ่ก็ขยี้ใหม่อย่างกวนอารมณ์

เมื่อไฟเขียวขึ้นมานั่นแหละ การต่อสู้ถึงสิ้นสุดลงเพราะชายหนุ่มต้องมุ่งมั่นกับการขับรถ แล้วสองคนก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน เมื่อหลายสิ่งหลายอย่างในตัวของทั้งสองยังคงเดิม มิตรภาพของเพื่อนยังไม่ได้จางหายไปตามกาลเวลา แม้ว่าคนทั้งคู่จะอยู่ในชุดที่เนี้ยบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า แต่ความเป็นตัวตนของตัวเองก็ยังคงอยู่

=====

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ลวงเงารัก   6...การจราจรในช่วงสาย (3)

    หลังจากไม่ได้กลับบ้านสวนเมื่อคืนวานแล้วได้พูดคุยกับเรฟที่ทำงาน ทำให้ตติยะรู้ว่าคุณอรพิมผู้เป็นป้ากลับมาที่บ้านแล้ว แต่จากที่สังเกตอาการลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ไม่ค่อยจะยอมพูดถึงมารดาของตนเองเท่าไรนักเขาก็รู้ว่าทั้งสองน่าจะยังไม่ได้พูดคุยกันตามประสาแม่ลูกเป็นแน่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตติยะค่อนข้างเป็นห่วงมาก เขาอยากให้เรฟรู้จักกับความอบอุ่น ความเป็นครอบครัว และอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ชายหนุ่มจะได้ลดความแข็งกระด้างที่มีลงไปบ้าง เหนืออื่นใดตติยะอยากให้แม่กับลูกกลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิม แม้ว่าอาจจะไม่สามารถทำให้ทั้งสามคนอยู่ด้วยกันได้ แค่เรฟกับป้าอรพิมรักกันเข้าใจกันเขาก็ดีใจมากแล้ว ฉะนั้นตติยะจึงคิดว่าหากจะดึงเรฟเข้าไปหาแม่ของเขาให้มากขึ้น ตัวเขาเองนี่แหละที่จะต้องเป็นฝ่ายพาชายหนุ่มเดินเข้าไปเย็นวันนี้ตติยะกับเรฟไปรับชินานางกลับมาบ้านพร้อมกัน แม้ภายในรถจะมีการพูดคุยกันมาตลอดทาง ทว่าเรฟกับชินานางนั้นไม่ได้คุยหรือแม้แต่จะมองหน้ากันด้วยซ้ำ หญิงสาวนั่งอยู่เบาะหลังในขณะที่เรฟเป็นคนขับรถ ซึ่งชายหนุ่มก็ตั้งหน้าตั้งตาขับและโต้ตอบกับตติยะเท่านั้น ถึงบางครั้งจะมองกระจกหลังบ้าง หากเขาก็จะมองเผินๆ ไม่สนใจ

  • ลวงเงารัก   6...การจราจรในช่วงสาย (2)

    ร่างสูงใหญ่เดินตามหญิงสาวเข้ามาในร้านด้วยท่าทางสบายๆ หลังจากวนหาที่จอดรถจนได้แต่ก็ต้องเข้ามาจอดในซอยถัดมา แล้วเดินกลับมาที่ร้านอีกที ถึงแดดจะเริ่มร้อน เหงื่อซึมออกมาบนแผงอกและแผ่นหลังจนเปียกเสื้อเชิ้ตเนื้อดี แต่เขาก็ยังดูเฉยๆ ไม่ได้มีอาการหงุดหงิดแต่อย่างใด ทั้งที่ร้านนี้ก็เป็นร้านธรรมดาไม่มีแอร์และคนก็ค่อนข้างเยอะ เธอเหลือบตามามองเขาเล็กน้อยตติยะจึงยิ้มให้แล้วชี้ไปที่โต๊ะเล็กๆ สำหรับนั่งสองคนซึ่งว่างอยู่พอดี“นั่งตรงนั้นกัน”ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินนำไปก่อนแต่หญิงสาวกลับเดินเข้าไปหาพ่อครัวที่ยืนอยู่หน้าหม้อโจ๊ก สั่งแล้วจึงเดินตามเข้าไป ตติยะนั่งลงแล้วมองหาคนที่ควรจะเดินตามเขา เมื่อเห็นว่าต้องสั่งก่อนเข้ามานั่งก็มองคนที่นั่งลงฝั่งตรงข้ามอย่างเก้อๆ เพราะเขาคิดว่าจะมีคนมารับออเดอร์“ขอโทษนะ ทั้งที่ผู้ชายควรจะเป็นคนสั่ง”“คุณไม่รู้นี่”อีกฝ่ายยักไหล่อย่างไม่แคร์เท่าไร ตติยะเงียบไปขณะเพ่งมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาพร้อมกับครุ่นคิดแล้วก็ส่ายหน้าอยู่คนเดียว ขณะที่หญิงสาวมองไปรอบๆ ร้านก่อนจะหันกลับมามองชายหนุ่มซึ่งมีเหงื่อผุดออกมาจนเต็มหน้าผาก“เช็ดหน้าหน่อยไหม ดูเหมือนจะร้อนมาก” เธอบอกขณะมองหน้

  • ลวงเงารัก   6...การจราจรในช่วงสาย (1)

    การจราจรในช่วงสายของวันยังแน่นขนัดอยู่ ทั้งที่ตติยะออกมาจากคอนโดของภรวีได้ประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้วแต่เขายังอยู่ไม่ห่างจากแถวคอนโดของหญิงสาวนัก ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาสายกว่าตอนที่อยู่บ้านสวนเพราะกว่าจะได้หลับกันจริงๆ ทั้งเขาและภรวีก็เหนื่อยอ่อนจากกิจกรรมบนเตียงไปตามๆ กัน เนื่องจากหญิงสาวทำทุกอย่างเพื่อปลุกอารมณ์เขาอยู่ตลอด แม้จะปฏิเสธไปแล้วทว่าเมื่อถูกกระตุ้นคนอย่างตติยะก็ไม่เคยถอยอยู่แล้ว ชายหนุ่มรู้สึกสนุกกับสิ่งที่ภรวีมอบให้ แต่ก็เกิดความหน่ายแทรกขึ้นมาด้วยเหมือนกันเพราะเธอเรียกร้องจากเขามากจนเกินไป ถึงจะเคยมีเซ็กซ์ที่บ้าคลั่งกว่านี้กับสาวผมทองถึงสองคนพร้อมกัน แต่เขาชักไม่สนุกกับความต้องการของภรวีเสียแล้ว ตติยะอดคิดไม่ได้ว่าหากไม่ป้องกันตัวเองอย่างดี เมื่อคืนนี้อาจจะทำให้ภรวีท้องก็ได้ บางทีเขาอาจจะต้องเว้นระยะห่างกับเธอบ้าง เขารู้สึกอย่างนั้น หากภรวีไม่ยอมก็คงต้องพูดกันอย่างจริงจังว่าหากยังต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันคงอยู่ เธอก็ไม่ควรทำให้เขาเบื่อเสียก่อน ซึ่งเขาเชื่อว่าภรวีรู้และเข้าใจดีรถเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ทำให้คนขับเริ่มเบื่อ หลังจากเปิดเพลงฟังเพื่อผ่อนคลายความหงุดหงิดกับการจราจ

  • ลวงเงารัก   5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (4)

    ร่างสูงใหญ่เดินสำรวจไปรอบๆ รถ ดูทุกล้อว่ามีปัญหาที่ล้อใดบ้าง ร่างสูงก้มๆ เงยๆ หลายครั้งอย่างใช้ความคิด พลางยกมือหนาขึ้นเสยผมที่เปียกน้ำฝนปรกใบหน้าคมเข้มอยู่บ่อยครั้ง เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มที่เขาสวมอยู่ก็เปียกแนบกับร่างกำยำคิ้วเรียวได้รูปสวยของพยาบาลสาวขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจ เห็นชายหนุ่มตากฝนอย่างนั้นก็รู้สึกหงุดหงิด หลังจากได้สติหญิงสาวจึงนึกได้ว่าตนเองพกร่มคันเล็กใส่ไว้ในกระเป๋าด้วยเนื่องจากหน้านี้หน้าฝน หากเรฟก็ดูจะไม่ใส่ใจกับสิ่งอื่นใดนอกจากล้อรถ เธอจึงยิ่งเป็นกังวล...คนอะไรไม่รู้ สนใจรถมากกว่าตัวเองซะอีก เดี๋ยวก็ได้หวัดกินกันพอดี คิดได้ดังนั้นชินานางจึงหยิบร่มออกจากกระเป๋าแล้วก้าวลงจากรถพร้อมกับกางร่ม ก่อนจะเดินอ้อมไปหาคนที่กำลังหาอุปกรณ์อยู่ที่หลังรถพื้นถนนซึ่งเป็นทางเลี่ยงถนนใหญ่นั้นค่อนข้างเฉอะแฉะ และมีโคลนที่ทำให้หญิงสาวก้าวเดินอย่างยากลำบาก เธอค่อยๆ ย่องเข้าไปหาคนตัวสูงใหญ่ที่กำลังก้มหน้าก้มตารื้อค้นบางอย่างวุ่นวาย ชินานางคิดอยากช่วยชายหนุ่มจึงขยับเข้าไปใกล้แล้วชะโงกหน้าไปดู แต่จังหวะนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นพอดีทำให้คนทั้งคู่ไม่ทันตั้งตัวต่างก็ผงะถอยหลังด้วยความตกใจ“เฮ้ย!” เ

  • ลวงเงารัก   5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (3)

    ชินานางรู้สึกว่าบรรยากาศภายในรถโฟร์วีลคันใหญ่นี้ ดูอึมครึมไม่แพ้กับเมฆฝนทมึนที่ตั้งเค้าอยู่ภายนอก เพราะมีคนตัวโตนั่งหน้าบึ้งถมึงทึงและมุ่งมั่นกับการบังคับรถอย่างเดียวโดยไม่พูดไม่จา นอกจากเสียงแอร์แล้วเธอไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แม้กระทั่งลมหายใจของเขา‘ตายไปแล้วมั้งเนี่ย’หากเป็นอย่างที่หญิงสาวค่อนขอดอยู่ในใจจริง คุณ MIB คนนี้คงเป็นพวกมีความสามารถพิเศษที่ขับรถได้ทั้งที่ไม่หายใจ แต่ในเมื่อเธอยังไม่เห็นเขาบินได้เขาจึงยังดูธรรมดา และรถก็ยังเคลื่อนต่อไปเรื่อยๆ นั่นก็แสดงว่าเขายังมีชีวิตอยู่“ฝนตกอีกแล้ว...ดีนะที่พ้นเขตในเมืองมาแล้ว ไม่งั้นรถคงติดแย่ หน้าฝนก็งี้ ฝนตกรถติดเรื่องธรรมชาติ”ชินานางเปิดประเด็นเพื่อทำลายความเงียบ ทั้งที่ความจริงแล้วไม่อยากจะคุยกับเขาสักเท่าไรหรอก แต่ดูจากที่เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเขาแล้วมันรู้สึกขนลุกอย่างไรบอกไม่ถูก คนอะไรไม่รู้ใส่แว่นดำก็ดูน่ากลัว พอไม่ใส่สายตาก็ดูราวกับจะเผาเธอได้“คุณคงยังไม่ชิน แต่อีกหน่อย เดี๋ยวก็ชินไปเอง...เอ๊ะ!”เธออุทานเมื่อเรฟหักพวงมาลัยเลี้ยวขวา ทั้งที่ยังไม่ถึงแยกที่ต้องเลี้ยวจริงๆ นั่นทำให้ชินานางตระหนกขึ้นมา กลัวว่าเขาจะโมโหเธอจนอยาก

  • ลวงเงารัก   5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (2)

    ‘วันนี้ฉันไม่กลับบ้านนะ นายไปรับน้องนาที่โรงพยาบาลที่ไปส่งเมื่อเช้าด้วยแล้วกัน ฉันไม่อยากให้น้องกลับเอง แล้วนายก็จะได้ไม่หลง’คนที่นั่งจมกองเอกสารอยู่ในห้องรองประธานกรรมการ ถือโทรศัพท์นิ่งค้างอยู่เช่นนั้นตั้งแต่ตติยะวางสายไปอีกราวหนึ่งนาที จากนั้นจึงค่อยๆ ประมวลระบบการรับรู้ทางหูของตนว่าได้ยินคำสั่งที่ผิดไปหรือเปล่าบอกให้เขาไปรับน้องนอกไส้นั่นน่ะเหรอ หมอนั่นคิดได้ยังไงข้อแรกเขายังจำทางไม่ค่อยได้เลย ไม่รู้จะไปถูกหรือเปล่าด้วยซ้ำ ก็ถนนในกรุงเทพฯ ไม่ได้มีแค่สองเส้นนี่ แถมยังตรอกซอกซอยอีกล่ะ ยิ่งคนอ่อนการอ่านภาษาไทยอย่างเขาแล้วด้วยยิ่งไม่ต้องพูดถึงการดูป้าย มีดีอย่างเดียวตรงที่โรงพยาบาลนั้นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก เพราะเมื่อเช้าเขากับตติยะใช้เวลาจากที่นั่นมาถึงที่นี่แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นข้อสอง...ข้อนี้เป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นเลยก็คือเขาไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากอยู่ใกล้ หรือแม้แต่พูดคุยกับผู้หญิงคนนั้น คนที่แม่เขารักและทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูมากับมือ ลูกของคนที่มาแทนที่พ่อของเขา แม้ไม่ได้รังเกียจ แต่เขาก็คน จะให้ทำใจยอมรับกันง่ายๆ คงเป็นไปไม่ได้ชายหนุ่มคิดแล้วก็ถอนหายใจด้วยความเซ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status