Home / โรแมนติก / ลวงเงารัก / 2...เวลาเกือบเที่ยงคืน (2)

Share

2...เวลาเกือบเที่ยงคืน (2)

Author: rasita_suin
last update Huling Na-update: 2025-07-14 19:11:44

เสียงหญิงสาวที่พูดขึ้นหลังกระจกบานขุ่นในห้องใหญ่ทำให้ร่างสูงใหญ่ซึ่งนั่งฟังเรื่องราวอยู่อีกห้องหนึ่งที่สามารถเชื่อมถึงกันได้ลุกขึ้นยืนกะทันหัน แต่เรฟเอื้อมมือมาฉุดไว้ก่อนจะกระซิบ

“คุณทิวบอกว่าจะนั่งฟังเฉยๆ แล้วให้คนของเราจัดการเองไม่ใช่เหรอครับ”

ตติยะหันกลับมามองหน้าเรฟ แล้วก็นึกได้ว่าตนเองกำลังทำเรื่องไม่สมควรอยู่ นั่นคือการแอบฟัง เพราะฉะนั้นหากเขาเดินออกไปเวลานี้ ทุกคนยกเว้นคุณวิชัยที่เป็นคนจัดให้เขามาอยู่ในห้องนี้ต้องแปลกใจแน่ ที่สำคัญอาจทำให้ฝ่ายตรงข้ามคิดไปว่าพวกเขาตั้งใจจะเล่นไม่ซื่อก็ได้ จึงจำต้องนั่งลงตามเดิมอย่างขัดใจ ทั้งที่สาเหตุของการจะเข้าไปในห้องนั้นไม่เกี่ยวกับปัญหาเรื่องรถไม่ได้มาตรฐานแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มนั่งนิ่ง มือข้างหนึ่งเท้าคาง อีกข้างวางลงบนโต๊ะ นิ้วเรียวสวยแต่ใหญ่ของผู้ชายสี่นิ้วเคาะลงรัวเร็วไล่ระดับ ตาสีน้ำตาลอ่อนเพ่งมองกระจกขาวขุ่น ราวกับจะให้มันทะลุจนสามารถมองเห็นเจ้าของเสียงพูดหวานใสนั้นได้ เพราะต่อให้อีกกี่ปีหรือตลอดชีวิต เขาก็ไม่มีวันลืมเสียงนี้ไปได้ แถมเพิ่งได้ยินเธอต่อว่ามาสดๆ ร้อนๆ อีกด้วย

เสียงของเอื้อมทราย...เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

ขณะนี้เสียงหวานใสที่ชี้แจงเสริมเรื่องราวอย่างฉะฉานของเอื้อมทรายเงียบลงแล้ว และมีเสียงทุ้มของผู้ชายอีกคนกำลังต่อรองกับทนายฝ่ายของตติยะอยู่ ใจของชายหนุ่มเต้นรัวเร็วจนแทบจะรอไม่ไหว อยากให้การเจรจานี้จบลงโดยเร็ว เขาจะได้ออกไปเจอกับเธอ ‘เพื่อนคนดี และเพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวในชีวิตของเขา’ สักที

แม้จะแปลกใจว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกตื่นเต้นมากมายขนาดนี้ แต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดอะไรมาก อาจเป็นเพราะเขาไม่ได้เจอเอื้อมทรายนานมากเหลือเกิน จึงคิดถึงเธอ และยิ่งได้พบกันแบบที่โดนต่อว่าอยู่ฝ่ายเดียว โดยไม่ได้อธิบายอะไรเลยยิ่งทำให้ชายหนุ่มอยากพูดอยากบอกเล่าเรื่องต่างๆ ให้เธอฟังมากเป็นพิเศษ

เขาก็แค่ต้องการอธิบาย ไม่ได้คิดจะแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น ชายหนุ่มยืนยันกับตัวเอง

และแล้วการรอคอยที่แสนจะอึดอัดของตติยะก็สิ้นสุดลง เมื่อฝ่ายตรงข้ามตกลงรับข้อเสนอของพวกเขาและขอตัวกลับไป คุณวิชัยให้ทุกคนรออยู่ในห้อง ก่อนจะเปิดประตูเล็กเข้ามาหาชายหนุ่มผู้เป็นท่านประธานกรรมการภาคพื้นเอเชีย เพื่อให้เขาเอ่ยปากคุยกับคนที่ทำงานได้สำเร็จลงด้วยดี แต่ตติยะกลับลุกขึ้นและเดินสวนอีกฝ่ายออกไปอย่างรวดเร็ว

“เอ่อ...คุณตติยะครับ แล้ว...” เลขาหนุ่มซึ่งอายุมากกว่าเอ่ยอ่อนน้อม หากก็ได้แต่อ้าปากค้างพูดไม่ทันเจ้านาย

“ผมยังไม่มีอะไรจะคุยกับพวกคุณตอนนี้ เอาเป็นว่าทำได้ดีมาก ผมมีธุระ ขอตัวก่อน”

พูดจบตติยะก็ออกไปจากห้องนั้น ท่ามกลางสายตาตกใจแกมสงสัยของบรรดาลูกน้อง ที่ไม่รู้ว่าท่านประธานมาแอบอยู่ในห้องเล็กข้างๆ ห้องประชุมใหญ่ตั้งแต่เมื่อไร

คุณวิชัยหันมามองรองประธานกรรมการที่มีตำแหน่งแต่แทบจะไม่เอ่ยปากอะไรในเรื่องงานเลยแทน ทว่าเรฟมองหน้าเลขากลับแล้วยักไหล่อย่างไร้คำอธิบาย แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้คนในที่ทำงานมองว่าเขาหยิ่งจึงบอกออกไป

“ก็อย่างที่บอกแหละครับ ว่าเขามีธุระสำคัญ” ชายหนุ่มเน้นเสียงตรงคำท้าย

“แล้วเขาก็ชมพวกคุณนี่ ไม่ได้ต่อว่าอะไร ไม่มีอะไรน่าสงสัยสักหน่อย ผมว่าแยกย้ายกันไปทำงานดีกว่านะครับ”

จากนั้นชายหนุ่มก็เดินล้วงกระเป๋าลอยชายออกจากห้องไปอีกคน

คุณวิชัยได้แต่ส่ายหน้าระอากับพฤติกรรมของเจ้านายทั้งสองคน แม้ว่าเวลาทำงานจะดูจริงจังและทำออกมาได้ดีไม่มีที่ติ แต่นิสัยส่วนตัวที่รักความสนุก ความสบาย และติดเที่ยวจนเคยตัวนี่สิ แก้ไม่หายสักที เลขาหนุ่มคิดอยู่ในใจคนเดียวเงียบๆ หลังบอกให้ทุกคนออกไป เพราะเขาได้รับคำสั่งจากท่านประธานใหญ่ให้ดูแลสองคนนี้ให้เลิกนอกลู่นอกทาง ตั้งใจทำงานและมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ เขารับปากท่านมาแล้วและจะต้องทำให้ได้

===================

“แซนด์!”

เสียงเรียกจากทางด้านหลังที่ฟังดูกระหืดกระหอบ ทำให้หญิงสาวหนึ่งเดียวของกลุ่มหยุดการเคลื่อนไหว แต่ไม่ได้หันกลับมา ราวกับไม่แน่ใจว่าเป็นชื่อของตนเองหรือไม่ ตติยะจึงเอ่ยเรียกอีกครั้ง ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้เธอและคนในกลุ่มมากขึ้น

“แซนด์...” น้ำเสียงชายหนุ่มทุ้มละมุนลงกว่าเดิมอีกเท่าตัว

เบื้องหลังบอบบางในชุดสูทสีเทา สีเดียวกันกับกระโปรงทรงสอบปกปิดเรียวขาสวยหันกลับมา เผยให้เห็นใบหน้านวลใสมีเครื่องหน้าอยู่บางเบาดูสวยเป็นธรรมชาติ เสริมความสง่างามและลงตัวให้ใบหน้าสวยหวานดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นด้วยผมที่รวบขึ้นหมดและถูกมวยไว้อย่างเรียบร้อย ไร้ไรผมระเกะระกะ เปลี่ยนจากหญิงสาวที่เคยดูสวยหวานในสายตาเขาอยู่ตลอดเวลาไปราวกับเป็นคนละคน จนตติยะเองยังเกรงว่าเขาจะทักคนผิด

หากเมื่อเธอมองมายังเขาด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความตกตะลึงและคาดไม่ถึงอย่างยิ่ง ก็ทำให้ชายหนุ่มเชื่อได้ว่าไม่ผิดคนอย่างแน่นอน

“ติว” เสียงสดใสที่คุ้นหูเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากสีพีชสวยอิ่ม ก่อนจะแย้มยิ้มพร้อมๆ กับคิ้วเรียวที่กันไว้อย่างสวยงามยกขึ้นเล็กน้อย “กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วรู้ได้ยังไงว่าเรามาที่นี่”

คำถามนั้นทำให้ตติยะอดที่จะยิ้มกว้างไม่ได้ เธอยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง คุยเก่ง พูดเก่ง ช่างซัก ช่างถามสารพัด จนกระทั่งเมื่อก่อนเขาเคยจ้างให้เธอหยุดพูดสักวันด้วยซ้ำ แต่เอื้อมทรายก็ทำไม่ได้ เงินค่าจ้างนั้นจึงถูกเขาปลอบใจด้วยการพาไปเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่ และเธอยังขอเขาห่อกลับบ้านอีกต่างหาก

“กลับมาได้ประมาณอาทิตย์นึงแล้วล่ะ”

คราวนี้ผู้ชายอีกสามคนในกลุ่มของเธอหันมามองเขาเป็นตาเดียว และยังทำท่าทางเหมือนจะคุ้นหน้าคุ้นตาเขาอีกด้วย แม้ว่าตติยะจะไม่ค่อยเข้าสังคมกับพวกไฮโซเท่าไรนัก แต่ก็น่าจะพอมีข่าวคราวของเขาให้เห็นกันอยู่บ้าง ด้วยเขาเป็นคนเดียวในตระกูลเวลเล่ที่อยู่เมืองไทย ซึ่งนั่นไม่ใช่ความต้องการของตติยะ ชายหนุ่มไม่อยากจะให้ใครมาเข้าใจผิดว่าที่เรื่องนี้จบลงโดยง่ายอาจเพราะความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเอื้อมทราย แม้เขาจะไม่แคร์สายตาชาวบ้าน ทว่าคนที่เขาแคร์ความรู้สึกมากกว่าใครคือเพื่อนสาว

ชายหนุ่มยังจำข่าวไม่ดีเกี่ยวกับเอื้อมทรายกับนักศึกษาหนุ่มหลายคนที่มาตามจีบเธอแล้วไม่ติด เลยเอาเธอไปนินทาต่างๆ นานาด้วยเรื่องเสียหายไม่เว้นแต่ละวันได้ดี เพราะหลังจากที่ โอม หรือ อานินท์กับหญิงสาวเลิกกันก่อนจบปีสอง ขึ้นปีสามเอื้อมทรายก็เนื้อหอมสุดๆ แต่เธอก็ไม่เคยเลือกคบใครเป็นพิเศษ ในขณะนั้นเขาทนไม่ไหวจนถึงขั้นเคยมีเรื่องกับรุ่นพี่คณะวิศวะที่เขาเรียนอยู่ด้วยซ้ำ แต่เอื้อมทรายเป็นคนห้ามและดึงเขาออกมา แต่ก็หลังจากที่เขาซัดรุ่นพี่คนนั้นไปแล้วสามหมัด แถมยังถีบจนหมอนั่นหงายหลังอีกด้วย

และเวลานี้เขาไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เขาสงสารเธอ เพราะเอื้อมทรายมักจะแสร้งทำเหมือนไม่แคร์คำพูดของใคร แต่ตอนที่เธออยู่คนเดียว เขาจะเห็นเธอทำหน้าเศร้าและถอนหายใจอยู่เสมอๆ

ตติยะหันไปก้มศีรษะให้ชายหนุ่มทั้งสามเล็กน้อยอย่างมีมารยาท

“ขอโทษนะครับ เราเป็นเพื่อนเก่ากัน ไม่ได้เจอกันนาน ผมอยากขอตัวเอื้อมทรายไปคุยด้วยสักหน่อย พวกคุณกลับก่อนก็ได้ครับ ส่วนเอื้อมทรายผมจะไปส่งเธอเอง”

ชายหนุ่มเอ่ยบอก เขาไม่แนะนำตัวกับใครทั้งนั้น และตัดสินใจเองเสร็จสรรพจนคนที่ฟังได้แต่เหวอ และหันไปมองหญิงสาวคนเดียวอย่างต้องการคำอธิบาย

เอื้อมทรายยิ้มให้ทั้งสามเล็กน้อยอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ด้วยแน่ใจว่าอย่างไรเสียตติยะก็จะต้องพาเธอไปด้วยให้ได้อย่างแน่นอน อีกอย่างการได้กลับมาเจอเขาอีกครั้ง เธอก็ดีใจและอยากพูดคุยให้มากกว่านี้เช่นเดียวกัน

“ขอโทษนะคะคุณสมุทร คุณเอนก พี่ชวิน ดิฉันคงต้องขอตัวก่อน แต่เดี๋ยวดิฉันจะสรุปงานส่งไปให้คุณเอนกที่สำนักงานนะคะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เอาไว้ค่อยเข้าไปที่สำนักงานวันหลังก็ได้” ชายอาวุโสที่สุดในกลุ่มเอ่ยบอกอย่างใจดี

“งั้นก็น่าเสียดาย วันนี้ผมกะว่าจะพาคุณชวิน คุณเอนก แล้วก็คุณเอื้อมทรายไปเลี้ยงขอบคุณที่ช่วยต่อรองกับทางเวลเลโอให้สักหน่อย” สมุทรชายหนุ่มเจ้าของรถเอ่ยขึ้น

“เชิญพวกคุณดีกว่า ดิฉันไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากอ่านคำชี้แจงให้ทุกคนฟัง คงต้องขอตัวค่ะ”

เอื้อมทรายออกตัวอย่างเกรงอกเกรงใจ ที่สำคัญเธอกลัวว่าคนบางคนจะเริ่มรำคาญขึ้นมา

“อะไรกันครับ คุณช่วยผมตั้งหลายอย่าง ถ้าไม่มีคุณเข้ามาแนะนำให้ผมรู้จักกับสำนักทนายความของคุณเอนก ผมคงแย่ โดนเอาเปรียบไปแล้ว...”

“ขอโทษอีกครั้งนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมคงจะต้องพาคุณเอื้อมทรายไปก่อน เพราะผมยังมีธุระที่ต้องไปทำต่อ”

ตติยะเอ่ยแทรกขึ้นอย่างไม่เกรงใจ

เอื้อมทรายได้แต่ทำหน้าระอา ด้วยรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนของเธอจะต้องรำคาญแบบนี้ เพราะตติยะไม่เคยรอใคร ไม่เคยต้องขอความคิดเห็นจากใคร เขาอยากได้อะไร อยากทำอะไรเขาจะตัดสินใจเองทันที

เพราะมัวแต่จมอยู่กับความคิดของตัวเอง จึงไม่ทันได้ตั้งตัวหรือเห็นว่าใครมีสีหน้าเช่นไรกันบ้าง หญิงสาวมารู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อมือใหญ่ของตติยะจับข้อมือของเธอดึงให้เดินตามไปด้วยอย่างรวดเร็ว จนเอื้อมทรายหันกลับมาบอกลาชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้ากับเพื่อนรุ่นพี่ที่พาเธอเข้ามาทำงาน และคนเป็นลูกค้าแทบไม่ทัน

=====

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ลวงเงารัก   6...การจราจรในช่วงสาย (3)

    หลังจากไม่ได้กลับบ้านสวนเมื่อคืนวานแล้วได้พูดคุยกับเรฟที่ทำงาน ทำให้ตติยะรู้ว่าคุณอรพิมผู้เป็นป้ากลับมาที่บ้านแล้ว แต่จากที่สังเกตอาการลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ไม่ค่อยจะยอมพูดถึงมารดาของตนเองเท่าไรนักเขาก็รู้ว่าทั้งสองน่าจะยังไม่ได้พูดคุยกันตามประสาแม่ลูกเป็นแน่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตติยะค่อนข้างเป็นห่วงมาก เขาอยากให้เรฟรู้จักกับความอบอุ่น ความเป็นครอบครัว และอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ชายหนุ่มจะได้ลดความแข็งกระด้างที่มีลงไปบ้าง เหนืออื่นใดตติยะอยากให้แม่กับลูกกลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิม แม้ว่าอาจจะไม่สามารถทำให้ทั้งสามคนอยู่ด้วยกันได้ แค่เรฟกับป้าอรพิมรักกันเข้าใจกันเขาก็ดีใจมากแล้ว ฉะนั้นตติยะจึงคิดว่าหากจะดึงเรฟเข้าไปหาแม่ของเขาให้มากขึ้น ตัวเขาเองนี่แหละที่จะต้องเป็นฝ่ายพาชายหนุ่มเดินเข้าไปเย็นวันนี้ตติยะกับเรฟไปรับชินานางกลับมาบ้านพร้อมกัน แม้ภายในรถจะมีการพูดคุยกันมาตลอดทาง ทว่าเรฟกับชินานางนั้นไม่ได้คุยหรือแม้แต่จะมองหน้ากันด้วยซ้ำ หญิงสาวนั่งอยู่เบาะหลังในขณะที่เรฟเป็นคนขับรถ ซึ่งชายหนุ่มก็ตั้งหน้าตั้งตาขับและโต้ตอบกับตติยะเท่านั้น ถึงบางครั้งจะมองกระจกหลังบ้าง หากเขาก็จะมองเผินๆ ไม่สนใจ

  • ลวงเงารัก   6...การจราจรในช่วงสาย (2)

    ร่างสูงใหญ่เดินตามหญิงสาวเข้ามาในร้านด้วยท่าทางสบายๆ หลังจากวนหาที่จอดรถจนได้แต่ก็ต้องเข้ามาจอดในซอยถัดมา แล้วเดินกลับมาที่ร้านอีกที ถึงแดดจะเริ่มร้อน เหงื่อซึมออกมาบนแผงอกและแผ่นหลังจนเปียกเสื้อเชิ้ตเนื้อดี แต่เขาก็ยังดูเฉยๆ ไม่ได้มีอาการหงุดหงิดแต่อย่างใด ทั้งที่ร้านนี้ก็เป็นร้านธรรมดาไม่มีแอร์และคนก็ค่อนข้างเยอะ เธอเหลือบตามามองเขาเล็กน้อยตติยะจึงยิ้มให้แล้วชี้ไปที่โต๊ะเล็กๆ สำหรับนั่งสองคนซึ่งว่างอยู่พอดี“นั่งตรงนั้นกัน”ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินนำไปก่อนแต่หญิงสาวกลับเดินเข้าไปหาพ่อครัวที่ยืนอยู่หน้าหม้อโจ๊ก สั่งแล้วจึงเดินตามเข้าไป ตติยะนั่งลงแล้วมองหาคนที่ควรจะเดินตามเขา เมื่อเห็นว่าต้องสั่งก่อนเข้ามานั่งก็มองคนที่นั่งลงฝั่งตรงข้ามอย่างเก้อๆ เพราะเขาคิดว่าจะมีคนมารับออเดอร์“ขอโทษนะ ทั้งที่ผู้ชายควรจะเป็นคนสั่ง”“คุณไม่รู้นี่”อีกฝ่ายยักไหล่อย่างไม่แคร์เท่าไร ตติยะเงียบไปขณะเพ่งมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาพร้อมกับครุ่นคิดแล้วก็ส่ายหน้าอยู่คนเดียว ขณะที่หญิงสาวมองไปรอบๆ ร้านก่อนจะหันกลับมามองชายหนุ่มซึ่งมีเหงื่อผุดออกมาจนเต็มหน้าผาก“เช็ดหน้าหน่อยไหม ดูเหมือนจะร้อนมาก” เธอบอกขณะมองหน้

  • ลวงเงารัก   6...การจราจรในช่วงสาย (1)

    การจราจรในช่วงสายของวันยังแน่นขนัดอยู่ ทั้งที่ตติยะออกมาจากคอนโดของภรวีได้ประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้วแต่เขายังอยู่ไม่ห่างจากแถวคอนโดของหญิงสาวนัก ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาสายกว่าตอนที่อยู่บ้านสวนเพราะกว่าจะได้หลับกันจริงๆ ทั้งเขาและภรวีก็เหนื่อยอ่อนจากกิจกรรมบนเตียงไปตามๆ กัน เนื่องจากหญิงสาวทำทุกอย่างเพื่อปลุกอารมณ์เขาอยู่ตลอด แม้จะปฏิเสธไปแล้วทว่าเมื่อถูกกระตุ้นคนอย่างตติยะก็ไม่เคยถอยอยู่แล้ว ชายหนุ่มรู้สึกสนุกกับสิ่งที่ภรวีมอบให้ แต่ก็เกิดความหน่ายแทรกขึ้นมาด้วยเหมือนกันเพราะเธอเรียกร้องจากเขามากจนเกินไป ถึงจะเคยมีเซ็กซ์ที่บ้าคลั่งกว่านี้กับสาวผมทองถึงสองคนพร้อมกัน แต่เขาชักไม่สนุกกับความต้องการของภรวีเสียแล้ว ตติยะอดคิดไม่ได้ว่าหากไม่ป้องกันตัวเองอย่างดี เมื่อคืนนี้อาจจะทำให้ภรวีท้องก็ได้ บางทีเขาอาจจะต้องเว้นระยะห่างกับเธอบ้าง เขารู้สึกอย่างนั้น หากภรวีไม่ยอมก็คงต้องพูดกันอย่างจริงจังว่าหากยังต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันคงอยู่ เธอก็ไม่ควรทำให้เขาเบื่อเสียก่อน ซึ่งเขาเชื่อว่าภรวีรู้และเข้าใจดีรถเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ทำให้คนขับเริ่มเบื่อ หลังจากเปิดเพลงฟังเพื่อผ่อนคลายความหงุดหงิดกับการจราจ

  • ลวงเงารัก   5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (4)

    ร่างสูงใหญ่เดินสำรวจไปรอบๆ รถ ดูทุกล้อว่ามีปัญหาที่ล้อใดบ้าง ร่างสูงก้มๆ เงยๆ หลายครั้งอย่างใช้ความคิด พลางยกมือหนาขึ้นเสยผมที่เปียกน้ำฝนปรกใบหน้าคมเข้มอยู่บ่อยครั้ง เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มที่เขาสวมอยู่ก็เปียกแนบกับร่างกำยำคิ้วเรียวได้รูปสวยของพยาบาลสาวขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจ เห็นชายหนุ่มตากฝนอย่างนั้นก็รู้สึกหงุดหงิด หลังจากได้สติหญิงสาวจึงนึกได้ว่าตนเองพกร่มคันเล็กใส่ไว้ในกระเป๋าด้วยเนื่องจากหน้านี้หน้าฝน หากเรฟก็ดูจะไม่ใส่ใจกับสิ่งอื่นใดนอกจากล้อรถ เธอจึงยิ่งเป็นกังวล...คนอะไรไม่รู้ สนใจรถมากกว่าตัวเองซะอีก เดี๋ยวก็ได้หวัดกินกันพอดี คิดได้ดังนั้นชินานางจึงหยิบร่มออกจากกระเป๋าแล้วก้าวลงจากรถพร้อมกับกางร่ม ก่อนจะเดินอ้อมไปหาคนที่กำลังหาอุปกรณ์อยู่ที่หลังรถพื้นถนนซึ่งเป็นทางเลี่ยงถนนใหญ่นั้นค่อนข้างเฉอะแฉะ และมีโคลนที่ทำให้หญิงสาวก้าวเดินอย่างยากลำบาก เธอค่อยๆ ย่องเข้าไปหาคนตัวสูงใหญ่ที่กำลังก้มหน้าก้มตารื้อค้นบางอย่างวุ่นวาย ชินานางคิดอยากช่วยชายหนุ่มจึงขยับเข้าไปใกล้แล้วชะโงกหน้าไปดู แต่จังหวะนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นพอดีทำให้คนทั้งคู่ไม่ทันตั้งตัวต่างก็ผงะถอยหลังด้วยความตกใจ“เฮ้ย!” เ

  • ลวงเงารัก   5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (3)

    ชินานางรู้สึกว่าบรรยากาศภายในรถโฟร์วีลคันใหญ่นี้ ดูอึมครึมไม่แพ้กับเมฆฝนทมึนที่ตั้งเค้าอยู่ภายนอก เพราะมีคนตัวโตนั่งหน้าบึ้งถมึงทึงและมุ่งมั่นกับการบังคับรถอย่างเดียวโดยไม่พูดไม่จา นอกจากเสียงแอร์แล้วเธอไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แม้กระทั่งลมหายใจของเขา‘ตายไปแล้วมั้งเนี่ย’หากเป็นอย่างที่หญิงสาวค่อนขอดอยู่ในใจจริง คุณ MIB คนนี้คงเป็นพวกมีความสามารถพิเศษที่ขับรถได้ทั้งที่ไม่หายใจ แต่ในเมื่อเธอยังไม่เห็นเขาบินได้เขาจึงยังดูธรรมดา และรถก็ยังเคลื่อนต่อไปเรื่อยๆ นั่นก็แสดงว่าเขายังมีชีวิตอยู่“ฝนตกอีกแล้ว...ดีนะที่พ้นเขตในเมืองมาแล้ว ไม่งั้นรถคงติดแย่ หน้าฝนก็งี้ ฝนตกรถติดเรื่องธรรมชาติ”ชินานางเปิดประเด็นเพื่อทำลายความเงียบ ทั้งที่ความจริงแล้วไม่อยากจะคุยกับเขาสักเท่าไรหรอก แต่ดูจากที่เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเขาแล้วมันรู้สึกขนลุกอย่างไรบอกไม่ถูก คนอะไรไม่รู้ใส่แว่นดำก็ดูน่ากลัว พอไม่ใส่สายตาก็ดูราวกับจะเผาเธอได้“คุณคงยังไม่ชิน แต่อีกหน่อย เดี๋ยวก็ชินไปเอง...เอ๊ะ!”เธออุทานเมื่อเรฟหักพวงมาลัยเลี้ยวขวา ทั้งที่ยังไม่ถึงแยกที่ต้องเลี้ยวจริงๆ นั่นทำให้ชินานางตระหนกขึ้นมา กลัวว่าเขาจะโมโหเธอจนอยาก

  • ลวงเงารัก   5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (2)

    ‘วันนี้ฉันไม่กลับบ้านนะ นายไปรับน้องนาที่โรงพยาบาลที่ไปส่งเมื่อเช้าด้วยแล้วกัน ฉันไม่อยากให้น้องกลับเอง แล้วนายก็จะได้ไม่หลง’คนที่นั่งจมกองเอกสารอยู่ในห้องรองประธานกรรมการ ถือโทรศัพท์นิ่งค้างอยู่เช่นนั้นตั้งแต่ตติยะวางสายไปอีกราวหนึ่งนาที จากนั้นจึงค่อยๆ ประมวลระบบการรับรู้ทางหูของตนว่าได้ยินคำสั่งที่ผิดไปหรือเปล่าบอกให้เขาไปรับน้องนอกไส้นั่นน่ะเหรอ หมอนั่นคิดได้ยังไงข้อแรกเขายังจำทางไม่ค่อยได้เลย ไม่รู้จะไปถูกหรือเปล่าด้วยซ้ำ ก็ถนนในกรุงเทพฯ ไม่ได้มีแค่สองเส้นนี่ แถมยังตรอกซอกซอยอีกล่ะ ยิ่งคนอ่อนการอ่านภาษาไทยอย่างเขาแล้วด้วยยิ่งไม่ต้องพูดถึงการดูป้าย มีดีอย่างเดียวตรงที่โรงพยาบาลนั้นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก เพราะเมื่อเช้าเขากับตติยะใช้เวลาจากที่นั่นมาถึงที่นี่แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นข้อสอง...ข้อนี้เป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นเลยก็คือเขาไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากอยู่ใกล้ หรือแม้แต่พูดคุยกับผู้หญิงคนนั้น คนที่แม่เขารักและทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูมากับมือ ลูกของคนที่มาแทนที่พ่อของเขา แม้ไม่ได้รังเกียจ แต่เขาก็คน จะให้ทำใจยอมรับกันง่ายๆ คงเป็นไปไม่ได้ชายหนุ่มคิดแล้วก็ถอนหายใจด้วยความเซ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status