Home / โรแมนติก / ลวงเงารัก / 3...ซูชิคำโตของโปรด (1)

Share

3...ซูชิคำโตของโปรด (1)

Author: rasita_suin
last update Huling Na-update: 2025-07-14 19:14:43

ซูชิคำโตของโปรดที่กำลังจะถูกตะเกียบคู่หนึ่งคีบถูกฉกลอยขึ้นไปต่อหน้าต่อตา ก่อนจะเข้าไปอยู่ในปากของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างรวดเร็ว จนหญิงสาวซึ่งนั่งฝั่งตรงข้ามหน้างอง้ำ

“ไม่เป็นสุภาพบุรุษ รู้ทั้งรู้ว่าแซนด์ชอบกิน แถมนั่นมันชิ้นสุดท้ายแล้ว ยังจะมาแย่งอีก”

คนพูดบ่นเสียงดังให้ได้ยิน แต่ก็ไม่ตีโพยตีพายหรือเรียกร้องตามความต้องการ

เอื้อมทรายมักจะอภัยให้ทุกคนได้เสมอ แม้รู้แก่ใจว่าเขาตั้งใจจะแกล้งเธอก็ตาม หญิงสาวไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น นี่แหละ...เอื้อมทรายตัวจริง

ตติยะอมยิ้มก่อนที่ริมฝีปากบางสีสดเป็นธรรมชาติยิ่งกว่าผู้หญิงจะแย้มออกกว้างเห็นฟันขาวเรียงกันสวย เขามักจะทำให้สาวๆ หลงใหลด้วยการโปรยเสน่ห์จากรอยยิ้มนี้ แต่มันไม่ได้ผลกับสาวสวยตรงหน้า เมื่อเธอนิ่งเฉยสบตาเขา ใช้เพียงคำกล่าวหาด้วยสายตา เรียกได้ว่าเธอเป็นพวกทำร้ายใครไม่เป็นนั่นเอง

และนี่เป็นกิริยาที่ทำให้เขาเอ็นดูเธอยิ่งนัก ไม่กรีดกราย ออดอ้อน ฉอเลาะ ไม่เคยร้องขอในสิ่งที่อยากได้ จริงใจ ใสซื่อ และเป็นธรรมชาติ

“อยากกินก็สั่งมาอีกสิ เดี๋ยวติวสั่งให้” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับยกมือแต่เธอจับมือเขายึดไว้

“อย่าเลย ช่างเถอะ บนโต๊ะนี่ก็เหลืออีกตั้งหลายอย่าง แล้วแซนด์ก็ชักจะอิ่มๆ แล้ว” เสียงใสอุบอิบก้มหน้า

ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก รู้ว่าเธอพูดไปอย่างนั้นเอง เพราะไม่อยากให้เขาต้องเปลืองเงินเพิ่ม ซึ่งมันไม่ได้มากมายอะไร แต่ในเมื่อเธอเกรงใจเขาก็ไม่อยากขัดใจ จึงยอมรับฟังคำของเธอ

“แล้วทำงานที่สำนักงานนั่นเป็นยังไงบ้าง” การเปลี่ยนเรื่องคุยคือสิ่งที่ดีที่สุด

“ก็ดี...ตอนนี้แซนด์ก็เป็นผู้ช่วยของพี่ชวินกับคุณเอนก เพื่อเรียนรู้งานไปพลางๆ ก่อน”

เธอตอบเสียงเรียบเรื่อย พร้อมกับคีบทาโกะยากิเข้าปากอย่างสบายอารมณ์

“อ้าว! แล้วยังไม่ได้เป็นทนายเหรอ”

“แซนด์เพิ่งจบนะ ก็ต้องสั่งสมประสบการณ์ไปก่อน แต่ก็มีบ้างในคดีเล็กๆ ที่คุณเอนกให้แซนด์จัดการ”

“เพิ่งจบ” ตติยะมีสีหน้าแปลกใจ

“เพิ่งจบเนฯ น่ะเหรอ แต่ติวจำได้ว่าเรียนเนฯ แค่สองปีก็จบไม่ใช่เหรอ”

เพราะนี่มันก็ตั้งห้าปีผ่านไปแล้ว เขายังเรียนปริญญาโทจบมาตั้งสองใบ แต่ทำไมเอื้อมทรายเพิ่งจะเรียนจบเนติบัณฑิต ทั้งที่เธอก็ฉลาด หัวดี ไม่ได้มีปัญหาเรื่องการเรียนนี่นา

หญิงสาวหน้าเสียไปเล็กน้อยก่อนจะปรับให้ดูดีขึ้นมา แล้วบอกด้วยเสียงที่สดใส ไม่มีร่องรอยของความเศร้าหรือหมองหม่นใดๆ

“ก็กว่าแซนด์จะเก็บเงินเรียนได้ก็ตั้งสามปีแน่ะ แถมตอนเรียนก็ต้องทำงานไปด้วย ไม่งั้นคงไม่พอ นี่ถ้าไม่ได้พี่ชวินแนะนำให้มาทำงานที่นี่ แซนด์คงยังเรียนไม่จบง่ายๆ แน่”

พูดไปแล้วก็หยุดถอนหายใจเหนื่อยหน่าย แต่ไม่คิดอะไรมาก

“ทำไงได้ล่ะ แซนด์ไม่ใช่คนรวยมีเงินถุงเงินถังนี่นา”

“ไม่ได้ว่ากระทบกันใช่ไหม” เขาแสร้งถามกลับให้รู้ว่ารับมุกของเธอ

“ก็แล้วแต่จะคิด” เธอบอกพร้อมกับรอยยิ้มสดใส

คำพูดในประโยคก่อนหน้านั้นแม้จะดูราวกับว่าน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ความจริงแล้วเขารู้ดีว่าเธอพูดขำๆ เพื่อกลบเกลื่อนบางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่เคยก้าวเข้าไปใกล้มันเลยตั้งแต่คบกันมา

ชายหนุ่มจับความรู้สึกได้ว่า หญิงสาวมีเรื่องที่ทำให้แววตาในบางครั้งของเธอดูเศร้าโศกขณะที่อยู่คนเดียว แต่ไม่นานมันก็จะกลับมาสดใสแวววาวเมื่อพูดคุยกับเขาเหมือนไม่เคยมีปัญหาหนักหนาในชีวิตมาก่อนเลย แต่เขาเชื่อว่ามันต้องมีบางอย่าง และสักวันจะต้องรู้ให้ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่

===================

รถเก๋งคันหรูสีน้ำเงินเข้มดูไม่เข้ากับบรรยากาศโดยรอบอย่างสิ้นเชิง เพราะสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ให้ผลนานาชนิด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลไม้ขึ้นชื่อของประเทศไทยทั้งสิ้น ตัวรถกำลังเคลื่อนตัวผ่านพันธุ์ไม้ยืนต้นสูงใหญ่ด้วยความเร็วที่เรียกได้ว่า หากขี่จักรยานยังสามารถแซงได้ ช่างไม่เหมาะสมกับสมรรถนะที่แท้จริงของมันเลยสักนิด จนคนที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับรู้สึกอับอายแทนที่จะภูมิใจกับการได้นั่งรถคันที่ใครๆ ได้เห็นรูปลักษณ์อันโฉบเฉี่ยวเรียบหรูก็ต้องหันมองไปตามๆ กัน

“นายจะขับให้มันเร็วกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไงเรฟ” ในที่สุดเขาก็เก็บความขายหน้านี้เอาไว้ไม่ได้ “รู้ไหม ถ้าใครมาเห็นนายขับรุ่นล่าสุดของเวลเลโอแบบนี้ คงไม่มีคนซื้อไปใช้กันแน่”

“ก็ผมไม่เคยขับรถบนถนนที่เป็นดินลูกรังแบบนี้นี่ครับคุณทิว แล้วทำไมคุณทิวไม่บอกผมก่อนล่ะครับว่าถนนเข้าบ้านมันไม่ได้ลาดยาง แถมเดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำอีก ผมจะได้เอารถที่เหมาะกว่านี้มา ถ้าขืนขับคันนี้ให้เหมือนขับโฟว์วิลด์ก็คงได้พังกันพอดี” คนไม่ค่อยพูดมากอธิบายเสียยืดยาว เพราะถ้าหากได้พูดเรื่องรถแล้วเขาก็จะไม่มีหยุดง่ายๆ

“แต่นายเล่นขับเป็นเต่าแบบนี้ เมื่อไหร่จะถึงบ้านกันเล่า”

“บ้านไม่หนีไปไหนหรอกครับ แล้วก่อนหน้านี้คุณทิวก็ยังไม่คิดจะกลับเลย วันนี้ถึงช้าหน่อยคงไม่เสียหายอะไร”

โดนย้อนกลับมาตติยะได้แต่ขบกรามแน่น แม้จะอยากยกบาทายันคนที่นั่งข้างๆ มากสักแค่ไหน หากแต่นี่มันในรถและหมอนี่เป็นคนขับ เขาเลยไม่อยากเสี่ยง

บ้านซึ่งทั้งสองเอ่ยถึงนั้นคือ บ้านสุวรรณกร เป็นบ้านของคุณยายเอมอรในเขตชานเมือง ซึ่งประกอบด้วยบ้านหลังใหญ่สองหลัง เป็นเรือนไทยแท้ที่คุณอรพิมอยู่และเรือนแบบผสมผสานยุโรปกับตะวันออกสวยงามทันสมัยของคุณอรกนิตที่สร้างหลังจากแต่งงานกับมิสเตอร์เจอเซ่อีกหนึ่งหลังในอาณาบริเวณเดียวกัน กินพื้นที่หลายไร่ โดยมีสวนผลไม้นานาชนิดล้อมรอบ

บ้านหลังนั้นตกอยู่ในการดูแลของอรพิมตั้งแต่คุณยายเอมอรเสีย เพราะคุณตาอรรถผู้เป็นเจ้าของบ้านและพี่ชายแท้ๆ นั้นเสียไปตั้งแต่รุ่นหนุ่มด้วยอุบัติเหตุพร้อมภรรยา ทิ้งลูกสาวคนเดียวคืออรพิมให้คุณยายเอมอรเลี้ยงดูคู่กับลูกสาวของตัวเอง ซึ่งก็คืออรกนิตแม่ของตติยะนั่นเอง

และแล้วเต่าที่มีประสิทธิภาพสูงมากก็เคลื่อนเข้ามาจอดตรงส่วนหน้าของบ้านเรือนไทยหลังใหญ่งดงาม หลังจากผ่านประตูทางเข้าสวนสุวรรณกรมาแล้วสองชั่งโมงเต็ม นี่ถ้าเขาขับเองคงไม่ใช้เวลานานขนาดนี้ และมาถึงตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว

คนเคยอยู่บ้านนี้มานานหลายปีลงจากรถพร้อมกับสบถยาวเหยียด นึกเคืองที่ตัวเองเลือกจะเป็นคนนั่งบอกทางสบายๆ แต่มันกลับไม่ได้สบายอย่างที่คิด

=====

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ลวงเงารัก   6...การจราจรในช่วงสาย (3)

    หลังจากไม่ได้กลับบ้านสวนเมื่อคืนวานแล้วได้พูดคุยกับเรฟที่ทำงาน ทำให้ตติยะรู้ว่าคุณอรพิมผู้เป็นป้ากลับมาที่บ้านแล้ว แต่จากที่สังเกตอาการลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ไม่ค่อยจะยอมพูดถึงมารดาของตนเองเท่าไรนักเขาก็รู้ว่าทั้งสองน่าจะยังไม่ได้พูดคุยกันตามประสาแม่ลูกเป็นแน่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตติยะค่อนข้างเป็นห่วงมาก เขาอยากให้เรฟรู้จักกับความอบอุ่น ความเป็นครอบครัว และอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ชายหนุ่มจะได้ลดความแข็งกระด้างที่มีลงไปบ้าง เหนืออื่นใดตติยะอยากให้แม่กับลูกกลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิม แม้ว่าอาจจะไม่สามารถทำให้ทั้งสามคนอยู่ด้วยกันได้ แค่เรฟกับป้าอรพิมรักกันเข้าใจกันเขาก็ดีใจมากแล้ว ฉะนั้นตติยะจึงคิดว่าหากจะดึงเรฟเข้าไปหาแม่ของเขาให้มากขึ้น ตัวเขาเองนี่แหละที่จะต้องเป็นฝ่ายพาชายหนุ่มเดินเข้าไปเย็นวันนี้ตติยะกับเรฟไปรับชินานางกลับมาบ้านพร้อมกัน แม้ภายในรถจะมีการพูดคุยกันมาตลอดทาง ทว่าเรฟกับชินานางนั้นไม่ได้คุยหรือแม้แต่จะมองหน้ากันด้วยซ้ำ หญิงสาวนั่งอยู่เบาะหลังในขณะที่เรฟเป็นคนขับรถ ซึ่งชายหนุ่มก็ตั้งหน้าตั้งตาขับและโต้ตอบกับตติยะเท่านั้น ถึงบางครั้งจะมองกระจกหลังบ้าง หากเขาก็จะมองเผินๆ ไม่สนใจ

  • ลวงเงารัก   6...การจราจรในช่วงสาย (2)

    ร่างสูงใหญ่เดินตามหญิงสาวเข้ามาในร้านด้วยท่าทางสบายๆ หลังจากวนหาที่จอดรถจนได้แต่ก็ต้องเข้ามาจอดในซอยถัดมา แล้วเดินกลับมาที่ร้านอีกที ถึงแดดจะเริ่มร้อน เหงื่อซึมออกมาบนแผงอกและแผ่นหลังจนเปียกเสื้อเชิ้ตเนื้อดี แต่เขาก็ยังดูเฉยๆ ไม่ได้มีอาการหงุดหงิดแต่อย่างใด ทั้งที่ร้านนี้ก็เป็นร้านธรรมดาไม่มีแอร์และคนก็ค่อนข้างเยอะ เธอเหลือบตามามองเขาเล็กน้อยตติยะจึงยิ้มให้แล้วชี้ไปที่โต๊ะเล็กๆ สำหรับนั่งสองคนซึ่งว่างอยู่พอดี“นั่งตรงนั้นกัน”ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินนำไปก่อนแต่หญิงสาวกลับเดินเข้าไปหาพ่อครัวที่ยืนอยู่หน้าหม้อโจ๊ก สั่งแล้วจึงเดินตามเข้าไป ตติยะนั่งลงแล้วมองหาคนที่ควรจะเดินตามเขา เมื่อเห็นว่าต้องสั่งก่อนเข้ามานั่งก็มองคนที่นั่งลงฝั่งตรงข้ามอย่างเก้อๆ เพราะเขาคิดว่าจะมีคนมารับออเดอร์“ขอโทษนะ ทั้งที่ผู้ชายควรจะเป็นคนสั่ง”“คุณไม่รู้นี่”อีกฝ่ายยักไหล่อย่างไม่แคร์เท่าไร ตติยะเงียบไปขณะเพ่งมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาพร้อมกับครุ่นคิดแล้วก็ส่ายหน้าอยู่คนเดียว ขณะที่หญิงสาวมองไปรอบๆ ร้านก่อนจะหันกลับมามองชายหนุ่มซึ่งมีเหงื่อผุดออกมาจนเต็มหน้าผาก“เช็ดหน้าหน่อยไหม ดูเหมือนจะร้อนมาก” เธอบอกขณะมองหน้

  • ลวงเงารัก   6...การจราจรในช่วงสาย (1)

    การจราจรในช่วงสายของวันยังแน่นขนัดอยู่ ทั้งที่ตติยะออกมาจากคอนโดของภรวีได้ประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้วแต่เขายังอยู่ไม่ห่างจากแถวคอนโดของหญิงสาวนัก ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาสายกว่าตอนที่อยู่บ้านสวนเพราะกว่าจะได้หลับกันจริงๆ ทั้งเขาและภรวีก็เหนื่อยอ่อนจากกิจกรรมบนเตียงไปตามๆ กัน เนื่องจากหญิงสาวทำทุกอย่างเพื่อปลุกอารมณ์เขาอยู่ตลอด แม้จะปฏิเสธไปแล้วทว่าเมื่อถูกกระตุ้นคนอย่างตติยะก็ไม่เคยถอยอยู่แล้ว ชายหนุ่มรู้สึกสนุกกับสิ่งที่ภรวีมอบให้ แต่ก็เกิดความหน่ายแทรกขึ้นมาด้วยเหมือนกันเพราะเธอเรียกร้องจากเขามากจนเกินไป ถึงจะเคยมีเซ็กซ์ที่บ้าคลั่งกว่านี้กับสาวผมทองถึงสองคนพร้อมกัน แต่เขาชักไม่สนุกกับความต้องการของภรวีเสียแล้ว ตติยะอดคิดไม่ได้ว่าหากไม่ป้องกันตัวเองอย่างดี เมื่อคืนนี้อาจจะทำให้ภรวีท้องก็ได้ บางทีเขาอาจจะต้องเว้นระยะห่างกับเธอบ้าง เขารู้สึกอย่างนั้น หากภรวีไม่ยอมก็คงต้องพูดกันอย่างจริงจังว่าหากยังต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันคงอยู่ เธอก็ไม่ควรทำให้เขาเบื่อเสียก่อน ซึ่งเขาเชื่อว่าภรวีรู้และเข้าใจดีรถเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ทำให้คนขับเริ่มเบื่อ หลังจากเปิดเพลงฟังเพื่อผ่อนคลายความหงุดหงิดกับการจราจ

  • ลวงเงารัก   5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (4)

    ร่างสูงใหญ่เดินสำรวจไปรอบๆ รถ ดูทุกล้อว่ามีปัญหาที่ล้อใดบ้าง ร่างสูงก้มๆ เงยๆ หลายครั้งอย่างใช้ความคิด พลางยกมือหนาขึ้นเสยผมที่เปียกน้ำฝนปรกใบหน้าคมเข้มอยู่บ่อยครั้ง เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มที่เขาสวมอยู่ก็เปียกแนบกับร่างกำยำคิ้วเรียวได้รูปสวยของพยาบาลสาวขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจ เห็นชายหนุ่มตากฝนอย่างนั้นก็รู้สึกหงุดหงิด หลังจากได้สติหญิงสาวจึงนึกได้ว่าตนเองพกร่มคันเล็กใส่ไว้ในกระเป๋าด้วยเนื่องจากหน้านี้หน้าฝน หากเรฟก็ดูจะไม่ใส่ใจกับสิ่งอื่นใดนอกจากล้อรถ เธอจึงยิ่งเป็นกังวล...คนอะไรไม่รู้ สนใจรถมากกว่าตัวเองซะอีก เดี๋ยวก็ได้หวัดกินกันพอดี คิดได้ดังนั้นชินานางจึงหยิบร่มออกจากกระเป๋าแล้วก้าวลงจากรถพร้อมกับกางร่ม ก่อนจะเดินอ้อมไปหาคนที่กำลังหาอุปกรณ์อยู่ที่หลังรถพื้นถนนซึ่งเป็นทางเลี่ยงถนนใหญ่นั้นค่อนข้างเฉอะแฉะ และมีโคลนที่ทำให้หญิงสาวก้าวเดินอย่างยากลำบาก เธอค่อยๆ ย่องเข้าไปหาคนตัวสูงใหญ่ที่กำลังก้มหน้าก้มตารื้อค้นบางอย่างวุ่นวาย ชินานางคิดอยากช่วยชายหนุ่มจึงขยับเข้าไปใกล้แล้วชะโงกหน้าไปดู แต่จังหวะนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นพอดีทำให้คนทั้งคู่ไม่ทันตั้งตัวต่างก็ผงะถอยหลังด้วยความตกใจ“เฮ้ย!” เ

  • ลวงเงารัก   5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (3)

    ชินานางรู้สึกว่าบรรยากาศภายในรถโฟร์วีลคันใหญ่นี้ ดูอึมครึมไม่แพ้กับเมฆฝนทมึนที่ตั้งเค้าอยู่ภายนอก เพราะมีคนตัวโตนั่งหน้าบึ้งถมึงทึงและมุ่งมั่นกับการบังคับรถอย่างเดียวโดยไม่พูดไม่จา นอกจากเสียงแอร์แล้วเธอไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แม้กระทั่งลมหายใจของเขา‘ตายไปแล้วมั้งเนี่ย’หากเป็นอย่างที่หญิงสาวค่อนขอดอยู่ในใจจริง คุณ MIB คนนี้คงเป็นพวกมีความสามารถพิเศษที่ขับรถได้ทั้งที่ไม่หายใจ แต่ในเมื่อเธอยังไม่เห็นเขาบินได้เขาจึงยังดูธรรมดา และรถก็ยังเคลื่อนต่อไปเรื่อยๆ นั่นก็แสดงว่าเขายังมีชีวิตอยู่“ฝนตกอีกแล้ว...ดีนะที่พ้นเขตในเมืองมาแล้ว ไม่งั้นรถคงติดแย่ หน้าฝนก็งี้ ฝนตกรถติดเรื่องธรรมชาติ”ชินานางเปิดประเด็นเพื่อทำลายความเงียบ ทั้งที่ความจริงแล้วไม่อยากจะคุยกับเขาสักเท่าไรหรอก แต่ดูจากที่เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเขาแล้วมันรู้สึกขนลุกอย่างไรบอกไม่ถูก คนอะไรไม่รู้ใส่แว่นดำก็ดูน่ากลัว พอไม่ใส่สายตาก็ดูราวกับจะเผาเธอได้“คุณคงยังไม่ชิน แต่อีกหน่อย เดี๋ยวก็ชินไปเอง...เอ๊ะ!”เธออุทานเมื่อเรฟหักพวงมาลัยเลี้ยวขวา ทั้งที่ยังไม่ถึงแยกที่ต้องเลี้ยวจริงๆ นั่นทำให้ชินานางตระหนกขึ้นมา กลัวว่าเขาจะโมโหเธอจนอยาก

  • ลวงเงารัก   5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (2)

    ‘วันนี้ฉันไม่กลับบ้านนะ นายไปรับน้องนาที่โรงพยาบาลที่ไปส่งเมื่อเช้าด้วยแล้วกัน ฉันไม่อยากให้น้องกลับเอง แล้วนายก็จะได้ไม่หลง’คนที่นั่งจมกองเอกสารอยู่ในห้องรองประธานกรรมการ ถือโทรศัพท์นิ่งค้างอยู่เช่นนั้นตั้งแต่ตติยะวางสายไปอีกราวหนึ่งนาที จากนั้นจึงค่อยๆ ประมวลระบบการรับรู้ทางหูของตนว่าได้ยินคำสั่งที่ผิดไปหรือเปล่าบอกให้เขาไปรับน้องนอกไส้นั่นน่ะเหรอ หมอนั่นคิดได้ยังไงข้อแรกเขายังจำทางไม่ค่อยได้เลย ไม่รู้จะไปถูกหรือเปล่าด้วยซ้ำ ก็ถนนในกรุงเทพฯ ไม่ได้มีแค่สองเส้นนี่ แถมยังตรอกซอกซอยอีกล่ะ ยิ่งคนอ่อนการอ่านภาษาไทยอย่างเขาแล้วด้วยยิ่งไม่ต้องพูดถึงการดูป้าย มีดีอย่างเดียวตรงที่โรงพยาบาลนั้นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก เพราะเมื่อเช้าเขากับตติยะใช้เวลาจากที่นั่นมาถึงที่นี่แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นข้อสอง...ข้อนี้เป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นเลยก็คือเขาไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากอยู่ใกล้ หรือแม้แต่พูดคุยกับผู้หญิงคนนั้น คนที่แม่เขารักและทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูมากับมือ ลูกของคนที่มาแทนที่พ่อของเขา แม้ไม่ได้รังเกียจ แต่เขาก็คน จะให้ทำใจยอมรับกันง่ายๆ คงเป็นไปไม่ได้ชายหนุ่มคิดแล้วก็ถอนหายใจด้วยความเซ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status