ร่างสูงใหญ่เดินสำรวจไปรอบๆ รถ ดูทุกล้อว่ามีปัญหาที่ล้อใดบ้าง ร่างสูงก้มๆ เงยๆ หลายครั้งอย่างใช้ความคิด พลางยกมือหนาขึ้นเสยผมที่เปียกน้ำฝนปรกใบหน้าคมเข้มอยู่บ่อยครั้ง เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มที่เขาสวมอยู่ก็เปียกแนบกับร่างกำยำ
คิ้วเรียวได้รูปสวยของพยาบาลสาวขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจ เห็นชายหนุ่มตากฝนอย่างนั้นก็รู้สึกหงุดหงิด หลังจากได้สติหญิงสาวจึงนึกได้ว่าตนเองพกร่มคันเล็กใส่ไว้ในกระเป๋าด้วยเนื่องจากหน้านี้หน้าฝน หากเรฟก็ดูจะไม่ใส่ใจกับสิ่งอื่นใดนอกจากล้อรถ เธอจึงยิ่งเป็นกังวล...คนอะไรไม่รู้ สนใจรถมากกว่าตัวเองซะอีก เดี๋ยวก็ได้หวัดกินกันพอดี คิดได้ดังนั้นชินานางจึงหยิบร่มออกจากกระเป๋าแล้วก้าวลงจากรถพร้อมกับกางร่ม ก่อนจะเดินอ้อมไปหาคนที่กำลังหาอุปกรณ์อยู่ที่หลังรถ
พื้นถนนซึ่งเป็นทางเลี่ยงถนนใหญ่นั้นค่อนข้างเฉอะแฉะ และมีโคลนที่ทำให้หญิงสาวก้าวเดินอย่างยากลำบาก เธอค่อยๆ ย่องเข้าไปหาคนตัวสูงใหญ่ที่กำลังก้มหน้าก้มตารื้อค้นบางอย่างวุ่นวาย ชินานางคิดอยากช่วยชายหนุ่มจึงขยับเข้าไปใกล้แล้วชะโงกหน้าไปดู แต่จังหวะนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นพอดีทำให้คนทั้งคู่ไม่ทันตั้งตัวต่างก็ผงะถอยหลังด้วยความตกใจ
“เฮ้ย!” เรฟอุทานเพราะไม่คิดว่าหญิงสาวจะตามเขาลงมา
“ว้าย!” ร่างบางที่ผงะถอยหลังไปเหยียบลงตรงบริเวณที่ลื่นพอดี ทำให้หญิงสาวพยายามพยุงตัวเองไว้ไม่ให้ล้มด้วยการรีบก้าวเท้าอีกข้างไปข้างหน้า แต่กลับกลายเป็นว่าเท้าลื่นไถลทั้งสองข้างจนเท้าแยกออกจากกัน
ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็ผวาเข้าไปช่วยรั้งร่างอิ่มเอาไว้ แต่เขาเองก็เหยียบตรงพื้นที่ลื่นเช่นกันแรงที่ดึงตัวหญิงสาวมาด้วยส่งผลให้เขาหงายหลังลงนั่งก้นกระแทกพื้น ส่วนตัวเธอเองก็ทับลงมาที่เขาอีกในสภาพที่นั่งคร่อมลงบนตักพอดิบพอดี
ร่มคันเล็กร่วงหลุดจากมือของชินานางไปแล้วในตอนนี้ ทั้งเธอและเขาไม่รับรู้อะไรนอกจากการชะงักค้าง เพราะร่างกายที่สัมผัสกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งคู่สบตากันนิ่งแต่เพียงครู่เดียว แสงกะพริบแปลบปลาบ ตามด้วยเสียงฟ้าคำรามลั่นทำให้หญิงสาวรู้สึกตัว และรีบผุดลุกขึ้นมือคว้าเกาะท้ายรถเพื่อพยุงตัวเองให้ยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อหญิงสาวผละออกมาแล้ว เรฟจึงค่อยคลายอาการตกอยู่ในภวังค์ พอลุกขึ้นได้ก็ตวาดเธอเสียงลั่น
“ทำอะไรของคุณ!”
“ฉัน...ก็แค่อยากช่วย...”
“ใครขอไม่ทราบ” เขาพูดแบบไม่รักษาน้ำใจ
ชินานางที่ก้มหน้าหลบตาเขาตลอดเงยหน้าขึ้นมาในที่สุด หญิงสาวจ้องตาเขาวาววับ ริมฝีปากอิ่มที่เริ่มซีดเพราะการตากฝนเม้มแน่น แต่ไม่มีสิ่งใดเอื้อนเอ่ยออกมา จากนั้นเธอก็สะบัดหน้า หยิบร่มแล้วเดินขึ้นรถไป
เรฟมองตามร่างอิ่มสมส่วนในชุดขาวที่เปียกทั้งตัว แล้วหันกลับเมินหน้าหนีอย่างระงับอารมณ์บางอย่างที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าต้องสะกดกลั้นมันมากเพียงใด
นานกว่าครึ่งชั่วโมงต่อมาประตูด้านคนขับก็ถูกเปิดออก ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามานั่ง โดยที่อีกฝ่ายซึ่งกำลังคิดถึงบางอย่างอยู่ถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ เธอหันมองเขาโดยอัตโนมัติแล้วก็ต้องตาโต เมื่อเห็นว่าเขาถอดเสื้อโชว์แผงอกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามสวยงาม ซึ่งขณะนั้นชายหนุ่มกำลังเอื้อมแขนข้ามเบาะเพื่อโยนเสื้อเชิ้ตไปไว้ที่เบาะหลัง เขาจึงหันมาทางฝั่งของเธอเต็มๆ
ชินานางมองแล้วรีบหลบวูบ ความรู้สึกที่เพิ่งจะระงับให้หายเริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าขาวซีดร้อนผ่าวแดงซ่านขึ้นมาทันที ทั้งที่สองแขนโอบกอดร่างสั่นเทาเพราะความหนาวเหน็บของตัวเองไว้ แต่เมื่อเห็นเขาในสภาพนี้ก็ชวนให้เธอนึกคิดไปถึงตอนที่ล้มลงไปอยู่บนตักเขา ก็เธอโตมาจนป่านนี้ และยังเรียนมาทางด้านนี้อีกต่างหาก ทำไมจะไม่รู้ว่าภายใต้สะโพกของเธอนั้น มีบางสิ่งที่แสดงถึงความเป็นผู้ชายแท้อยู่ ซึ่งนี่เองก่อให้เกิดความรู้สึกประหลาดล้ำที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อนขึ้นภายในกาย
และเวลานี้ความรู้สึกนั้นมันก็ได้กลับมาเยือนหญิงสาวอีกครั้งแล้ว ชินานางรีบเบือนหน้าหลบกลัวเขาจะจับอารมณ์ของตนเองได้ แต่แล้วอยู่ๆ เธอก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อรับรู้ว่ามีเสื้อสูทวางคลุมมาที่ร่างของเธอ ความเอื้ออาทรและไออุ่นจากร่างหนาที่ขยับเข้ามาใกล้ทำให้หญิงสาวใจสะท้าน แต่ก็ยังก้มหน้าก้มตาอยู่เช่นเดิม ด้วยยังไม่กล้าสบสายตาคมของเขา เพราะยังกลัวอารมณ์วูบวาบที่วิ่งวนอยู่ในร่างตนเอง
“ขอบคุณค่ะ” เธอพึมพำเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน
เรฟไม่ตอบรับหรือเอ่ยสิ่งใดออกมา เขาสตาร์ทเครื่องแล้วขับออกไปตามเส้นทางที่เป็นทางเข้าบ้านสวนเรื่อยๆ
===================
จนกระทั่งเลยผ่านยามเฝ้าสวนมาแล้วภายในรถก็ยังเงียบกริบอยู่เช่นเดิม และในที่สุดก็มาถึงหน้าบ้านไม้หลังใหญ่ รถโฟร์วีลคันใหญ่จอดนิ่งสนิท สองชีวิตในนั้นยังนั่งนิ่งไม่ขยับ สักพักก็มีเสียงเคาะกระจกเรียกสติคนทั้งคู่ ชินานางรีบลนลานเปิดประตูลงไปเมื่อเห็นผู้ที่กางร่มยืนอยู่ข้างรถเป็นสองสาวมีอายุซึ่งคนหนึ่งเป็นใหญ่ที่สุดในบ้านนี้
“ยัยหนู มาแล้วเหรอลูก แม่รอตั้งนานแน่ะ พี่ตัวดีของเราเขากลับมาแล้วใช่ไหม หน็อยดูสิ พาน้องกลับซะค่ำมืดดึกดื่นทั้งที่ฟ้าฝนก็ตกหนักขนาดนี้ ทำเอาแม่ห่วงแทบแย่ แบบนี้ต้องจัดการสักหน่อยแล้ว...ไงยะพ่อตัวดี”
คุณป้าของตติยะลูบหัวลูบตัวลูกสาวคนโปรดอย่างเป็นห่วง ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มอีกคนซึ่งก้าวลงรถมาแล้วยืนนิ่งไม่ขยับ แต่เมื่อเห็นหน้าเขาชัดๆ คุณอรพิมก็ต้องชะงัก
“ไม่ใช่พี่ติวหรอกค่ะคุณแม่...นี่คุณเรฟ เป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่ติวค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยปากแนะนำ เธอรู้เพียงเท่านี้ตามที่ตติยะบอก และคิดว่าชายหนุ่มอาจจะเป็นญาติทางฝ่ายพ่อของพี่ชายเธอ
ชายหนุ่มคนเดียวในนั้นยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนด้วยสายตาและสีหน้านิ่งเฉย เหมือนไม่รู้สึกใดๆ ทั้งที่เขาไม่ได้ใส่เสื้อด้วยซ้ำ หญิงสาวยังแอบคิดว่าเขาไม่หนาวบ้างหรืออย่างไรที่ยืนตากฝนตัวเปลือยอย่างนั้น
“สวัสดีครับ...ผม เรฟฟอร์ด เบิร์กเล่ ครับ”
เขาบอกชื่อตัวเองด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมกับจ้องหน้าผู้ให้กำเนิดราวกับท้าทาย คุณอรพิมนิ่งงันไปเมื่อได้ยินชื่อของคนพูด ป้าจิตต์เองก็อุทานขึ้นมาเบาๆ แต่เพราะเสียงฝนและฟ้าร้องที่กำลังกระหน่ำอยู่ชินานางจึงไม่ทันสังเกตอะไร ชายหนุ่มยืนนิ่งชั่วอึดใจเมื่อเห็นว่าไม่มีใครคิดจะพูดอะไรเขาจึงเอ่ยขอตัว แล้วกลับขึ้นรถขับเลยไปยังบ้านหลังที่เป็นตัวตึกอย่างรวดเร็ว
=====
หลังเอื้อมทรายคลอดลูก ทั้งครอบครัวของตติยะก็ยังพักอยู่ต่อโดยไม่มีใครเดินทางกลับนอกจากแขก เพราะต่างก็เห่อหลานชายสองคนที่น่ารักน่าชังมากๆ แม้แต่คุณอานนท์กับคุณนิตยาเองก็ยังเฝ้าหลานทั้งสองคนไม่ห่าง ทิ้งงานที่โรงพยาบาลไปเลยทีเดียว เนื่องจากคุณนิตยาลงความเห็นว่าหลานตัวน้อยยังไม่แข็งแรงพอที่จะเดินทางไปโดนแดดโดนลมทะเลในตอนนี้ ก็เลยเพียงแค่พามาพักที่บ้านพักของตระกูลตติยะเพื่อความสะดวกสบาย และเสียงเด็กๆ จะได้ไม่รบกวนแขกของรีสอร์ต พวกเขาจึงพากันเกงานกันทั้งครอบครัว โดยคุณเจอเซ่สั่งงานผ่านทางวิดีโอคอลกับคนสนิทที่ไว้ใจได้ตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาเลยทีเดียวส่วนตัวตติยะนั้นเขาตั้งใจเอาไว้แล้วว่าหลังแต่งงานจะพักฮันนีมูนเป็นเดือนจึงไม่เดือดร้อน เนื่องจากเคลียร์และกับเลขาอย่างคุณวิชัยเรียบร้อย หากมีอะไรด่วนวิชัยคงติดต่อเขามาเอง ก็กว่าเขาจะได้แต่งงานคนอื่นก็นำโด่งไปไกลไม่เห็นฝุ่นแล้ว เพราะนับตั้งแต่คืนที่เขาต้องเสียเงินซื้อรถให้น้องทั้งสองคน เอื้อมธารก็ไม่ค่อยจะยอมให้เขาแตะต้องสักเท่าไร แถมก็งานยุ่งเนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงปรับโครงสร้างใหม่ นานๆ ครั้งถึงจะมีโอกาส ฉะนั้นพอแต่งงานตติยะจึงขอใช้เวลาส่วนตัวก
สองปีต่อมา...“แซนด์ไปไหน คุณหมอเห็นแซนด์หรือเปล่าคะ”ในงานเลี้ยงฉลองงานแต่งงานของลูกชายคนโตตระกูลเวลเลโอ ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งบนเกาะซึ่งเจ้าของงานเหมาทั้งรีสอร์ตเพื่อรับรองแขกนั้น ร่างบางของเจ้าสาวชุดสวยหรูราวเจ้าหญิงเดินไปทั่วทั้งบริเวณจัดงาน หลังจากส่งแขกเรียบร้อยแล้วด้วยใบหน้ากังวล เอื้อมธารถามหมอหนุ่มที่กำลังจะไปนั่งดื่มกับกลุ่มเพื่อนในมุมหนึ่งของรีสอร์ต ทำเอาชายหนุ่มชะงักหันมองอย่างงงๆ เพราะแทนที่จะถามหาเจ้าบ่าวแต่เจ้าสาวกลับถามหาพี่สาว“เปล่าครับ แล้วนี่ซีจะไปไหน น่าจะพักนะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”วิศรุตต์พูดโดยไม่ได้เอ่ยถึงเจ้าบ่าวที่เขาคิดว่ามันคงนั่งร่วมวงอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ เรียบร้อยแล้ว เพราะไม่อยากเป็นคนชี้โพรงให้กระรอกฤกษ์ส่งตัวนั้นมีไปตั้งแต่เมื่อวานที่กรุงเทพฯ เพราะทั้งสองคนแต่งงานที่บ้านสวนแบบเรียบง่าย รดน้ำทำบุญ มีเพียงแขกผู้ใหญ่และคนสนิทจริงๆ ส่วนงานเลี้ยงมาจัดที่เกาะ ซึ่งเป็นความต้องการของเจ้าบ่าวเจ้าสาวแต่ก็อำนวยความสะดวกให้กับแขกที่ได้รับเชิญทั้งไทยและเทศอย่างดี ฉะนั้นคู่บ่าวสาวจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตามฤกษ์ ส่วนบ้านพักของตระกูลนั้นตติยะให้ผู้ใหญ่ในครอบครัวของเ
เสียงหอบหายใจคละเคล้ากับเสียงเรียกชื่อเขา พร้อมปฏิกิริยาแสนซื่อจากร่างกายของหญิงสาวทำให้คนเจนสนามไหวร่างไม่นับครั้ง สายตาคมจ้องอกอวบสองข้างที่สะท้อนขึ้นลงไว้มั่น ทั้งแรงเสียดสีจากร่างอ่อนนุ่มก็ทำให้กายแข็งแกร่งร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนสูงลิบแตะเพดาน หัวใจหนุ่มเต้นระส่ำยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ชายหนุ่มเองก็ยิ่งส่งตัวเองเร็วชนิดลืมโลก เขาไม่เคยคลั่งแบบนี้มาก่อน ลืมไปด้วยซ้ำว่าคนใต้ร่างเขานั้นเพิ่งครั้งแรก เมื่อไม่สามารถรั้งตัวเองได้ตติยะก็วิ่งชนโครมเต็มตัวไม่ยั้ง กระทั่งร่างของคนทั้งสองสะท้านเยือกขึ้นพร้อมกัน ร่างสูงใหญ่เกร็งคำรามพร่าในลำคอดัง ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำบิดเหยเกแหงนเงยมองเพดานห้องเอื้อมธารที่กรีดร้องพร้อมตาเบิกโพลงมองภาพชายหนุ่มตรงหน้าด้วยหัวใจที่กระหน่ำแรงโลด รู้สึกรักเขาและภาคภูมิใจในตัวเองอย่างที่สุด หน้าตาท่าทางของอีกฝ่ายแม้จะเหมือนทรมานแสนสาหัสแต่เธอรู้เขาสุขสุดๆ เลยเชียวแหละ เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะเธอเองก็ไม่ต่างจากเขาเลยความรักกับเซ็กส์บางครั้งมันก็แยกกันไม่ออก เธอเพิ่งเข้าใจก็วันนี้เอง การได้มีความสุขกับคนที่รักนั้นคือเซ็กส์ที่สุดยอดจริงๆเมื่อปล่อยกายปล่อยใจตามอารมณ์ปรารถนาแล้วตต
ครึ่งชัวโมงผ่านไปร่างบางก็ออกมาจากห้องพร้อมผ้าขนหนูพันตัวเพราะไม่ได้ถือเสื้อผ้าเตรียมเข้าไป เธอทำใจกล้าก่อนจะมองดูว่าคนตัวสูงใหญ่อยู่ในห้องหรือไม่ เมื่อไม่เห็นก็รีบวิ่งพรวดไปที่ตู้ซึ่งเพิ่งจัดเสื้อผ้าเข้าไปค้นหาของอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าเขาไปไหน แต่ต้องรีบกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำก่อนที่ตติยะจะเข้ามาทว่าช้าไปแล้ว เพราะประตูห้องเปิดพรวดในขณะที่ร่างสูงในชุดกางเกงเลกับเสื้อแขนตัดฟิตเปรี๊ยะจนเห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดแข็งแกร่ง มือใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมก้าวเข้ามาในห้อง ชายหนุ่มชะงักมองคนร่างบางที่หันมามองเขาตาโต ส่วนหญิงสาวก็สะดุ้งตกใจจนเผลอปล่อยทุกอย่างในมือร่วงลงพื้นตาคมสีอ่อนมองร่างสวยตั้งแต่ใบหน้า ผมเปียกที่ถูกขมวดลวกๆ รุ่ยร่ายตกลงมาระลำคอระหง ไหล่บาง เนินอกอวบขาวนวลเนียนก่อนจะถูกผูกทับไว้ด้วยผ้าขนหนู สายตาเขาจึงไล่ลงล่างอย่างรวดเร็ว ขาขาวกลมกลึงที่โผล่จากผ้าผืนเล็กคลุมสะโพกอย่างหมิ่นเหม่ทำเอาชายหนุ่มกลืนน้ำลายเสียงดังชัดเจน คนที่สบตากับเขาถึงกับตัวสั่นเพราะแววกระหายฉายวาบโชติช่วงอย่างไม่ปิดบัง เอื้อมธารจึงเลี่ยงหลุบตาลงมองเสื้อผ้าแล้วย่อตัวลงหยิบ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้มีส่วนล่อแห
ขณะนั้นตติยะเริ่มขยับลุกขึ้นก้าวไปข้างหน้า ทว่าได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ล้มลงแล้วลุกขึ้นใหม่ มือหนายื่นไปข้างหน้าเพื่อควานหาคนร่างบาง หากก็ต้องล้มอีกครั้งเพราะความรีบร้อนลุยน้ำและมองไม่เห็น แต่ชายหนุ่มก็ยังฝืนลุกขึ้นก้าวเร็วๆ ขึ้นไปบนผืนทรายจนได้ เขาขยี้ตาที่ยังแสบแต่ก็ยังลืมตาไม่ขึ้นจึงได้แต่เดินสะเปะสะปะยื่นมือไปทั่ว“ซี คุณยังอยู่แถวนี้หรือเปล่า ผมเป็นห่วงคุณนะ ตอบผม ให้ผมได้ยินเสียงคุณหน่อย”หลังจากลืมตาขึ้นมาแล้วยืนมองคนที่ดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้ในการหาเธออยู่พักใหญ่จนแทบจะทนไม่ไหว มือบางก็ยื่นไปข้างหน้าช้าๆ หากก็ตัดใจลดมือลงในที่สุดและยืนนิ่งอย่างรอคอย ใจเต้นแรงลุ้นระทึกแทบจะกลั้นหายใจ ขอเวลาอีกนิดเดียว แค่นิดเดียวเท่านั้น‘ก้าวมาสิ มาหาฉัน’เอื้อมธารร้องเรียกอีกฝ่ายอยู่เพียงในใจ“คุณอยู่ที่นี่ใช่ไหมซี”ชายหนุ่มเคลื่อนไหวช้าลง พยายามจับทิศทางก่อนจะขยับไปด้านซ้ายมือเพียงสองก้าวแล้วคว้าหมับ ทำให้ร่างเย็นชื้นหากก็นุ่มนิ่มเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนเขาเต็มๆ ปากบางสวยก้มลงจูบข้างขมับเธอพร้อมกระซิบต่อว่าเบาๆ ทั้งที่ใจเขาแทบขาดรอน กลัวไปหมดทุกอย่าง“แกล้งผมทำไมฮึ คุณจะฆ่าผมหรือไง ทั้งที่รู้ว่าผมรักคุณ
“บอกอะไรคะ”ชินานางอดถามไม่ได้“ก็พี่ทิมบอกว่า ผู้ชายถ้าได้มีอะไรกับคนที่รักแล้วจะยิ่งรักมากขึ้น ให้ดูพี่เรฟเป็นตัวอย่าง เพราะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเวลาอยู่กับพี่นา แยมไม่ค่อยเชื่อ เพราะพี่เรฟเขาเย็นชา ชอบทำหน้าเฉยตลอด แต่แยมก็เห็นพี่เรฟมองตามพี่นาตลอดเหมือนกัน ตอนเราเล่นน้ำก็มอง แต่พอเห็นความน่ารักของพี่นาเวลาเขินอย่างนี้แยมเข้าใจเลยค่ะ แยมก็ชอบพี่นานะคะ”เอื้อมธารกับชินานางมองคนที่อธิบายเสียงใสแล้วก็มองหน้ากัน โดยชินานางเป็นฝ่ายเขินหลบไปก่อนขณะที่เอื้อมธารคิดตามคำพูดของสาวน้อย เธอเองก็เห็นด้วยเพราะรู้สึกได้ว่า เรฟแสดงออกว่าห่วงใยรักใคร่ชินานางมากกว่านิสัยปกติของเขา คล้ายกับแววตาที่อานินท์มองพี่สาวของเธอ แถมทั้งสองคนยังมีแผนจะแต่งงานกันในอีกหกเดือนข้างหน้า แต่เอื้อมทรายจะยังอยู่กับเธอโดยที่อานินท์ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยส่วนเมื่อคิดถึงแววตาและการเอาใจใส่ดูแลเธอของตติยะก็ไม่ได้น้อยไปกว่าใคร แถมเขายังดูจะตามใจเธอมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ ไม่ได้ทำให้เอื้อมธารรู้สึกน้อยหน้าใครๆ แต่อย่างใด“แล้วพี่เรฟ แบบว่ามีเซ็กส์กับพี่นาบ่อยไหมคะ”สาวน้อยจอมซักยังถามต่อ แม้ใบหน้าสวยของตัวเองจะแดงเรื่อขึ้น