Home / โรแมนติก / ลวงเงารัก / 5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (3)

Share

5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (3)

Author: rasita_suin
last update Huling Na-update: 2025-07-17 22:32:29

ชินานางรู้สึกว่าบรรยากาศภายในรถโฟร์วีลคันใหญ่นี้ ดูอึมครึมไม่แพ้กับเมฆฝนทมึนที่ตั้งเค้าอยู่ภายนอก เพราะมีคนตัวโตนั่งหน้าบึ้งถมึงทึงและมุ่งมั่นกับการบังคับรถอย่างเดียวโดยไม่พูดไม่จา นอกจากเสียงแอร์แล้วเธอไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แม้กระทั่งลมหายใจของเขา

‘ตายไปแล้วมั้งเนี่ย’

หากเป็นอย่างที่หญิงสาวค่อนขอดอยู่ในใจจริง คุณ MIB คนนี้คงเป็นพวกมีความสามารถพิเศษที่ขับรถได้ทั้งที่ไม่หายใจ แต่ในเมื่อเธอยังไม่เห็นเขาบินได้เขาจึงยังดูธรรมดา และรถก็ยังเคลื่อนต่อไปเรื่อยๆ นั่นก็แสดงว่าเขายังมีชีวิตอยู่

“ฝนตกอีกแล้ว...ดีนะที่พ้นเขตในเมืองมาแล้ว ไม่งั้นรถคงติดแย่ หน้าฝนก็งี้ ฝนตกรถติดเรื่องธรรมชาติ”

ชินานางเปิดประเด็นเพื่อทำลายความเงียบ ทั้งที่ความจริงแล้วไม่อยากจะคุยกับเขาสักเท่าไรหรอก แต่ดูจากที่เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเขาแล้วมันรู้สึกขนลุกอย่างไรบอกไม่ถูก คนอะไรไม่รู้ใส่แว่นดำก็ดูน่ากลัว พอไม่ใส่สายตาก็ดูราวกับจะเผาเธอได้

“คุณคงยังไม่ชิน แต่อีกหน่อย เดี๋ยวก็ชินไปเอง...เอ๊ะ!”

เธออุทานเมื่อเรฟหักพวงมาลัยเลี้ยวขวา ทั้งที่ยังไม่ถึงแยกที่ต้องเลี้ยวจริงๆ นั่นทำให้ชินานางตระหนกขึ้นมา กลัวว่าเขาจะโมโหเธอจนอยากฆ่าทิ้งหมกป่าหรือเปล่า ซึ่งมาคิดในทางที่ดีอาจจะไม่ทำแบบนั้น ชายหนุ่มอาจพาเธอไปทางลัด แต่เธออยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็กไม่เคยมีคนในบ้านสวนคนไหนพาเธอเข้าออกทางนี้เลย แล้วเขาที่เพิ่งมาอยู่จะรู้ได้อย่างไรเล่า

“คุณ! คุณจะพาฉันไปไหน”

เขาเหลือบตามองเธอเพียงนิดเดียว ส่งสายตารำคาญให้ เพราะถนนค่อนข้างลื่น ดีที่ออกจากถนนเส้นหลักมาแล้วเหลืออีกไม่ไกลก็จะไปถึงทางเข้าบ้านสวน

“กลับบ้านน่ะสิ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“บ้านไหน?”

“ก็บ้านสวนของคุณไง อะไรกัน ไปทำงานแค่วันเดียวไม่รู้จักบ้านตัวเองซะแล้ว”

เมื่อได้คำตอบที่กวนกลับมาริมฝีปากอิ่มชมพูระเรื่อก็อ้าขึ้นจะโต้กลับ แต่ชะงักเพราะนึกอยากประชดประชันขึ้นมา มุมปากสีสวยแบบธรรมชาติจึงยกขึ้นเล็กน้อย

“ตั้งแต่อยู่มาฉันเพิ่งรู้นะ ว่าทางไปบ้านสวนเข้าทางนี้ก็ได้ด้วย”

เอี๊ยด!! กึก...

เสียงรถเบรกกะทันหันจนรถกระตุกทั้งคัน แถมท้ายยังปัดเพราะถนนลื่น เป็นผลให้หญิงสาวเพิ่งจะกล่าวจบไปอย่างกระหยิ่มใจไม่ทันตั้งตัวถึงกับหัวทิ่ม หน้าผากมนสวยโขกเข้ากับคอนโซลเข้าอย่างจัง

“โอ๊ย! อะไรเนี่ย”

“ยังจะมาถามอีก รู้ว่าผมเลี้ยวผิดแล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก ปล่อยให้ขับเข้ามาได้ตั้งไกล นี่คุณตั้งใจจะแกล้งผมใช่ไหม” เสียวห้าวห้วนของเขาเปลี่ยนเป็นดุขึ้นมาทันที

ชินานางสะดุ้งเฮือก แถมยังอึ้งไปกับประโยคยาวๆ จากปากเขาที่เพิ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรก

“ก็คุณไม่ถามนี่”

ใบหน้าคมสันหันควับมาที่เธอทันทีจนหญิงสาวผงะถอยห่าง หลังบอบบางกระแทกประตูเพราะความตกใจ ชายหนุ่มดึงแว่นที่เสียบตรงคอเสื้อเหวี่ยงไปที่หน้าคอนโซลระบายความโกรธเพราะลงมือกับคนไม่ได้ โดยไม่สนใจว่ามันจะกระเด็นกระดอนไปอยู่มุมไหน ทำให้ชินานางปรายตามองตามและสะดุ้งเฮือก ก่อนจะเหลือบตาเงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตที่ทำท่าข่มขู่เธออยู่ตอนนี้ สายตาคมปลาบจ้องวาววับสื่อถึงกระแสอารมณ์ที่เชี่ยวกรากซึ่งไหลวนอยู่ภายใน

ชินานางไม่อาจสบตาอันแสนน่ากลัวของเขาได้ เธอจึงเสหลบไม่ต้องการให้เขาเห็นความหวาดหวั่นจากแววตาของตน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะเหตุใดถึงได้รู้สึกหวั่นกับแววตาจากดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั้นนัก

ยิ่งมองทีไร เธอยิ่งรู้สึกร้อนไปทั้งตัวหัวใจเต้นจนแทบทะลุออกมานอกอก...ช่างน่ากลัวที่สุด

“คุณ...แกล้งผม”

“เปล่า” เธอปฏิเสธพร้อมส่ายหน้าจนผมกระจาย แม้จะรวบอยู่แต่ก็เริ่มหลุดรุ่ยร่าย

“โกหก!”

“ฉันจะโกหกคุณทำไม แกล้งคุณฉันก็ลำบากด้วย กลับบ้านก็ดึก ฉันง่วงจะแย่อยู่แล้ว แล้วจะเอาอารมณ์ที่ไหนไปคิดแกล้งคุณ”

“แต่คุณก็ไม่ยอมพูดอะไรตอนผมเลี้ยวรถ รู้ทั้งรู้ว่าที่ผมรับคุณมาด้วยก็เพราะจำทางไม่ได้...” ชายหนุ่มชะงักไปเพราะความจริงที่เผลอหลุดพูดออกจากปาก

หญิงสาวตาโตกับประโยคที่ได้ยินแล้วก็ค่อยๆ ยิ้มออกมา ชายหนุ่มเมินหน้าหนีกลับไปแล้วกระชากรถออกวนกลับอย่างรวดเร็วด้วยแรงอารมณ์ที่คุกรุ่น คนที่เพิ่งคลี่ยิ้มหุบปากฉับทันทีด้วยรู้ว่าตนเองทำให้เขาโกรธหนักยิ่งกว่าเดิมอีก

‘คนอะไรแค่ยิ้มให้ก็โกรธ คิดว่าเรายิ้มเยาะหรือไง ผู้ชายอะไรคิดมากจริงๆ แล้วขับรถเป็นพายุแบบนี้เราจะมีชีวิตรอดกลับไปถึงบ้านสวนไหมเนี่ย’

หญิงสาวบ่นอุบอิบอยู่คนเดียวในใจ แต่แล้วจู่ๆ ก็ต้องกรีดร้องและจับเบาะแน่นด้วยแรงสะบัดของรถ ส่วนเรฟเองก็พยายามควบคุมรถให้อยู่ในเส้นทางมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ รถเสียหลักปาดซ้ายทีขวาทีอย่างแรง เพราะฝนตกหนักทำให้ถนนเฉอะแฉะ และด้วยความที่ชายหนุ่มขับรถเร็วมากจากอารมณ์ที่ฉุนเฉียวจึงยิ่งยากต่อการควบคุม แต่ในที่สุดเรฟก็สามารถจอดรถได้สนิท

ชินานางหลับตาปี๋ใจหายใจคว่ำกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อทุกอย่างสงบลงเธอจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นทีละข้าง สิ่งแรกที่หญิงสาวสนใจก็คือ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่เคียงข้าง เธอหันควับทันที

“คุณขับรถยังไงของคุณเนี่ย ฝนก็ตกยังจะขับเหมือนพายุอีก อยากตายนักใช่ไหม เชิญไปตายคนเดียวเลย ฉันไม่เอาด้วยหรอก”

“หุบปาก!” เรฟตวาดเสียงลั่น

เธอชะงักตาโตค้างด้วยความตกใจ มองเขาแล้วกลืนน้ำลายลงอย่างหนืดคอ ด้วยหน้าตาของชายหนุ่มในเวลานี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน แม้เขาไม่หันมองหน้าเธอ แต่ชินานางก็รู้ว่าเขากำลังโกรธมาก เพราะสันกรามด้านข้างเป็นเส้นนูนขึ้นจากการถูกขบฟันแน่น

“ผมไม่ชอบคนพูดมาก น่ารำคาญ!”

“ฉะ...ฉันแค่...”

“บอกให้หยุดพูดไง” คำสั่งเฉียบขาดและห้วนนั้นทำให้ชินานางหุบปากฉับ “รถยางแตก ผมจะลงไปดู คุณรออยู่บนนี้แหละ”

ชายหนุ่มพูดจบก็ผลุนผลันลงจากรถไม่รอฟังเสียงรับคำของหญิงสาว ชินานางได้แต่มองตามร่างสูงใหญ่ของหนุ่มลูกครึ่งไทยที่ก้าวฝ่าสายฝนกระหน่ำไม่ขาดสาย

=====

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ลวงเงารัก   6...การจราจรในช่วงสาย (3)

    หลังจากไม่ได้กลับบ้านสวนเมื่อคืนวานแล้วได้พูดคุยกับเรฟที่ทำงาน ทำให้ตติยะรู้ว่าคุณอรพิมผู้เป็นป้ากลับมาที่บ้านแล้ว แต่จากที่สังเกตอาการลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ไม่ค่อยจะยอมพูดถึงมารดาของตนเองเท่าไรนักเขาก็รู้ว่าทั้งสองน่าจะยังไม่ได้พูดคุยกันตามประสาแม่ลูกเป็นแน่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตติยะค่อนข้างเป็นห่วงมาก เขาอยากให้เรฟรู้จักกับความอบอุ่น ความเป็นครอบครัว และอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ชายหนุ่มจะได้ลดความแข็งกระด้างที่มีลงไปบ้าง เหนืออื่นใดตติยะอยากให้แม่กับลูกกลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิม แม้ว่าอาจจะไม่สามารถทำให้ทั้งสามคนอยู่ด้วยกันได้ แค่เรฟกับป้าอรพิมรักกันเข้าใจกันเขาก็ดีใจมากแล้ว ฉะนั้นตติยะจึงคิดว่าหากจะดึงเรฟเข้าไปหาแม่ของเขาให้มากขึ้น ตัวเขาเองนี่แหละที่จะต้องเป็นฝ่ายพาชายหนุ่มเดินเข้าไปเย็นวันนี้ตติยะกับเรฟไปรับชินานางกลับมาบ้านพร้อมกัน แม้ภายในรถจะมีการพูดคุยกันมาตลอดทาง ทว่าเรฟกับชินานางนั้นไม่ได้คุยหรือแม้แต่จะมองหน้ากันด้วยซ้ำ หญิงสาวนั่งอยู่เบาะหลังในขณะที่เรฟเป็นคนขับรถ ซึ่งชายหนุ่มก็ตั้งหน้าตั้งตาขับและโต้ตอบกับตติยะเท่านั้น ถึงบางครั้งจะมองกระจกหลังบ้าง หากเขาก็จะมองเผินๆ ไม่สนใจ

  • ลวงเงารัก   6...การจราจรในช่วงสาย (2)

    ร่างสูงใหญ่เดินตามหญิงสาวเข้ามาในร้านด้วยท่าทางสบายๆ หลังจากวนหาที่จอดรถจนได้แต่ก็ต้องเข้ามาจอดในซอยถัดมา แล้วเดินกลับมาที่ร้านอีกที ถึงแดดจะเริ่มร้อน เหงื่อซึมออกมาบนแผงอกและแผ่นหลังจนเปียกเสื้อเชิ้ตเนื้อดี แต่เขาก็ยังดูเฉยๆ ไม่ได้มีอาการหงุดหงิดแต่อย่างใด ทั้งที่ร้านนี้ก็เป็นร้านธรรมดาไม่มีแอร์และคนก็ค่อนข้างเยอะ เธอเหลือบตามามองเขาเล็กน้อยตติยะจึงยิ้มให้แล้วชี้ไปที่โต๊ะเล็กๆ สำหรับนั่งสองคนซึ่งว่างอยู่พอดี“นั่งตรงนั้นกัน”ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินนำไปก่อนแต่หญิงสาวกลับเดินเข้าไปหาพ่อครัวที่ยืนอยู่หน้าหม้อโจ๊ก สั่งแล้วจึงเดินตามเข้าไป ตติยะนั่งลงแล้วมองหาคนที่ควรจะเดินตามเขา เมื่อเห็นว่าต้องสั่งก่อนเข้ามานั่งก็มองคนที่นั่งลงฝั่งตรงข้ามอย่างเก้อๆ เพราะเขาคิดว่าจะมีคนมารับออเดอร์“ขอโทษนะ ทั้งที่ผู้ชายควรจะเป็นคนสั่ง”“คุณไม่รู้นี่”อีกฝ่ายยักไหล่อย่างไม่แคร์เท่าไร ตติยะเงียบไปขณะเพ่งมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาพร้อมกับครุ่นคิดแล้วก็ส่ายหน้าอยู่คนเดียว ขณะที่หญิงสาวมองไปรอบๆ ร้านก่อนจะหันกลับมามองชายหนุ่มซึ่งมีเหงื่อผุดออกมาจนเต็มหน้าผาก“เช็ดหน้าหน่อยไหม ดูเหมือนจะร้อนมาก” เธอบอกขณะมองหน้

  • ลวงเงารัก   6...การจราจรในช่วงสาย (1)

    การจราจรในช่วงสายของวันยังแน่นขนัดอยู่ ทั้งที่ตติยะออกมาจากคอนโดของภรวีได้ประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้วแต่เขายังอยู่ไม่ห่างจากแถวคอนโดของหญิงสาวนัก ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาสายกว่าตอนที่อยู่บ้านสวนเพราะกว่าจะได้หลับกันจริงๆ ทั้งเขาและภรวีก็เหนื่อยอ่อนจากกิจกรรมบนเตียงไปตามๆ กัน เนื่องจากหญิงสาวทำทุกอย่างเพื่อปลุกอารมณ์เขาอยู่ตลอด แม้จะปฏิเสธไปแล้วทว่าเมื่อถูกกระตุ้นคนอย่างตติยะก็ไม่เคยถอยอยู่แล้ว ชายหนุ่มรู้สึกสนุกกับสิ่งที่ภรวีมอบให้ แต่ก็เกิดความหน่ายแทรกขึ้นมาด้วยเหมือนกันเพราะเธอเรียกร้องจากเขามากจนเกินไป ถึงจะเคยมีเซ็กซ์ที่บ้าคลั่งกว่านี้กับสาวผมทองถึงสองคนพร้อมกัน แต่เขาชักไม่สนุกกับความต้องการของภรวีเสียแล้ว ตติยะอดคิดไม่ได้ว่าหากไม่ป้องกันตัวเองอย่างดี เมื่อคืนนี้อาจจะทำให้ภรวีท้องก็ได้ บางทีเขาอาจจะต้องเว้นระยะห่างกับเธอบ้าง เขารู้สึกอย่างนั้น หากภรวีไม่ยอมก็คงต้องพูดกันอย่างจริงจังว่าหากยังต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันคงอยู่ เธอก็ไม่ควรทำให้เขาเบื่อเสียก่อน ซึ่งเขาเชื่อว่าภรวีรู้และเข้าใจดีรถเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ทำให้คนขับเริ่มเบื่อ หลังจากเปิดเพลงฟังเพื่อผ่อนคลายความหงุดหงิดกับการจราจ

  • ลวงเงารัก   5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (4)

    ร่างสูงใหญ่เดินสำรวจไปรอบๆ รถ ดูทุกล้อว่ามีปัญหาที่ล้อใดบ้าง ร่างสูงก้มๆ เงยๆ หลายครั้งอย่างใช้ความคิด พลางยกมือหนาขึ้นเสยผมที่เปียกน้ำฝนปรกใบหน้าคมเข้มอยู่บ่อยครั้ง เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มที่เขาสวมอยู่ก็เปียกแนบกับร่างกำยำคิ้วเรียวได้รูปสวยของพยาบาลสาวขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจ เห็นชายหนุ่มตากฝนอย่างนั้นก็รู้สึกหงุดหงิด หลังจากได้สติหญิงสาวจึงนึกได้ว่าตนเองพกร่มคันเล็กใส่ไว้ในกระเป๋าด้วยเนื่องจากหน้านี้หน้าฝน หากเรฟก็ดูจะไม่ใส่ใจกับสิ่งอื่นใดนอกจากล้อรถ เธอจึงยิ่งเป็นกังวล...คนอะไรไม่รู้ สนใจรถมากกว่าตัวเองซะอีก เดี๋ยวก็ได้หวัดกินกันพอดี คิดได้ดังนั้นชินานางจึงหยิบร่มออกจากกระเป๋าแล้วก้าวลงจากรถพร้อมกับกางร่ม ก่อนจะเดินอ้อมไปหาคนที่กำลังหาอุปกรณ์อยู่ที่หลังรถพื้นถนนซึ่งเป็นทางเลี่ยงถนนใหญ่นั้นค่อนข้างเฉอะแฉะ และมีโคลนที่ทำให้หญิงสาวก้าวเดินอย่างยากลำบาก เธอค่อยๆ ย่องเข้าไปหาคนตัวสูงใหญ่ที่กำลังก้มหน้าก้มตารื้อค้นบางอย่างวุ่นวาย ชินานางคิดอยากช่วยชายหนุ่มจึงขยับเข้าไปใกล้แล้วชะโงกหน้าไปดู แต่จังหวะนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นพอดีทำให้คนทั้งคู่ไม่ทันตั้งตัวต่างก็ผงะถอยหลังด้วยความตกใจ“เฮ้ย!” เ

  • ลวงเงารัก   5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (3)

    ชินานางรู้สึกว่าบรรยากาศภายในรถโฟร์วีลคันใหญ่นี้ ดูอึมครึมไม่แพ้กับเมฆฝนทมึนที่ตั้งเค้าอยู่ภายนอก เพราะมีคนตัวโตนั่งหน้าบึ้งถมึงทึงและมุ่งมั่นกับการบังคับรถอย่างเดียวโดยไม่พูดไม่จา นอกจากเสียงแอร์แล้วเธอไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แม้กระทั่งลมหายใจของเขา‘ตายไปแล้วมั้งเนี่ย’หากเป็นอย่างที่หญิงสาวค่อนขอดอยู่ในใจจริง คุณ MIB คนนี้คงเป็นพวกมีความสามารถพิเศษที่ขับรถได้ทั้งที่ไม่หายใจ แต่ในเมื่อเธอยังไม่เห็นเขาบินได้เขาจึงยังดูธรรมดา และรถก็ยังเคลื่อนต่อไปเรื่อยๆ นั่นก็แสดงว่าเขายังมีชีวิตอยู่“ฝนตกอีกแล้ว...ดีนะที่พ้นเขตในเมืองมาแล้ว ไม่งั้นรถคงติดแย่ หน้าฝนก็งี้ ฝนตกรถติดเรื่องธรรมชาติ”ชินานางเปิดประเด็นเพื่อทำลายความเงียบ ทั้งที่ความจริงแล้วไม่อยากจะคุยกับเขาสักเท่าไรหรอก แต่ดูจากที่เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเขาแล้วมันรู้สึกขนลุกอย่างไรบอกไม่ถูก คนอะไรไม่รู้ใส่แว่นดำก็ดูน่ากลัว พอไม่ใส่สายตาก็ดูราวกับจะเผาเธอได้“คุณคงยังไม่ชิน แต่อีกหน่อย เดี๋ยวก็ชินไปเอง...เอ๊ะ!”เธออุทานเมื่อเรฟหักพวงมาลัยเลี้ยวขวา ทั้งที่ยังไม่ถึงแยกที่ต้องเลี้ยวจริงๆ นั่นทำให้ชินานางตระหนกขึ้นมา กลัวว่าเขาจะโมโหเธอจนอยาก

  • ลวงเงารัก   5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (2)

    ‘วันนี้ฉันไม่กลับบ้านนะ นายไปรับน้องนาที่โรงพยาบาลที่ไปส่งเมื่อเช้าด้วยแล้วกัน ฉันไม่อยากให้น้องกลับเอง แล้วนายก็จะได้ไม่หลง’คนที่นั่งจมกองเอกสารอยู่ในห้องรองประธานกรรมการ ถือโทรศัพท์นิ่งค้างอยู่เช่นนั้นตั้งแต่ตติยะวางสายไปอีกราวหนึ่งนาที จากนั้นจึงค่อยๆ ประมวลระบบการรับรู้ทางหูของตนว่าได้ยินคำสั่งที่ผิดไปหรือเปล่าบอกให้เขาไปรับน้องนอกไส้นั่นน่ะเหรอ หมอนั่นคิดได้ยังไงข้อแรกเขายังจำทางไม่ค่อยได้เลย ไม่รู้จะไปถูกหรือเปล่าด้วยซ้ำ ก็ถนนในกรุงเทพฯ ไม่ได้มีแค่สองเส้นนี่ แถมยังตรอกซอกซอยอีกล่ะ ยิ่งคนอ่อนการอ่านภาษาไทยอย่างเขาแล้วด้วยยิ่งไม่ต้องพูดถึงการดูป้าย มีดีอย่างเดียวตรงที่โรงพยาบาลนั้นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก เพราะเมื่อเช้าเขากับตติยะใช้เวลาจากที่นั่นมาถึงที่นี่แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นข้อสอง...ข้อนี้เป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นเลยก็คือเขาไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากอยู่ใกล้ หรือแม้แต่พูดคุยกับผู้หญิงคนนั้น คนที่แม่เขารักและทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูมากับมือ ลูกของคนที่มาแทนที่พ่อของเขา แม้ไม่ได้รังเกียจ แต่เขาก็คน จะให้ทำใจยอมรับกันง่ายๆ คงเป็นไปไม่ได้ชายหนุ่มคิดแล้วก็ถอนหายใจด้วยความเซ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status