Home / โรแมนติก / ลวงเงารัก / 5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (4)

Share

5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (4)

Author: rasita_suin
last update Huling Na-update: 2025-07-17 22:33:44

ร่างสูงใหญ่เดินสำรวจไปรอบๆ รถ ดูทุกล้อว่ามีปัญหาที่ล้อใดบ้าง ร่างสูงก้มๆ เงยๆ หลายครั้งอย่างใช้ความคิด พลางยกมือหนาขึ้นเสยผมที่เปียกน้ำฝนปรกใบหน้าคมเข้มอยู่บ่อยครั้ง เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มที่เขาสวมอยู่ก็เปียกแนบกับร่างกำยำ

คิ้วเรียวได้รูปสวยของพยาบาลสาวขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจ เห็นชายหนุ่มตากฝนอย่างนั้นก็รู้สึกหงุดหงิด หลังจากได้สติหญิงสาวจึงนึกได้ว่าตนเองพกร่มคันเล็กใส่ไว้ในกระเป๋าด้วยเนื่องจากหน้านี้หน้าฝน หากเรฟก็ดูจะไม่ใส่ใจกับสิ่งอื่นใดนอกจากล้อรถ เธอจึงยิ่งเป็นกังวล...คนอะไรไม่รู้ สนใจรถมากกว่าตัวเองซะอีก เดี๋ยวก็ได้หวัดกินกันพอดี คิดได้ดังนั้นชินานางจึงหยิบร่มออกจากกระเป๋าแล้วก้าวลงจากรถพร้อมกับกางร่ม ก่อนจะเดินอ้อมไปหาคนที่กำลังหาอุปกรณ์อยู่ที่หลังรถ

พื้นถนนซึ่งเป็นทางเลี่ยงถนนใหญ่นั้นค่อนข้างเฉอะแฉะ และมีโคลนที่ทำให้หญิงสาวก้าวเดินอย่างยากลำบาก เธอค่อยๆ ย่องเข้าไปหาคนตัวสูงใหญ่ที่กำลังก้มหน้าก้มตารื้อค้นบางอย่างวุ่นวาย ชินานางคิดอยากช่วยชายหนุ่มจึงขยับเข้าไปใกล้แล้วชะโงกหน้าไปดู แต่จังหวะนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นพอดีทำให้คนทั้งคู่ไม่ทันตั้งตัวต่างก็ผงะถอยหลังด้วยความตกใจ

“เฮ้ย!” เรฟอุทานเพราะไม่คิดว่าหญิงสาวจะตามเขาลงมา

“ว้าย!” ร่างบางที่ผงะถอยหลังไปเหยียบลงตรงบริเวณที่ลื่นพอดี ทำให้หญิงสาวพยายามพยุงตัวเองไว้ไม่ให้ล้มด้วยการรีบก้าวเท้าอีกข้างไปข้างหน้า แต่กลับกลายเป็นว่าเท้าลื่นไถลทั้งสองข้างจนเท้าแยกออกจากกัน

ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็ผวาเข้าไปช่วยรั้งร่างอิ่มเอาไว้ แต่เขาเองก็เหยียบตรงพื้นที่ลื่นเช่นกันแรงที่ดึงตัวหญิงสาวมาด้วยส่งผลให้เขาหงายหลังลงนั่งก้นกระแทกพื้น ส่วนตัวเธอเองก็ทับลงมาที่เขาอีกในสภาพที่นั่งคร่อมลงบนตักพอดิบพอดี

ร่มคันเล็กร่วงหลุดจากมือของชินานางไปแล้วในตอนนี้ ทั้งเธอและเขาไม่รับรู้อะไรนอกจากการชะงักค้าง เพราะร่างกายที่สัมผัสกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งคู่สบตากันนิ่งแต่เพียงครู่เดียว แสงกะพริบแปลบปลาบ ตามด้วยเสียงฟ้าคำรามลั่นทำให้หญิงสาวรู้สึกตัว และรีบผุดลุกขึ้นมือคว้าเกาะท้ายรถเพื่อพยุงตัวเองให้ยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว

เมื่อหญิงสาวผละออกมาแล้ว เรฟจึงค่อยคลายอาการตกอยู่ในภวังค์ พอลุกขึ้นได้ก็ตวาดเธอเสียงลั่น

“ทำอะไรของคุณ!”

“ฉัน...ก็แค่อยากช่วย...”

“ใครขอไม่ทราบ” เขาพูดแบบไม่รักษาน้ำใจ

ชินานางที่ก้มหน้าหลบตาเขาตลอดเงยหน้าขึ้นมาในที่สุด หญิงสาวจ้องตาเขาวาววับ ริมฝีปากอิ่มที่เริ่มซีดเพราะการตากฝนเม้มแน่น แต่ไม่มีสิ่งใดเอื้อนเอ่ยออกมา จากนั้นเธอก็สะบัดหน้า หยิบร่มแล้วเดินขึ้นรถไป

เรฟมองตามร่างอิ่มสมส่วนในชุดขาวที่เปียกทั้งตัว แล้วหันกลับเมินหน้าหนีอย่างระงับอารมณ์บางอย่างที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าต้องสะกดกลั้นมันมากเพียงใด

นานกว่าครึ่งชั่วโมงต่อมาประตูด้านคนขับก็ถูกเปิดออก ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามานั่ง โดยที่อีกฝ่ายซึ่งกำลังคิดถึงบางอย่างอยู่ถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ เธอหันมองเขาโดยอัตโนมัติแล้วก็ต้องตาโต เมื่อเห็นว่าเขาถอดเสื้อโชว์แผงอกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามสวยงาม ซึ่งขณะนั้นชายหนุ่มกำลังเอื้อมแขนข้ามเบาะเพื่อโยนเสื้อเชิ้ตไปไว้ที่เบาะหลัง เขาจึงหันมาทางฝั่งของเธอเต็มๆ

ชินานางมองแล้วรีบหลบวูบ ความรู้สึกที่เพิ่งจะระงับให้หายเริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าขาวซีดร้อนผ่าวแดงซ่านขึ้นมาทันที ทั้งที่สองแขนโอบกอดร่างสั่นเทาเพราะความหนาวเหน็บของตัวเองไว้ แต่เมื่อเห็นเขาในสภาพนี้ก็ชวนให้เธอนึกคิดไปถึงตอนที่ล้มลงไปอยู่บนตักเขา ก็เธอโตมาจนป่านนี้ และยังเรียนมาทางด้านนี้อีกต่างหาก ทำไมจะไม่รู้ว่าภายใต้สะโพกของเธอนั้น มีบางสิ่งที่แสดงถึงความเป็นผู้ชายแท้อยู่ ซึ่งนี่เองก่อให้เกิดความรู้สึกประหลาดล้ำที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อนขึ้นภายในกาย

และเวลานี้ความรู้สึกนั้นมันก็ได้กลับมาเยือนหญิงสาวอีกครั้งแล้ว ชินานางรีบเบือนหน้าหลบกลัวเขาจะจับอารมณ์ของตนเองได้ แต่แล้วอยู่ๆ เธอก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อรับรู้ว่ามีเสื้อสูทวางคลุมมาที่ร่างของเธอ ความเอื้ออาทรและไออุ่นจากร่างหนาที่ขยับเข้ามาใกล้ทำให้หญิงสาวใจสะท้าน แต่ก็ยังก้มหน้าก้มตาอยู่เช่นเดิม ด้วยยังไม่กล้าสบสายตาคมของเขา เพราะยังกลัวอารมณ์วูบวาบที่วิ่งวนอยู่ในร่างตนเอง

“ขอบคุณค่ะ” เธอพึมพำเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน

เรฟไม่ตอบรับหรือเอ่ยสิ่งใดออกมา เขาสตาร์ทเครื่องแล้วขับออกไปตามเส้นทางที่เป็นทางเข้าบ้านสวนเรื่อยๆ

===================

จนกระทั่งเลยผ่านยามเฝ้าสวนมาแล้วภายในรถก็ยังเงียบกริบอยู่เช่นเดิม และในที่สุดก็มาถึงหน้าบ้านไม้หลังใหญ่ รถโฟร์วีลคันใหญ่จอดนิ่งสนิท สองชีวิตในนั้นยังนั่งนิ่งไม่ขยับ สักพักก็มีเสียงเคาะกระจกเรียกสติคนทั้งคู่ ชินานางรีบลนลานเปิดประตูลงไปเมื่อเห็นผู้ที่กางร่มยืนอยู่ข้างรถเป็นสองสาวมีอายุซึ่งคนหนึ่งเป็นใหญ่ที่สุดในบ้านนี้

“ยัยหนู มาแล้วเหรอลูก แม่รอตั้งนานแน่ะ พี่ตัวดีของเราเขากลับมาแล้วใช่ไหม หน็อยดูสิ พาน้องกลับซะค่ำมืดดึกดื่นทั้งที่ฟ้าฝนก็ตกหนักขนาดนี้ ทำเอาแม่ห่วงแทบแย่ แบบนี้ต้องจัดการสักหน่อยแล้ว...ไงยะพ่อตัวดี”

คุณป้าของตติยะลูบหัวลูบตัวลูกสาวคนโปรดอย่างเป็นห่วง ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มอีกคนซึ่งก้าวลงรถมาแล้วยืนนิ่งไม่ขยับ แต่เมื่อเห็นหน้าเขาชัดๆ คุณอรพิมก็ต้องชะงัก

“ไม่ใช่พี่ติวหรอกค่ะคุณแม่...นี่คุณเรฟ เป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่ติวค่ะ”

หญิงสาวเอ่ยปากแนะนำ เธอรู้เพียงเท่านี้ตามที่ตติยะบอก และคิดว่าชายหนุ่มอาจจะเป็นญาติทางฝ่ายพ่อของพี่ชายเธอ

ชายหนุ่มคนเดียวในนั้นยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนด้วยสายตาและสีหน้านิ่งเฉย เหมือนไม่รู้สึกใดๆ ทั้งที่เขาไม่ได้ใส่เสื้อด้วยซ้ำ หญิงสาวยังแอบคิดว่าเขาไม่หนาวบ้างหรืออย่างไรที่ยืนตากฝนตัวเปลือยอย่างนั้น

“สวัสดีครับ...ผม เรฟฟอร์ด เบิร์กเล่ ครับ”

เขาบอกชื่อตัวเองด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมกับจ้องหน้าผู้ให้กำเนิดราวกับท้าทาย คุณอรพิมนิ่งงันไปเมื่อได้ยินชื่อของคนพูด ป้าจิตต์เองก็อุทานขึ้นมาเบาๆ แต่เพราะเสียงฝนและฟ้าร้องที่กำลังกระหน่ำอยู่ชินานางจึงไม่ทันสังเกตอะไร ชายหนุ่มยืนนิ่งชั่วอึดใจเมื่อเห็นว่าไม่มีใครคิดจะพูดอะไรเขาจึงเอ่ยขอตัว แล้วกลับขึ้นรถขับเลยไปยังบ้านหลังที่เป็นตัวตึกอย่างรวดเร็ว

=====

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ลวงเงารัก   6...การจราจรในช่วงสาย (3)

    หลังจากไม่ได้กลับบ้านสวนเมื่อคืนวานแล้วได้พูดคุยกับเรฟที่ทำงาน ทำให้ตติยะรู้ว่าคุณอรพิมผู้เป็นป้ากลับมาที่บ้านแล้ว แต่จากที่สังเกตอาการลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ไม่ค่อยจะยอมพูดถึงมารดาของตนเองเท่าไรนักเขาก็รู้ว่าทั้งสองน่าจะยังไม่ได้พูดคุยกันตามประสาแม่ลูกเป็นแน่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตติยะค่อนข้างเป็นห่วงมาก เขาอยากให้เรฟรู้จักกับความอบอุ่น ความเป็นครอบครัว และอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ชายหนุ่มจะได้ลดความแข็งกระด้างที่มีลงไปบ้าง เหนืออื่นใดตติยะอยากให้แม่กับลูกกลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิม แม้ว่าอาจจะไม่สามารถทำให้ทั้งสามคนอยู่ด้วยกันได้ แค่เรฟกับป้าอรพิมรักกันเข้าใจกันเขาก็ดีใจมากแล้ว ฉะนั้นตติยะจึงคิดว่าหากจะดึงเรฟเข้าไปหาแม่ของเขาให้มากขึ้น ตัวเขาเองนี่แหละที่จะต้องเป็นฝ่ายพาชายหนุ่มเดินเข้าไปเย็นวันนี้ตติยะกับเรฟไปรับชินานางกลับมาบ้านพร้อมกัน แม้ภายในรถจะมีการพูดคุยกันมาตลอดทาง ทว่าเรฟกับชินานางนั้นไม่ได้คุยหรือแม้แต่จะมองหน้ากันด้วยซ้ำ หญิงสาวนั่งอยู่เบาะหลังในขณะที่เรฟเป็นคนขับรถ ซึ่งชายหนุ่มก็ตั้งหน้าตั้งตาขับและโต้ตอบกับตติยะเท่านั้น ถึงบางครั้งจะมองกระจกหลังบ้าง หากเขาก็จะมองเผินๆ ไม่สนใจ

  • ลวงเงารัก   6...การจราจรในช่วงสาย (2)

    ร่างสูงใหญ่เดินตามหญิงสาวเข้ามาในร้านด้วยท่าทางสบายๆ หลังจากวนหาที่จอดรถจนได้แต่ก็ต้องเข้ามาจอดในซอยถัดมา แล้วเดินกลับมาที่ร้านอีกที ถึงแดดจะเริ่มร้อน เหงื่อซึมออกมาบนแผงอกและแผ่นหลังจนเปียกเสื้อเชิ้ตเนื้อดี แต่เขาก็ยังดูเฉยๆ ไม่ได้มีอาการหงุดหงิดแต่อย่างใด ทั้งที่ร้านนี้ก็เป็นร้านธรรมดาไม่มีแอร์และคนก็ค่อนข้างเยอะ เธอเหลือบตามามองเขาเล็กน้อยตติยะจึงยิ้มให้แล้วชี้ไปที่โต๊ะเล็กๆ สำหรับนั่งสองคนซึ่งว่างอยู่พอดี“นั่งตรงนั้นกัน”ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินนำไปก่อนแต่หญิงสาวกลับเดินเข้าไปหาพ่อครัวที่ยืนอยู่หน้าหม้อโจ๊ก สั่งแล้วจึงเดินตามเข้าไป ตติยะนั่งลงแล้วมองหาคนที่ควรจะเดินตามเขา เมื่อเห็นว่าต้องสั่งก่อนเข้ามานั่งก็มองคนที่นั่งลงฝั่งตรงข้ามอย่างเก้อๆ เพราะเขาคิดว่าจะมีคนมารับออเดอร์“ขอโทษนะ ทั้งที่ผู้ชายควรจะเป็นคนสั่ง”“คุณไม่รู้นี่”อีกฝ่ายยักไหล่อย่างไม่แคร์เท่าไร ตติยะเงียบไปขณะเพ่งมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาพร้อมกับครุ่นคิดแล้วก็ส่ายหน้าอยู่คนเดียว ขณะที่หญิงสาวมองไปรอบๆ ร้านก่อนจะหันกลับมามองชายหนุ่มซึ่งมีเหงื่อผุดออกมาจนเต็มหน้าผาก“เช็ดหน้าหน่อยไหม ดูเหมือนจะร้อนมาก” เธอบอกขณะมองหน้

  • ลวงเงารัก   6...การจราจรในช่วงสาย (1)

    การจราจรในช่วงสายของวันยังแน่นขนัดอยู่ ทั้งที่ตติยะออกมาจากคอนโดของภรวีได้ประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้วแต่เขายังอยู่ไม่ห่างจากแถวคอนโดของหญิงสาวนัก ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาสายกว่าตอนที่อยู่บ้านสวนเพราะกว่าจะได้หลับกันจริงๆ ทั้งเขาและภรวีก็เหนื่อยอ่อนจากกิจกรรมบนเตียงไปตามๆ กัน เนื่องจากหญิงสาวทำทุกอย่างเพื่อปลุกอารมณ์เขาอยู่ตลอด แม้จะปฏิเสธไปแล้วทว่าเมื่อถูกกระตุ้นคนอย่างตติยะก็ไม่เคยถอยอยู่แล้ว ชายหนุ่มรู้สึกสนุกกับสิ่งที่ภรวีมอบให้ แต่ก็เกิดความหน่ายแทรกขึ้นมาด้วยเหมือนกันเพราะเธอเรียกร้องจากเขามากจนเกินไป ถึงจะเคยมีเซ็กซ์ที่บ้าคลั่งกว่านี้กับสาวผมทองถึงสองคนพร้อมกัน แต่เขาชักไม่สนุกกับความต้องการของภรวีเสียแล้ว ตติยะอดคิดไม่ได้ว่าหากไม่ป้องกันตัวเองอย่างดี เมื่อคืนนี้อาจจะทำให้ภรวีท้องก็ได้ บางทีเขาอาจจะต้องเว้นระยะห่างกับเธอบ้าง เขารู้สึกอย่างนั้น หากภรวีไม่ยอมก็คงต้องพูดกันอย่างจริงจังว่าหากยังต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันคงอยู่ เธอก็ไม่ควรทำให้เขาเบื่อเสียก่อน ซึ่งเขาเชื่อว่าภรวีรู้และเข้าใจดีรถเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ทำให้คนขับเริ่มเบื่อ หลังจากเปิดเพลงฟังเพื่อผ่อนคลายความหงุดหงิดกับการจราจ

  • ลวงเงารัก   5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (4)

    ร่างสูงใหญ่เดินสำรวจไปรอบๆ รถ ดูทุกล้อว่ามีปัญหาที่ล้อใดบ้าง ร่างสูงก้มๆ เงยๆ หลายครั้งอย่างใช้ความคิด พลางยกมือหนาขึ้นเสยผมที่เปียกน้ำฝนปรกใบหน้าคมเข้มอยู่บ่อยครั้ง เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มที่เขาสวมอยู่ก็เปียกแนบกับร่างกำยำคิ้วเรียวได้รูปสวยของพยาบาลสาวขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจ เห็นชายหนุ่มตากฝนอย่างนั้นก็รู้สึกหงุดหงิด หลังจากได้สติหญิงสาวจึงนึกได้ว่าตนเองพกร่มคันเล็กใส่ไว้ในกระเป๋าด้วยเนื่องจากหน้านี้หน้าฝน หากเรฟก็ดูจะไม่ใส่ใจกับสิ่งอื่นใดนอกจากล้อรถ เธอจึงยิ่งเป็นกังวล...คนอะไรไม่รู้ สนใจรถมากกว่าตัวเองซะอีก เดี๋ยวก็ได้หวัดกินกันพอดี คิดได้ดังนั้นชินานางจึงหยิบร่มออกจากกระเป๋าแล้วก้าวลงจากรถพร้อมกับกางร่ม ก่อนจะเดินอ้อมไปหาคนที่กำลังหาอุปกรณ์อยู่ที่หลังรถพื้นถนนซึ่งเป็นทางเลี่ยงถนนใหญ่นั้นค่อนข้างเฉอะแฉะ และมีโคลนที่ทำให้หญิงสาวก้าวเดินอย่างยากลำบาก เธอค่อยๆ ย่องเข้าไปหาคนตัวสูงใหญ่ที่กำลังก้มหน้าก้มตารื้อค้นบางอย่างวุ่นวาย ชินานางคิดอยากช่วยชายหนุ่มจึงขยับเข้าไปใกล้แล้วชะโงกหน้าไปดู แต่จังหวะนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นพอดีทำให้คนทั้งคู่ไม่ทันตั้งตัวต่างก็ผงะถอยหลังด้วยความตกใจ“เฮ้ย!” เ

  • ลวงเงารัก   5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (3)

    ชินานางรู้สึกว่าบรรยากาศภายในรถโฟร์วีลคันใหญ่นี้ ดูอึมครึมไม่แพ้กับเมฆฝนทมึนที่ตั้งเค้าอยู่ภายนอก เพราะมีคนตัวโตนั่งหน้าบึ้งถมึงทึงและมุ่งมั่นกับการบังคับรถอย่างเดียวโดยไม่พูดไม่จา นอกจากเสียงแอร์แล้วเธอไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แม้กระทั่งลมหายใจของเขา‘ตายไปแล้วมั้งเนี่ย’หากเป็นอย่างที่หญิงสาวค่อนขอดอยู่ในใจจริง คุณ MIB คนนี้คงเป็นพวกมีความสามารถพิเศษที่ขับรถได้ทั้งที่ไม่หายใจ แต่ในเมื่อเธอยังไม่เห็นเขาบินได้เขาจึงยังดูธรรมดา และรถก็ยังเคลื่อนต่อไปเรื่อยๆ นั่นก็แสดงว่าเขายังมีชีวิตอยู่“ฝนตกอีกแล้ว...ดีนะที่พ้นเขตในเมืองมาแล้ว ไม่งั้นรถคงติดแย่ หน้าฝนก็งี้ ฝนตกรถติดเรื่องธรรมชาติ”ชินานางเปิดประเด็นเพื่อทำลายความเงียบ ทั้งที่ความจริงแล้วไม่อยากจะคุยกับเขาสักเท่าไรหรอก แต่ดูจากที่เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเขาแล้วมันรู้สึกขนลุกอย่างไรบอกไม่ถูก คนอะไรไม่รู้ใส่แว่นดำก็ดูน่ากลัว พอไม่ใส่สายตาก็ดูราวกับจะเผาเธอได้“คุณคงยังไม่ชิน แต่อีกหน่อย เดี๋ยวก็ชินไปเอง...เอ๊ะ!”เธออุทานเมื่อเรฟหักพวงมาลัยเลี้ยวขวา ทั้งที่ยังไม่ถึงแยกที่ต้องเลี้ยวจริงๆ นั่นทำให้ชินานางตระหนกขึ้นมา กลัวว่าเขาจะโมโหเธอจนอยาก

  • ลวงเงารัก   5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (2)

    ‘วันนี้ฉันไม่กลับบ้านนะ นายไปรับน้องนาที่โรงพยาบาลที่ไปส่งเมื่อเช้าด้วยแล้วกัน ฉันไม่อยากให้น้องกลับเอง แล้วนายก็จะได้ไม่หลง’คนที่นั่งจมกองเอกสารอยู่ในห้องรองประธานกรรมการ ถือโทรศัพท์นิ่งค้างอยู่เช่นนั้นตั้งแต่ตติยะวางสายไปอีกราวหนึ่งนาที จากนั้นจึงค่อยๆ ประมวลระบบการรับรู้ทางหูของตนว่าได้ยินคำสั่งที่ผิดไปหรือเปล่าบอกให้เขาไปรับน้องนอกไส้นั่นน่ะเหรอ หมอนั่นคิดได้ยังไงข้อแรกเขายังจำทางไม่ค่อยได้เลย ไม่รู้จะไปถูกหรือเปล่าด้วยซ้ำ ก็ถนนในกรุงเทพฯ ไม่ได้มีแค่สองเส้นนี่ แถมยังตรอกซอกซอยอีกล่ะ ยิ่งคนอ่อนการอ่านภาษาไทยอย่างเขาแล้วด้วยยิ่งไม่ต้องพูดถึงการดูป้าย มีดีอย่างเดียวตรงที่โรงพยาบาลนั้นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก เพราะเมื่อเช้าเขากับตติยะใช้เวลาจากที่นั่นมาถึงที่นี่แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นข้อสอง...ข้อนี้เป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นเลยก็คือเขาไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากอยู่ใกล้ หรือแม้แต่พูดคุยกับผู้หญิงคนนั้น คนที่แม่เขารักและทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูมากับมือ ลูกของคนที่มาแทนที่พ่อของเขา แม้ไม่ได้รังเกียจ แต่เขาก็คน จะให้ทำใจยอมรับกันง่ายๆ คงเป็นไปไม่ได้ชายหนุ่มคิดแล้วก็ถอนหายใจด้วยความเซ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status